Japan Winter 080102 :: Shijo - Yasaka Shrine
*เดินกลับมาที่โรงแรม เอาคูปองที่จ่ายเงินตอน check-in ออกมาให้ที่ front ดู ก็ได้กุญแจห้องมา (ตอนเช้าจ่ายเงินแล้วฝากกระเป๋าไว้เฉยๆ ยังไม่ถึงเวลา check-in เลยออกไปเที่ยวกันก่อน บอกทางโรงแรมไว้ "เด๋วพวกเราจะกลับมาประมาณทุ่มนึงค่ะ".. เออ กลับมาได้เวลาใกล้เคียงที่บอกเค้าไว้เลยนะเนี่ย) เค้าเอากระเป๋าไปไว้บนห้องให้แล้ว ห้องอยู่ชั้น 5 ชั้นเดียวกับห้องอาบน้ำรวม (ที่ไม่ได้ใช้ เพราะในห้องพักก็มีห้องน้ำในตัวนะเจ้าคะ) อ่อ แต่ในห้องไม่มีไดร์เป่าผม ถ้าสระผมแล้วต้องออกไปไดร์ที่ห้องแต่งตัว (powder room) ที่อยู่ใกล้ๆห้องอาบน้ำนั่นแหละ ขึ้นไปบนห้อง เอาเป้หลังออก ล้างหน้าล้างตา นั่งพักโอ้เอ้กันอยู่นานเหมือนกันนะ 55 แบบว่า เหนื่อยแย้วว ไม่อยากก้าวขาไปไหนอีกแย้วววว T_T อ่ะ แต่พักแป๊บนึงก็หายนะ แสดงว่ายังไม่แก่ๆ กั่กๆๆๆ นั่งดูข้อมูล แผนที่ จะไปซิ่งแถว Shijo กันต่อนั่ง subway ก็ดูท่าทางจะสะดวกดี มีทางลงไป subway จ่ออยู่หน้าโรงแรมกันเลย แต่เดินลงไปแล้วปรากฏว่าก็เป็นทางเดินไปสถานีเกียวโตนั่นแหละ แต่เป็นทางเดินใต้ดิน ก็ดีนะเดินกันใต้ดินเนี่ย ไม่หนาวเท่าเดินข้างบน ..เลยนั่งรถจาก subway เกียวโตนั่นแหละ ไปลงตรงสถานี shijo เลย แล้วเดินตามถนนไปทางตะวันออก .. มีเครื่องหมายบอกทิศแปะไว้ที่พื้นทางขึ้นสถานีเลย ดีมาก เพราะไม่งั้นข้าน้อยจะไม่รู้ทิศรู้ทางอะไรกะเค้าเลย ยิ่งดึกยิ่งมึน (แต่ถ้าเช้ามากไปก็มึนเหมือนกัน แบบว่า ยังไม่ตื่นดี 55)อารายกาน เพิ่งจะสองทุ่มเอง ร้านรวงต่างๆทยอยปิดกันเกือบหมดแล้ว ระหว่างเดินไปเจ๊กะแมวก็ลองใช้โทรศัพท์มันทุกเครื่องที่เดินผ่านเจอ ลองโทรหมดทุกเครื่อง แต่ใช้การไม่ได้ซักเครื่อง เหอ เหอ เดินไปเรื่อยๆ เดินผ่าน Gion เดินข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำไป เห็นแสงไฟจากโคมหน้า Yasaka Shrine ยังมีอยู่ แมงเม่าทั้งสามก็เลยตามแสงไฟไปทันที อิ อิที่นี่ก็มีงานวัดอยู่อีกเช่นกันแค่เดินเข้าไปเท่านั้น เจ๊แมวก็เสร็จสตอเบอรี่เคลือบน้ำตาลอีกไม้นึงจนได้เดินดูรอบๆอย่างเร็ว แล้วเดินออกมาคอยรถเมล์ หน้าศาลนี้ตอนนี้เหลือสาย 206 ที่จะกลับไปสถานีเกียวโตได้รอรถอยู่นานเหมือนกันนะ มันหนาวอ่ะ เลยดูเหมือนเป็นการรอคอยอย่างค่อนข้างทรมาน เหอ เหอ อยากนอนแย้ววว >< จริงๆนี่ยังไม่ดึกเท่าไหร่เลยมั๊ง? แต่สงสัยเมื่อคืนบนเครื่องก็หลับตื่นๆ นอนไม่ค่อยพอซักเท่าไหร่ ลงเครื่องมาก็เที่ยวกันเลย ถึงจะเดินไปพักไปก็เหอะ แต่มาวันแรกรู้สึกใช้กำลังขาอย่างสมบุกสมบันมากถึงโรงแรมแล้วว ทีแรกว่าจะไปลงที่สถานี แต่พอรถเลี้ยวผ่านแยกตรงโรงแรม เจ๊แมวก็กดปุ่ม "tomarimasu" คุณพี่คนขับก็จอดพรืดให้ลงทันที เออ ดีเหมือนกันแฮะ ประหยัดเวลาเดินไปได้หลายนาทีอยู่แล้วในที่สุดเพื่อนๆก็เจอโทรศัพท์ที่ใช้การ์ดโทรกลับบ้านได้ตรงป้ายรถเมล์แถวนั้นนี่แหละ อ่ะ ตู้นี้มีป้ายบอกว่าต้องโทรยังไง กดรหัสยังไง เลยใช้ได้ (จริงๆที่ผ่านมาบางเครื่องมันคงใช้ได้แหละ แต่กดไม่ถูก ละมั๊ง) ยืนรอเพื่อนโทรศัพท์อยู่นอกตู้ หนาวมั่กๆ บรึ๋ยส์ แวะ lawson ซื้อของกินและน้ำ(สำคัญมาก) แล้วขึ้นไปหาความอบอุ่นจากฮีตเตอร์ในห้องกันเหอะ หนาวววววปูที่นอนกันเอาเองตามใจชอบเลยค่ะ จะปูฟูกยังไง หันหัวนอนด้านไหน ก็ตามสะดวกเลยค่ะเจ๊บอกให้หาทิศ เลยเปิดม่านหน้าต่างเห็นหอเกียวโต เป็น landmark ที่ดีเจรงๆนี่วันแรก ห้องรกกันขนาดนี้แล้วเลยนะเนี่ย 555 อาบน้ำ นวดขา แล้วนอน พรุ่งนี้เราจะมีขาที่สดใหม่เอาไว้ลุยเดินต่อได้อย่างสบาย อิ อิ จบวันแรกแต่เพียงเท่านี้.. oyasumi~ปล. ข่าวเศร้าที่ได้รู้จากการโทรศัพท์กลับเมืองไทยในคืนวันนี้..แสงหนึ่งคือรุ้งงามณ สยาม อาลัยลาแสงดับสู่เวหาทิพย์สถานเทวาสถิตนิรันดร์..ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมฯ
Japan Winter 080102 :: Fushimi Inari Taisha
*เดินออกมาจาก Genji Museum นี่ฟ้าเริ่มครึ้มมากแล้ว ฝนเริ่มปรอยเม็ดถี่มากขึ้น ยิ่งตอนข้ามสะพานกลับ เจอลมแรงๆจากแม่น้ำ ยิ่งหนาวเข้าไปอีก ต้องเดินเร็วๆให้อุ่น (บางทีก็วิ่งกันเลยก็มีนะ) แต่สงสัยเพราะเหนื่อย หรือหิวมากไป ต่อมรับรู้ทิศเลยไม่ทำงาน 55 เดินกันไปเรื่อยเลยค่ะ แล้วเลยเริ่มเอะใจกัน ว่าทำไมมันเดินนานจัง ไม่ถึงซะที เลยหาเหยื่อที่ผ่านมาแถวนั้น ให้เจ๊เข้าไปถาม ปรากฏว่าพวกเราเดินกันไปผิดทางจริงๆด้วย เลยเดินย้อนกลับมา ไปตามทางที่เค้าชี้ไป เย่ ในที่สุดก็ถึงสถานีจนได้ไป Inari กันค่ะ ด้วย JR สายเดิม ค่ารถเท่าเดิมเหมือนขามามาลงสถานี Inari ใช้เวลาไม่นาน ออกจากสถานีมาแป๊บนึงก็เจอเลยค่ะ งานวัด เย่ ของกินเต็มเลยย เล็งโอเด้งร้อนๆกันไว้ตั้งแต่ปากซอยเลยทีเดียว ก็คนมันหิวง่ะ แต่ใจก็อยากไปเดินเที่ยวกันก่อน เด๋วมืดๆค่อยมาหาไรใส่ท้องหน้าสถานีเจอหนูน้อยในกิโมโน เข้าเทศกาลโอว คนเป็นแสนเลยค่ะท่านจิ้งจอกหน้าซุ้มประตูมาวัดตอนเทศกาลแล้วคนเยอะได้บรรยากาศดีทีแรกเจ๊กลัวจะเป็นแบบคราวก่อนที่มาซะเย็นๆมืดๆแล้วต้องเดินเข้า Torii ไปกันอย่างน่ากลัว คราวนี้มีเพื่อนเดินเยอะเลยแผ่นเอมะรูปหมาจิ้งจอก วางขายอยู่บริเวณเดียวกับที่ขายเครื่องราง แหะๆ ละลายทรัพย์กันอีกแล้ว (แต่ไม่ได้ซื้อแผ่นเอมะ ซื้อมาแต่เครื่องรางอ่ะ)ขอถ่ายรูปคู่กะคุณหมาจิ้งจอกหน่อย ก่อนจะเดินขึ้นกลางคืนนี่ สวย และ ขลัง มากมีศาลเล็กศาลน้อย กับ Torii มากมายไปตลอดทางมืดสลัวกันขนาดนี้เลยค่ะ >< ชอบบบ อยากเดินไปเรื่อยๆเลยแต่เริ่มเหนื่อยและหิวกันแล้ว แน่ล่ะ ก็เล่นเดินวิ่งขึ้นเขาลงเขากันตลอดนี่นา เลยตัดสินใจกันว่าถ้ามีเวลาค่อยมาเก็บตกกันวันหลังตอนกลางวันแล้วกัน ยังมีแนวเสาให้เดินขึ้นกันไปอีกแบบไม่รู้จบเลยเดินลงมาหน้าวัด เดินไปอีกทาง มีร้านรวงมาออกร้านกันตลอดแนวถนน เดินไปหาร้านที่พอจะหาที่นั่งกินไรอุ่นๆได้เจอเข้าร้านนึง พุ่งเข้าไปเลยเบลอๆดูเมนูไป โดยมีเจ๊เป็นตัวช่วย สั่ง Kitsune soba มาชามนึง ส่วนเจ๊สั่งเป็น udon ส่วนของเจ๊แมว เป็นข้าวหน้าไรซักอย่าง เห็นบ่นว่าอยากกินข้าวกินเสร็จอิ่มมาก อุ่นมาก ออกมาเดินเล่นไปเรื่อยๆหาทางไปสถานีเจ๊แมวเสร็จเจ้านี่จนได้ อิ อิสตอเบอรี่เคลือบน้ำตาล .. มีผลไม้อย่างอื่นเคลือบน้ำตาลด้วยนะ ทีแรกคิดว่าจะแข็งๆ แต่ก็กัดได้นะ อร่อยๆแต่ขนาดอิ่มแล้วก็ยังไม่วาย 55 หลงทิศกันอีกแล้วค่ะ ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆทำเอาเปียกกันไปเลย (แต่ยังขี้เกียจไม่ควักร่มออกมากางกันนะ 55) เดินหลงไปหลงมาก็เลยสรุปว่าเดินย้อนกลับมาทางเดิมแระกัน แล้วก็เจอสถานีที่คนเยอะมาก รอรถกันเต็มชานชาลา(แคบๆ)กันเลย140 เยน ป้ายเดียวเองมั๊ง ถ้าจำไม่ผิด ก็ถึงสถานีเกียวโตแล้วหอเกียวโตยามค่ำคืน เดินกลับโรงแรมกันค่ะ...
Japan Winter 080102 :: Uji # Tale of Genji Museum
ทริปนี้มาเพื่อสิ่งนี้เลยค่ะ ทัวร์เก็นจิ ไม่มาเก็นจิมิวเซียมก็ดูจะแปลกๆ อิ อิ เดี๋ยวไม่ครบๆ เดินออกจาก Ujigami ก็เริ่มไม่มีแดดแล้ว อากาศเย็นลงเรื่อยๆ เออ ที่นี่เค้านิยมพาน้องหมาออกมาเดินเล่นกันนะ ตัวโตๆทั้งน้านเรย น้องหมาเจออากาศเย็นๆก็ดูจะแฮปปี้ดีตามพื้นทางมีป้ายบอกชื่อตอนในเรื่องเก็นจิ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าชื่อตอนนี้แล้วลูกศรชี้ไปนี่มันแปลว่าอะไร (บอกแต่ชื่อตอนไม่ได้บอกว่าลูกศรมันชี้ไปสถานที่ไรเนี่ย) หรือว่าชื่อตอนจะสัมพันธ์กันกับสถานที่? อันนี้ยังสงสัยสงสัยต้องเป็นแฟนพันธุ์แท้เก็นจิอย่างเจ๊ถึงจะรู้เรื่อง เหะๆเจอแล้ววว ป้ายย เรามาถึงแล้วแต่ดูเงียบๆจัง ปิดอ๊ะป่าวเนี่ย ลองเดินๆเข้าไปดูต้นไม้แห้งๆ ได้ฟิลไปอีกแบบทางเข้าอยู่ทางนี้ค่า...ค่าเข้าคนละ 500 เยน จ่ายๆเอาของไปเก็บล็อคเกอร์ (100 เยน) ระหว่างนั้นเจ๊แมวไปเจรจาได้ audio guide ภาษาอังกฤษมา เค้าให้เอาไว้ฟังตอนดูหนังค่ะ (ฟรีค่ะ ไม่คิดตังค์) ห้องจัดแสดงจัดได้ดีนะ มิวเซียมบ้านเมืองนี้เข้าไปเหอะ ไม่ค่อยมีผิดหวังถ้าคนอินๆกะเรื่องนี้มาคงถูกใจมาก ขนาดข้าน้อยไม่ค่อยอินเท่าไหร่ยังรู้สึกดีเลย 55 ไว้อ่านมากกว่าสองรอบก่อนนะ ถึงจะซึมซาบได้ขนาดเจ๊อ่ะ ^^เดินๆอยู่ หนังคงกำลังจะถึงรอบฉายพอดี คุณพนักงานเลยเรียกให้เข้าไปในห้องฉายหนังจากประตูเราต้องข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Uji กันก่อนด้วยนะ ได้บรรยากาศมาก หนังเป็นหุ่นกระบอก แบบว่า มีอารมณ์ได้ด้วย เปิด audio ฟังไป ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง ยังดีที่พอรู้เรื่องมาบ้าง ขอบคุณเจ๊ที่ให้ยืมอ่านค้าบบบ เที่ยวหนุกขึ้นเยอะเรยหนังจบ ออกมาเดินดูห้องจัดแสดงต่ออีกรอบ (แบบจ่อมจม) แล้วออกมาเจอหลุมดักกินคนอีกแล้วววว ร้านขายของที่ระลึกในมิวเซียมเรยค่า
Japan Winter 080102 :: Uji # Ujigami Jinja
เดินออกจาก Uji Jinja หันซ้าย หันขวา แล้วเดินไปตามถนนแคบๆ (แต่รถก็ยังวิ่งได้นะ คนหลบรถ รถหลบคน สมานฉันท์กันดี) เดินตามกระแสคนไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับ Ujigami Jinjaข้ามสะพานเล็กๆไป ลอดซุ้มประตูไปมีกองทรายกองอยู่ด้วย ไม่รู้เป็นธรรมเนียมแบบขนทรายเข้าวัดของไทยรึเปล่า?ป่าด้านหลังเขียวครึ้มมากกกกด้านหลัง เป็นอะไรซักอย่าง มีคนขึ้นไปไหว้และส่องๆดูในช่อง มารู้ทีหลังตอนเจ๊บอก ว่าเป็นแท่นบูชาเก่ามาก ตั้งแต่สมัยเฮอันเลยทีเดียว (พระที่ทำพิธีก็หันหน้ามาทางนี้ คงจะสำคัญจริงๆ)ตอนไปส่องๆก็แทบมองไม่ค่อยเห็นไรอ่ะ เพราะมืด จำไม่ได้ว่าเห็นไรมั่ง ^^หนูชอบโคมไฟ..
Japan Winter 080102 :: Uji # Uji Jinja
หันหลังให้รูปปั้น Ukifune ข้ามถนนไปก็จะ เจอ Uji Jinjaเดินเข้าไปเรยล้างไม้ล้างมือด้วยน้ำเย็นเฉียบก่อนเข้าวัด ที่ล้างมือที่นี่เป็นรูปน้องกระต่ายล่ะเดินไปเจอกับแถวยาวเหยียดด หวา.. อารายเนี่ย เดินไปดูหัวแถวเค้าทำอะไรกัน อ่อ ต่อแถวสั่นกระดิ่งไหว้พระขอพรกันนี่เองแผ่นเอมะของปีนี้ ปีหนูและของปีก่อนๆน่ารักดีเดินวนๆได้แป๊บนึงก็ออกค่ะ หาทางไปวัดอื่นต่อ