ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

"พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย"

ชั่วเวลาเปลี่ยนผ่านในชีวิต สิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ ณ เวลาหนึ่งกลับกลายเป็นอดีต ทว่าอดีตนั้นอาจย้อนมาให้ได้พบเห็นอีกคราในภาพยนตร์...หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) โดยการบุกเบิกของ โดม สุขวงศ์ มีบทบาทอย่างสูงในการรักษาและรื้อฟื้นเรื่องราวของหนังไทยในวันวานให้กลับมา ปรากฏ ผ่าน "พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย" ในอาคารสีเหลืองซึ่งจำลองแบบมาจากโรงถ่าย "ภาพยนต์เสียงศรีกรุง" โรงถ่ายระดับมาตรฐานแห่งแรกของเมืองไทย


การชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้สนุกต้องมีเจ้าหน้าที่นำชม เพราะข้าวของที่จัดแสดงบางอย่างนั้นไม่บอกไม่เล่าจากผู้รู้ก็ดูไม่มีความ หมาย แต่พอได้รู้ที่มาที่ไป ข้าวของไร้ชีวิตนั้นก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นราวปาฏิหาริย์ สิ่งของกว่า 600 ชิ้นที่จัดแสดงมาจากการแสวงหารวบรวมของผู้บุกเบิกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 จนปัจจุบัน เดิมจัดแสดงในลักษณะของประดับตกแต่งหอภาพยนตร์หลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ หอศิลป์เจ้าฟ้า เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ต่อมาปี 2541 มีการย้ายหอภาพยนตร์ไปอยู่ที่ ต. ศาลายา จ. นครปฐม แล้วปี 2542 ก็ได้เกิดอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อจัดแสดงสิ่งของเหล่านั้น ตั้งแต่สเลตแบบต่างๆ ฉากหนังหลายเรื่อง สิ่งของประกอบฉาก โต๊ะทำงานของผู้กำกับชื่อดัง เครื่องฉายภาพยนตร์ ตู้จำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ กระทั่งห้องจำลองโรงหนังที่เก้าอี้นั่งยังเป็นไม้ก็มีให้ชม

ที่หอภาพยนตร์มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น "ลานดารา" จัด ทุกวันพฤหัสฯ นักแสดงรุ่นเก่าจะมาร่วมประทับฝ่ามือและรอยเท้าลงบนลานดารา แฟนคลับนำใบปิดภาพยนตร์มาขอลายเซ็นดาราที่ตนเองชื่นชอบ และร่วมกันชมภาพยนตร์ต้อนรับดาราเจ้าของรอยพิมพ์มือเท้าในวันนั้น ซึ่งทางหอภาพยนตร์ตัดต่อหนังหลายเรื่องของพวกเขามาย้อนอดีตให้แฟนๆ ได้ชม ปัจจุบันหอภาพยนตร์เปลี่ยนฐานะจากหน่วยงานหนึ่งของกรมศิลปากรมาเป็นองค์การ มหาชน มีโครงการจัดกิจกรรมมากมาย ผู้สนใจสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ //www.fapot.org

โดมกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงหน่วยงานนี้เสมือนการปลูกต้นไม้ "เราปลูกจนมันโต แต่มันก็ยังอยู่ในกระถาง ต้องเอาออกมาปลูกลงดิน" ไม้ ต้นใหม่ต้นนี้จะเติบโตแข็งแรงต่อไปเพียงใด คงอยู่ที่ว่าเราตระหนักถึงคุณค่าของมันเพียงไหน...คุณค่าของอดีตซึ่งเคยถูก บันทึกลงบนแผ่นฟิล์ม

พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทยเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 3 รอบ คือ 10.00 น., 13.00 น. และ 15.00 น. เข้าชมรอบละ 7 คน ระยะเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
ที่ตั้ง : บริเวณสำนักช่างสิบหมู่ ถ. พุทธมณฑลสาย 5 ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม
สอบถาม โทร. 0-2482-1087-8, 0-2482-2013-5 ต่อ 0

เรื่อง : วีรวรรณ ภิญญรัตน์ ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 8:27:25 น.   
Counter : 1817 Pageviews.  

สะพายกล้องท่องภู...ดูเมืองเลย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับนิตยสาร Phototech ขอเชิญผู้รักการถ่ายภาพร่วมเดินทางไปสัมผัสลมหนาว นอนชมดาว กับทริป "สะพายกล้องท่องภู ดูเมืองเลย" ในวันที่ 11-12 ธันวาคม 2554 นี้


นางอัจฉพรรณ บุญเจริญ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเลย กล่าว ว่า โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวและนักถ่ายภาพได้มีโอกาสมองผ่าน เลนส์ในมุมมองที่แปลกใหม่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์การถ่ายภาพ และเก็บภาพสวยๆ ของธรรมชาติและวิถีวัฒนธรรมอันงดงามของจังหวัดเลย วันแรกนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสตำนานของพระธาตุศรีสองรัก สถาปัตยกรรมศิลาแลงของวัดเนรมิตวิปัสสนา ศิลปะลวดลายอันงดงามของหน้ากากผีตาโขนที่พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน อ.ด่านซ้าย ส่วนวันที่สอง ชมทะเลหมอกและถ่ายภาพอันงดงามของทะเลแห่งภูเขา สัมผัสเมืองสุดหนาวในสยาม ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ และร่วมทำกิจกรรม CSR ปันน้ำใจให้น้องที่หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ โรงเรียนบ้านนาป่าหนาด อ.เชียงคาน จากนั้นเยี่ยมชมแก่งคุดคู้ และถนนชายโขง อำเภอเชียงคาน เมืองโบราณริมฝั่งโขง สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เงียบสงบ วันที่สาม ร่วมกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเชียงคาน คือ การตักบาตรข้าวเหนียว ชมสถาปัตยกรรมล้านช้างผสมล้านนาของวัดศรีคุณเมือง ชุมชนบ้านไม้โบราณอายุกว่า 100 ปี และเลือกซื้อสินค้าพื้นบ้าน OTOP ที่ขึ้นชื่อของ อ.เชียงคาน เช่น มะพร้าวแก้ว ผ้าห่มนวม เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร PHOTOTECH โทร. 0 2721 4417, 08 1874 7447 (คุณขวัญจิตร)/ //www.phototech-mag.com และ ททท.สำนักงานเลย โทร. 0 4281 2812, 0 4281 1405




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 11:03:40 น.   
Counter : 1318 Pageviews.  

บอลลูนยักษ์หลากสีฉลองวันขอบคุณพระเจ้า

ขบวนพาเหรดบอลลูนรูปตัวการ์ตูนและตัวละครยอดนิยมเนื่องในวันขอบคุณพระ เจ้า (Thanksgiving Day) กลับมาสร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับมหานครนิวยอร์คอีกครั้ง รวมทั้งดึงดูดผู้คนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ให้ออกมาชมขบวนในปีนี้ซึ่งจัด เป็นปีที่ 85

ทางห้างเมซีส์ (Macy's) ซึ่งเป็นผู้จัดงานคาดว่ามีผู้ออกมาชมขบวนพาเหรดในปีนี้กว่า 3.5 ล้านคน ในขณะที่ผู้ชมทางโทรทัศน์อยู่ที่ราว 50 ล้านคน

นอกจากบอลลูนยักษ์หลากสีสันกว่า 40 ลูกแล้ว ขบวนพาเหรดปีนี้ยังมีรถแห่อีก 27 คัน นักแสดงในชุดตัวตลก 800 คน และเชียร์ลีดเดอร์กว่า 1,600 ชีวิต รวมไปถึงคนดังอย่าง Mary J. Blige, Cee Lo Green, Avril Lavigne และคณะหุ่นเชิดจากเรื่อง Sesame Street (the Muppets of Sesame Street)

ขบวนพาเหรดเพื่อเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของห้างเมซี่ส์ (Macy's) ห้างสรรพสินค้าเก่าของมหานครแห่งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1924 (พ.ศ. 2467) หรือเมื่อ 87 ปีที่แล้ว และยังนับเป็นขบวนพาเหรดในวันขอบคุณพระเจ้าที่เก่าแก่เป็นอันดับสอง โดยในช่วง 3 ปีแรกผู้จัดงานใช้สัตว์ตัวเป็นๆทั้งอูฐ แพะ และช้างมาร่วมเดินในขบวนพาเหรด ก่อนที่เจ้าบอลลูนยักษ์อัดอากาศด้วยก๊าซฮีเลียมจะเข้ามาแทนที่สิงสาราสัตว์ เหล่านี้ในปี 1927 (พ.ศ. 2470)

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บอลลูนในแต่ละปีก็ถูกสร้างสรรค์และออกแบบด้วยโดยอิงตามตัวละครหรือตัว การ์ตูนที่เป็นที่นิยม และแนวคิดของการจัดงาน และในปีนี้ก็มีตัวการ์ตูนยอดฮิตหวนกลับมาสีสันในขบวนพาเหรดอีกครั้งเช่น บัซ ไลท์เยียร์ (Buzz Lightyear) คลัมซี่สเมิร์ฟ (Clumsy Smurf) สปั๊นจ์บ็อบ (SpongeBob) และกบเคอร์มิต (Kermet the Frog)

บอลลูน Hello Kitty สุดหวาน

บอลลูนที่ออกแบบโดยผู้กำกับ Tim Burton กำลังเคลื่อนผ่านย่าน Times Square

Uncle Sam มาแล้ว

บอลลูนตัวการ์ตูน Pikachu




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 9:38:09 น.   
Counter : 2101 Pageviews.  

Ilhéu de Vila เกาะมีรู ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก likecool.com, trekearth.com, panoramio.com, upload.wikimedia.org, magical-azores-islands.com

เห็น ภาพแล้วก็รู้สึกสุดจะบรรยายถึงความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติเป็นผู้สรรค์สร้าง บรรจงเนรมิตรูกลมดิกขึ้นมาตรงกลางเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลแอตแลนติกเหนือ ยิ่งพิศดูก็ยิ่งฉงน เพราะมันช่างกลมได้ราวกับมีใครจงใจมาขุดเอาไว้เลยทีเดียว

เกาะมีรูนี้มีชื่อว่า Ilhéu de Vila เป็นเกาะภูเขาไฟเล็ก ๆ รูปสามเหลี่ยม มีพื้นที่เพียง 95 เฮกเตอร์ หรือ 950,000 ตารางเมตร เท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กจนเห็นเป็นจุดเพียงกะจิดริดอยู่บนแผนที่โลก หรือคุณก็ต้องกดขยายหลายรอบเมื่อต้องการจะดูมันจากกูเกิ้ลเม็พ

Ilhéu de Vila อยู่ห่างจาก Vila Franca do Campo เมืองชายฝั่งตอนใต้ของเกาะ São Miguel อันเป็นพื้นที่ปกครองตัวเองของโปรตุเกส ออกไป 1 กิโลเมตร ภูมิประเทศอันน่าพิศวงของเกาะซึ่งมีแอ่งทะเลสาปกลมดิกอยู่ตรงกลางนั้น เกิดจากพื้นที่ซึ่งเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟมาก่อน ผนวกกับการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก การกัดเซาะของน้ำ และปัจจัยทางธรรมชาติอื่น ๆ จึงได้เนรมิตให้ Ilhéu de Vila กลายเป็นเกาะภูเขาไฟที่เรียกได้ว่ามีภูมิประเทศอันน่าฉงนสนเท่ห์พร้อม ๆ กับงดงามที่สุดก็ว่าได้

แต่ ก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อความเล็กของมันแปรผกผันกับความงดงามและความอุดม สมบูรณ์ของเกาะ เพราะมีกฏที่ออกโดยหน่วยงานปกครองเกาะ ห้ามการตกปลาและจับสัตว์น้ำ รวมทั้งห้ามทำลายพื้ชนํ้าและสาหร่าย เกาะ Ilhéu de Vila เล็ก ๆ แห่งนี้จึงยังมีธรรมชาติอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับแอ่งทะเลสาปทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 เมตร และมีจุดที่ลึกที่สุด 20 เมตร ยังเป็นแอ่งที่มีทางเชื่อมออกทะเลเพียงทางเดียว ทำให้ไม่ถูกรบกวนจากคลื่นในทะเลมากนัก น้ำทั้งนิ่งและใส กลายเป็นจุดดำน้ำชั้นดีที่น่าไปเยี่ยมเยือนอีกแห่งหนึ่ง








นอกเหนือจากกิจกรรมดำน้ำแล้ว ที่เกาะ Ilhéu de Vila ยังสามารถล่องเรือหรือพายเรือเล่นแบบชิล ๆ ได้ด้วย โดยช่วงไฮซีซั่นของเกาะแห่งนี้อยู่ในฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ซึ่งแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยมชมสูงสุดกว่า 600 คน นับเป็นจำนวนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเกาะเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่เพียงแค่จุดเล็ก ๆ บนแผนที่โลกเท่านั้น
































ทั้งความงามที่เป็นเอกลักษณ์จากทะเลสาปกลมดิกจนน่าประหลาดใจ ผนวกกับความอุดมสมบูรณ์ของเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ ทำให้อดอิจฉาผู้ที่ได้ไปเที่ยวที่นั่นไม่ได้จริง ๆ เชียว แบบนี้ถ้ามีโอกาสคงต้องหาทางไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาดูสักครั้ง ว่าความมหัศจรรย์ที่นักสร้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมานั้น จะสุดแสนงดงามเพียงใดที่...Ilhéu de Vila




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 8:45:23 น.   
Counter : 1797 Pageviews.  

เที่ยวเชียงราย ดินแดนเหนือสุดยอดในสยาม

เชียงราย

ภูชี้ฟ้า

เชียงราย

เชียงราย

เชียงราย

เชียงราย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Memories pink และ คุณ kaipcs

เมื่อ ใดก็ตามที่หัวใจเราอ่อนแอ ความเหงาจะเข้ามากัดกร่อนความเป็นเราทุกที... เมื่อใดก็ตามที่เราคิดถึงใครสุดหัวใจ เรามักจะรู้สึกว่ารอบกายไม่มีใครทุกที และเมื่อใดก็ตามที่เราต้องการใครสักคนที่เข้าใจอยู่เป็นเพื่อนกัน เรามักจะพบคำตอบว่ามีเพียงแค่ตัวเราเท่านั้น... เอาล่ะ!! หมดเวลาจมกับความทุกข์ แล้วลุกขึ้นมาสนุกแบบปลดปล่อยความเศร้า เหงา หงอย ออกไปจากความรู้สึกลึกๆ ของเราเสียที... และวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย "เชียงราย" ที่ ๆ จะทำให้คุณมีแต่ความสุข และลืมเรื่องทุกข์ไปในพริบตา ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย พร้อมความหลากหลายไม่รู้จบ ว่าแล้ว... เราก็ไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายกันเถอะ

เชียงราย


"เชียงราย" เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯเป็นระยะทาง 829 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,678 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำหลายสาย แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเชียงของ อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอป่าแดด อำเภอเวียงชัย อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเทิง อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอขุนตาล อำเภอแม่ลาว อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และอำเภอดอยหลวง

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ จังหวัดเชียงรายนั้นมีมากมาย ให้คุณได้เลือกเที่ยวกันแบบเต็มสตรีม ไม่ว่าจะเป็น วัด ดอย ภูเขา ถ้ำ อุทยานแห่งชาติ น้ำตก สถานที่สำคัญต่างๆ ทางด้านวัฒนธรรม ฯลฯ เอ... ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

เชียงราย


เริ่มกันที่ "หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ" ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวอาคารล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงาม เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่น เมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฏหมาย และผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องใน หัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆ และยาเสพติดอื่นๆ

หอ ฝิ่นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 16.00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไป ต่างชาติ 300 บาท คนไทย 200 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท เด็กอายุ12 - 18 ปี 50 บาท (เฉพาะคนไทย) เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ โทร. 0-5378 - 4444-6

เชียงราย


"วัดพระธาตุเจดีย์หลวง" ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภูเมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 โบราณสถานประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงระฆังแบบล้านนา เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเชียงแสน นอกจากนี้ ยังมีพระวิหารที่เก่ามากซึ่งพังทลายเกือบหมดแล้ว และเจดีย์รายแบบต่าง ๆ 4 องค์

"ทะเลสาบเชียงแสน" หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย มีเนื้อที่ทั้งหมด 2,711 ไร่ ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เมื่อปี พ.ศ. 2528 เดิมเป็นเพียงหนองน้ำขนาดเล็ก จนมีการสร้างฝายกั้นทางน้ำ ทำให้น้ำเอ่อล้น จนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ในฤดูหนาวจะมีอากาศเย็นสบายและหมอกลอยปกคลุมทั่วไป ทะเลสาบเขียงแสนยังเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะนกเป็ดน้ำที่ย้ายถิ่นเข้ามาในช่วงฤดูหนาว หลายชนิดเป็นนกหายาก เช่น เป็ดแมนดาริน เป็ดเทาก้านดำ เป็ดเบี้ยหน้าเขียว เป็ดหัวเขียว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริเวณทะเลสาบมีรีสอร์ทไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

"สบรวก" (สามเหลี่ยมทองคำ) อยู่ห่างจากอำเภอแม่สาย 28 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1290 เป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกัน หรือที่เรียกว่า "สบรวก" เป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ลาว พม่า บริเวณนี้เคยมีการค้าฝิ่น โดยแลกเปลี่ยนกับทองคำ ทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงบริเวณนี้มีความงดงาม โดยเฉพาะยามเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอกด้านฝั่งพม่าและลาว นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ค่าเช่าเรือประมาณ 300 – 400 บาท นั่งได้ 6 คน ถ้าต้องการนั่งชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงไปไกลถึงเชียงแสนและเชียงของ ก็สามารถหาเช่าเรือได้ แต่ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล

นัก ท่องเที่ยวที่สนใจล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา คุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้ หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมกว้างของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยง ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง



"พระธาตุดอยตุง" ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า "ดอยตุง"

พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงในวันเพ็ญเดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

ภูชี้ฟ้า


"วนอุทยานภูชี้ฟ้า" เป็น ส่วนหนึ่งของดอยผาหม่น อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามราวภาพวาด ด้วยทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล การจะเดินขึ้นไปชมทะเลหมอกควรจะขึ้นไปยอดภูตั้งแต่ฟ้ายังมืด เพราะเมื่อฟ้าเริ่มสว่างจะทำให้เห็นสายหมอกค่อยๆ ก่อตัวเป็นภาพต่างๆ ดูสวยงามราวกับมีช่างวาดฝีมือมาแต่งแต้ม สร้างความประทับใจไปอีกนาน

"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน" ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ ใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากจังหวัดพะเยา พร้อมทั้งให้ข้อมูลทางด้านวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดี การตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อ และชาวเขาเผ่าต่างๆ ได้แก่ เครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ - อาทิตย์ ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 09.00 - 16.00 น. เก็บค่าเข้าชมชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 30 บาท

"อุทยานแห่งชาติขุนแจ" เดินทางไปตามเส้นทางสายเชียงใหม่ - เชียงราย (ทางหลวงหมายเลข 118) จะถึงที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ริมทางบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 55 - 56 อุทยานแห่งชาติขุนแจตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2538 เป็นอุทยานที่มีความร่มรื่นสมบูรณ์ของป่า มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีสัตว์ป่าหลายชนิด ได้แก่ ชะมด หมูป่า เก้ง เม่น หมี ลิงลม นกต่างๆ เช่น นกแซงแซวสีเทา เหยี่ยวรุ้ง นกตีทอง นกเขียวก้านทองปีกสีฟ้า เป็นต้น หรือจะเลือกไปเที่ยว "น้ำตกขุนแจ" ที่อำเภอเวียงป่าเป้า ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงาม มี 6 ชั้น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนแจ บริเวณน้ำตกมีพื้นที่สำหรับปิกนิกและกางเต็นท์ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังน้ำตก



"อุทยานแห่งชาติดอยหลวง" มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ 731,250 ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูง มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าสน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์มีความอุ้มน้ำสูง ทำให้ลำห้วยและน้ำตกในอุทยานฯ มีน้ำไหลตลอดปี อุทยานฯ ยังมีสัตว์ป่า เช่น หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกหลายชนิด เช่น นกเงือก นกพญาไฟพันธุ์เหนือ นกปีกลายสก๊อต นกกางเขนหัวขาวท้ายแดง นกศิวะปีกสีฟ้า และนกย้ายถิ่นหายาก เช่น นกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า นกกินปลีหางยาวคอสีดำ เป็นต้น

นอก จากความสมบูรณ์ของป่าที่ให้ความร่มรื่น ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มี สูง 9 ชั้น เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำจากน้ำซับใต้ดิน มีตะกอนหินปูนปนมากับน้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยดูสวยงาม และในยามค่ำคืนจะได้ยินเสียงน้ำตกไหลกระทบหิน อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกปูแกง ระยะทาง 1,500 เมตร ตามเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายตามจุดต่างๆ ที่จะให้ความรู้แก่นักเดินป่าได้ เส้นทางเดินไม่ลาดชัน เดินสบาย และนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรม อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์บริการอีกด้วย

เชียงราย


"รอยพระบาทแห่งสันติภาพ" เป็น รอยพระบาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประทับลงบนแผ่นปูนปลาสเตอร์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2525 ณ ฐานปฏิบัติการที่ดอยพญาพิภักดิ์ จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารเมื่อครั้งที่ยังมีการสู้รบกับพรรค คอมมิวนิสต์บริเวณชายแดนของจังหวัดเชียงราย หลังจากฝ่ายทหารได้รับชัยชนะยึดฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวสนิสต์ได้สำเร็จ ก็ไม่ปรากฏการสู้รบบนดอยแห่งนี้อีก จีงขนานนามรอยพระบาทคู่นี้ว่า "รอยพระบาทแห่งสันติภาพ" ทั้งนี้ กองทัพบกมีโครงการสร้างปราสาทที่ประดิษฐานรอยพระบาทขึ้นใหม่ แทนศาลาที่ประดิษฐานรอยพระบาทหลังเดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้ประชาชนได้สักการะ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี 2550

อย่าง ไรก็ตาม สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าใจในจังหวัดเชียงรายนั้นยังมีอีกมากมาย และกำลังรอให้คุณไปพิสูจน์ความงดงามตระการตาด้วยตนเอง พร้อมเก็บความสุขใส่กระเป๋าเดินทางกลับบ้านได้อย่างสบายใจไม่มีใครว่า (อิอิ) แล้วเจอกันที่ จังหวัดเชียงราย นะคะ

เชียงราย


ข้อมูลการเดินทาง

- การเดินทางจากเชียงรายไปยังจังหวัดใกล้เคียง

จากสถานีขนส่งเชียงราย มีรถโดยสารไปเชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ลำปาง แม่สอด พิษณุโลก พัทยา นครราชสีมา นครพนม อุดรธานี และขอนแก่น ติดต่อสถานีขนส่งเชียงราย โทร. 0-5371-1224

รถยนต์

- สามารถเดินทางได้ 3 เส้นทาง ได้แก่

1. เส้นทางนครสวรรค์ – ลำปาง – พะเยา - เชียงราย จากรังสิตมาตามถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอวังน้อย จากนั้นผ่านจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก เข้าสู่จังหวัดลำปาง แล้วตรงไปจังหวัดพะเยา จนเข้าสู่เชียงราย รวมระยะทาง 830 กิโลเมตร

2. เส้นทางนครสวรรค์ – พิษณุโลก – แพร่ - เชียงราย ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ให้แยกขวามือไปตามทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์ - พิษณุโลก) จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก - เด่นชัย) จากจังหวัดพิษณุโลก ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ จนถึงอำเภอเด่นชัย ให้เลี้ยวไปทางจังหวัดแพร่ ตามทางหลวงหมายเลข 101 (แพร่ - น่าน) จนถึงอำเภอร้องกวาง เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 103 ไปบรรจบกับถนนพหลโยธินที่อำเภองาว เข้าสู่จังหวัดพะเยา แล้วตรงต่อไปจนถึงเชียงราย ระยะทางประมาณ 804 กิโลเมตร

3. เส้นทางนครสวรรค์ – ลำปาง – เชียงใหม่ - เชียงราย ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 จนไปถึงจังหวัดลำปาง จึงเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 11 (ลำปาง - เชียงใหม่) ผ่านไปจังหวัดลำพูน แล้วเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่ - เชียงราย) ผ่านดอยสะเก็ต แม่ขะจาน เวียงป่าเป้าเข้าสู่เชียงราย รวมระยะทาง 900 กิโลเมตร มีทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูนมาลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้

รถไฟ

จาก สถานีรถไฟหัวลำโพง มีรถไฟไปลงที่จังหวัดลำปางหรือเชียงใหม่ แล้วเดินทางต่อโดยรถยนต์ ไปจังหวัดเชียงราย สอบถามรายละเอียดได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020

รถโดยสารประจำทาง

มี รถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของ บ.ข.ส. และของเอกชน ไปเชียงรายทุกวัน แบ่งเป็นหลายเส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ – เชียงราย, กรุงเทพฯ – แม่สาย, กรุงเทพฯ – เชียงแสน, กรุงเทพฯ – เชียงของ โดยจะมีรถออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายเหนือ กรุงเทพฯ โทร.0-2936 -2852-66

เครื่องบิน

สำหรับ ท่านที่ต้องการเดินทางโดยใช้บริการโดยสารเครื่องบินมาที่จังหวัดเชียงราย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลของสายการบินต่างๆ ได้เลยค่ะ

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

- ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร.0-5371-1870
- ท่าอากาศยานเชียงราย โทร.0-5379-3048
- สถานีขนส่งจังหวัด โทร.0-5371-1224






ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554   
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 8:39:41 น.   
Counter : 2252 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]