Deleted Scene :: Take III - Determine - [3.1]



Redeem the sin




Deleted Scene ::Take III

- Determine -





หลังเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นผ่านพ้นข้าได้ตัดสินใจเลือกทางเดินให้แก่ตน


และผลของการเลือกนั้น...


คือการที่ข้าจากแอสการ์ดมา



---† --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † ---



...ข้าเป็นยักษ์น้ำแข็งผู้ไร้หัวใจ...


เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ปรารถนาแล้วข้าไม่เคยเลือกวิธีการ


ข้าใช้พลังเวทอันมากมายมหาศาลของตนถล่มดาวเล็กดาวน้อยไปมากมายหลายสิบหลายร้อยหรือบางทีอาจจะถึงพัน ไม่ว่าดาวดวงนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตามสิ่งที่ข้าทำมีเพียงการฆ่าล้างและทำลาย ราวกับวิปลาสบ้าคลั่งไปแล้วก็มิปาน


...บางครั้งข้าก็สงสัย...หรือข้าอาจจะวิปลาสไปแล้วจริงๆ


และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ธอร์ตามกลิ่นข้ามาได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่เร็วพอที่จะจับตัวข้าได้ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการให้เป็น


“โลกิ!!!”หากมีบ้างบางครั้งเช่นกัน...ที่เขาจะมาทันได้เห็นแผ่นหลังของข้าก่อนจะจากไป


รอยยิ้มของข้าที่สะท้อนอยู่บนดวงเนตรสีฟ้านั้นช่างชั่วร้ายเกินทานทน


ธอร์ตามหาข้าอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมหากทว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยประกายเจิดจรัสยิ่งกว่าดวงดาวสีหน้าหมดอาลัยตายอยากในค่ำคืนสุดท้ายที่ข้าได้เห็นหายวับไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนแต่แววตาของพระเชษฐายามจ้องมองข้าหายลับจากไปกลับย้ำเตือนข้าอยู่ทุกคราว่ามันคือความจริง


...เพราะมันคือแววตาของผู้ที่หวาดกลัวอย่างสุดหัวใจว่าอาจจะไม่มีวันได้พบเจอกันอีกต่อไป...


แผนการของข้าเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในสมองเมื่อถึงเวลาเลือกหมากตัวต่อไป...หมากที่ต้องแข็งแกร่งพอให้ข้าหยิบใช้และโง่พอจะไม่ทำให้แผนการของข้าพ่ายพัง ข้าจึงเลือกปรากฏกายต่อหน้าชาวชิทอรี่...เผ่าพันธุ์ไร้รากซึ่งเร่ร่อนอยู่ในความมืดมิดแห่งห้วงอวกาศแยกตัวโดดเดี่ยว ไม่เป็นพันธมิตรกับพิภพใดและละโมบโลภมากต้องการขุมพลังซึ่งมิใช่ของตน


...ข้าปรากฏตัวต่อหน้าตัวเลือกที่ดีที่สุด...ด้วยสภาพของจอมเวทผู้อ่อนแอแสร้งทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ให้พวกมันเก็บข้ากลับไป


เพื่อหลอกล่อให้พวกมันตายใจข้าจึงต้องกดพลังเวทของตนเองให้ต่ำที่สุด ให้พวกมันเข้าใจไปว่าข้าอ่อนแอเต็มไปด้วยแค้น และต้องการชำระ


...ข้าเป็นยักษ์น้ำแข็งไร้หัวใจ...


...เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ปรารถนาแล้วข้าไม่เคยเลือกวิธีการ...


เมื่อข้าสร้างกระจกส่องมิติแสดงให้พวกชิทอรี่เห็นว่าสิ่งที่พวกมันต้องการอยู่ที่มิดการ์ดพวกมันก็ยอมรับข้าอย่างง่ายดายความกระหายอยากในขุมพลังอำนาจนั้นแผ่ซ่านส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมาจนข้าแทบจะต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ


พวกชิทอรี่มอบกองทัพให้แก่ข้าแลกกับการที่ข้าต้องนำเทซเซอแรคต์ไปมอบแด่พวกมันเมื่อความปรารถนาของข้าสิ้นสุดลงพวกมันเข้าใจว่า...จุดมุ่งหมายของเราคือสิ่งเดียวกัน ข้าอาฆาตแค้นในตัวพี่ชายจึงต้องการทำลายดวงดาวอันเป็นที่รักของธอร์ส่วนชิทอรี่หมายตาเทซเซอแรคต์ซึ่งถูกครอบครองโดยมนุษย์แต่พวกมันไม่อาจไปเยือนมิดการ์ดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องส่งจอมเวทเช่นข้าไปแทน


ไม่ว่าจะอย่างไร...พวกมันก็ต้องพึ่งพาข้าอยู่ดี


ยามเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่กุมอำนาจสูงส่งแห่งเผ่าพันธุ์เร่ร่อนข้าอดรู้สึกขนลุกไม่ได้ หากสิ่งที่ข้าแสดงออกมีเพียงความยะโสโอหัง เย่อหยิ่งถือดี และเต็มไปด้วยความชั่วร้ายไม่ต่างไปจากพวกมัน


ธานอสทำให้ข้าได้เห็นพลังอำนาจที่แท้จริงของเทซเซอแรคต์ขุมพลังที่เป็นต้นกำเนิดของพลังทั้งปวง โลกทั้งเก้าที่เติบใหญ่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิตราวกับอยู่เพียงใต้ฝ่ามือราวกับจะสามารถเชื่อว่า...ขอเพียงแค่ควบคุมเทซเซอแรคต์ได้ โลกทั้งเก้าก็จะตกอยู่ใต้การครอบครองของคนผู้นั้นอย่างง่ายดาย


เหตุที่ธานอสให้ข้าดูพลังเหล่านั้นมิใช่เพื่อปลุกปั่นในตัวข้า...ข้ารู้ดีว่ามันคือคำขู่ของชายที่ริอาจคิดครอบครองจักรวาล


ข้าหอบหายใจหนักนิมิตนั้นทำให้อกของข้าบีบรัดอัดแน่น แต่ข้าก็ยังแสยะยิ้ม...มอบสายตากระหายอยากในอำนาจให้แก่ธานอส


“แล้วข้าจะรอชมผลงานของกองทัพเจ้าชิทอรี่”


บนหมากกระดานนี้...ข้ากำหนดให้ชิทอรี่เป็นเพียงเบี้ยที่ไร้พิษสงและความสำคัญ


สิ่งเดียวที่ข้ามองเห็นคือจุดมุ่งหมายแห่งตน


ไม่ว่าจะมิดการ์ดมนุษย์ หรือชิทอรี่ก็ล้วนแล้วแต่ไร้ความหมาย เป็นเพียงหมากที่ถูกข้าจับวาง ก้าวเดินไปตามการชักนำโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว



---† --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † ---



ข้าขอลองชมแสนยานุภาพแห่งกองทัพชิทอรี่ซึ่งก็ได้รับคำตอบตกลงอย่างง่ายดายจนข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ...และระแวงระวังไปในคราวเดียว


ข้ารู้ดียิ่งกว่าใครว่าโลกนี้มีคำลวงซึ่งไม่อาจจับพิรุธได้จนกว่าจะถูกแทงข้างหลังอยู่จริง


ไม่รู้ว่าธอร์ทำได้อย่างไร...หากในคราวนี้เขากลับหาข้าเจออย่างรวดเร็วก่อนที่ข้าจะได้แตะเท้าลงบนแผ่นดินของดาวเคราะห์ที่เป็นเป้าหมายเสียอีก


กองทัพในครานี้มีเพียงไม่กี่ร้อยตนเพราะข้าไม่ได้ต้องการทำศึกจริง แต่ถึงกระนั้น...เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมาเพียงลำพังต่อชิทอรี่เกือบพันก็ทำให้ข้ารู้สึกอยากหัวเราะดังๆให้แก่ความโง่เง่าของพระเชษฐาผู้นี้เสียให้ได้


ข้ายืนอยู่ด้านหลังกองทัพบนโขดหินที่สูงชันจนสูงเด่นเหนือชิทอรี่ตนอื่น สองมืออันว่างเปล่าไพล่จับกันหลวมๆไว้ด้านหลังพยายามทำเป็นไม่ยี่หระต่อดวงตาสีฟ้าที่เป็นประกาย...แทบจะลุกโพลงด้วยเปลวเพลิง


“เจ้าเห็นชิทอรี่เหล่านี้ไหมธอร์?” ข้ายิ้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นของข้าคนเก่า “คิดเห็นอย่างไรกับกองทัพของข้าบ้าง?”


“โลกิ!กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!!”แม้กระทั่งยามที่ถูกรายล้อมรอบด้วยกองทัพสัตว์ประหลาดมากมาย แต่ธอร์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจพวกมันเลยข้ารู้ หึหึ รู้ดีเชียวล่ะธอร์น่ะหรือ...คนอย่างธอร์น่ะหรือจะเห็นพวกมันอยู่ในสายตา


“กลับ?”ข้าเลิกคิ้วขึ้นเหมือนแปลกใจสุดแสน ทวนคำเสียงสูงด้วยท่าทางที่รู้ดีว่ากวนประสาทเขามากเพียงไร“ก็ได้”


ข้าเฝ้ามองดวงตาสีฟ้าที่เบิกกว้างอย่างยินดีก่อนจะเอ่ยดับรอยยิ้มนั้นจนสิ้นว่า “ข้าจะกลับไปกับเจ้า มารับข้าให้ได้สิ”


สิ้นสุดประโยคของข้าเหล่าชิทอรี่ก็คำรามจนเกิดเป็นเสียงสะท้อนก้องแทบจะดังไปถึงห้วงอวกาศ...แต่มันก็ไม่ดังพอจะกลบเสียงคำรามของธอร์...


ข้าทรุดกายนั่งลงบนโขดหินชันเข่าข้างหนึ่งแล้ววางแขนพาดลงเฝ้ามองการต่อสู้เบื้องล่างเหมือนไม่ใช่เรื่องของตน...แต่...ความจริงแล้วข้าไม่ละสายตาจากธอร์แม้สักวินาที


พระเชษฐาแลดูต่างไปจากครั้งล่าสุดที่ข้าได้เห็นใกล้ๆในห้องบรรทมของตนเอง ข้าบอกไม่ถูกเช่นกันว่าต่างอย่างไร หากทว่าดูเหมือนธอร์จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม


ข้าเริ่มขยับตัวอย่างมิอาจอยู่สุขได้เมื่อธอร์ฝ่ากองทัพชิทอรี่เข้ามาเรื่อยๆจากหลายร้อย เหลือเพียงหลายสิบ และไม่นานมันก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่ตน


วินาทีถัดมามิโอลนิร์ก็คำรามลั่นก่อนท้องฟ้าเบื้องบนจะปกคลุมด้วยเมฆหนาสายฟ้าสีขาวอันเจิดจ้าผ่าลงมาจนทำให้พื้นที่นั้นกลายเป็นความว่างเปล่าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว


ข้านั่งนิ่งอยู่ที่เดิมมองพระเชษฐาซึ่งก้าวเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากที่ไม่คลายลง


สีหน้าของธอร์ดูโล่งอกเมื่อคิดว่าคราวนี้คงได้ตัวข้ากลับไปเสียทีเขามายืนอยู่ต่อหน้าข้าที่นั่งอยู่บนโขดหินซึ่งสูงกว่า จึงต้องเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีฟ้านั้นหรี่ลงราวกับกำลังกลั้นยิ้มเต็มที่ “กลับได้แล้ว เจ้าเด็กเกเร”


เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังราวกับว่าเรื่องที่ข้าทำลงไปช่างเล็กจ้อยเหลือแสนข้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาคงพูดได้ว่าในเก้าโลกนี้ไม่มีพระเชษฐาองค์ใดจะหลงอนุชามากไปกว่าธอร์อีกแล้ว


เมื่อเห็นข้าหัวเราะราวกับเด็กๆเช่นนั้น ธอร์จึงส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างระอามือใหญ่ที่เมื่อครู่ยังฟาดฟันกับเหล่าชิทอรี่ยื่นมือออกมา หมายจะอุ้มข้าลงไป


...แต่มันก็ทะลุผ่านร่างบนโขดหินนั้นอย่างง่ายดาย...


ธอร์หน้าผิดสีชักมือกลับในทันทีที่เห็นร่างของข้าสลายหายไป “โลกิ!!!!”เสียงทุ้มกร้าวตะโกนก้องดังไปถึงชั้นฟ้า ข้าหลับตาลงแล้วรับฟังมันอย่างเงียบๆ


“เจ้ามาสายธอร์” ข้าเอ่ยพึมพำ เสียงที่เกิดจากเวทมนต์สะท้อนก้องจับทิศทางไม่ได้ “สายไปมากรู้ไหม สายจนเกินจะแก้ไขอะไรแล้ว”


“ไม่หรอกโลกิสำหรับเจ้า ไม่มีคำว่าสายเกินไป กลับไปกับข้าเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเองข้าจะปกป้องเจ้าจากทุกสิ่งเอง” เสียงธอร์สั่นสะท้าน อ้อนวอนเสียจนข้าอยากจะหัวเราะให้ดังไปถึงวาลฮาลลานักนี่หรือเทพสายฟ้าผู้เป็นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดนี่หรือธอร์...พี่ชายผู้มุทะลุบุ่มบ่ามในกาลเก่า


นี่หรือน้ำคำ...ที่มอบให้แก่ข้า...ผู้ทรยศ


“หากอยากให้ข้ากลับไปก็มารับข้าให้ได้สิ ธอร์” ข้าเอ่ยประโยคเดิมเช่นก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้ง ไม่รู้ว่าต้องอาศัยความพยายามมากเพียงใดในการควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเทา


ก่อนที่ข้าจะใช้เวทข้ามมิติกลับไปฐานทัพของเหล่าชิทอรี่เสียงของธอร์ก็ดังก้องขึ้นมาราวกับจะประกาศให้ทั่วทั้งจักรวาลได้รับรู้...เป็นพยาน


“คราวหน้า...คราวหน้า! ข้าจะต้องพาเจ้ากลับไปให้ได้! ข้าจะล่ามโซ่เจ้าไว้ไม่ให้หนีไปไหน!ข้าจะปิดปากไม่ให้วาจาเจ้าลวงหลอกผู้ใดให้เจ็บช้ำอีก! จำไว้!! โลกิ!!!”


ข้ายิ้มเพราะนอกเหนือจากยิ้ม...ข้าก็ไม่รู้จะกระทำอันใดได้อีกแล้ว


...ข้าความจำดีเสมอพี่ชายและผู้ที่มักลืมเลือนคำสัญญา...คือท่านเอง...



---† --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † ---



(continued 3.2




Create Date : 24 พฤษภาคม 2555
Last Update : 27 พฤษภาคม 2555 19:45:00 น.
Counter : 779 Pageviews.

1 comments
  
โอ้ จะล่ามโซ่ ปิดปากน้องรักเลยเหรอคะพี่ธอร์ โหดจริง แต่โลกิก็ร้ายจริง...นี่คือที่มาของตอนจบสินะ555
สงสารทั้งคู่เลยค่ะ อ่านแล้วสงสารมากๆ
โดย: vincent-mist IP: 171.7.237.13 วันที่: 24 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:36:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SM.tale
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]