ผมจะเป็นพระที่ดี ตอนที่ 21.2 เมตตา & หมาวัด
===================================== ประกาศ
ผมจะตีพิมพ์บทความชุดนี้เป็นหนังสือพ็อคเก๊ตบุ้คแล้วนะครับ โดยเ ป็นการตีพิมพ์เอง(โดยไม่ผ่านสำนักพิมพ์)แบบปริ๊นท์ออนดีมานด์ ทีแรกแม่ผมเค้าก็คิดว่าจะไว้พิมพ์แจกกันเองในหมู่ญาติๆ แต่เห็นมีคุณผู้อ่านสนใจถามไถ่กันมาหลายคน ผมเลยคิดว่าถ้างั้นก็ทำให้มันดีๆแล้วพิมพ์ขายเลยแล้วกัน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ บทความชุดนี้ผมเขียนขึ้นด้วยความตั้งใจจะเผยแพร่ธรรมะจริงๆไม่ได้หวังผลกำไร เพราะฉะนั้นรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์แล้วผมจะนำไปถวายวัดป่าอัมพวันที่ผมบวชกับไปบริจาคมูลนิธิครับ ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้น ผมคงต้องรบกวนให้คุณผู้อ่านช่วยโหวตกันอีกทีนึง ขณะนี้แฟนผมได้ทำการตรวจพรู๊ฟไปได้เยอะแล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานก็คงเสร็จและส่งให้ทางสำนักพิมพ์ประเมินราคาได้ ถึงตอนนั้นผมคงจะต้องขออณุญาตแจ้งให้คุณผู้อ่านเข้ามาจองกัน (อาจจะต้องรบกวนให้ช่วยเลือกแบบปกด้วย) จะได้รู้จำนวนคร่าวๆในการตีพิมพ์ อ้อ ใครไม่สนใจสั่งซื้อก็ไปไม่เป็นไรนะครับ จะปริ๊นท์ไปอ่านก็ได้ไม่ว่ากัน หรือจะอ่านเอาจากในบล๊อกผมเฉยๆก็ได้ ผมไม่หวงหรอกครับ แต่หากอยากจะช่วยสนับสนุนให้กำลังใจผู้เขียน ผมก็ขอกราบขอบพระคุณงามๆ เน่อ ^^ ========================================
NOTE : เนื่องจากตอนนี้เพิ่งเขียนขึ้นหลังจากที่เขียนตอนจบไปแล้ว ผมจึงไม่ได้เอาไปลงที่เว็บ Pantip นะครับ
================================= ผมจะเป็นพระที่ดี ตอนที่ 21.2 เมตตา & หมาวัด ================================= ครูบาแหล่มักจะสอนผมบ่อยๆว่า ให้หมั่นเจริญเมตตาเอาไว้ ท่านว่าสังสารวัฎนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลนัก พวกเราเองล้วนแล้วแต่เคยเวียนว่ายตายเกิดอยู่หลายกัปหลายกัลป์ โดยเราไม่มีทางรู้เลยว่า ใครหรือสัตว์อะไรก็ตามที่เราได้พบเจอในแต่ละวันนั้นอาจจะเคยเป็นญาติเรามาในชาติก่อนๆ ทุกก้าวย่างที่เดิน ท่านจะสอนให้เดินอย่างระมัดระวังตัว เพราะอาจจะไปเหยียบมดเหยียบแมลงตัวเล็กๆเข้าให้ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีบางตัวที่เคยเป็นพ่อเป็นแม่เรามาก่อนก็เป็นได้
แม้กระทั่งใครก็ตามที่ทำอะไรให้เราไม่พอใจ ชอบสร้างปัญหาหรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ครูบาท่านก็บอกให้หมั่นแผ่เมตตา และอโหสิกรรมให้เขา ท่านบอกว่าคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นครูของเราทั้งสิ้น เค้าสอนให้รู้ว่าหากเราทำตัวแบบนี้ จะได้ผลยังไง? คนอื่นจะคิดยังไงกับการกระทำของเรา? โดยที่เราไม่ต้องไปลองทำเองดูด้วยซ้ำ ท่านว่าหากคิดได้แบบนี้ ก็จะไม่ต้องไปคิดอาฆาตพยาบาทใคร เพราะเขาก็มีบุญคุณกับเราที่ได้สอนเรา แม้จะโดยทางอ้อมก็ตาม และไม่แน่ว่าที่เขามาทำแบบนี้กับเรา มันอาจจะเป็นวิบากกรรมที่เราเคยทำกับเขามาก่อนเมื่อชาติก่อนๆก็เป็นได้ หากเราคิดที่จะแก้แค้นเพื่อความสะใจมันก็จะเป็นการสานต่อบ่วงกรรมต่อไปอย่างไม่รู้จบ สู้เราแผ่เมตตาให้เค้าก็ไม่ได้
ง่ายซะยิ่งกว่าต้มมาม่ากินซะอีกครับ
เห็นมั้ยครับ? ว่าไฟพยาบาทอันคุกรุ่นร้อนแรง ..กลับดับลงได้อย่างง่ายดายเพราะ เมตตา
ผมเชื่อเลยครับที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
หลังจากนั้นมาผมก็หมั่นเจริญเมตตาอยู่บ่อยๆ พอได้ทำอะไรที่เป็นกุศลแม้จะเป็นเรื่องน้อยนิดอย่างเช่น กวาดลานวัด หรือ หลังจากที่ระลึกได้ว่าจิตเกิดสมาธิ หรือ เกิดปีติขณะเดินบิณทบาต (อันนี้ครูบาไก่ท่านบอกว่าเป็นสมถะ) ผมก็จะหมั่นแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายอยู่เสมอ ก็จะเห็นเลยครับว่าจิตเค้าจะสว่างปิ๊ง เกิดจิตที่เป็นกุศลขึ้นมา อ้า ช่างง่ายดายจริงๆครับ
และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า ตั้งแต่อยู่ที่วัดมา แม้จะต้องอยู่กลางป่าเขา ได้ประสบพบเจอกับสัตว์แมลงมีพิษทั้งหลายมาก็มาก แต่ก็ไม่เคยถูกกัดถูกทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆจังๆซะที จะมีก็แต่ยุงกัดจนตัวลายไปหมด กับเห็บหมูป่าที่ฝากรอยเขี้ยวฝังเอาไว้ที่ไหล่จนบวมแดงไปหลายวัน (แต่ก็ไม่ได้เจ็บแสบอะไรนะครับ แค่คันอย่างเดียว)
พอพูดถึงเรื่องเมตตาแล้ว ก็มีเรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังครับ
เป็นเรื่องของหมาวัดที่มีชื่อว่าเจ้าดำ
เจ้าลิ้นดำ หรือ เจ้าดำนี่เป็นหนึ่งในแก๊งหมาวัดที่มีอยู่ไม่กี่ตัวที่วัดนี้ หน้าตาก็เหมือนหมาวัดที่พบเจอได้ดาษดื่นตามวัดวาอารามทั่วไทย
ทุกๆวันเจ้านี่จะมารอกินข้าวก้นบาตรพระ พร้อมกับสหายตัวอื่นๆ แต่เจ้านี่เค้าจะค่อนข้างเรียบร้อยกว่าตัวอื่นสักหน่อย ไม่ตะกละตะกรามเหมือนเจ้าแดงแฟนมัน ครั้งหนึ่งผมก็เคยเอาอาหารเหลือจากบาตรเทให้มันเหมือนกัน ซึ่งมันก็กินอย่างไม่เหลือหลอ ผมเองก็ไม่ลืมแผ่เมตตาให้มันไปด้วย
หลังจากวันนั้น บางทีพอผมเจอมันผมก็ทักมันบ้าง มันก็จะวิ่งมาหาใกล้ๆ เหมือนอยากจะเล่นด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ลูบหัวมัน เนื่องจากเกรงว่าจะผิดวินัย (มีอยู่ข้อหนึ่งห้ามให้พระแตะต้องสัตว์ตัวเมีย) ก็ได้แต่แผ่เมตตาให้มันไป
แล้ววันหนึ่งพอผมออกเดินบิณทบาตตอนรุ่งเช้า จู่ๆมันก็เดินตามมาซะงั้น
มันวิ่งนำหน้าบ้าง ตามหลังบ้าง ไปเรื่อย แรกๆผมก็นึกว่ามันคงอยากจะออกมาเที่ยวเล่นตามประสา แต่พอผมเดินออกไปได้ไกล ก็ยังคงเห็นมันเดินเลียบๆเคียงๆผมมาอยู่ บางทีก็วิ่งนำหน้าไปดมนู่นดมนี่ บางทีก็รอให้ผมเดินไปได้ซักพักแล้วก็เดินตามมา ผมเห็นว่ามันชักจะมาไกลจากวัดมากแล้ว กลัวมันจะถูกรถชน หรือไม่ก็หมาเจ้าถิ่นแถบอื่นกัด ผมเลยหันไปพูดกับมันว่า
ดำเอ้ย ไม่ต้องตามมาหรอก เดี๋ยวก็กลับแล้ว
ไม่รู้ว่ามันฟังไม่ออกหรือมันดื้อก็ไม่รู้ แต่พอพูดจบมันก็ยังคงเดินตามมาอยู่ดี ผมก็เลยบอกมันไปอีกครั้ง แต่มันก็ยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ จะเดินนำมันกลับไปวัดมันก็ยังไงๆอยู่ ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน
เดินไปได้หน่อยก็เจอถิ่นบ้านคน ผมกำลังจะเดินผ่านไป ก็เห็นมีหมาสามสี่ตัววิ่งมารุมเห่าเจ้าดำ ผมก็นึกแผ่เมตตาให้เจ้าดำและหมาเหล่านั้นพร้อมกับภาวนาไม่ให้มันกัดเจ้าดำเลย กลัวมันจะต้องบาดเจ็บเป็นอะไรเพราะตามผมมาถึงนี่ แต่เจ้าดำเค้าดูไม่กลัวเลยครับ กลับขู่เสียงแฮ่สู้ซะอีก ขนาดสี่รุมหนึ่ง แถมมันยังเป็นหมาตัวเมียอีกต่างหาก ไม่นานนักเจ้าหมาหมู่พวกนั้นก็ยอมให้เดินผ่านไป ซึ่งมันก็วิ่งตามผมมาต้อยๆ ผมล่ะนับถือใจเจ้าดำเค้าเลยจริงๆ
เจ้าดำเค้าตามผมไปเรื่อยตั้งแต่ออกบิณทบาตจนกลับเข้าวัด ขนาดไปรับบิณทบาตที่บ้านโยมที่มีหมาเยอะๆมันก็ยังตามมาอีก (ครูบาชัยแซวว่า ชาวบ้านที่ใส่บาตรคงจะงงที่เห็นหมาเดินตาม แถมหมากับพระสีเดียวกันอีกต่างหาก ) แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ตอนค่ำๆเค้าก็จะมานอนรอผมที่ลานม้าหินข้างศาลาการเปรียญรอผมทำวัดเย็นเสร็จมันก็จะเดินตามไปส่งผมที่กุฏิทางฟากนู้นเกือบทุกคืน ช่วงไหนที่ทางเดินมืดๆที่ไฟฉายส่องไม่ถึง เค้าก็จะวิ่งนำหน้าไปก่อน เหมือนว่าจะคอยดูแลความปลอดภัยให้ รอให้ผมเดินผ่านไปแล้วค่อยเดินตามมา ครูบาจิตวีโรเล่าให้ฟังว่าบางทีมันก็ตามท่านไปนอนใต้กุฏิของท่านเหมือนกัน
ที่แปลกก็คือ พอผมสึกแล้วกลับไปที่วัดแล้วไปหามันใหม่ มันกลับทำเหมือนไม่รู้จักซะงั้น
. ทั้งๆที่ก็น่าจะจำกลิ่นได้แท้ๆเออ ก็แปลกดีนะครับ??
Create Date : 18 ตุลาคม 2553 |
| |
|
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 9:11:17 น. |
| |
Counter : 700 Pageviews. |
| |
|
|