Partners for Justice SS 1 + 2
ซีรีส์แนวสืบจากศพสุดสนุก ตื่นเต้น น่าค้นหา ที่ยังค้างคาไม่มีวี่แววจะสร้างซีซั่น 3 เสียที !
 

     
Partners for Justice เป็นเรื่องราวการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายนิติเวช ฝ่ายอัยการ และตำรวจ โดยให้น้ำหนักไปที่การพิสูจน์หลักฐาน ชันสูตรศพ ซึ่งมีหมอแบ็กบอม เป็นตัวละครสำคัญ ผู้ไขคดี
     หมอแบ็กบอม เป็นหมอนิติเวช ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หลักฐาน แต่มีบุคลิกแปลกประหลาด คือ เก่ง ฉลาด ช่างสังเกต ละเอียดรอบคอบ จริงจัง เข้มงวด ตรงไปตรงมา รู้จักเลือกใช้คนให้เหมาะกับสถานการณ์ ยิ้มยาก ชอบปลีกตัวอยู่มืด ๆ คนเดียว ชอบนอนบนเตียงชันสูตรศพ สะสมอาวุธ และถนัดดมกลิ่นทุกอย่างในศพ
      ประโยคติดปากที่หมอแบ็กบอมมักดุคนอื่นเวลาพวกเขาคาดเดาหรือจินตนาการถึงสาเหตุคดีต่าง ๆ คือ “อย่าแต่งนิยาย” ซึ่งตามหลักเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การพิสูจน์หลักฐานและทำคดี ต้องปราศจากอคติ และคาดเดาจากความรู้สึกหรือจินตนาการไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานชัดเจน สามารถพิสูจน์ได้จนหมดข้อสงสัย
 


Partners for Justice ซีซั่น 1 อารมณ์ของเรื่องไม่โหดเท่าซีซั่น 2 เล่าเรื่องเคสอาชญากรรมคดีต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพาการชันสูตรศพ การตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และการตรวจหาสารเคมีต่าง ๆ โดยเริ่มจากคดีที่มี โอมันซัง (Kim Do Hyun) ตัวร้ายเกี่ยวข้อง และเปิดปมในอดีตของหมอแบ็กบอมที่ทำให้เขายังมีบาดแผลในใจ ทั้งยังบาดเจ็บที่มือขวาจนไม่สามารถเป็นหมอศัลยกรรมเหมือนเดิมได้ แต่ก็ได้รับโอกาสมาเป็นหมอผ่าศพแทน
     นอกจากเรื่องราวน่าตื่นเต้นจากการ “สืบจากศพ” แล้ว ก็ยังมีซีนกุ๊กกิ๊กระหว่างตัวละครสาวสวย สเตลลาร์ สายสืบชา และเจ้าหน้าที่จาง ผู้ช่วยตัวอ้วนของหมอแบ็ก ... จะว่าไปนอกจากหมอแบ็กหน้าบูด อึนซอล อัยการใหม่ที่ดูวุ่นวาย ฉากฆาตกรรมรุนแรง เลือด ศพ เครื่องใน หนอน แล้ว ก็มีแค่ “สเตลลาร์” เท่านั้น ที่เป็นสิ่งสวยงามน่ามองเพียงหนึ่งเดียว



 
      ซีซั่น 1 เรื่องจบตรงการจัดฉากตายของโอมันซัง  ซีซั่น 2 จึงเปิดด้วยการตามหาที่มาของรูปริศนาบนกระดูกหน้าแข้งศพโอมันซัง จากนั้นก็เปิดตัวหมอจางซอล หมอหนุ่มหน้าหวาน ผู้ลึกลับ มีหลายบุคลิก เป็นผลจากการถูกทำร้ายในวัยเด็ก ซึ่งโนมินอู ก็แสดงซีนอารมณ์ได้ดีมาก ๆ  และที่สำคัญเขามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในกระบวนการค้ายาของโอมันซัง !

            
       
  
     
     ฉันไม่เล่ารายละเอียดมากนะคะ อยากให้ดูเอง
     สำหรับคนที่ได้ดูแล้ว ฉันเชื่อว่า Partners for Justice ต้องติดอันดับซีรีส์แนวสืบสวนในดวงใจของสายโหดหลายคนแน่นอน และยังรอคอยซีซั่น 3 แม้ความหวังจะริบหรี่ลงเรื่อย ๆ ก็ตาม 

 
 
สิ่งที่ยังค้างคาไว้ท้ายซีซั่น 2
- หมอแบ็กยังหาหลักฐานตรงจุดที่อัยการโดกับหมอจางถูกยิงไม่ได้
- อัยการอึนซลน่าจะมีแผนเปิดเผยความจริงให้อัยการโด
- อัยการคัลกับอัยการสูงสุดช่วยคนร้ายและกระทำความผิดร้ายแรง แต่ยังไม่ถูกเปิดเผย
- อัยการโดรู้ว่า อัยการระดับสูงใช้อำนาจในทางมิชอบ เชื่อถือและพึ่งพาไม่ได้ จึงลาออกไปเปิดสำนักงานทนายความ เพื่อต่อสู้ตามวิธีของตัวเอง ต้องเอาผิดอัยการพวกนั้น และต้องช่วยหมอจาง
- โอมันซังยังพยายามเอาตัวรอดด้วยการโยนความผิดให้ด็อกเตอร์เค ดังนั้น หมอจางและด็อกเตอร์เคต้องกลับมาแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง
- เปิดตัวการกลับมาของสารวัตรชาไว้ตอนท้าย เพราะฉะนั้นสารวัตรควรกลับมาในซีซั่น 3 พร้อมสเตลลาร์นะจ๊ะ
107 
 
ข้อมูลคร่าว ๆ
ซีซั่น 1 ฉายปี 2018 ยาว 32 ตอน
นักแสดงหลัก
Jung Jae Young เป็น หมอแบ็กบอม
Jung Yu Mi อัยการอึนซอล
Park Eun Seok อัยการคังฮยอน
Stephanie Lee สเตลลาร์ ฮวาง
Lee Yi Kyung สายสืบชาซูโฮ
...
ซีซั่น 2 ฉายปี 2019 ยาว 32 ตอน
ตัวละครสำคัญที่เพิ่มขึ้นมา
Oh Man Seok เป็น อัยการโดจีฮัน
No Min Woo เป็น หมอจางชอล
Kang Seung Hyun เป็น แซลลี่ คิม
Lee Do Guk เป็น อัยการคัลแดชอล
 
รางวัล (ข้อมูลจาก asianwiki.com)
2018 MBC Drama Awards 
Best Actor (Monday & Tuesday mini series) : Jung Jae-Young
Best Actress (Monday & Tuesday mini series) : Jung Yu-Mi
2019 MBC Drama Awards 
Excellent Actor : Oh Man-Seok
Golden Acting : No Min-Woo



Cr. ภาพทั้งหมดจาก mydramalist.com



Create Date : 27 เมษายน 2567
Last Update : 27 เมษายน 2567 17:23:06 น.
Counter : 46 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
The Road : The Tragedy of One
การเดินทางของชีวิต...
แต่ละคนต่างมีจุดหมายปลายทางที่ปรารถนาจะไปให้ถึง   
     ไม่มีถนนเส้นไหนราบเรียบเสมอกันตลอดทาง บางช่วงคดเคี้ยว บางช่วงขรุขระ บางช่วงอาจต้องต้านแรงโน้มถ่วงขึ้นไปให้ถึง  ระหว่างทางอาจมีทางแยกที่ต้องตัดสินใจ
     ทางแยกในชีวิตก็มีหลายแบบ...
     "จุดที่ต้องแยกแยะถูก-ผิด จุดที่ต้องเลือกระหว่างเส้นทางที่ยากหรือง่าย จุดที่ถูกบังคับให้ทำอะไรสักอย่าง...และไม่พอใจ ถึงจะไม่นึกเสียใจทีหลังก็ตาม
     ชีวิตเต็มไปด้วยทางแยกที่ไม่มีวันสิ้นสุด และทางที่เราเลือก จะบ่งบอกตัวตนของเราอย่างแท้จริง" (แบคซูฮยอน EP3)



The Road : The Tragedy of One เป็นเรื่องราวเส้นทางชีวิตของแบคซูฮยอน (Ji Jin-hee) ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ผู้มุ่งมั่นจริงจังในการค้นหาความจริงมาเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ เขาหนีจากฝันร้ายในอดีตมาต่อสู้เพียงลำพัง และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่กล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง
      จนกระทั่งเขาได้พบและแต่งงานกับซออึนซู (Yoon Se-ah) ลูกสาวของซอกีแท (Chun Ho-jin) ประธานบริษัทเจกังกรุ๊ป ซึ่งมีอิทธิพลกว้างขวางในวงการเศรษฐกิจและการเมือง แบคซูฮยอนคิดว่าโชคชะตาได้มอบความงดงามให้แก่เขาแล้ว แต่ทว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้น...
     วันหนึ่งแบคซูฮยอนได้ข้อมูลเกี่ยวกับสำเนาบัญชีเงินทุจริตในเจกังกรุ๊ป ที่ถูกส่งให้สส. เขาจึงติดต่อขอไฟล์ต้นฉบับจากผู้ให้เบาะแส โดยเขาจะต้องแลกมันด้วยเงินก้อนใหญ่ พร้อมหลักประกันเป็นชีวิตลูกชายของเขาในคืนงานราตรีการกุศล  
และในคืนนั้นเอง โศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น !


           
     ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ คือ เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นใน Royal the Hill หมู่บ้านของชนชั้นสูง ภายในหมู่บ้านนั้น มีครอบครัวของพระเอก ครอบครัวของพ่อนางเอก ครอบครัวของชาซอยอง (Kim Hye-eun) และครอบครัวของ สส.ฮวาง (Kim Roe-ha) ตัวละครสำคัญรวมอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คืนราตรีการกุศลนั้น และในบางครอบครัวก็จะมีสมาชิกที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนซ่อนอยู่
     ระหว่างที่พระเอกตามหาตัวคนลักพาตัวเด็กกับไฟล์ต้นฉบับ ปมยิบย่อยก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยทีละปม รวมถึงปมในอดีตของพระเอกด้วย 
     ปัญหาในพล็อตเรื่อง จึงมีทั้งความขัดแย้งระหว่างตัวละคร และความขัดแย้งในใจตัวละคร โดยเฉพาะตัวพระเอกที่มีภาพจำเลวร้ายตามหลอกหลอนในความฝันเสมอ


           
     และเพราะปมซับซ้อน มีตัวละครหลายตัวเกี่ยวพันกันนุงนัง ผู้เขียนยังหลอกคนดูด้วยการหักมุมแล้วหักมุมอีก นับตั้งแต่ท้าย EP1 เลยด้วยซ้ำ ! จึงกระตุ้นต่อมอยากรู้ให้ติดตามดูจนจบ
     เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้ ขอยกให้การถ่ายทำและตัดต่อ
     ฉันชอบตั้งแต่ตอนที่พบศพลูกพระเอก แล้วมีการตัดภาพไปยังตัวละครอื่น ๆ เป็นช็อตสั้น ๆ แค่ให้เห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือด เห็นการกระทำบางอย่าง เห็นสีหน้าแววตา โดยไม่มีคำพูดใด ๆ ทำให้ตัวละครดูน่าสงสัยไปหมดว่า ใครเป็นฆาตกรกันแน่ ?  บางฉากตัดบทสนทนา แล้วย้ายคำตอบไปไว้ตอนเฉลยปม ซึ่งบางตอนถูกซอยเป็นฉากย่อยเล็ก ๆ จนเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์
     ประกอบกับบางเหตุการณ์ใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบโฟกัสที่ระยะใกล้ แล้วเปลี่ยนโฟกัสไปที่อีกตัวละครระยะไกลในฉากเดียวกัน ซึ่งทำให้คนดูต้องคอยสังเกต จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวที่อยู่หน้าจอ แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน



     คำบรรยายของแบคซูฮยอนที่แทรกขึ้นมาระหว่างดำเนินเรื่อง ก็มักมีคีย์เวิร์ดที่ทำให้คนดูเข้าใจความคิดตัวละครมากขึ้น และเดาทิศทางของเรื่องตาม
     ส่วนการสร้างตัวละครนั้น ผู้เขียนตั้งใจเสนอด้านมืดของมนุษย์ ที่มีทั้งความทะเยอทะยาน โลภ หลงอำนาจ ติดยา มีตัณหาราคะ โกรธแค้น และความริษยา ที่มีในแทบทุกตัวละคร ไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นสูง ชนชั้นสามัญ ผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือเด็ก



     มีเพียงคู่ของแบคซูฮยอนกับซออึนซูเท่านั้น ที่พยายามเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ต่อสู้กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ต่อต้านสิ่งผิด เชื่อมั่นกันและกัน พยายามรักษาความเป็นครอบครัว แม้จะมีบางอย่างทำให้พระเอกรู้สึกเคลือบแคลงใจ ขณะที่นางเอกเองก็ต้องการความรัก แต่ต้องอดทนต่อความเย็นชาบ้างานของพระเอก 
     การก้าวพลาด อาจเกิดขึ้นจากการถูกสถานการณ์พาไป และสถานการณ์ก็บีบบังคับให้ทำ



     บทสรุปของเรื่อง จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่แค่ “โศกนาฏกรรมของใครคนหนึ่ง” ...
     หากแต่เกิดจากความผิดพลาดเพียงก้าวเดียวของแบคซูฮยอนเท่านั้น ที่เป็นชนวนให้เกิดเรื่องราวบานปลาย กลายเป็นโศกนาฏกรรม มีคนต้องตาย หลายคนสูญเสีย... ครอบครัวที่พวกเขาเคยพยายามรักษาไว้ กลับแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหลือเพียง ‘ชิ้นส่วนชีวิต’ ที่หัวใจแหลกสลาย. 



The Road : The Tragedy of One ออกอากาศปี 2021

แนว ดราม่า สืบสวน อาชญากรรม  ความยาว 12 EP
โครงเรื่องจากนิยายเรื่อง “Ichi no Higeki” ของ Rintaro Norizuki
นักแสดงนำ Ji Jin-hee เป็น แบคซูฮยอน, Yoon Se-ah เป็น ซออึนซู
                  Kim Hye-eun เป็น ชาซอยอง, Cheon Ho-jin เป็น ซอคีแท

------------- 
Cr. รูปจาก mydramalist.com
 



Create Date : 20 เมษายน 2567
Last Update : 20 เมษายน 2567 20:20:03 น.
Counter : 54 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
Brain / ศึกสมอง ประลองหัวใจ
แนว : ดราม่า – การแพทย์  ออกอากาศปี 2011 ยาว 20 ตอน
นักแสดงนำ : Shin Ha-Kyun, Jung Jin-Young, Choi Jung-Won

 
cr. รูปจาก hancinema.net
 
เรื่องย่อ
       ลีคังฮุน (Shin Ha-Kyun) เป็นประสาทศัลยแพทย์ฝีมือเยี่ยม ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชุนฮา เขามาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน เรียนเก่ง ทะนงตน เชื่อมั่นในตัวเองสูง ดื้อรั้น และทะเยอทะยาน  เขาปรารถนาความก้าวหน้าและตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ จึงทำผลงานอย่างหนักไปพร้อมกับประจบประแจง ศาสตราจารย์โกแจฮัก (Lee Sung-Min) หัวหน้าแผนก หวังให้ ศ.โก สนับสนุนเขา แต่หมอซอจุนซ็อก (Jo Dong-Hyuk) ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน กลับคว้าตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ไปได้โดยไม่ต้องวิ่งเต้นอะไร หมอลีรู้สึกเสียหน้า ผิดหวังที่ทั้งเพื่อนและ ศ.โก หักหลังเขา เขาจึงพยายามดิ้นรนขอโอกาสจากผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลอื่น
       หมอลีมีปมฝังใจตั้งแต่วัยเด็ก 2 เรื่อง คือ แม่ทิ้งเขากับพ่อไปอยู่ที่อื่น กับพ่อเสียชีวิตจากความผิดพลาดในการผ่าตัดสมองของนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง  เขาจึงแสดงออกกับแม่ด้วยความเย็นชาและดูแคลน  กว่าเขาจะรู้หัวใจตัวเอง ก็ต่อเมื่อแม่เป็นมะเร็งสมองชนิดร้ายแรง ระยะสุดท้ายแล้ว เขาต้องยอมคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้ ศ.คิมซังชอล (Jung Jin-Young) หมอที่ทำให้พ่อของเขาเสียชีวิตช่วยรักษาแม่ เพราะ ศ.คิม กำลังทดลองยาที่ใช้กับเซลล์มะเร็งชนิดนี้อยู่
       ยุนจีเฮ (Choi Jung-Won) เป็นแพทย์ฝึกหัดหญิงคนเดียวในหมู่เดือน เธอสวย ขยัน จริงจัง ร่าเริง เห็นอกเห็นใจคนอื่น และเป็นรุ่นน้องคนเดียวที่กล้าต่อปากต่อคำกับหมอลี หมอซอจุนซ็อกรักเธอ แต่เธอกลับหลงรักหมอลี ทั้งที่รู้ว่าหมอลีนิสัยแย่ขนาดไหน แต่เธอก็ชื่นชมความสามารถของเขา และคอยอยู่เคียงข้างเขา

cr. รูปจาก 1.bp.blogspot.com
 
สาระสำคัญ ของซีรีส์เรื่องนี้ คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
       ถึงแม้หมอลีคังฮุนจะเก่งมากขนาดไหน แต่เขาก็มีอุปสรรคระหว่างทางมากมาย แบบที่เรียกได้ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัด และส่วนใหญ่... “ทำตัวเอง” แต่เขาไม่เคยย่อท้อ พยายามหาสารพัดวิธี ใช้เล่ห์กลไม่ได้ ก็ใช้ลูกตื๊อ มีความมุ่งมั่นต้องการเอาชนะและอดทนสูงมาก  แล้วในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ ได้ในสิ่งที่หวังไว้

ความน่าสนใจ 
- การแสดงของชินฮาคยุน ที่รับบทเป็นประสาทศัลยแพทย์ที่ฉลาด เก่ง มีฝีมือในการผ่าตัด แต่นิสัยไม่ค่อยดี แข็งกระด้าง ก้าวร้าว เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมาก ดื้อรั้นดันทุรัง ไม่ฟังใคร ขี้อิจฉา ซึ่งชินฮาคยุนก็แสดงได้น่าหมั่นไส้มาก เขามีบุคลิกดี หน้าเชิด หลังตรง แต่แอบติดตลกกับท่าแสดงความมั่นใจด้วยการสะบัดชายเสื้อกาวน์ไปข้างหลัง  ซีนอารมณ์ก็แสดงได้สมจริงบีบหัวใจคนดู
(เรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรก ๆ ที่ชินฮาคยุนผู้โดดเด่นทางภาพยนตร์ด้วยบทไม่ปกติมาสิบกว่าปี หันมาแสดงละคร ซึ่งเขาก็ยังแสดงได้ดี)

- ผู้เขียนสร้างตัวละครแบบสมจริง เกือบทุกตัวมีพัฒนาการ และเปิดเผยด้านไม่ดีของตัวเองออกมา แม้แต่นางเอก ยุนจีเฮ ที่เป็นคนสดใสร่าเริง จิตใจดี ก็มีพัฒนาการความสามารถทางการแพทย์ กระทั่งมั่นใจในตัวเองจนกล้าตัดสินใจผ่าตัดแทนพระเอกได้

- พล็อตเรื่อง สร้างความซับซ้อนไว้ในความสัมพันธ์ของตัวละครที่เกี่ยวข้องกับพระเอก ทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัวพระเอกเอง และความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับ ศ.คิม,  ปมความคับแค้นในใจของพระเอก ที่ถูกคลายลงจากเคสลูกชายที่ห่วงเงินมากกว่าชีวิตของพ่อกับความจริงที่แม่เปิดเผยก่อนตาย และประโยคที่แม่พูดกับ ศ.คิม ว่า “โบราณว่า เป็นอาจารย์แค่วันเดียว ก็เป็นพ่อตลอดชีวิตแล้ว” ทำให้ ศ.คิม เปลี่ยนท่าทีที่ไม่เคยชอบพระเอกมาเปิดใจช่วยเหลือเขา ...เปลี่ยนจากศัตรูเป็นผู้มีพระคุณ

- เทคนิคการถ่ายทำ ฉากผ่าตัดสมอง ที่ดูสมจริง ซึ่งเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นในเหตุการณ์จริงและคงไม่มีโอกาสได้เห็นในละครไทย

- มุกตลก ที่สร้างจากบุคลิกตัวละครบางตัว โดยเฉพาะ ศ.โกแจฮัก ผู้ชอบไม้ป่าเดียวกัน ช่วยเบรกความดราม่าหนัก ๆ ของเรื่องได้มาก ซึ่งต้องยกความเก่งในการใช้เสียงให้คนพากย์ภาษาไทยด้วย

cr. mydramalist
cr. รูปจาก i.mydramalist.com
 
ประโยคเจ็บ
“ศัตรูที่แท้จริงของคุณ ก็คือตัวคุณ เพราะคุณไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้” (ยุนจีเฮพูดกับลีคังฮุน)        

cr. kdramachoa.com  
cr. รูปจาก kdramachoa.com

การันตีด้วยรางวัลจาก KBS Drama Awards 2011 ได้แก่
          Best Couple Award = Shin Ha-Kyun & Choi Jung-Won
          Netizen Award = Shin Ha-Kyun & Choi Jung-Won
          Excellent Actor = Jung Jin-Young
          Grand Prize = Shin Ha-Kyun
รางวัลจาก Korean PD Awards 2012 ได้แก่
         Best Actor = Shin Ha-Kyun

 
342



Create Date : 15 เมษายน 2567
Last Update : 15 เมษายน 2567 11:26:05 น.
Counter : 182 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
When the Devil Calls Your Name / สัญญาปีศาจ
หากชีวิตของคุณตกต่ำจนถึงขีดสุด หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง  ปีศาจตนหนึ่งยื่นข้อเสนอให้คุณขายวิญญาณแลกกับสิ่งที่คุณต้องการนาน 10 ปี  คุณจะรับข้อเสนอนั้นไหม ?



      ซอดงชอน อดีตนักดนตรีวงดูโอ Liver and Gallbladder วัย 50 กว่า ผู้เคยมีชื่อเสียง แต่เมื่อหมดยุคของเขา ไม่ว่าจะไปเสนอขายเดโม่เพลงที่ไหน ก็ไม่มีใครรับ ไม่มีงาน ย่อมไม่มีรายได้ ไปเล่นดนตรีริมถนน ก็ถูกคนวิ่งราวกระเป๋ากีตาร์ที่ใช้ใส่เงินเสียอีก  เขาวิ่งไล่ตามหัวขโมยไปจนตกหลุมกลางถนน... นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาพบปีศาจ และทำสัญญาขายวิญญาณ
     ซอดงชอน ถูกช่วยขึ้นมาจากหลุมในร่างใหม่ หนุ่มกว่าก่อน จึงเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น ฮาริบ และเข้าไปเป็นโปรดิวเซอร์-นักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวย ได้รับความนิยม กวาดรางวัลมามากมาย มีชื่อเสียงโด่งดัง

     สิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เมื่อฮาริบได้จดหมายแจ้งเตือนว่า อีก 6 วันสัญญาที่เขาทำไว้กับปีศาจจะหมดลง ! แน่นอน ฮาริบพยายามหาวิธีต่าง ๆ ที่จะทำให้ปีศาจยกเลิกสัญญาหรือขอต่อรองยืดเวลาออกไป แต่ปีศาจก็ยื่นข้อเสนอให้หา “วิญญาณชั้นดี” มาเซ็นสัญญาแทน ซึ่ง คิมอีคยอง (นางเอก) คือ เป้าหมายของเขา...



 
        ฉันดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะชอบอีซอล (นางเอก) แต่กว่าจะตัดสินใจดู ก็ถูกดองไว้หลายเดือน ฉันกลัวจะเป็นซีรีส์เศร้าเคล้าน้ำตา เลยได้แต่เปิดเพลงประกอบซีรีส์ฟังวนไปวนมาจนติดหู ... ในที่สุดฉันก็ดูซีรีส์จนจบ 3


           
     “When the Devil Calls Your Name” ไม่ใช่ซีรีส์โศกนาฏกรรมอย่างที่ฉันกลัวตอนแรก แต่ออกแนวโหด ลึกลับ อย่างที่ฉันชอบ เพิ่มความพิเศษที่เป็นซีรีส์แนวละครเพลง ที่ผสมผสานระหว่างเมโลดราม่ากับแฟนตาซี มีความเป็นคอมเมดี้แทรกอยู่บางตอน

ความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ ได้แก่
1. เพลงประกอบละคร – ไพเราะ มีหลากหลายแนว ซึ่งแนวเพลงก็เหมาะกับยุคในเรื่อง ที่เล่าถึงยุคอดีตกับปัจจุบัน เหมาะกับเหตุการณ์ เนื้อหาของเพลงมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง

2. พล็อตเรื่อง – ใต้ร่มของปัญหาใหญ่ที่พระเอกไม่อยากให้สัญญาที่ทำกับปีศาจหมดลง ก็มีการสร้างปมเล็กปมน้อยไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ คลายปมไปจนจบ ทำให้คนดูคอยลุ้นว่าแต่ละปัญหา จะถูกแก้ไขยังไง ? และรอดูว่าสุดท้ายซอดงชอนจะยอมกลับไปเป็นชายชราวัยหกสิบกว่าผู้ยากจนไหม ? หรือจะยอมมอบวิญญาณให้ปีศาจ ? หรือหาวิธียกเลิกสัญญาสำเร็จ ? หรือจบด้วยความตาย ? (ซึ่งตอนจบจริง ๆ ของเรื่อง คนเขียนก็เลือกวิธีจบที่เซอร์ไพรส์คนดูแบบ “อิหยังวะ !” พอสมควร)

3. การสร้างตัวละคร – ผู้เขียนสร้างให้ตัวละครเหมือนมนุษย์จริง ๆ ที่มีทั้งดี ทั้งเลวอยู่ในคนเดียวกัน แม้แต่ตัวปีศาจเองยังมีปมส่วนตัว และแอบมีอารมณ์อ่อนไหวบาง ๆ  
ตัวละครที่มีความพีคทั้งสองด้านชัดเจน ก็คือพระเอกที่โดยพื้นฐานเป็นคนมีเมตตา ช่วยเหลือแมว ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รักลูก แต่เมื่อถูกสถานการณ์บางอย่างบีบบังคับ เขาก็เห็นแก่ตัวที่สุดเหมือนกัน
     ยกเว้นนางเอก ที่เป็นตัวละครฝ่ายดี ดีสุดขั้วจนพระเอกเชื่อว่า เธอคือสเป็ควิญญาณแบบที่ปีศาจต้องการ แต่เมื่อเธอเซ็นสัญญากับปีศาจ เธอก็กลายเป็นอีกคนที่ไม่เหลือความเป็นนางฟ้าผู้แสนดีอีกเลย  

4. การแสดง – บทหนักที่สุดอยู่ที่พระเอก นอกจากต้องเล่นเป็นคน 2 วัย ซอดงชอน กับ ฮาริบ ก็ยังมีซีนอารมณ์หนัก ๆ ที่บีบหัวใจคนดู มีซีนตลกแบบโอเว่อร์แอคติ้ง ซีนแฟนตาซี  ซีนเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ และร้องเพลง  โดยเฉพาะซีนที่ต้องเถียง ทะเลาะ ใส่อารมณ์ จองคยองโฮ (ที่เล่นเป็นพระเอก) สามารถแร็ปบทพูดที่ยาวมากได้รัวเร็ว แถมมีการเล่นระดับเสียงสูงแปร่ง ๆ ได้ด้วย ซึ่งทำให้ฉันทึ่งมาก

5. เทคนิคการถ่ายทำ – การตัดต่อและเลือกมุมกล้องเหมาะ ลงตัว บางจังหวะดูแปลกตา โดยเฉพาะฉากโบ๊ะบ๊ะตอนพระเอกพยายามหาวิธีจัดการกับสัญญาและปีศาจ  นอกจากนี้ การใช้ซีจีในฉากแฟนตาซี ก็ดูเนียน สวย ไม่หลอกตา

... เรียกได้ว่ามีครบทุกรส ดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว ตอนหนึ่ง ๆ อัดแน่นไปด้วยเรื่องราว หลายเหตุการณ์ก็ทำให้ฉันเสียน้ำตา บางเหตุการณ์ก็ทำให้ฉันยิ้ม รู้สึกอบอุ่น และมีความสุข ซึ่งละครน้อยเรื่องจะทำให้รู้สึกอย่างนี้ได้



     “When the Devil Calls Your Name”  สะท้อนปัญหาหลายประเด็นที่พบทั่วไปทั้งในสังคม วงการเพลง การเซ็นสัญญาทั่วไป และชีวิตมนุษย์ ผู้ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเองมีหรือเป็นอยู่...
     เมื่อชีวิตสิ้นหวัง ถึงทางตัน บางคนเลือกทำในสิ่งที่ผิดต่อศีลธรรมและกฎหมาย บางคนเลือกพึ่งพาสิ่งที่มองไม่เห็น บางคนยอมแพ้ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง มีไม่กี่คนที่สู้สุดฤทธิ์ และมีไม่กี่คนที่กล้าเสียสละความสุขของตัวเองแทนคนอื่น แล้วต้องไปต่อสู้ในโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง
     
“สัญญาปีศาจ” เปรียบเหมือนตัวช่วยหรือเครื่องมือแก้ปัญหา ที่แต่ละคนจะตัดสินใจเลือกใช้ มันอาจจะช่วยเราได้จริง แต่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตัวช่วยบางอย่างหมดคุณค่าเมื่อหมดเวลาของมัน ตัวช่วยบางอย่างเป็นเหมือนดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำลายเราเอง
ความอยู่รอดที่ยั่งยืนและน่าภูมิใจที่สุดของมนุษย์ ก็คือการใช้สติปัญญาพยายามพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียนชีวิตอื่น.



Cr. รูปจาก mydramalist.com , blog.asianwiki.com
Cr. เพลงประกอบจาก
https://www.youtube.com/watch?v=hsZAQl5GH68&t=1452s

---------
ออกอากาศปี 2019
นักแสดงหลัก
Jung Kyoung Ho เป็น ฮาริบ / ซอดงชอน
Park Sung Woong เป็น โมแทคัง / รยู
Lee Seol เป็น คิมอีคยอง


 



Create Date : 12 เมษายน 2567
Last Update : 12 เมษายน 2567 18:06:33 น.
Counter : 159 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
Move to Heaven
แนว ดราม่า – ชีวิต 
ออกอากาศช่อง Netflix (2021) ความยาว 10 ตอน
เรื่องราวได้รับแรงบันดาลใจจากสารคดีเรื่อง “Ddeonan Hooe Namgyeojin Geotdeul” (Things Left Behind) โดย Kim Shae-Byeol (เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2015 โดย Chungrim) Kim Shae-Byeol เป็นบุคคลแรกในเกาหลีที่ทำงานเก็บกวาดสิ่งของที่ผู้เสียชีวิตทิ้งไว้
นักแสดงนำ : Lee Je-Hoon,  Tang Joon-Sang

 
เรื่องย่อ
        ฮันจองอู (Ji Jin-Hee) ทำธุรกิจรับเก็บกวาดสถานที่ของคนตาย “Move to Heaven” ภรรยาเสียชีวิต เขาจึงเลี้ยงดูลูกชาย ฮันกือรู (Tang Joon-Sang) เพียงลำพัง กือรูเป็นโรค Asperker Syndrome (โรคในกลุ่มออทิสติก) ตั้งแต่กำเนิด ทำให้เขาแตกต่างจากเด็กปกติ คือ มีบุคลิกคล้ายหุ่นยนต์ พูดอะไรซ้ำ ๆ ไม่สบตาคน ไม่รู้กาลเทศะ ขาดความเข้าใจหรือเห็นใจผู้อื่น แต่กือรูมีความจำเป็นเลิศ และสามารถวิเคราะห์เชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว กลายเป็นความพิเศษที่ทำให้กือรูสามารนำข้าวของของผู้ตายมาปะติดปะต่อกันเป็นความทรงจำของผู้ตาย จนรู้ความปรารถนาของผู้ตายได้  
        จองอูหัวใจวาย เสียชีวิตกะทันหัน แต่เขาเตรียมการต่าง ๆ ไว้ให้กือรูล่วงหน้าแล้ว โดยมอบหมายหน้าที่ให้โชซังกู (Lee Je-Hoon) น้องชายต่างพ่อที่เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเป็นผู้อนุบาลกือรู  ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน และทำงาน Move to Heaven ด้วยกัน
        ยุนนามู (Hong Seung-Hee) เพื่อนบ้านและเพื่อนคนเดียวที่กือรูมี คอยเป็นห่วงเป็นใยดูแลกือรูหลังจากพ่อกือรูเสียชีวิต แล้วซังกูเข้ามาอยู่กับกือรู  นามูไม่ไว้ใจซังกู เพราะเขามีพฤติกรรมน่าสงสัย แถมมักพูดจาไม่เข้าหูคน จึงคอยสอดส่องดูแลให้กือรู แต่ความจริงแล้วชีวิตของซังกู มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ และมีบาดแผลลึกที่เก็บซ่อนไว้ในใจ
        กว่าปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ จะค่อย ๆ คลี่คลายไปพร้อม ๆ กับปมในใจของซังกู ความผูกพันและความห่วงใยก็เกิดขึ้นในใจของทั้งสามคนโดยไม่รู้ตัว  


สาระสำคัญของเรื่อง
1. การเตรียมตัวตายเป็นสิ่งที่ควรทำไว้ล่วงหน้า และมีอะไรที่อยากพูด อยากทำ หรือมีสิ่งค้างคาใจกับใคร ก็ควรรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะไม่มีโอกาส
2. การจะเข้าให้ถึงใจผู้อื่น ต้องรู้จักฟังความปรารถนาของเขาด้วยหัวใจ ใส่ใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

 
ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่อง Move to Heaven :
พล็อตเรื่องและเรื่องราว
        ซีรีส์สร้างจากแรงบันดาลใจเรื่อง “อาชีพนักเก็บกวาดสถานที่หลังการตาย” (Trauma Cleaner) เป็นธุรกิจที่มีในหลายประเทศแล้ว แต่ยังไม่มีคนทำในไทย คงเพราะไม่ใช่อาชีพที่ทำง่าย ได้เงินง่าย แต่ต้องใช้ใจทำ คนทำอาชีพนี้ต้องจิตแข็ง ต้องอดทนต่อความไม่สะดวกสบายในสถานที่ที่มีกลิ่น มีเชื้อโรค มีหนอน แมลงรบกวน ต้องมีความเมตตา ซื่อสัตย์ และต้องเสียสละ ซึ่งผู้เขียนจับมาแมตช์เข้ากับตัวละครที่เป็น Asperker Syndrome ได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ของคนที่มีปัญหากับโรคนี้ ทั้งตัวผู้ป่วยเอง คนที่ดูแล และคนรอบข้าง จึงเป็นอาชีพ เป็นเรื่องราวที่แปลกและน่าสนใจ
       นอกจากนี้ โครงนี้ยังมีลักษณะซ้อนกัน มีโครงใหญ่เป็นเรื่องของฮันกือรูกับการจากไปของพ่อ นับตั้งแต่ก่อนพ่อตายจนกระทั่งอาเข้ามาทดลองเป็นผู้อนุบาลครบ 3 เดือน โดยมีโครงเรื่องย่อย ๆ เป็นเคสต่าง ๆ ที่ Move to Heaven เข้าไปเก็บกวาด ซึ่งแต่ละเคสก็สะเทือนใจคนดู ทั้งในแง่ซาบซึ้ง และเศร้ารันทด รวมถึงเคสของคิมซูชอล นักมวยรุ่นน้องของโชซังกู  สุดท้ายก็จบด้วยการที่กือรูยอมรับความจริงและยอมปล่อยพ่อคืนสู่ธรรมชาติ-ความเป็นจริงของชีวิต

บทบาทการแสดง
      ทังจุนซัง ผู้รับบทฮันกือรู ที่ต้องแสดงเป็นคนไม่ปกติ มีพฤติกรรมแตกต่างจากคนทั่วไป และยากที่ต้องแสดงเป็นคนไร้อารมณ์ความรู้สึกคล้ายหุ่นยนต์ แต่เขาก็แสดงได้ดี เป็นธรรมชาติ   

ตัวละคร
     ฮันจองอู เป็นตัวละครที่ฉันรู้สึกทึ่งและประทับใจ แม้เขาจะปรากฏตัวในเรื่องไม่มาก แต่เขาเป็นเงาของกือรูเสมอ เป็นผู้ชายที่จิตใจดีมาก การที่เขารับเลี้ยงเด็กที่มีสมองไม่ปกติ เป็นเรื่องยากมากอยู่แล้ว แต่เขาก็สอนและเลี้ยงดูเด็กคนนั้นมาได้อย่างดีและเป็นคนดี แถมเขายังเลือกทำอาชีพที่ยาก ต้องเสียสละ และน่ารังเกียจ เขาจึงยอดมนุษย์ทั้งในสายตาของลูกและคนดูอย่างฉัน

ฉาก
     สถานที่ตายของตัวละคร จัดได้สมจริง ชวนอี๋ได้เลย

ประโยคเด็ด
- ชื่อของกือรู แปลว่า ต้นไม้  เพราะพ่อบอกว่า “ทุกคนควรทำประโยชน์ให้เหมือนกับต้นไม้” (กือรูตอบซังกู ตอนถูกถามว่าทำไมพ่อตั้งชื่อเห่ย?)

- “แม้ว่าลูกจะไม่เห็นใคร ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่อยู่ แค่ลูกจำได้ พวกเขาก็จะไม่มีวันหายไป” (พ่ออัดวิดีโอสั่งเสียไว้ให้กือรูก่อนตาย)

4


ซีรีส์ดีการันตีด้วยหลายรางวัล
รางวัลจาก APAN Star Awards 2022 ได้แก่ Best New Actor = Tang Jun-Sang
รางวัลจาก Asia Contents Awards & Global OTT Awards 2021 ได้แก่
         Best Creative Award = Move to Heaven
         Best Actor Award = Lee Je-Hoon
         Best Writer Award = Yoon Ji-Ryeon
รางวัลจาก Asian Academy Creative Awards 2021 ได้แก่
         Best Actor in a Leading Role = Lee Je-Hoon
         Best Drama Series = Move to Heaven

199
(cr. ภาพจาก mydramalist.com)



Create Date : 10 เมษายน 2567
Last Update : 10 เมษายน 2567 10:37:59 น.
Counter : 100 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 

skywriter
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ขี้เล่า ^^
New Comments