瞳閉じれば広がってゆく . . .
Group Blog
 
All blogs
 

Space Entry

เอนทรีนี้คือจะทิ้งว่างไว้ ประหนึ่งการเคาะ spacebar ^^ 

เผื่อเอาไว้เฉยๆเท่านั้น เผื่อมีอะไรให้เติม จะได้ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง
ว่าจะอัพ L'ArCASINO Trip ในเอนทรีต่อไป 
แต่ว่านะ ... มันคงเป็นอะไรที่แค่แปะรูปแปะแคปชั่นเฉยๆรึเปล่าเนี่ย .. ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่

p.s. mata ne ...




 

Create Date : 28 กันยายน 2558    
Last Update : 28 กันยายน 2558 14:52:32 น.
Counter : 383 Pageviews.  

Japan Winter 2008 : LIVE

เพิ่งเข้ามา blog นี้ ถึงได้รู้ว่า นี่ทิ้งร้างไว้นานมากค่ะ 555555 

นี่อัพที่เที่ยวยังไม่ถึงวันดู LIVE เลย และความทรงจำจางไปหมดแล้ว ต้องรื้อฟื้น (ถ้าจะรื้ออ่ะนะ ^^)
//ทิ้งเอนทรี่นี้ไว้ก่อน ถ้ารื้อได้ ถ้าฟื้นได้ จะมาอัพเนะ เหะๆ




 

Create Date : 28 กันยายน 2558    
Last Update : 28 กันยายน 2558 14:47:54 น.
Counter : 624 Pageviews.  

Japan Winter 080104 :: Higashiyama Walk # Nanzenji



เดินออกจาก Eikando มา เดินมาเรื่อยๆตามทางก็จะมาเจอร้าน yudofu ร้านนี้มีชื่ออยู่ในหนังสือแนะนำไรซักอย่างที่เจ๊อ่านมา ทีแรกว่าจะกิน คิดว่างั้นนะว่าเจ๊จะพามากิน แต่ดูคนที่ต่อแถวกันแล้ว ถอดใจกันดีกว่า อืมม แปลว่าคงมีชื่อจริงๆละนะเนี่ย

ไม่ได้กินก็ไม่เป็นไร เดินกันต่อไป ยังไงก็ต้องทำเวลาให้หลุดไปจากตรงนี้ให้ได้ กั่กๆๆ แต่ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววเลย



แต่แล้วก็เจอ Nanzenji แล้วววว เย่ๆ แต่ว่า ไม่มีเวลาเนี่ยสิ เสียดายเหมือนกันนะเนี่ย

เลยเข้าไปดูแบบผ่านๆเร็วๆ



เดินลอดผ่านซุ้มประตูใหญ่ยักษ์ ไม้ทั้งต้นเลย กรี๊ดดด



เอาเจ๊มาเทียบสเกล



อย่างว่า ว่าไม่สามารถอยู่ได้นาน ก็เลยแค่เดินผ่าน ได้แค่นั้นเอง T_T
เดินทะลุมาก็มาออกอีกทาง



เดินออกมาแล้วก็ยังมาเจอร้าน yudofu อีก เข้าใจว่าเป็นร้านเดียวกันกับเมื่อกี้ นั่นก็คงจะแปลว่า เป็นร้านที่กว้างมั่กๆ ร้านเต้าหู้นี่มันต้องใช้ที่กว้างๆกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย หรูๆ >< แต่ไม่มีโอกาสกิน กั่กๆ หิ้วท้องเดินกันต่อไป

ทีนี้เดินออกมาปากทางได้แล้ว แต่ก็ยังมึนๆกันอยู่ดี เนื่องจากข้าน้อยไม่ได้หาข้อมูลมา แหม .. อ่ะนะ ก็ทีแรกที่วางแผนเจ๊ตัดเส้นทางนี้ออกหนิ บอกว่าไม่อยากเดิน หนูก็เลยไม่ได้หาข้อมูลมานะค้า ไม่ได้ปริ้นท์แผนที่มาแบบเดินได้ มีแต่แผนที่หยาบๆในมือ ซึ่งอ่านไม่ออก กั่กๆ ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ใช้เดาๆเอา

จะถามทางคนญี่ปุ่นแถวนั้นก็คงไม่ได้เรื่องอะไร เพราะดูๆแล้ว พี่เค้าก็ทำท่ามึนๆงงๆอยู่ไม่แพ้พวกเราเลย 5555 สรุปว่าคนญี่ปุ่นยังมึนกันเลยค่ะ เพราะง้านก็งมๆไปเรื่อยๆเองแหละ เด๋วก็เจอทางไปได้เอง

จริงๆเรื่องหลงหรือไม่รู้ทางเนี่ย มันไม่ได้น่าหงุดหงิดไรนะ แต่มันต้องไม่ใช่ตอนที่รีบๆแบบนี้เท่านั้นเองงงงง งี๊ดดดด ไปไม่ทันดู kemari แล้วแน่ๆล่ะตอนนี้ T_T

แต่เดินไปเดินมาเหมือนสวรรค์โปรด เดินไปเจอแผนที่ "You are here" เข้าจนได้ ในที่สุด .. รู้แล้วว่าต้องไปทางไหน



จริงๆเดินออกมาหน่อยนึงก็มองเห็น Torii ใหญ่หน้า Heian Shrine แล้วล่ะ นิดเดียวเอง 555 มัวแต่ยืนงงกันอยู่ตั้งนาน จริงๆมันอยู่ตรงนั้นใกล้นิดเดียวเอง



แต่ก็ใช่ว่ามาถึงหน้า Heian Shrine แล้วจะไม่งงต่อนะ ยังงงอยู่ ว่าต้องขึ้นรถเมล์ป้ายไหน งมไปงมมาซักพัก ก็เกิดพุทธิปัญญาว่า ไม่ใช่ตรงนี้แล้วล่ะ ต้องเดินไปอีกถนนนึง



แต่ขนาดว่างงๆ ก็ยังถ่ายรูปกันไม่ยั้งนะคะ เอิ๊กกก

Torii นี่ของใหม่ Heian Shrine ก็ของใหม่ ทีแรกก็คุยๆกัน(ตั้งแต่เมื่อคืน) ว่าวันนี้จะแวะกันไม๊ แต่ว่าของใหม่ยังไม่ต้องแวะก็ได้ ไปดูของเก่าๆกันก่อน อิ อิ

ที่นี่สร้างใหม่ฉลองเมืองเกียวโต หรือ Heiankyo ครบรอบกี่ปีนะ? (ทิ้งไว้เป็นคำถามแฟนพันธุ์แท้เกียวโตนะเจ้าคะ อุ อุ)



เดินข้ามถนนหน้า Torii เป็นมุมที่อดจะกดชัตเตอร์มาไม่ได้ ถนนโล่งดี จริงๆแล้วอยากวิ่งไปยืนกลางถนนแล้วให้เจ๊ถ่ายรูปให้จังเรย ถนนกำลังโล่งดี ไม่มีรถซักคัน อ่ะ แน่ละสิรถเค้าก็ติดไฟแดงให้พวกเราข้ามทางม้าลายกันอยู่ตอนนี้ 555 แต่ว่าเกรงจาย กลัวไฟเขียวแล้วข้ามไปไม่ทันง่ะ



เดินต่อไปยังอีกถนน ตอนนี้มีฝนลงเม็ดมาหน่อยๆด้วย

ถึงถนนที่ต้องการแล้วแต่ก็ยังหาป้ายรถเมล์ไม่เจออยู่ดี อ่ะ เดินๆๆ เดินไปอีกเรื่อยๆ ถามพี่ญี่ปุ่นก็ทำท่าเหมือนไม่เข้าใจ พี่เค้าบอกไม่มีป้าย .. อ่ะ เอาล่ะสิ เลยเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ มันต้องเจอซักป้ายล่ะน่า ที่ไปได้

ในที่สุดก็เจอ แต่ว่ารถเมล์ที่ไปได้เพิ่งออกไปเอง อ่ะ รอ ค่ะ

เดินไปที่ตู้ กด ซุปข้าวโพดร้อนๆประทังชีวิตกันก่อน



รอรถเมล์แบบไม่หวังอะไรแล้ว 555 รู้แล้ว รู้นานแล้วว่าไม่มีทางไปทัน แต่ว่า ก็ขอให้ไปถึงก็คงพอ ล่ะมั๊ง

...





 

Create Date : 11 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 มีนาคม 2551 13:47:52 น.
Counter : 860 Pageviews.  

Japan Winter 080104 :: Higashiyama Walk # Eikando



เดินตามเจ๊มาเรื่อยๆ ก็มาถึงวัด Eikando
ตกลงใจกันว่า ไหนๆก็มาถึงแล้ว ก็เข้าซะหน่อย ดูท่าทางเจ๊อยากเข้า ก็ตามใจเจ๊ฮ่ะ ถึงแม้จะพอเดาได้ว่า ไม่มีทางไปดูเค้าเตะ kemari ทันแน่นอน เหอ เหอ เพราะดูจากที่เดินกันมาตั้งแต่ต้นทริปนี่ไม่มีทาง 555 เดินกันแบบเก็บรายละเอียดกันตลอด เราไม่เดินกันแบบเร่งๆค่ะ (ยกเว้นที่ที่เจ๊อยากเร่งเอง ก็เร่งซะ..)



มีโมมิจิหลงอยู่นิดหน่อย...
เค้าว่า ต้องมาดูหน้าโมมิจิ อ่ะนะ ที่ไหนๆก็ต้องมาหน้าใบไม้แดงกันทั้งนั้นถึงจะสวย แต่มาแล้วดูแต่ตัวสถาปัตย์ก็ได้ค่ะ น่าสนใจไม่แพ้กัน



ซื้อตั๋วเข้าตามธรรมเนียม
ถ้ามาหน้าใบไม้แดงก็จะสวยอย่างในตั๋วกะแผ่นพับที่แจกมานี่นะคะ



ไม่มีสีสันสำหรับหน้านี้ แต่แค่ขาว-ดำของสีของอาคารก็ได้บรรยากาศดี
แต่หนาวๆยังงี้ เลี้ยวไปหาห้องน้ำกันก่อนเลยค่ะ 555 เจ๊วิ่งนำไปก่อนแล้ว จมูกไวกับห้องน้ำมากๆ



ระหว่างรอเจ๊เข้าห้องน้ำก็หามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตรงศาลาใกล้ๆกันนั้น มีที่ให้ไว้นั่งพักคอย
มองไปจะเห็นสวนและสะพานข้ามสระน้ำไปยังศาลเจ้ากลางสระ



เข้าไปข้างในกันเต๊อะ



ฟ้าเริ่มทะมึนๆมาแล้ว เหมือนฝนกำลังจะตก



กำลังจะถอดรองเท้าเข้าไปข้างใน เงยหน้าขึ้นไป ฟ้าใสขึ้นมาหน่อย



รางน้ำฝนและสึบากิสีขาวของเจ๊ (ของเจ๊อีกแระค่ะ)

หนาวแล้ว .. ชมนกชมไม้อยู่ข้างนอกนานๆโดยปราศจากบูทแล้วเท้าเย็นเฉียบ เด๋วจะเป็นตะคริวเอา รีบเข้าไปข้างในดีกว่า



เข้าไปห้องแรกเป็นโถงแบบนี้ ค่อยยังชั่วหน่อย มีฮีตเตอร์ ^^

แต่ออกไปจากส่วนนี้ก็หนาวอีกแล้ว หารองเท้าแตะมาใส่เพื่อความอยู่รอด ถึงจะเดินไม่ถนัดนักก็ตามอ่ะนะ ไม่น่าเชื่อว่าพื้นไม้ก็เย็นเฉียบได้ถึงขนาดนี้ (ลงจากเสื่อปั๊บก็เย็นวูบเลยทีเดียว)



แค่มุมมองแรกก็ประทับใจแล้วค่ะ
เก้าอี้แดง เอาไว้นั่งพักจิบชา นั่งชมสวน นั่งพักขา นั่งคุยกัน(เบาๆ)ได้ แต่ไม่ยักกะเห็นคนนั่งกันเท่าไหร่แฮะ





เดินชมสวนไปเรื่อยๆ





เหมือนจะเห็นป้ายห้ามถ่ายรูป .. ในใจนึกว่า ว๊า น่าเสียดายนะ .. แต่ก็ยังยกกล้องมาถ่ายกันอย่างเร็วๆเป็นระยะๆ 555 ขนาดคิดว่าเค้าห้ามอยู่นะเนี่ย .. แต่ไปๆมาๆ ก็เอ๊ะ เห็นคนอื่นเค้าก็ถ่ายรูปกันได้นี่นา ก็เลยคิดว่า คงเป็นห้ามถ่ายรูป "ภายใน" อาคารมากกว่าละมั๊ง .. ก็เลยกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆเลยค่ะ



สวนสวยมาก
เป็นสวนเล็กๆ แต่สวยทุกมุมเลยอ่ะ
เดินไปก้าวนึงมุมมองก็เปลี่ยนแล้ว ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ก็ยังเป็นมุมมองที่ดีเสมอ



น้ำใสๆ
ในสระน้ำใสขนาดเห็นสีของใบไม้แดงของฤดูกาลที่แล้วที่จมลงไปกับรากไม้



กิ่งก้านและท้องฟ้าในน้ำ
แม้แต่ก้มมองสระน้ำยังมีภาพที่น่าประทับใจ



เดินไปเรื่อยๆ





ข้ามมาอีกอาคารนึง อีกฟากของสระน้ำ



มองจากภายในอาคารออกไปเห็นสวน



จริงๆห้องนี้มีป้ายห้ามถ่ายรูปนะ แต่ข้าน้อยขอถ่ายม่านหน้าห้องมาหน่อยนะคะ ไม่ได้ถ่ายข้างในห้องน๊า (นิสัยไม่ดีอีกแว้ว)



เดินวนครบรอบสระ แล้วก็ออกมาตรงข้างๆโถงทางเข้าเมื่อกี้ จะมีตู้ชาร้อนให้กด พร้อมแก้วชาเสร็จสรรพ

ชาร้อนมากกกกกก ถ้าเป็นที่เมืองไทยนะ ข้าน้อยคงไม่สามารถถือถ้วยที่ร้อนจัดแบบนี้ได้ และคงไม่สามารถดื่มชาร้อนๆขนาดนี้ได้เช่นกัน

แต่ด้วยอากาศที่หนาวปานนี้แล้ว สามารถค่ะ ^^



นั่งดูสวนไป ในมือถือถ้วยชา ค่อยๆจิบชาไป โอย .. มีความสุขเกินบรรยายเลย
แต่.. ละเลียดมากไม่ได้นะคะ เพราะแป๊บเดียวชาก็หายร้อนแล้ว (คิดดูว่าอากาศเย็นขนาดไหน >< )



เอาถ้วยไปล้าง เก็บคืนที่เดิม
ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรดูแล้ว เจ๊แมวถึงขนาดออกไปใส่รองเท้าแล้วเลย แต่ปรากฏว่าอีกด้านนึงยังไม่ได้เดินไปดูล่ะ อีกฝั่งเป็นสวนหิน แบบนี้



ถ่ายรูปเล่นกันอยู่กะเจ๊ซักพัก ไม่เห็นเจ๊แมวเดินตามมา (ก็ใส่รองเท้าอยู่) เลยเดินไปตาม บอกว่า ยังมีอีก ถอดรองเท้าก่อนนน อย่าเพิ่งรีบบบ



เดินตามระเบียงมาทางด้านข้าง มีสวนเล็กๆ น่ารักอย่างนี้
มู่ลี่ทำง่ายมากเลยนะ เรียบๆ แต่ดูดี คือมันเข้ากันกับอาคารของเค้าอ่ะ มันเป็นองค์ประกอบไปแล้ว



กำลังจะเดินขึ้นไปค่ะ





อาคารนี้กำลังอยู่ในช่วงบูรณะ แต่ก็เปิดให้เข้าชมได้ภายใน



ด้านในให้แสงสวยมาก สีทองอร่าม มืดแต่สว่าง .. (เออ ใช้คำขัดๆกันไหม แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี) มันมืดๆทึมๆนะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเรืองรองของแสงที่สะท้อนโคมสีทองนั้น ทำให้มันสว่าง ไม่ใช่ความสว่างแบบปัจจุบันอ่ะ
(แนะนำหนังสือ "เยินเงาสลัว" นะคะ สำหรับคนที่อยากจะชื่นชมกับอะไรแบบนี้ ^^)



และก็อีกเช่นกัน ว่าภายในนี้ห้ามถ่ายรูป อ่ะนะ แต่ก็อดใจไม่ไหว (นิสัยไม่ดีตามเคย เหะๆ)
แต่ดูจากรูปแล้วไม่ได้ฟิลเท่าของจริงที่เห็นกับตาหรอกนะ .. เออ มิน่า เค้าถึงบอกอยู่โต้งๆ ว่า กรุณาอย่าถ่ายภาพไปเล้ยย ยังไงก็สู้เห็นด้วยตาจริงๆไม่ได้หรอก
จริงๆนะ

ในห้องนี้เดินไปทางด้านหลังแท่นบูชา จะมีพระพุทธรูปปางแปลกที่ไม่เคยเห็น คือปางหันหน้าเหลียวมามองด้านหลัง .. เจ๊อ่านมาแล้วบรรยายให้ฟังว่า เป็นคติความเชื่อแบบมหายาน คือพระโพธิสัตว์ มีการหันมามองด้วยความเป็นห่วงสรรพสัตว์ทั้งหลาย คือ ท่านรอ ให้ไปพร้อมๆกัน ไม่ได้ไปเพียงลำพังแบบเถรวาท





นี่อาคารโบราณนะคะ ย้ำว่าอาคารโบราณ .. ดูแล้ว modern มากๆเลย



เอาเจ๊ไปเทียบสเกลหน่อย .. อุ เจ๊ตัวเท่าหัวเม็ดเรย 555



detail ยังให้ฟิล modern เลย



กลับมาตรงสามแพร่งก่อนที่จะขึ้นไปอาคารเมื่อกี้ อีกด้านจะเป็นบันไดโค้ง



ตรงนี้มีบ่อน้ำอยู่ เค้าว่า หยอดน้ำลงไปแล้วจะได้ยินเสียงน้ำไหลเป็นเสียง koto



อ่านป้ายๆ เหะๆ อ่านแล้วลองหยอดน้ำดู แล้วเงี่ยหูฟัง มีคนมาเอียงหูฟังกันเยอะอยู่



แต่ได้ยินไม่ค่อยชัดถนัดนัก เพราะคุณพี่ญี่ปุ่นทั้งหลาย เดินลงส้นกันตึงๆเลย โอว คนญี่ปุ่นนี่ตีนหนักกันดีจิง เดินกันพื้นสะเทือน .. สรุปว่าก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเท่าไหร่ ^^



ขึ้นบันได้กันไปต่อค่ะ



มองลงไปก็สูงอยู่





เดินไปตามระเบียงเรื่อยๆ



จนขึ้นมาถึงสุด ที่จุดนี้ ยังไปต่อได้ แต่ต้องเปลี่ยนรองเท้า เอารองเท้าบูทที่หิ้วใส่ถุงมามาเปลี่ยนตรงนี้ แล้วหิ้วรองเท้าแตะไปแทน



แล้วเดินไป.. เจอน้องสาว(หรือพี่?)สองนาง ใส่ชุดมาได้บรรยากาศ เดินตามน้องเค้าไป



เดินขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไป จนถึงเจดีย์



ขึ้นไปถึงด้วยความภาคภูมิใจ กั่กๆๆ จริงๆแล้วเหนื่อยเอาการอยู่นะนั่น หนาวด้วย ><



รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
ได้เห็นภาพท้องฟ้าแบบนี้.. ข้างล่างเป็นเมืองเกียวโต...



หายเหนื่อยแล้วเดินกลับทางเดิม (แวะเก็บหน้าต่างด้วย ^^)



ลงทางเดิม



ออกทางเดิม
ใส่รองเท้าแล้วออกไปเดินข้างนอก ทางเดินผ่านสวน ต้นไม้เหลือแต่กิ่งแล้ว



มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์



เดินไปเจออาคารที่เราเข้าไปดูเมื่อกี้ อ่ะ ไม่มีไรแล้ว เดินกลับออกมา



เดินผ่านสวน ตรงนี้มองเห็นศาลเจ้ากลางสระน้ำ และเห็นเจดีย์ที่ขึ้นไปตะกี้ลิบๆอยู่ข้างหลังไกลๆ



สระน้ำยามฟ้าครึ้ม



มีเป็ดว่ายอย่างสนุกสนาน
คนก็หนุกหนานกับการถ่ายรูปเป็ดมั่กๆ 55





สมควรแก่เวลาแล้วค่ะ



เดินกันต่อไป คิดว่าเป้าหมายข้างหน้าคือหาทางออกไป shimogamo เพราะน่าจะจวนเจียนเวลา ป่านนี้แล้ว ยังหลงๆกันอยู่แถวนี้อยู่เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
...




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 16:57:28 น.
Counter : 2103 Pageviews.  

Japan Winter 080104 :: Higashiyama Walk # Path of Philosophy



หันรีหันขวางกันอยู่ซักพัก เจ๊ก็ตัดสินใจว่า เดินเล่นไปเรื่อยๆแระกัน อิ อิ ไม่มีปัญหาค่ะ เดินได้อยู่แล้ว เลยให้เจ๊นำไปโลด



แดดกำลังอุ่นดี



เหมาะแก่การเดิน



จากป้าย แค่กิโลกว่าๆ (กั่กๆ เกือบสองโลเท่าน้านนน ^^) เดินได้ๆสบายๆ



เดินดูน้ำใสๆในคลอง เห็นสาหร่ายพริ้วๆอยู่ใต้น้ำ



ตลิ่งก่อด้วยหิน มีต้นไม้ใบหญ้าแซมทำให้ดูนุ่มนวลขึ้นเยอะ



มีหมีนั่งล่อเป้าอยู่คู่นึง เลยยิงมาซะหนึ่งช็อต



เจ๊บอก เดินลำบาก ทางไม่เรียบ
เอ่ ไม่นา เราว่าเรียบกว่าทางเท้าบ้านเราตั้งเยอะ 555
ทางนี้ต้องเดินช้าๆ เดินรีบๆ แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้ารีบเดินจะยิ่งรู้สึกว่า ยิ่งไกล



ทางเดินปูด้วยหิน ไม่ถึงกับจะให้เป็นขนาด stepping stone แต่แนวความคิดคงไม่ต่างกันมาก คือให้ค่อยๆเดิน ค่อยๆก้าวอย่างมีสติ ทีละก้าว .. จะเร่งรีบไปไย

แนวทางเดินหิน เป็นแนวคู่ขนานกันไป ให้สวนกันได้ สะดวก เดินกันสบายๆ



หน้าต่างจากบ้านริมคลอง มีน้องหมาโผล่หน้ามามองคนเดินไปมา



Jizo



เจอดอกไม้หน้าบ้านคนอื่น น่ารักอีกแล้ว .. ดอกไรไม่รู้ แต่มีป้ายบอกไว้ ว่า อย่าเด็ดดึงดอกไม้นะจ๊ะ .. เดาว่า ดอกไม้คงสวยน่ารัก คนคงมาถ่ายรูปกันเยอะ อาจมีการกระทบกระทั่งน้องดอกไม้กันบ้าง



ดอกไม้ริมรั้วหน้าบ้านอีกหลัง

จริงๆแล้วมีดอกไม้หน้าบ้านแทบตลอดทาง แต่ถ่ายมาเท่าที่เห็นว่าน่าสนใจ ถ้ามัวแต่ถ่ายรูปดอกไม้ต้นไม้หน้าบ้านคนอื่นไปตลอดทางนี่ คงไม่มีทางเดินไปไหนได้ไกลแน่ๆ 555



ดอกไม้ดอกหญ้าริมทางก็มีนะ เจอน้องเม็ดม่วงอีกแล้ว



เจอร้านแมวร้านนั้นอีกแล้ว ระหว่างทาง สงสัยว่าจะมีหลายสาขา เข้าไปดูอีก แล้วก็ไม่ได้ซื้ออะไรอีกตามเคย กั่กๆ นี่ไง น้องแมวในภาพถ่าย ต้นแบบที่เจ้าของเอามาเป็นแบบวาดรูป น่าร้ากกก



ใบไม้แดง ตกค้างอยู่หนึ่งต้น ลิบๆ ไม่คิดว่าจะสามารถถ่ายให้เห็นสีได้นะเนี่ย



มีศาลเจ้า และวัดเล็กวัดน้อย ตลอดทาง



แอบถ่ายรั้วชาวบ้านเค้า ^^



สึบากิริมรั้วอีกแล้ว



เดินๆไปทางเริ่มกลายเป็นแบบนี้



น้องแมวที่ถ่ายรูปไม่ทัน คุณเธอคงตื่นคน หุ หุ หันตูดวิ่งหนีเข้าร้านไปเลย



ดูท่าทางเจ๊จะหิวแล้วนะเนี่ย อ่อ หนูก็หิวแล้วเหมือนกันค่ะ นี่มันคงเป็นเวลาอาหารกลางวันแล้วววว แต่เรายังหยุดเดินไม่ได้ ต้องทำเวลากันหน่อย ยังไม่รู้จะออกจากตรงนี้กันซักกี่โมง ตอนนี้เลยต้องควัก power bar มากินไปพลางๆก่อน



แค่กระถางเดี่ยวๆ วางไว้หน้าบ้าน แค่นี้ยังน่ารักเลย



บ้านเก่าๆ .. แถบนี้เป็นบ้านแบบนี้เกือบทั้งนั้น เดินชมเมืองแบบนี้ได้บรรยากาศดี



ปูเล่ ก็ดอกใหญ่ สีสวย เป็นที่นิยมเหมือนกัน .. จริงๆแล้วเค้ากินกันมะปูเล่เนี่ย



ใบแดงๆ กับเม็ดแดงๆ



พบเห็นได้ทั่วเกียวโต เป็นสีสันของฤดูหนาว



ชอบ ><



เดินกันต่อไป พยายามจะหาทางเข้าวัดซักวัด .. เดินตามเจ๊ไม่ผิดหวัง 555




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2551 14:53:15 น.
Counter : 1962 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

perfect blue
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




A r e . . y o u . . f e e l i n g . . f i n e ?






流れてゆく 星の涙を 数えながら

揺れる時をわたって

唇の傍で 僕の眼の前に 晒されだした

全ての愛で lost yourself in happiness

.

Changing, nothing gonna changing

彷徨い巡る 季節に 惑わされて

縋る この血が今縋るものに 身を委ねてみよう

.

BGM :

twinkle, twinkle : L'Arc-en-Ciel










© สงวนลิขสิทธิ์ .. นะจ๊ะ ..
เหอ เหอ เหอ


littledevilxxx © 1999 - 2022 All Rights Reserved.


งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27) การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์

*
New Comments
Friends' blogs
[Add perfect blue's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.