Group Blog
 
All Blogs
 

เหตุผลความยุติธรรมจากการทำงานของศาล...เรื่องน่าหัวเยอะอีกเรื่อง

เชื่อมากขึ้นว่า......บ้านเมืองเข้าขั้นวิกฤติ...... เสียดายจริงๆ ที่เราไปไม่ถึงจุดหมาย......... คุณทักษิณคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราหลงทาง ทั้งๆที่จริงแล้วคุณทักษิณมีคุณสมบัติที่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ ทั้งในด้านความรู้ความสามารถและที่สำคัญคือ”กล้าทำ” เสียดายที่ท่านไม่สามารถทำให้เพื่อนร่วมชาติส่วนหนึ่งไว้วางใจ และทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นทุกที...... ความขัดแย้งต่างๆนี้ เมื่อหันหน้าไปพึ่งศาลฯ ก็กลับกลายเป็นสถาบันที่สร้างความเคลือบแคลงใจมากขึ้นในหลายกรณี ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้กับเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ต่างฝ่ายกันให้มากขึ้นซะอีก…… (คดีฆ่าคนตายก็สามารถรอดได้ หากอาวุธที่ใช้หาไม่พบ)…. คดียุบพรรคก็มีผลตัดสินย้อนหลังได้…… ที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากท่านตัดสินเอาผิดกับเฉพาะคนผิด(ตามรูปคดี) ก็น่าจะสร้างความรู้สึกที่ยอมรับจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลเก่ามากขึ้นและไม่ทำให้กลุ่มพันธมิตรเหิมเกริมอย่างทุกวันนี้จนยึดที่สาธารณะมาประกอบหาผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัวได้อย่างชิวๆ...........คดีเขาพระวิหารก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่คำนึงถึงความจริงและตรรกะการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งที่การแถลงการณ์ร่วมถือว่าเกิดผลดีกับประเทศมากกว่า (แถลงการณ์ไม่มีผลกับการตัดสินของกรรมการมรดกโลก) เนื่องจากเป็นการแถลงรับรู้ร่วมอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นหลักฐานได้ว่ากัมพูชาจำกัดเขตของเขาในการขอให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก..... ซึ่งเชื่อได้ว่าจะเกิดผลดีกับการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนได้ในอนาคต.......ถ้าผู้พิพากษาจะหัดเรียนรู้ที่จะมองการณ์ไกลบ้าง ????
การทำงานของศาลที่ยกมาพอเป็นสังเขปนี้ พอมีคนสงสัย....... ประธานศาลฏีกาก็ให้เหตุผลน่าสน(หัว)ใจว่า “ศาลต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม” โดยให้เหตุผล (ตามที่เป็นข่าว) ว่า “ผู้พิพากษาต่างก็ถวายสัตย์ฯแล้ว จึงกล่าวได้ว่าผู้พิพากษาต่างก็ยึดถือความถูกต้องยุติธรรมในการตัดสินคดี” ฟังดูแล้วรู้สึกน่าหัวเยอะ (ผสมปนกับความหดหู่) ที่คนระดับประธานศาลฏีกาให้เหตุผลได้เพียงแค่นี้ เพื่อจะพยายามทำให้เพื่อนร่วมชาติให้ความเชื่อถือการทำงานของศาลที่ผ่านๆมา เพราะแม้แต่รัฐมนตรีที่บริหารประเทศต่างก็ถวายสัตย์ฯ กันทั้งสิ้น แต่เราก็พบว่ามีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกกันได้ทั้งนั้น....... ถ้าคนระดับผู้พิพากษาอย่างประธานศาลฏีกายังไม่สามารถหาเหตุผลหรือตัวอย่างที่มีตรรกะเพื่อให้เพื่อนร่วมชาติให้ความเชื่อถือในการทำงานของผู้พิพากษาที่ผ่านๆมา (อาจเนื่องจาก “ไม่มี”)...... แล้วเรายังจะหวังพึ่งศาลท่านได้จริงหรือ
ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ….เราน่าจะหวังพึ่งตัวเองเป็นสำคัญ.......ก่อนที่จะเชื่อหรือทำอะไรก็ควรฟังและศึกษารอบด้านมากกว่าที่จะฟันธงเชื่ออะไรไปก่อนแล้วหาเหตุผลสนับสนุนทีหลัง....เราควรยอมรับว่ามนุษย์ทำผิดได้แต่ไม่จำเป็นต้องมีสันดานดิบเสมอไป...เราต่างก็ดำเนินชีวิตถูกผิดคละเคล้ากันได้อย่างที่ปถุชนต้องเป็นกัน....และเมื่อเราได้บทเรียนก็ควรหยุดทำผิดอย่างซ้ำซาก และเลือกที่จะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง...อย่าให้เกมส์การเมืองที่เขาใช้เล่นกัน......มาชี้นำและปั่นหัวเราอย่างขาดสติ....อย่ายอมเป็นเครื่องมือให้เขาต่อไปเลย

.........ฟังมากๆ....... สังเกตุตรวจสอบกันให้ลึกซึ้ง.......แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยใจเป็นธรรมให้มากพอ....บ้านเมืองย่อมมีทางออกให้พ้นทุกข์เพื่อมุ่งหน้าหาความภาคภูมิใจได้ในที่สุดหรอกน๊า




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2551 18:16:44 น.
Counter : 548 Pageviews.  

ก่อม็อม...วิชาชีพพิพาก....ธุรกิจและปริญญาบัตรจากสถาบันการเมืองแห่งชาติพันธมิตร

ความไม่สบายใจสืบเนื่องจากปัญหาบ้านเมืองที่ต้องยอมรับว่าเกิดจากการที่กลุ่มคนบางกลุ่มก่อขึ้นมาโดยเฉพาะการชุมนุมในรูปแบบต่างๆของกลุ่มพันธมิตร ทำให้หลายคนถามตัวเองและคนรอบข้างว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นความสงบสุขและอยู่ดีกินดี พร้อมกับพัฒนามองไปข้างหน้าบ้างไหม วันนี้เราหมักหมมตัวเองอยู่กับอดีตและถูกเหวี่ยงกลับไปกลับมาดั่งขี้ฝุ่นติดลมที่ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง ถูกชี้นำทั้งจากสื่อ จากรัฐและจากม็อม สภาวะตอนนี้โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจจากผลของธุรกิจพลังงานก็เป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆตามลำดับที่ยากจะแก้ไขอยู่แล้ว.....ก็น่าเห็นใจรัฐบาลอยู่เหมือนกัน เพราะท่านยังน่าจะได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองอย่างน้อยก็น่าจะสักปี หรือสองปี แม้ว่าเราจะรู้สึกว่ามีรัฐบาลขี้เหล่อยู่บ้างก็ตาม.... จริงๆแล้วเรา(รัฐและประชาชน) น่าจะมีความสามารถสู้กับปัญหาต่างๆได้ดีกว่านี้ ถ้ากลุ่มม็อบจะมีแนวทางดำเนินการที่เข้าใจความเป็นไปและความเป็นจริงของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ดีขึ้นมากกว่าการคิดเรื่องการเมืองแบบใหม่....ถ้าท่านคิดว่าเป็นรูปแบบที่ดีจริง ก็น่าจะคิดรูปแบบให้ครบถ้วนบริบูรณ์แล้วเผยแพร่โดยวิธีที่”สงบ” สง่าผ่าเผยพร้อมๆกับหาวิธีการศึกษาทดลองดูว่าจะนำมาใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องก็น่าจะพร้อมที่จะรับไปศึกษาต่อยอดให้ได้ แทนที่จะชุมนุมยืดเยื้อสร้างประเด็นและรอประเด็นใหม่ๆเพื่อสร้างกระแสแทรกนำผลประโยชน์(แอบแฝง)บางอย่าง เพราะอดเชื่อไม่ได้ว่าการชุมนุมยืดเยื้อนี้ก็เพื่อ”สร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจ” ของแกนนำบางท่าน โดยเฉพาะคุณสนธิที่ใช้เหตุการณ์ชุมนุมก่อม็อมนี้ เป็นรายการการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ (reality show) อย่างที่นิยมกันในหลายรายการธุรกิจโทรทัศน์และเคเบิล การชุมนุมของพันธมิตรเพื่อออกรายการ ของ ASTV แล้วเก็บค่าดูในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการขอบริจาคจากผู้ชมคนไทยโดยเฉพาะในต่างประเทศเป็นแผนการธุรกิจที่แยบยลของคุณสนธิ...... แต่เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่ “ชุมนุมก่อม็อมปิดถนน” โดยอ้างเหตุผลเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย คุณสนธิใช้การเคลื่อนขบวนไปตามสถานที่ต่างๆพร้อมการกำหนดวันสร้างวิกฤตหลากหลาย.... ก็ล้วนเป็นรูปแบบของรายการธุรกิจเรียลลิตี้โชว์ ที่ต้องหาทางสร้างกลยุทธ์เพิ่มความตื่นเต้นให้กับผู้ชมตามแต่โอกาส เพราะหากชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเพียงแห่งเดียวก็คงยากที่จะสร้างเรตติ้งได้.... ต้องยอมรับจริงๆว่าคุณสนธิเป็นนักธุรกิจสื่อที่เห็นแก่ได้เกินคน......จริงๆแล้วการแสดงออกตามสิทธินั้นไม่ควรเบียดเบียนสิทธิของผู้อื่นทั้งในด้านกฎหมายและสำนึกแห่งคุณธรรม แต่การนำการชุมนุมมาเป็นกลไกทางธุรกิจด้วย ถือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง....การชุมนุมของพันธมิตรดูจะกลายเป็นอาชีพของคนหลายๆคนรวมทั้งคุณสุริยไสย ที่หลายๆคนสนใจจริงๆว่ามีอาชีพอะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้บ้างไหม..... ถ้าเราไม่มีมาตรการที่จะจัดการกับการทำธุรกิจแบบนี้โดยการใช้ข้ออ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ(ที่เกินขอบเขต) เราก็คงต้องเดือดร้อนกันโดยส่วนรวมต่อๆไป(ทั้งในระดับท้องถิ่นและประเทศ)อย่างไม่มีวันสิ้นสุด....จนเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสแลไปข้างหน้าและหลุดจากการเป็นแค่ขี้ฝุ่นในกระแสลมวนจากการสร้างม็อบที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะต่อๆไปการก่อม็อมก็สามารถใช้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้อย่างดี ตั้งแต่ตำแหน่งบุคลากรรักษาความปลอดภัย แรงงานในระดับต่างๆ ผู้จัดการกลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่รวมถึงแกนนำม็อม สามารถใช้เป็นโอกาสในการทำมาหากินได้เสมอๆในทุกประเด็นร้อนของสังคม ไม่ต้องไปเร่ขายของข้างถนนให้เทศกิจวิ่งไล่จับอีกต่อไป.....การเอาที่สาธารณะอย่างท้องสนามหลวงมาชุมนุมเพื่อทำธุรกิจส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่การปิดถนนชุมนุมเป็นเวลานานๆอย่างในขณะนี้ ยิ่งเป็นเรื่องที่สุดยอดเกินความเลวร้ายของสังคมที่เราจะต้องมีมาตรการปลดวิบากกรรมนี้ซะทีนะครับ....”ท่านผู้พากษา” ผู้เป็นที่พึงพิงความยุติธรรมของประชาชนส่วนใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งคนดีๆอย่างพลตรีจำลองที่ท่านกำลังถูกเขาใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำธุรกิจมหันตภัยนี้




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 14:58:23 น.
Counter : 486 Pageviews.  

อย่างงี้..ยังไงก็ต้องไม่ออก

ไม่ว่ารัฐบาลคุณสมัครจะเป็นอย่างไรและบริหารบ้านเมืองได้ดีเพียงไหน ผลที่สุดของผลงานจะเป็นตัวชี้วัดตามระบอบ...ประชาชนจะประเมินในการเลือกตั้งหรือขอถอดถอนหากจำเป็น..... แม้ว่าราษฎรวัยเยาว์อย่างเราจะไม่ค่อยชอบท่าน (ไม่รู้ว่ามากหรือน้อยกว่ากลุ่มพันธมิตร) แต่วัยเยาว์จะเอาใจช่วย และขอฝากหน้าที่ที่สำคัญ (อย่างมหาศาล) ที่รัฐบาลคุณสมัครต้องทำให้ได้ ก็คือ “ต้องไม่ลาออก” (เข้าทางล่ะสิ.....) เพื่อดำรงวิถีทางการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอยู่ให้ได้..... ถ้ารัฐบาลยอมลาออก การวนเวียนของวัฎจักรที่น่าอดสูจากการประท้วงแบบพันธมิตรก็จะเติบโตและสร้างความเดือดร้อนต่อๆไปไม่มีวันสิ้นสุดจากที่”พันธมิตรสำคัญตัวเองผิด” จนหลงตัวเองมากเกินไป (แล้ว..นะ) เกินกว่าที่วัยเยาว์อย่างเราจะยอมรับได้... การไม่ลาออกตามการชุมนุมประท้วงจึงถือเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องทำให้ได้.... ไม่เป็นไรหรอกหากการพัฒนาประเทศจะต้องช้า (มากขึ้น) กว่าที่ควรจะเป็น.... การเร่งโครงการต่างๆรวมทั้งเมกะโปรเจกท์ หากทำไปแล้วมีปัญหาให้ถูกก่อประเด็นให้ถูกโจมตี ก็ต้องทำตามครรลองโดยเฉพาะประชาพิจารณ์เพื่อแก้ไขปรับให้พึงพอใจต่อคนส่วนใหญ่ก็คงทำให้โครงการนั้นๆเกิดขึ้นได้ในที่สุด แม้จะทำให้ช้าไปบ้างก็ตาม .....เพราะถึงจะช้าก็ยังดีกว่าไม่ถึง....เพราะวัยเยาว์ยังมีชีวิตอยู่อีกนานจึงพอรอได้ (แน่ใจ???....เฮ่อๆ) แต่ถ้าระบอบประชาธิปไตยไม่ถูกพัฒนาไปตามครรลอง วัยเยาว์คงไม่มีแม้แต่โอกาสจะรอ.... ส่วนที่พันธมิตรหวังว่าจะมีปฎิวัติ วัยเยาว์เชื่อว่าคงไม่มีหรอกเพราะรู้ดีว่า ผบ.ทบ. คนนี้รู้จักหน้าที่ทหารดีพอ.... ก็ถือเป็นเรื่องโชคดีของวัยเยาว์และผองเราที่ผบ.ทบ. คนนี้ถูกเลือกขึ้นมาแทนที่จะเป็นอีกคนหนึ่ง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ไฟไหม้บ้านหาน้ำดับไม่ทันเลยล่ะ




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2551    
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 16:10:44 น.
Counter : 386 Pageviews.  

แค่เพียงความเชื่อ...มากพอที่จะสร้างหายนะให้ประเทศเชียวหรือ?

ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองดีขึ้นถึงระดับปกติ(พอ) เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ดูจะเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย..... ส่วนหนึ่งก็เพราะอุปนิสัยและพื้นฐานของคนเราที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ที่ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานรวมๆกันหลายอย่างทั้งจากการศึกษา การถูกเลี้ยงดูเติบโตตามสิ่งแวดล้อม (และอื่นๆ) ที่สำคัญคือความหลากหลายของจิตใจในแต่ละปัจเจกที่แม้แต่นักจิตวิทยาก็ยากที่จะวิเคราะห์และประเมินได้.... จิตที่อ่อนแอเป็นจุดที่ก่อให้เกิดอุปทานให้เชื่อในประเด็นบางอย่างจนง่ายเกินไปโดยเฉพาะคนที่มีความเป็นห่วงสถานะภาพของส่วนรวมและบ้านเมือง....ที่ถูกพัฒนากลายเป็นจุดอ่อน(ของชีวิต)ให้คนอื่นชี้นำและปลุกระดมได้ อย่างที่ฮิตเลอร์ทำมาแล้ว.... จริงๆแล้วการมีตัวตนของจิตแบบนี้เป็นเรื่องดี....แต่ถ้าถูกชี้นำไปในทางที่ผิดก็ก่อให้เกิดหายนะได้(อย่างซะใจมาแล้ว) ดังเกิดขึ้นกับเยอรมันนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง... ที่น่าตกใจก็คือ”มีคนไทยบางส่วนรวมทั้งนักวิชาการบอกว่าหากเขาได้ฟันธงเชื่อข้อมูลอะไรก็ตามไปแล้ว ต่อให้พิสูจน์ได้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงตามที่ถูกปลุกระดมมา ความจริงที่พิสูจน์ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”... เป็นตัวชี้ฟ้องว่าการศึกษาของคนไทยไม่ได้ถูกพัฒนาให้ถูกทิศถูกทางมาแต่ไหนแต่ไร นักวิชาการที่มีคุณวุฒิสูงก็ไม่ได้ฝึกฝนตัวเองให้เข้าใจแก่นแท้ของศาสตร์ในแขนงต่างๆเพื่อเชื่อมโยงและประยุกต์ใช้เพื่อสร้างระบบที่สมประสาน คนที่เรียนมาทางไหนก็มักฝังตัวเองให้วนเวียนอยู่แต่ในสาขานั้นๆ น้อยนักที่จะนำศาสตร์อื่นๆมาเชื่อมโยงประสานโดยเฉพาะการสร้างและฝึกจิตใจให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ (scientific mind) ที่ให้เราเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์และสาธิตได้.... ที่กล่าวมานี้เพียงอยากเตือนสติคนที่กำลังเชื่อว่าประเทศไทยกำลังจะเสียอธิปไตยให้กัมพูชาในเรื่องเขาพระวิหารนั้น ได้โปรดรับฟังข้อมูลให้ถูกต้องก่อนที่จะฟังธงว่าเป็นไปอย่างที่ฝ่ายพันธมิตรปลุกระดมอยู่ เพราะดูแล้วเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมากหากแค่ความเชื่อแบบผิดๆสามารถนำหายนะมาสู่บ้านเมืองได้จากคนเพียงกลุ่มหนึ่ง




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2551    
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 16:04:50 น.
Counter : 478 Pageviews.  

วนเวียนการเมืองไทย เวรกรรมตามทัน

ตอนนี้ นายกฯสมัครรวมทั้ง (ว่าที่) ดร. เฉลิมกำลังเผชิญกับรูปแบบการเมืองที่ตัวเธอเองเคยใช้เป็นกลยุทธ์ในการคัดค้านการทำงานของรัฐบาลในสมัยก่อนๆแบบตะบี่ตะบัน ตอนที่เป็นฝ่ายค้าน ทำให้การเมืองไทยวนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้แหละ…. มีแต่การสร้างประเด็น...ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ได้เรื่อง ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ คล้ายๆกันยังไงยังงั้น มีแต่การสร้างปัญหาไม่จบ....เมื่อสบทบกับปัญหาตัวเบ่อเหร่อที่เกิดจากเรื่องพลังงาน... ราษฎรวัยเยาว์อย่างเราก็ไม่รู้จะหวังอะไรมากนักจากนักการเมืองทั้งสองฝ่ายรวมทั้งนักการเมืองข้างถนนที่ (ที่อ้างว่าทำงานการเมืองภาคประชาชนแบบที่ไม่มีที่ไหนในโลกทำหรือยอมรับกัน ควรไปศึกษาให้พอรู้จริงบ้าง เขาควรทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม) ก่อตัวขึ้นมาเพิ่มปัญหาเป็นดินพอก (หางไอ้ตูบ) ขึ้นอีก...ความหวังที่ราษฎรวัยเยาว์อย่างเราอยากเห็นการเมืองที่ทำงานเพื่อพี่น้องพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ยังไม่จากโลกนี้ไปไหนก็เป็นต้องกินแห้วคำโตๆจนติดคอ(ก็เลยต้องคายทิ้ง) ให้อดอยากต่อไป.... เมื่อไหร่หนอเขาจะเลิกค้านเพื่อเอาชนะกันเสียที ถ้าจะติก็ติเพื่อก่อหรือหาทางแก้ไขร่วมกันแทนการคัดค้านเอาหน้าซะที....ถ้าคิดในแง่ดีก็ทำให้วัยทีนอย่างเราดีใจที่เนื้อหาในวิชาศิลธรรมที่ร่ำเรียนมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายพิสูจน์ความจริงได้ว่า “เวรกรรมใครก่อก็ต้องรับผลกรรมนั้น’’ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เกิดขึ้นกับนายกฯสมัครซึ่งจะต่อยอดไปถึง คุณ เฉลิมต่อไป.....แต่ก็อดวิตกไม่ได้ว่าหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ เวรกรรมนี้ก็คงวนเวียนอยู่ และวัยเยาว์อย่างเราคงไม่มีวันเติบโตเป็นราษฎรอาวุโสกับเขาหรือไง เพราะทุกวันนี้ก็อดอยากจนไม่มีสารอาหารมาหล่อเลี้ยงให้มีโอกาสแก่ตายแล้วนะ...นึกถึงวันข้างหน้าบ้างเพราะคงไม่ได้คาดหวังที่จะเป็นฝ่ายค้านแบบตลอดชีพหรอกใช่ไหม คุณอภิสิทธิ์ มันต้องมีใครสักคนที่เปลี่ยนรูปแบบการเมืองไทยให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวมได้สักที่ล่ะน่า.... หรือต้องให้ 61 สมาชิกวุฒิสภา แสดงให้ดูเสียเอง???




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2551    
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 14:20:25 น.
Counter : 445 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

ธีร์ พัชร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ธีร์ พัชร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.