“อย่าให้หมอฆ่าคุณ” (ภาค 2)


8 ตัวอย่างความรู้ (จากหนังสือ "อย่าให้หมอฆ่าคุณ") ที่หลายคนอาจยังไม่รู้

1. “แม้มะเร็งจะกระจายไปแล้วแต่ถ้าไม่มีอาการเจ็บป่วย ก็จะไม่เสียชีวิตทันที มีแค่การทำเคมีบำบัดและผ่าตัดเท่านั้นที่จะทำให้เสียชีวิตทันที” (หน้า 81)

2. “...ถ้าผอมลงปุบปับคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นไขมันในเลือดก็จะลดลงด้วยคอเลสเตอรอลมีประโยชน์คือสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ เป็นสารเบื้องต้นในการสร้างฮอร์โมนแต่ละชนิดเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ของเส้นใยแห่งชีวิต หากคอเลสเตอรอลนั้นลดลง ก็จะเป็นสาเหตุให้มีการเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมองติดเชื้อ ซึมเศร้ามากขึ้น ไม่เฉพาะมะเร็งเท่านั้น” (หน้า 145)

3. “อาหารเสริมทุกชนิดมีความเสี่ยงที่คุณจะ‘ได้รับปริมาณสารอาหารมากเกินไป’ แม้แต่เบตาแคโรทีนซึ่งถ้าได้รับมากเกินไป ก็มีโอกาสเป็นโรคหัวใจหรือมะเร็งปอดมากขึ้นดังนั้นจงระวังอย่าหลงเชื่อเวลาคนดังๆ ยิ้มแย้มโฆษณาชวนเชื่อว่า ‘ฉันเองก็ดื่ม เพราะอยากสดใสแข็งแรงอยู่เสมอ’ แล้วซื้อตามเพราะคาดหวังว่าจะได้ผลนะครับ เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจจะผงะกับผลลัพธ์ของมัน (หน้า 163)

4. กาแฟคือเทพแห่งสุขภาพ ความงาม และการมีอายุยืน (หน้า 166)

5. “ภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์จะจับแบคทีเรียปรสิต หรือสิ่งสกปรกในธรรมชาติไปพร้อมกับการเติบโตเพราะฉะนั้นถ้าสภาพแวดล้อมบริสุทธิ์เกินไป ภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลง” (หน้า 179)

6. “การพูดคนเดียว”สลายความเครียด (หน้า 191)

7. “วิธีเดียวที่จะป้องกันไข้หวัดใหญ่คือ“อย่าพาตัวเองไปอยู่กลางฝูงชนเวลาเกิดการระบาด”แต่ถ้าต้องคบค้าสมาคมกับคนอื่นเป็นปกติ ก็ไม่สามารถป้องกันได้แต่ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ครั้งหนึ่ง เราจะมีภูมิคุ้มกันทำให้ติดเชื้อยากขึ้นครับ”(หน้า 201)

8. “ยิ่งอารมณ์รุนแรงก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นสมอง ชั้นเก็บความจำ ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยการป้องกันอาการสมองเสื่อมโดยมีสภาวะอารมณ์กว้างขวาง อยากรู้อยากเห็น เวลามีอะไรก็หัวเราะออกมาดังๆ เจอเรื่องเศร้าหรือยอมลงให้ไม่ได้ ก็ร้องไห้ดีกว่าการฝึกสมองเสียอีก” (หน้า 214-215)




Create Date : 20 ธันวาคม 2558
Last Update : 20 ธันวาคม 2558 9:50:41 น.
Counter : 1573 Pageviews.

0 comment
“อย่าให้หมอฆ่าคุณ” (ภาค 1)

“ผมบอกเขาอย่างที่เคยพูดเสมอว่า‘แม้มะเร็งจะกระจายไปแล้วแต่ถ้าไม่มีอาการเจ็บป่วย ก็จะไม่เสียชีวิตทันทีมีแค่การทำเคมีบำบัดและผ่าตัดเท่านั้น ที่จะทำให้เสียชีวิตทันที’  คนไข้รายนี้จะมาฉายรังสีเฉพาะตอนที่เจ็บโดยไม่รักษาอะไรอีกเลย ปรากฏว่าเขามีชีวิตอยู่ถึง 3 ปี 9เดือน ทั้งที่สูบบุหรี่ต่อเนื่อง แล้วจากไปอย่างสงบ” (หน้า 81)

แน่นอนว่าความคิดแบบนี้ต้องมาจากแพทย์ผู้บุกเบิกการรักษามะเร็งเต้านมโดยไม่ตัดทิ้ง (Dr.Kondo Makoto แพทย์ประจำภาควิชารังสีวิทยาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ)แพทย์ผู้มีความคิดและวิธีรักษาสวนทางจากแพทย์ส่วนใหญ่

ในหนังสือเล่มนี้ คุณหมอคนโดไม่ได้ชูเรื่องรักษามะเร็งโดยไม่ผ่าตัดเป็นพระเอก แต่ได้เขียนถึงหลายๆ เรื่องหลายๆ โรค หลายๆ อาการ ที่ผู้อ่านควรรู้และประเมินตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปพบแพทย์เพราะคุณหมอเชื่อว่า คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดย “ห่างไกลจากยา (เคมี – รังสี) และการรักษาที่ไม่จำเป็น” หลายครั้งการรักษา ก็ทำให้คนไข้เจ็บป่วยมากขึ้นตายเร็วขึ้น และสิ้นเปลือง การใช้อาหารเสริมก็เช่นกัน“คอลลาเจน ไม่ได้ทำให้ผิวนุ่ม และกลูโคซามีน ลงไปไม่ถึงข้อเข่าโดยตรง” ฯลฯ

เรื่องน่ารู้ที่คุณหมอคนโดนำเสนอไว้ในหนังสือเล่มนี้มี 6 ประเด็นใหญ่ๆได้แก่

-เราควรไปหาหมอเมื่อไหร่

-อย่าต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บเลย

-การตรวจสุขภาพที่บิดเบือน การรักษาที่คลุมเครือ

-เคล็ดลับการกินให้ร่างกายแข็งแรง-อายุยืน

-เคล็ดลับการใช้ชีวิตให้ร่างการแข็งแรง-อายุยืน

-แก่ตัวแบบไม่กลัวความตาย

และเรื่องท้ายสุดที่คุณหมอแนะนำก็คือ การเขียน “พินัยกรรมชีวิต” แสดงเจตจำนงปฏิเสธการรักษาในวาระสุดท้าย

*ความคิดเห็นส่วนตัว– ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะเพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวและการทำงานอยู่ในโรงพยาบาล เรามีนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยในการรักษาหลากหลายกว่าเมื่อก่อน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการผ่าตัดไม่ได้ตายเร็วทุกคน บางคนสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้นานเป็นสิบปี ยี่สิบปีแม้จะเป็นในระยะที่มากแล้ว 




Create Date : 19 ธันวาคม 2558
Last Update : 19 ธันวาคม 2558 15:19:30 น.
Counter : 3328 Pageviews.

0 comment
หงส์ฟ้า : ใครว่าการ์ตูนไร้สาระ ?
ท่ามกลางหนังสือการ์ตูนนับสิบตั้งที่เรียงตัวแออัดอยู่บนชั้น มีหนังสือที่เย็บรวม 3 เล่มย่อยเป็น 1 เล่มใหญ่ หุ้มด้วยกระดาษแข็งเคลือบพลาสติก จำนวน 10 เล่ม แทรกตัวปะปนอยู่



หน้าปก – ตรงมุมขวาล่างติดสติ๊กเกอร์สีขาวมีข้อความว่า “มัดจำ 40 บ. ค่าอ่านวันละ 2 บ. จำนวน 10 เล่มจบ” หลังปก – ตรงกลางปั๊มด้วยหมึกสีม่วงมีข้อความว่า “แค่เอื้อม หนังสือเช่า”

...ฟ้องยี่ห้อจะ ๆ ว่าพวกมันมาจากร้านหนังสือเช่า ...

ใครบางคนอาจกล่าวหาว่าฉันเช่ามา แล้วไม่ยอมคืน

เปล่าค่ะ – มันเป็นหนังสือที่ฉันไปอ้อนวอนขอซื้อ หลังทราบข่าวว่าเขากำลังจะเซ้งร้านต่างหาก

...นานมาแล้ว การ์ตูนเรื่อง “หงส์ฟ้า” จำนวน 28 เล่ม (ย่อย) นั้น ฉันเคยได้ครอบครองด้วยเงินค่าขนมที่มักเจียดแบ่งไปซื้อมาอ่านเล่น แต่แล้ว... เพียงเพราะผู้ใหญ่ชอบมองกันว่าการ์ตูนเป็นสิ่งไร้สาระนั่นแหละ “หงส์ฟ้า” ของฉันจึงถูกชั่งกิโลขายไปราวกับของไร้ค่า

อย่าถามเลยว่าความรู้สึกของคนที่รักหนังสือและชอบอ่านการ์ตูนอย่างฉันจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ ... ทั้งใจหาย เสียดาย และเสียใจ จนแทบจะวิ่งออกตามหารถซาเล้งคันนั้นเลยเชียว


................................................

…ภาพของ เรโอน ฮัท โฟนไครส์ กับ ฮิจิรี มะซือมิ ในชุดแสดงของ STUTTGART BALLET เด่นชัดอยู่ในแสงไฟกลางเวที… เด็กสาวค่อย ๆ ละมือออกจากโปสเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งเพิ่งถูกทาบปิดลงบนผนังห้องนอนนั่น ขณะที่สายตาชื่นชมยังคงจดจ้อง

“อยากจะเต้นได้อย่างพวกเขาจัง” เธอบอกกับตัวเอง

นาฏกรรมบนปลายเท้าอันสวยงามผุดพรายขึ้นในห้วงคำนึง ...

... ‘เมื่อความมืดเข้าปกคลุม ก็มีแต่โลกอันเต็มไปด้วยความรักของจิเซลกับอัลโดรุฟ ... แสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศกโหยหาภายในจิตใจ’ …*

การเต้นอันงดงามอ่อนช้อย หากแต่มั่นคงในทุกจังหวะที่เคลื่อนไหว, อารมณ์ความรู้สึกที่สื่อออกมาทางสีหน้า แววตา ท่าทาง, เสียงดนตรีที่บรรเลงประสานอย่างไพเราะนั้น สะกดให้เธอเฝ้ามองภาพเบื้องหน้าตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่รู้สึกถึงระยะห่างของเวลาซึ่งผ่านเลย

...บนเวทีอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางแสงไฟที่พุ่งสาดเข้าหาและสายตาของผู้ชมมากมายที่จับจ้อง บังคับให้ตัวละครต้องทำหน้าที่ของตนต่อไปกระทั่งม่านรูดปิดเข้าหากันสนิทในวินาทีสุดท้ายของการแสดง

สิ่งที่เหลือไว้คืออารมณ์ตกค้างอยู่เบื้องลึก... เสียงปรบมือยังกราวก้อง...


……………………………………

กว่าที่ ฮิจิรี มะซือมิ จะขึ้นมายืนอย่างสง่างามบนเวทีระบำปลายเท้าของโลกได้นั้น เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย... แม้ว่าโชคชะตาจะนำพาให้เธอได้พบกับ อเล็คไซย์ เซลเกฟ นักบัลเล่ต์หนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งรัสเซีย จนทำให้ได้รับโอกาสดี ๆ ... แต่ถ้าตัวเธอเองถอดใจ ไม่ยอมก้าวเท้าออกไป เธอก็จะไม่มีวันถึงกลางเวทีได้เลย

“อย่ารบกวนจิตใจตัวเองด้วยการพ่ายแพ้ความกลัว อย่าคิดว่าตัวเองจะสู้คนอื่นไม่ได้”*...

ครั้งแรกของการแข่งขันในระดับประเทศ มะซือมิตกรอบเพราะความไม่เจนเวทีและความกลัวกังวล ซึ่งเกือบทุกครั้งที่มีการแข่งขันหรือการแสดงสำคัญ เธอมักเผชิญกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอันเปราะบางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากอดีต - เมื่อเธอรู้ความจริงว่าแม่ของเธอทำให้พ่อของเซลเกฟทิ้งเขากับแม่ไปใช้ชีวิตใหม่ ซึ่งเซลเกฟนั้นรู้ดีมาตั้งแต่ต้นที่พบเธอ เขาปิดบังไว้และคอยช่วยเหลือทำดีกับเธอเสมอมา นั่นเพราะความริษยาของเซลเกฟได้หมดไปเมื่อได้ทำความรู้จักมะซือมิ เขาให้อภัยและรักษาบาดแผลในใจด้วยความรัก

ปัญหาจากการแข่งขัน – มะซือมิต้องผจญกับความกดดันอย่างรุนแรง ขณะเข้าชิงตำแหน่งผู้แสดงนำกับริเรียน่า มาคุสโมฟ หญิงผู้มีพรสวรรค์ที่มอสโคว์ ...ทันทีที่ภาพการเต้นอันสวยงามน่ามหัศจรรย์ของริเรียน่าปรากฏ ความเครียดกลัวในใจของมะซือมิก็เขม็งเกลียวตึงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหูไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ไปชั่วเวลาหนึ่ง จนการแข่งขันต้องยุติลงอย่างน่าเสียดาย

แต่ปัญหาที่เสียดแทงหัวใจของเธอมากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องความรัก

รักครั้งแรกของเธอเกิดจาก ฮิโช – ชายหนุ่มผู้อ่อนโยน จิตใจดี และมีความสามารถทางบัลเลต์ อยู่ในแถวหน้าของประเทศ

ถึงแม้ฮิโชจะชอบมะซือมิอยู่มาก แต่เขาก็เลือกถอยออกมาเพื่อหลีกทางให้ อะโยยิ เพื่อนสนิทซึ่งรักมะซือมิอย่างสุดหัวใจ และที่สำคัญ เมื่อซาโยโกะประสบอุบัติเหตุระหว่างการแสดงจนต้องผ่าตัดเอ็นที่ส้นเท้า ยิ่งทำให้ฮิโชต้องรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับซาโยโกะสมัยยังเด็ก ด้วยการเป็นคู่เต้นให้ซาโยโกะตลอดไป

มะซือมิผิดหวังเสียใจจนเกือบพลาดการแข่งขันครั้งสำคัญ แต่เพราะอารมณ์ความปวดร้าวเช่นนั้นเองที่ส่งผลให้การแสดงของเธองดงามสะเทือนใจได้สมจริง และสามารถผ่านเข้ารอบได้ด้วยดี

ระหว่างการแข่งขันรอบสุดท้าย เธอได้พบกับ เรโอน ฮัท โฟนไครส์ นักบัลเล่ต์หนุ่มอนาคตไกลลูกครึ่งญี่ปุ่น-เยอรมัน ผู้มีพรสวรรค์ ฉลาดเฉลียว และเอาแต่ใจ ...โดยตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เต้นคู่เธอ เขาก็แน่ใจในทันทีว่าเขาได้พบคู่เต้นที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

ความรักของมะซือมิแตกสลายลงอีกครา เมื่อเธอตัดสินใจไปอเมริกากับเรโอน ตามคำเชิญของสถาบันนิวยอร์ค ซิตี้ เธอพบ รูซี่ เพื่อนรักของเรโอน แล้วเธอก็รักรูซี่เพราะความร่าเริง ขี้เล่น รวมถึงความเอาใจใส่ ซึ่งเธอไม่สามารถหาได้จากผู้ชายเย็นชา เข้าใจยาก อย่างเรโอน



กระทั่งเธอได้รู้ว่ารูซี่เป็นมะเร็งที่ขา ความสงสารเห็นใจยิ่งทำให้เธอไม่อาจห้ามความรักไว้ได้ เธอยอมทรยศเรโอน หนีไปใช้ชีวิตอยู่กับรูซี่

ในวันที่รูซี่ต้องเข้ารับการผ่าตัดขา เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ซึ่งผลเอ็กซเรย์ก่อนผ่าตัดพบว่ามะเร็งได้ลุกลามไปทั่วกระดูกแล้ว

มะซือมิกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่นเหมือนคนฝังตัวเองไว้กับอดีต

1 ปีผ่านไป ... คณะบรีชุยของรัสเซียมีแผนจะเปิดการแสดงที่ญี่ปุ่น และมะซือมิต้องเต้นร่วมกับริเรียน่า เธอขอให้เรโอนเป็นคู่เต้น แต่เขาปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่รูซี่จากไป มะซือมิไม่เคยลืมรูซี่เลย เธอยังเต้นบัลเลต์กับเงาของรูซี่เสมอ

ท่าทางนิ่งเฉยและการไม่ค่อยพูด (ถ้าพูดก็มักใช้ถ้อยคำประชดประชัน กวนประสาท) คือนิสัยที่ยากจะเข้าใจสำหรับมะซือมิ แต่การแสดงออกด้วยความตั้งใจอย่างอ่อนโยนหนหลัง ทำให้เธอเพิ่งสัมผัสถึงความรู้สึกอ่อนไหวบางอย่างในใจของเธอ

...ต่อเมื่อรู้ว่าเรโอนจะกลับเยอรมันก่อนถึงกำหนดแสดง เธอจึงเริ่มรู้สึกอ้างว้าง

สุดท้ายมะซือมิต้องขอพึ่งพาการเต้นสนับสนุนของอาโยยิ และอาศัยคำสั่งสอนของเซลเกฟช่วยผลักดันตัวเอง

“สิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ ไม่มีการแสดงครั้งอื่นที่จะประทับใจได้มากเท่ากับการแสดงในตอนเริ่มแรก ถึงแม้เธอจะเต้นได้เหมือนกับโมเดิร์นบัลเล่ต์ของริเรียน่าก็ตาม ถ้าลอกเลียนแบบเขามามันก็หมดท่า เราจะต้องใช้ความสามารถของตัวเราเอง โดยเฉพาะจะต้องตั้งสติของตัวเองให้ได้*...”

...แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงนั้น มีผลให้สื่อมวลชนโจมตีมะซือมิอย่างหนัก ผู้คน รวมทั้งเพื่อนร่วมชั้นต่างไม่พอใจและตำหนิเธอ ขณะที่ภาพการเต้นของอาโยยิในจังหวะที่สองมือพลาดพลัดจากการเอื้อมโอบไปไม่ถึงร่างของคู่เต้น กลับทำให้เรโอนมองเห็นหัวใจอันเด็ดเดี่ยว ตัดขาดเป็นอิสระจากอดีตของมะซือมิ เขารีบเก็บกระเป๋าจะไปหาเธอที่ญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน มะซือมิก็ตระหนักชัดว่าเธอไม่สามารถเต้นกับใครได้ดีเท่าเรโอน เธอจึงเดินทางไปหาเขาที่เยอรมัน และได้พบเขาทันเวลา

นั่นเป็นครั้งแรกที่เรโอนยอมเปิดปากอธิบายเหตุผลทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในหัวใจจนหมดสิ้น เขาและเธอได้มอบคำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะเป็นคู่เต้นของกันและกันตลอดไป


………………………………..

“หงส์ฟ้า” เป็นการ์ตูนหรือที่หัวปกเรียกตัวเองว่า “นิยายภาพ” สัญชาติญี่ปุ่น วาดและเขียนโดย อะริโยชิ เคียวโกะ ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาไทยเมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยสำนักพิมพ์มิตรไมตรี ซึ่งก่อนหน้านั้น ขณะที่ “หงส์ฟ้า” กำลังเผยแพร่อยู่ในญี่ปุ่น การ์ตูนชุดนี้โด่งดังเป็นที่นิยมอย่างสูงทั่วประเทศ

และไม่แปลกใจเลยที่สำนักพิมพ์กล้าประกาศว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็น “ยอดนิยายภาพบัลเล่ต์เพชรแท้น้ำเอก” เพราะนอกจากภาพลักษณ์ภายนอกของลายเส้นที่สวยงามมีเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เขียนยังสร้างเรื่องด้วยปัญหาที่ผูกปมให้คนอ่านต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก โดยสอดแทรกความรู้ทางประวัติศาสตร์บัลเล่ต์ ทฤษฎีการเต้น และมุมมองเรื่องการจัดการกับชีวิตที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยความฝัน รวมทั้งแง่คิดอันลึกซึ้งในการทำความเข้าใจชีวิตมนุษย์ ซึ่งถ่ายทอดออกมาพร้อมอารมณ์ความนึกคิดของตัวละครได้อย่างแนบเนียนลุ่มลึก

...ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง ทำให้ฉันหลงรักการ์ตูนเรื่องนี้จนต้องตามหามาเก็บไว้ในครอบครองอีกครั้ง

แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มองการ์ตูนเป็นสิ่งไร้สาระ แค่อ่านเรื่องราวข้างต้น... ฉันเชื่อว่าบางทีทัศนคติที่มีต่อการ์ตูนของคุณอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้.

* ข้อความจากการ์ตูน
 



Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 10 เมษายน 2567 9:35:33 น.
Counter : 5 Pageviews.

11 comment
หมดปัญญา ฉบับ 2 มาแล้ว...
หมดปัญญา นิตยสารออนไลน์ เล่ม 2 : การ์ตูน

ในวัยเด็กพวกเราเริ่มเรียนรู้โลกเรียนรู้ชีวิต ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘การ์ตูน’ เมื่อโตขึ้น หลายคนก็ยังคงมี ‘การ์ตูน’ เป็นเพื่อน
เราอยู่ใกล้และรู้จัก ‘การ์ตูน’ มานานแล้ว…


หมดปัญญา ฉบับนี้จึงขออาสาพาคุณไปเรียนรู้ถึง ความเป็นการ์ตูน บ้าง
อ่าน กำเนิดการ์ตูน ผ่านคำบอกเล่าของ นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ตามรอยประวัติการ์ตูน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
งาน – การเป็นนักวาด - ความอยู่รอด ของ ชัย ราชวัตร นพ วิทูรย์ทอง และทรงศีล ทิวสมบุญ
ชีวประวัติอันไม่ธรรมดาของ น้าต๋อย เซมเบ้
ศิร ชัยยสมุทร (แฟนพันธุ์แท้การ์ตูนญี่ปุ่น) เค้าพูดอะไร ?
ทำความรู้จักกับสำนักสร้างภาพ (การ์ตูน) ทั้งไทย ทั้งเทศ
รวมถึง การ์ตูนแอนิเมชั่น
มองอนาคตการ์ตูนไทยผ่านบทสัมภาษณ์เชิงจินตนาการ
... อ่าน หมดปัญญา เล่มนี้จบแล้ว ลองเช็คตัวเองซิ !
ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม จะบอกคุณได้ว่า คุณ... “โอตากุ” หรือเปล่า ?

เปิดสมองรับเรื่องราวได้ที่ //www.modepanya.com อ่านฟรีทั้งเล่ม





Create Date : 10 ตุลาคม 2551
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 14:23:05 น.
Counter : 477 Pageviews.

1 comment
ขออภัย หากจะเขียนถึง a day อีกครั้ง
… “เราเห็นใบสีเขียวใช่ไหม หน้าที่ของมันทำอะไร เปลี่ยนแสงมาเป็นน้ำตาล มันเก็บน้ำตาลไว้ในใบมันไหม มันไม่เก็บในใบเลย มันส่งไปที่รากหมด พอรากได้น้ำตาลก็เจริญเติบโต แผ่ออกๆ หน้าที่ของรากคือ ดูดน้ำและเกลือแร่ ดูดมาแล้วมันเก็บไว้ไหม แล้วมันขายใบไหม มันส่งให้ มันมีแต่ให้ รากก็ให้ลำต้น ใบยอดก็ให้มาที่ราก แล้วระหว่างทางไอ้ส่วนไหนอยากดึงมาใช้ก็ดึงไป เมื่อรากเจริญเติบโต มันก็ส่งน้ำเกลือแร่ขึ้นไปเยอะ พอน้ำเกลือแร่ขึ้นไปเยอะ ยอดก็เจริญเติบโต ก็ยิ่งผลิตน้ำตาลมากขึ้น ส่งไปราก รากก็ยิ่งโต นี่คือต้นแบบที่ดี เมื่อไหร่ก็ตามที่เราให้ เราจะได้รับ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดจะเทก เราก็จะถูกเทก ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ มันยืนได้ด้วยความรัก...”
(a day with a view : ผศ.ยงยุทธ จรรยารักษ์)



ไม่อยากให้พลาดจริงๆ ค่ะ
a day ฉบับที่ 90 (ก.พ. 51)
มีธีมเกี่ยวกับต้นไม้
... ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะตัวเองเป็นคนชอบต้นไม้อยู่แล้วด้วยหรือเปล่า
ถึงมีความสุขกับการเล็มอ่าน a day ฉบับนี้ไปเรื่อยๆ
จนไม่อยากวาง
ไม่หรอกค่ะ
มันมากกว่านั้น
เพราะฉันไม่ได้สนใจแค่เรื่อง “ต้นไม้” ในเล่ม
ยังมีอะไรน่าสนใจกว่า
ตั้งแต่หน้าปกเป็นต้นไป...
ฟอนท์กับเลย์เอาท์ที่อ่านง่าย สบายตา,
ข้อมูลที่หลากหลาย, วิธีนำเสนอ (การออกแบบ) งานเขียน,
การออกแบบอาร์ตเวิร์ค, การเล่นกับคำ,
การเล่นกับการพิมพ์อักษร / สัญลักษณ์
ซึ่งเห็นได้ชัดจาก main course
คุณจะได้รู้จักใกล้ชิดกับต้นไม้มากมาย
...ไม่ใช่แค่ 'ชื่นตา' แต่ยังได้ 'ชื่นใจ' ...

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกเพียบ
เช่น
- นิตยสารใหม่กับอัลบั้มเพลงชุดใหม่ของ ปราบดา หยุ่น
- ต้นศิลปะ ของ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์
- บทสัมภาษณ์ ผศ.ยงยุทธ จรรยารักษ์
(ซึ่งคนที่จะไปทริป - ลงเรือลำเดียวกับทรงกลดควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง)
- ฮาต่อกับการสวนท่อดีท็อกซ์ ของแทนไท
และ ฯลฯ

แต่ทีเด็ดที่ต้องเด็ดฉบับนี้มาไว้ในครอบครองอีก 2 อย่าง
คือของแถมประจำเล่มค่ะ
อย่างแรก เมล็ดพันธุ์
โดยใครได้พันธุ์รหัสอะไรไป ก็ต้องหาวิธีปลูก (อยู่ในเล่ม) ตามนั้น
อย่างที่สอง หนังสือเล่มเล็ก WHAT IF ? ของคุณอภิสิทธิ์

ซื้อ 1 แถม 2 อย่างนี้ จะรีรอทำไมคะ




Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 8:26:49 น.
Counter : 819 Pageviews.

8 comment
1  2  3  

skywriter
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ขี้เล่า ^^
New Comments