คีย์บอร์ดต่างกระบี่.........ร่ายวจีสยบวายุ
 
ผมจะเป็นพระที่ดี ตอนที่6 ก้าวแรกสู่วัดป่า 3 : อุปัฏฐากครูบาอาจารย์

ตอนที่6 ก้าวแรกสู่วัดป่า 3 : อุปัฏฐากครูบาอาจารย์
==================================

เนื่องจากวันพรุ่งนี้ทางวัดจะมีกฐินใหญ่ จึงมีครูบาอาจารย์วัดป่าหลายท่านแวะมาที่นี่ ซึ่งครูบาอาจารย์เหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับมหาเถระกันแล้วทั้งนั้น เช่น หลวงปู่เลี่ยม(เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพงสาขาใหญ่) , หลวงพ่อคำเขียน (เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต) ,หลวงพ่อเกวลี (พระฝรั่ง เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ) …. แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก(รวมทั้งผมในตอนนั้นด้วย) นั่นก็เพราะพระป่านั้มักจะชอบปลีกวิเวก ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครซักเท่าไหร่

ช่วงบ่ายวันนั้นพวกเรา(หมายถึงเหล่าพระที่วัด) จึงง่วนอยู่กับการทำความสะอาดปัดกวาดโบสถ์ และจัดอาสนะเพื่อไว้เตรียมต้อนรับครูบาอาจารย์ซึ่งจะมาเทศน์ให้ญาติโยมฟังในค่ำคืนนี้ ส่วนญาติโยมก็ช่วยๆกันทำความสะอาดรอบวัดเช่นกัน
พอทำความสะอาดโบสถ์เสร็จ….อาจารย์ท่านหนึ่งบอกให้ไปพักกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาเจอกันอีกทีตอน 3 โมง จะไปทำความสะอาดเรือนไทยหลังใหม่ซึ่งจะใช้เป็นเรือนรับรองครูบาอาจารย์กัน ……….ระหว่างนั้นผมก็เลยได้มีโอกาสทำความรู้จักกับครูบาบิวและครูบาฝรั่ง

… ครูบาบิวนั้นเป็นพระบวชใหม่เช่นกัน บวชก่อนผมประมาณเดือนเดียวเอง….ท่านบวชที่วัดที่กรุงเทพแล้วขอย้ายมาอยู่ที่วัดนี้เช่นเดียวกับผม ด้วยเหตุว่าเพื่อนของท่านที่เคยบวชวัดนี้มาก่อนแนะนำ(อย่างแรง) ส่วนพระฝรั่งนั้น มีชื่อบาลีไพเราะว่า ..จิตตวีโร (…ซึ่งก็เล่นเอานานเหมือนกันกว่าผมจะจำชื่อท่านได้) ท่านเป็นชาวเยอรมันที่สนใจในพุทธศาสนาและศรัทธาในหลวงปู่ชามาก จึงอุตส่าห์รอนแรมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาบวชที่วัดป่านานาชาติ(โดยพระอาจารย์สุเมโธ เป็นพระอุปัชชา) ซึ่งกว่าจะได้บวชก็ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องเป็นผ้าขาวสามเดือนและเป็นเณรอีก1ปีเต็มๆ

พอบ่ายสามโมง พระทั้งหลายก็ทยอยกันมาช่วยกันทำความสะอาดเรือนไทยหลังใหม่ (ผมเองก็เดินหลงทางผิดๆถูกๆอยู่ซักพักกว่าจะมาถึง) …..เรือนไทยหลังนี้สวยงามและร่มเย็นมากครับ (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงภาพเรือนไทยที่เอาไว้ถ่ายละครย้อนยุคอะครับ) ขนาดตอนบ่ายๆแดดร้อนเปรี้ยงๆ ก็ยังมีลมพัดผ่านให้เย็นสบายขณะทำงานเสมอ ผมนั้นได้มีโอกาสได้เข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของครูบาอาจารย์ มีเสื่อสาดจัดเรียงกันไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย (พระจะไม่นอนเตียงกันครับ) …ได้เห็นการจัดผังส่วนต่างๆของเรือน ที่แสนจะดูเรียบง่าย ทว่ากลับใช้ ’ที่ว่าง’ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด รวมไปถึงภูมิปัญญาที่แฝงไว้กับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของบ้าน …ก็ทำเอาผมรู้สึกทึ่งในความช่างคิดของคนสมัยก่อนจริงๆครับ

เราแบ่งงานกันทำ คนละไม้คนละมือ …ไม่นานนักก็เสร็จ …ก็เลยมาช่วยกันจัดอาสนะ(ที่นั่ง)เอาไว้รับรองครูบาอาจารย์ต่อโดยทำการปูเสื่อยาวทีละแถวที่ลานโล่งชั้นล่างของเรือนไทย จากนั้นก็ปูอาสนะ แล้วจัดกระโถน ถ้วยชา แก้วน้ำ ขวดน้ำ กระบอกทิชชู่ ไว้สำหรับครูบาอาจารย์แต่ละท่าน เรียงกันไปตามแนวเสื่อ โดยเว้นระยะไม่ให้ชิดกันมาก ท่านจะได้นั่งสบายๆ
กว่าจะจัดเสร็จก็ประมาณ 4 โมงกว่าๆ ก็ได้เวลาฉันน้ำปานะพอดี จริงๆต้องสี่โมงครึ่ง…..แต่ว่าวันนี้ต้องรีบฉันกันก่อนเพราะเดี๋ยวครูบาอาจารย์จะมาถึงแล้ว จะต้องอุปัฏฐากรับใช้ท่าน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าปานะคืออะไร ..ปานะก็คือน้ำที่คั้นมาจากผลไม้ ลูกไม้ ที่ผลมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าผลมะตูม (เพราะฉะนั้น น้ำแตงโม น้ำขนุน น้ำทุเรียน…ฉันไม่ได้นะเอ้อ <ว่าแต่ใครจะไปกินน้ำทุเรียนฟะ!!> ) ซึ่งน้ำพวกนี้สามารถฉันได้หลังเพล รวมไปถึงสิ่งที่กำหนดไว้ว่าเป็น ”เภสัช” เพื่อเสริมแร่ธาตุให้ร่างกาย ( เนื่องจากพระป่าฉันมื้อเดียวจึงอาจได้รับสารอาหารบางอย่างไม่พอเพียง) เช่น เนยใส เนยเหลว มะขามป้อม สมอ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เป็นต้น
สำหรับปานะที่เตรียมไว้รับรองครูบาอาจารย์ อาจจะค่อนข้างพิเศษนิดนึง เนื่องจากท่านเดินทางไกลมาเหนื่อยๆ …จะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง (ซึ่งก็ได้มาจากญาติโยมนั่นแหละ ) เช่น น้ำผลไม้คั้นสดที่ญาติโยมคั้นมาถวาย และ แบบสำเร็จรูป (อันนี้มีหลากชนิดมาก เลือกกันไม่หวั่นไม่ไหว) มะขามป้อมแช่อิ่ม ลูกสมอ ช็อกโกแล็ตแท้ๆที่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่ พวกขนมเยลลี่เม็ดเล็กๆ(เจเล่) ชีสแผ่น และที่พิเศษที่สุดคือ ชีสที่เอาไปอบเป็นแผ่นกลมๆซึ่งโยมยายคนหนึ่งทำมาถวาย ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรเหมือนกัน …. บางคนอาจจะคิดว่า เอ๊ แล้วมันพิเศษตรงไหน…….. ก็นี่แหละ ถือว่าพิเศษมากแล้วครับสำหรับพระป่าผู้มีชีวิตอยู่แบบสมถะ
พวกเราได้รับอนุญาติ ให้ฉันปานะสำหรับรองรับครูบาอาจารย์ได้ตามสะดวก …ครูบาท่านหนึ่งบอกว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ปกติไม่มีแบบนี้หรอก (ปกติจะมีแค่น้ำผลไม้ 2-3อย่าง) ผมก็เลยเลือกฉันนู่นฉันนี่ได้ตามใจ แต่ก็พยายามฉันแต่พอดีไม่ตามใจกิเลสมากจนเกินไปเดี๋ยวจะเคยตัว อ้อ แต่อยากจะบอกว่า ไอ้ชีสอบแผ่นกลมที่โยมยายเอามาถวายนั่นน่ะ อร่อยจริงๆครับ …..เกือบจะหลงไปตักเพิ่มหลายทีเหมือนกัน ดีที่ยั้งไว้ทัน
อีกไม่นานครูบาอาจารย์ก็จะมาถึง ดูครูบาจิตวีโร(พระฝรั่ง)ท่านจะตื่นเต้นมากที่สุด แกผุดลุกผุดนั่ง ถามแล้วถามอีกอยู่นั่นว่า เมื่อไหร่ครูบาอาจารย์ท่านจะมา (แถมบอกให้ทุกคนเตรียมครองจีวรไว้เลย) พอมีเสียงรถอะไรดังขึ้นมาหน่อยก็แกก็รีบไปดู……..แกทำให้ให้ผมพลอยตื่นเต้นไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้อุปฐากครูบาอาจารย์เลยนะเนี่ย แถมไม่ใช่แค่รูปเดียวนะครับ….เป็นสิบ!!
ประมาณ 5 โมงกว่าๆ….รถตู้ก็นำครูบาอาจารย์มาถึง พวกเราจัดแบ่งหน้าที่กันทำ มีแผนกเสริฟ แผนกจัดสำรับ แผนกชงชากาแฟ และแผนกล้างจาน ….ผมอาสาเป็นแผนกเสริฟครับ หน้าที่ก็คือ พอครูบาอาจารย์มานั่งที่อาสนะครบทุกคน ผมก็ค่อยๆยกถาดที่ใส่ขนมและน้ำไปให้ท่านทีละคนแล้วก็ถามท่านว่าอยากฉันน้ำอะไร จากนั้นก็ไปบอกแผนกจัดสำรับเค้าจัดมาให้แล้วก็เอามาเสริฟให้อีกรอบ แล้วก็คอยดูว่าท่านไหนอยากได้อะไรเพิ่มอีก …แค่นี้แหละครับ…….จริงๆมันเหมือนจะง่ายใช่มั้ยครับแต่ ใครจะไปรู้ว่าไอ้การคลานเข่าในชุดจีวรโดยมีกาแฟร้อนๆอยู่บนถาดสองมือนี่มันยากลำบากขนาดไหน ….พอคลานๆไปซักพัก จีวรผมมั๊นก็พาลจะหลุดให้ได้ทุกทีสิน่า (อันนี้คนเคยเป็นพระใหม่คงเข้าใจหัวอกผมดี)ต้องค่อยๆคลานช้าๆ เวลาจะไปเสริฟหลวงพ่อรูปไกลๆ ต้องเดินผ่านรูปอื่นก็ต้องพยายามก้มให้ต่ำที่สุด ไหนจะต้องคอยประคองถาดชากาแฟร้อนๆในมือไม่ให้หก ไหนจะต้องเดินระวังอย่าให้สะดุดจีวรตัวเองหัวทิ่มหัวตำไปอีก ….แถมยังจะต้องจำว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนอยากได้อะไรเพิ่มอีก ซึงอันนี้ถือว่ายากที่สุดแล้วสำหรับผม เพราะเวลามีคนสั่งให้เอาไอ้นี่ไปให้หลวงพ่อชื่อนั้น….ผมก็จะเกิดอาการงงเต้กขึ้นมาทันที เพราะจำชื่อไม่ได้หมด (อยากจะบอกว่า ตอนแรกไม่รู้จักซักคนเลยเหอะ) ก็เสริฟผิด เสริฟถูก มั่วนิ่มกันไป

ครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตานะครับ….เห็นเดินผมทะเล่อทะล่า ทำกาแฟกระฉอกบ้าง จีวรยาวระพื้นบ้าง ลูกบวบ(ผ้าส่วนที่ม้วนไว้พาดบ่า)หลุดบ้าง ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร บางท่านก็พูดคุยกับผม ถามว่าเพิ่งบวชใหม่เหรอ(ท่านคงสังเกตุจากท่าทางอันเซ่อซ่าของผม) ….บวชกี่วัน … เออดีๆ ขอให้ตั้งใจปฏิบัตินะ
โอ…ผมงี้ซาบซึ้งจริงๆครับ จากที่เหนื่อยๆอยู่ หายวับไปเลยครับ
ซักพักหนึ่งรถตู้คันที่สองก็พาครูบาอาจารย์ที่เหลือมาสมทบ …. พวกเราก็อุปัฏฐากรับใช้ท่านจนเสร็จทุกรูปอะครับ จากนั้นก็ช่วยกันยกกระเป๋าเดินทาง (เป็นพระก็ต้องใช้เหมือนกันเน่อ) ของท่านไปวางเก็บเข้าที่ …ผมสังเกตุเห็นครูบารูปอื่น(โดยเฉพาะครูบาฝรั่ง ท่านดูคล่องมาก)จะคอยตามประกบรับใช้ท่านตลอด ถือของ ถือย่ามให้ นำทางท่านไปห้องน้ำ บ้างก็ช่วยท่านครองจีวรด้วย ซึ่งผมก็คอยดูและจำเอาไว้ จะได้ไปปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ได้ถูก (ยกเว้นช่วยครองจีวร เพราะขนาดของตัวเองยังจะไม่รอดเลย)
ค่ำวันนั้นจะมีครูบาอาจารย์จะขึ้นเทศน์ให้ญาติโยมฟัง ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวัดนี้ทุกคืนวันพระ (ครูบาท่านหนึ่งบอกผมว่า วัดนี้ไม่มีการจัดมหรสพงานวัด มีแต่ฟังเทศน์แทน) แต่วันนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่จะมีครูบาอาจารย์หลายรูป(แล้วแต่ละรูปนี่…ระดับมหาเถระทั้งนั้น) ไปเทศน์ให้ฟัง ถือเป็นศิริมงคลแกญาติโยมสาธุชน(รวมถึงผมด้วย)เป็นอย่างยิ่ง
หลังจากผมเสร็จธุระเรียบร้อยแล้ว ..ก็เดินออกมาดู เผื่อว่าจะได้ช่วยอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ท่านใดได้บ้าง ก็ไปเจอหลวงพ่อท่านหนึ่งกำลังยกย่ามขึ้นสะพาย ผมเลยขอโอกาสอุปฐากรับใช้ท่าน ช่วยท่านสะพายย่ามและถามท่านว่าจะไปไหน ท่านตอบว่าจะไปเทศน์ที่โบสถ์ …ผมก็เลยอาสาจะนำทางท่านไป ซึ่งจริงๆตอนนั้นผมก็ยังพอจำทางได้คลับคล้ายคลับคลา …..แต่ก็ไม่แม่นนัก (อ้าว??)

ช่วงนั้นเป็นเวลาค่ำ พระอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปหมาดๆ ความจริงมันก็ยังไม่น่าจะมืดนักหรอก …แต่ที่นี่มันป่านะเอ้อ …มันก็เลยมืดไปเลยซะงั้น ไอ้ผมก็ไม่มีไฟฉายซะด้วยสิ ……….ตายล่ะวา ไฟฉายก็ไม่มี …ทางก็ยังจำได้ไม่แม่นโอ้…..แล้วผมจะนำท่านไปอีท่าไหน??…………ยังไง??……….ก็ต้องโปรดติดตามตอนต่อไป………..(ซะงั้น??)


ปล.ไม่ได้ตั้งใจจะยืดเยื้อนะครับ แต่เห็นว่ายังมีรายละเอียดอีกพอสมควร เกรงว่าถ้าเอาให้จบตอนนี้มันจะยาวไปเน่อ



Create Date : 12 สิงหาคม 2553
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 11:50:00 น. 0 comments
Counter : 525 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ซงย้ง
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จอมยุทธพเนจร ...ผู้มีมิตรแท้คือจันทราและราตรี
[Add ซงย้ง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com