เหตุที่เลือกหรือไม่เลือกคุณอภิสิทธิ์
คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติเตียน
ท่านๆคงเห็นด้วยว่าเป็นบทกลอนที่เขียนได้คล้องจองและให้คำจำกัดความของคนแต่ละประเภทได้อย่างใกล้เคียงความเป็นจริง แต่คนประเภทที่ผมอยากเน้นและกล่าวถึงในที่นี้ก็คือ คนดี ซึ่งเป็นคำที่มีการนำมากล่าวอ้างกันอย่างมากมายในปัจจุบัน จากผู้คนทุกวงการสังคม โดยเฉพาะนักการเมืองที่ปวารณาตัวเองกันทั่วหน้ามากน้อยตามแต่โอกาสของท่าน
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามวงการเมืองในฐานะผู้ที่มีสิทธิ์มีเสียงและมีความสนใจในชะตากรรมของประเทศตั้งแต่ก่อนที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้งด้วยซ้ำไป ผมจึงได้เห็นความเป็นไปของบ้านเมืองมาพอสมควรในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ผมพิจารณาที่จะเลือกคุณอภิสิทธิ์ หรือพรรคของท่าน แต่ก็ยังคงลังเลและในที่สุดเมื่อผมพิจารณาตัดสินใจครั้งสุดท้ายและนึกถึงบทกลอนที่ผมท่องจำมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมปลายดังกล่าวข้างต้น ผมก็ตัดสินใจในที่สุดว่าผมไม่ควรลงคะแนนให้คุณอภิสิทธิ์ และพรรคของท่าน ด้วยเหตุผลว่า คุณอภิสิทธิ์ ไม่ควรถูกจัดได้ว่าเป็นคนดีอย่างแท้จริง (แต่ก็ยอมรับได้ว่าท่านเป็นคนดีตามการกล่าวอ้างได้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ) ด้วยเหตุผลจากวิธีการที่คุณอภิสิทธ์และพรรคปฏิบัติในช่วงเวลาที่ผ่านมากว่าหนึ่งปี ซึ่งสัมปัญชัญญะก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุที่ก่อให้เกิดความเสียหายให้กับประเทศชาติ จากการที่ไม่ส่งผู้แทนลงสมัครเลือกตั้งในปี 49 ทั้งยังมักกล่าวหาคู่แข่งทางการเมืองด้วยมุมมองที่เข้าข้างตัวเองในการให้เหตุผลจากการที่ทหารก่อการปฏิวัติ และเรื่องราวต่างๆที่คนและกลุ่มคนที่สร้างผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดอภิสิทธิ์ทางการเมืองแก่คุณอภิสิทธิ์ ที่มีส่วนสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ก็ไม่เคยเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ จะนำมากล่าววิจารณ์เพื่อใช้เป็นบทเรียนสำหรับปรับปรุงและแก้ไขให้ผมเชื่อได้ว่าคุณอภิสิทธิ์คือ คนดี อย่างที่กล่าวอ้างตามคำจำกัดความง่ายๆว่าคนดีอย่างน้อยก็ต้องยอมรับสิ่งที่ทำ และถ้าสิ่งที่ทำนั้นผิด ก็ต้องมุ่งมั่นที่จะแก้ไข ไม่ใช่เพียงแต่แก้ตัวไปเรื่อยๆ ดังนั้นผมจึงไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ผมเห็นว่าควรเลือกคุณอภิสิทธิ์ทั้งๆที่อยากที่จะให้โอกาส
ด้วยบทความสั้นๆนี้ ผมอยากจะสื่อให้เราช่วยกันค้นหาความเป็นไปของสังคมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสมด้วยการยอมรับความจริง ยอมรับความความถูกผิดอย่างสมเหตุสมผล ด้วยการแก้ไขสิ่งผิดและรักษาสิ่งที่ถูกต้องให้เป็นไปตามกลไกของตัวมันเอง แนวทางหนึ่งที่ผมขอเสนอในที่นี้ก็คือ การสร้างมิติใหม่ทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งผมเชื่อว่าพวกเราหลายฝ่ายต่างก็มีความรู้สึกในลักษณะที่คล้ายกันนี้ กล่าวคือนักการเมืองไม่ควรมองข้ามการรู้จักการยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองและควรยึดถือการแก้ไขปรับปรุงแทนการสรรหาการคัดค้านระรานซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันเราๆทั้งหลายในฐานะประชาชนรวมทั้งสื่อมวลชนก็ควรที่จะให้โอกาสนักการเมืองที่ทำงานผิดพลาดได้มีโอกาสยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาดตามวาระของท่าน แทนที่จะเพียงกดดันให้นักการเมืองลาออกเพื่อรับผิดชอบเสมอไปอย่างที่นักการเมืองต่างประเทศทำกัน ทั้งที่ความผิดนั้น บางครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองท่านนั้นๆโดยตรง แต่ควรเฝ้าติดตามและคอยเป็นกระจกส่องให้ท่านนักการเมืองได้เห็นตัวเองซึ่งถ้าท่านเป็น คนดี ก็ต้องยอมรับที่จะปรับปรุงและไม่ทำผิดซ้ำๆซากๆจนเหิมเกริมอย่างเกินควร คนที่ทำผิดแล้วไม่แสดงให้เห็นว่าต้องการแก้ไขแต่กลับมัวแต่แก้ตัว โดยเฉพาะกล่าวหาคนอื่นเพื่อให้เข้าใจว่าตนเป็นคนดีดังเป็นตัวอย่าง เราก็ไม่ต้องเลือกให้มีโอกาสทำงานบริหารบ้านเมือง หากเราช่วยกันทำให้เป็นบรรทัดฐานว่าเรายอมให้โอกาสนักการเมืองแสดงความรับผิดชอบและแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น (ซึ่งไม่ใช่โดยการลาออกแต่เพียงอย่างเดียว) ก็จะเป็นส่วนช่วยพลักดันให้การเมืองของบ้านเมืองเรามีการสร้างสรรค์และก่อให้เกิดคนที่มีความคิดดีๆและสามารถทำงานได้ดีเกิดขึ้นได้จริงๆ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญให้เกิดการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืนและไม่เกิดวิกฤติจนทำให้กลุ่มคนที่ชอบทำลาย.....ใช้เป็นโอกาสในการยึดอำนาจอีกต่อไปตราบกัลปาวสาน คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติเตียน
Create Date : 15 มกราคม 2551 | | |
Last Update : 15 มกราคม 2551 19:24:36 น. |
Counter : 496 Pageviews. |
| |
|
|
|