ถ้าย้อนเวลาได้ คุณอยากจะทำอะไร?


จากหนังเรื่อง Project Almanac
ถ้าคุณย้อนเวลาได้ คุณอยากจะทำอะไรหรืออยากจะแก้ไขอะไรไหมครับ?



หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของวัยรุ่นกลุ่มนึงที่บังเอิญไปเจอพิมพ์เขียวของเครื่องย้อนเวลาที่พ่อพระเอกทิ้งไว้ก่อนตาย (แหม่ แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว) พระเอกและเพื่อนก็ด๊านนนน เป็นเด็กม.ปลายที่เก่งโคตร สุดท้ายพวกเขาก็ย้อนเวลาได้จริงๆครับ ผมจะไม่พูดถึงตัวหนังเยอะนะเพราะเรามีเรื่องอื่นๆให้คุยอีกเยอะเลย การย้อนเวลาได้เป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆคน (พวกคุณเคยฝันไว้ไหมล่ะ?) รวมถึงผมด้วย

พวกคุณเคยคิดไหมครับว่าถ้าเราเกิดย้อนเวลาได้จริงๆล่ะ เราอยากจะทำอะไร?
ผมคิดนะ
ผมขอยกตัวอย่างของผมเองละกันนะครับ
1. ไม่เรียนม.ปลาย
2. หัดเล่นหุ้นตั้งแต่เด็ก
3. สนใจเรื่องการเงินให้มากกว่านี้
4. ไม่พูดเรื่องงี่เง่าในตอนนั้น (ความลับนะครับ ฮ่าๆ)
และอีกมากมายก่ายกอง

แต่ผมมีเหตุผลนะ
1. ไม่เรียนม.ปลาย เพราะสุดท้ายแล้ววิชาหลายๆวิชาที่เรียนไม่ได้เอาไปใช้ตอนผมเรียนวิศวไฟฟ้าและวิศวเสียง ยกตัวอย่างเช่น วิชาชีวะวิทยา (โคตรยาก อ่านหนังสือหัวแทบระเบิด) พอเข้ามหาลัย ไม่ได้ใช้เลยซักกะนิด
2. หัดเล่นหุ้นตอนเด็ก เพราะถ้าเทียบราคาหุ้นแต่ละตัวในตลาดสมัยผมยังเด็ก บางตัวตอนนู้นราคาแค่หุ้นละ 5 บาท แต่ตอนนี้ 40 กว่าบาท 8 เท่าเลยนะนั่น สมมติผมเอาเงินเก็บตอนเด็กๆผมไปเล่นหุ้น 1 แสนบาท ผ่านไป 5 ปี ผมมี 8 แสนบาท แม่จ้าววววววว โคตรเยอะ!
3. สนใจเรื่องการเงิน เพราะตอนเด็กๆหาเงินใช้เองก็ได้เยอะระดับนึงไม่ถึงกับรวย แต่หมดไปกับการใช้เงินเที่ยว เที่ยวนู่นนี่นั่น สุดท้ายพอถึงวัยทำงาน ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินลงทุน เฮ้อ กว่าจะรู้ตัวก็หมดเวลาไปหลายปีแล้ว แทนที่จะเก็บไว้สบายตอนโต ฮ่าๆ
4. ไม่พูดเรื่องงี่เง่า เพราะมันเป็นเรื่องงี่เง่าไงครับ โอกาสเนี่ย บางครั้งถ้ามันมาหาเราแล้วเราไม่รับไว้ เราอาจจะไม่ได้เจอกับมันอีกเลยก็ได้นะครับ โคตรเศร้า ฮือๆ

ก็บ่นกันเข้าไปชีวิต ไม่รู้จะบ่นอะไรนักหนา สุดท้ายก็แก้ไขอดีตไม่ได้ ฮ่าๆ
เหมือนที่เขาบอกว่า "คำพูดที่พูดไปแล้วเราเอาคืนมาไม่ได้ ความรู้สึกของคนฟังก็เช่นกัน"

มีคำมากมายที่เราพูดผิด พูดไม่คิด พูดเพราะใช้อารมณ์
การพูดแบบนี้ก่อผลเสียมากกว่าผลดีครับ ที่แย่คือเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราพูดอะไรไป

ผมเองเป็นคนที่พูดเร็วครับ เข้าข่ายพูดไม่คิด ชอบเผลออยู่บ่อยๆ แล้วก็ต้องมานั่งขอโทษคนที่เราเพิ่งคุยด้วยเป็นประจำ บางครั้งไม่มีโอกาสแก้ตัวเลยก็มีครับ

สิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้คือ "สติ" ครับ
การมีสติคือการที่เรารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไร คิดอะไร พูดอะไรอยู่
วิธีฝึกง่ายๆคือเวลาจะพูดจะทำอะไรให้ทำช้าลงครับ

สมมติมีคนมาถามคุณเรื่องอะไรซักอย่าง เราก็แค่ทวนคำถามนั้นในใจแล้วหาคำตอบจากประสบการณ์และความรู้ของเราไปอย่างช้าๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆพูดและพยายามรับรู้ความรู้สึกของผู้ฟังว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับเราถ้าเราพูดคำนี้ออกไป

เพราะด้วยเทคโนโลยีตอนนี้เรายังไม่สามารถย้อนเวลาได้ ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรลงไปจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนนะครับ บางเรื่องที่เราทำอาจจะส่งผลดีในระยะสั้น แต่ระยะยาวมันอาจจะส่งผลกระทบที่ทำให้เราผิดหวังก็เป็นได้

แต่ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเราต้องคิดให้ช้าลง ให้รอบคอบขึ้น เราก็แก้ไขตั้งแต่วันนี้ครับ
มีคนเคยบอกผมว่า "วันนี้เราเป็นยังไงให้ดูอดีต อนาคตเราอยากเป็นยังไงให้ทำวันนี้" สู้ๆครับทุกคน

พวกคุณเห็นด้วยไหมครับ? ว่าคนเราสามารถทำผิดพลาดกันได้
แม้แต่มนุษย์ที่ดีที่สุดก็ยังสามารถผิดพลาดได้ จะแปลกอะไรกับคนทั่วไปอย่างเราๆถ้าจะทำผิดบ้าง (เล็กๆน้อยๆเราก็ยอมกันไป) เหอๆ

Project Almanac คะแนน 8.5 เต็ม 10
เนื้อเรื่องสนุกดีครับ ไม่น่าเบื่อ แต่พอเดาได้ ที่ติดใจคือมันเป็นหนังที่ใช้มุมกล้องเหมือนถ่ายคลิปเอง ทำให้บางฉากปวดหัวไปหน่อย เหอๆ นอกนั้นถือว่าเป็นหนังที่สนุกทีเดียวครับ



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 28 สิงหาคม 2560 20:44:36 น.
Counter : 439 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตูมตาม Life is so much fun
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผมชื่อตูมตาม อายุ 27 ปีครับ
ตั้งใจว่าจะเขียน Blog วันละเรื่อง ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
YouTuber : LiSMF (Life Is So Much Fun)
Facebook : Roengrith Jantarima