Shanghai ATP Master 1000....Review 5.
15 ตุลาคม 2552 หลังจากเมื่อคืนนี้หลับเป็นตายตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนตื่นอีกทีก็เกือบ 7 โมงเช้า เตรียมอาบน้ำแต่งตัวไปตระลอนทัวร์ในวันที่สองเจ้าอ่างอาบน้ำช่วยชีวิตเราไว้ไม่ให้เมื่อยขาจนอยากจะตัดทิ้งตั้งแต่วันแรกที่มาถึง แช่น้ำอุ่นทุกวันประมาณครึ่งชั่วโมงหายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเราลงมาทานอาหารเช้า ในห้องอาหารของโรงแรมโทร.นัดหมายกับคุณต่ายว่า เดี๋ยวตอนเที่ยงไปเจอกันที่เซี่ยงไฮ้ สเตเดียมดีกว่า ไม่ต้องมาหาเราที่โรงแรมคือจากมหาวิทยาลัยของคุณต่ายมาหาเราที่โรงแรมต้องนั่งรถใต้ดินมา 3 สายแน่ะ อาหารเช้าที่นั่นมีให้เลือกทั้งอาหารแบบตะวันตกแล้วก็ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวแบบจีน นุชก็เลยลองทั้งสองอย่างเลยจานนี้ของชายหนุ่มคนเดียวในคณะเราน้ำผลไม้ที่นี่รสชาติอร่อยมากโดยเฉพาะน้ำแอ๊ปเปิ้ล ติดใจจนต้องดื่มทุกวันทานจนอิ่มดีแล้ว เราก็เดินไปที่ Swiss office ที่อยู่ชั้นเดียวกับห้องอาหารที่นี่มีคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรีเปิดดูบล็อกตัวเอง แล้วถือโอกาสส่งข่าวบอกเพื่อน ๆเลยว่าสิ่งที่ดีใจที่สุดในการมาเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้คือการได้เห็นสตานใกล้ ๆ ได้บอกกับน้องว่าเราเป็นแฟนคลับมาจากเมืองไทยนะ ได้เห็นน้องยิ้มให้และขอบคุณเรา เท่านี้ก็ชื่นใจมากพอแล้วความจริงแล้วการไปเที่ยวครั้งนี้นอกจากความประทับใจที่ได้เจอนักเทนนิสขวัญใจของเราอย่างสตานกับเฟเรร์แล้วที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งไม่แพ้กันคือการได้เพื่อนร่วมทริปดี ๆอย่างพี่พู่กับน้องรวัลย์ ที่มีเรื่องให้ฮาได้ไม่เว้นแต่ละวันและยังมองโลกในแง่ดีสุด ๆ สนุกกันได้ทุกสถานการณ์ไม่มีเบื่อ ไม่มีบ่น ไม่มีท้อ ไม่ว่าแดดจะร้อน ลมจะแรง คนจะเยอะเราสนุกกันได้ตลอดเวลาเราได้เพื่อนใหม่ที่แสนดีอย่างคุณต่ายที่เต็มใจช่วยเหลือพวกเราตลอดเวลาขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ คุณต่าย ที่ให้พวกเรารบกวนซะหลายวันที่สำคัญที่สุดที่จะลืมไม่ได้คือ การได้รู้ว่าการที่ชีวิตเรามีใครสักคนคอยห่วงใย ดูแลเราตลอดเวลามันเป็นช่วงเวลาที่ดีและคุ้มค่าที่สุด คุ้มค่ากับการที่เราเอาความเป็นส่วนตัวของเราไปแลกมาเลยทีเดียว กลับมาที่เรื่องเที่ยวต่อดีกว่า เดี๋ยวจะออกทะเลไปไกลกว่าเดิมสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไปเที่ยวได้อย่างราบรื่นในครั้งนี้คือเจ้าแผนที่อันนี้คุณต่ายบอกนุชตั้งแต่ก่อนออกจากเมืองไทยแล้วว่าให้หยิบแผนที่จากสนามบิน Pudong มาเก็บไว้เพราะเป็นแผนที่ที่มีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเราก็เชื่อฟังเป็นอันดี พกแผนที่ติดตัวไว้คนละฉบับเวลาจะไปไหนก็หยิบแผนที่ขึ้นมา เอาปากกาวงสถานที่ที่ต้องการไปส่งให้แท๊กซี่ อาเฮียคนขับก็จะหยิบแว่นขยายมาส่องดูภาษาจีนที่เขียนไว้แล้วก็พาเราไปส่งถึงที่หมาย ไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเดียวเนื่องจากแต่ละวันเรามีเวลาจำกัด เราเลยตกลงใจว่าถ้าไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ในตัวเมืองเราจะนั่งแท๊กซี่ไปกันระยะทางระหว่างสถานที่แต่ละแห่งกับโรงแรมของเราไม่ไกลกันมากนักการนั่งแท๊กซี่สะดวก และประหยัดเวลาได้เยอะมากค่าแท๊กซี่ไม่แพงจนเกินไป ครั้งละประมาณ 15-25 หยวนเท่านั้น
Shanghai ATP Master 1000.....Review 4
ตอนนี้มีบรรยากาศในเซ็นเตอร์ คอร์ต วันที่เดลแข่งกับเมลเซอร์มาฝากค่ะ(ก็วันแรกที่ไปถึงนั่นแหละ เล่าได้ยืดเยื้อดีจริง ๆ )คู่เดลกับเมลเซอร์จบไปอย่างรวดเร็วพลิกความคาดหมายมาก ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเดลจะรีไทร์เอาดื้อ ๆน้องรวัลย์บอกว่า เดลอาจจะอยากถอนตัวตั้งแต่แรกแต่ความที่มันเคยถอนตัวไปแล้วในรายการที่ซินซินเนติก็เลยจำใจต้องมาลงแข่งในรายการนี้ แล้วก็รีไทร์เอาดื้อ ๆที่นั่งที่เห็นด้านหลังเมลเซอร์ คือ วีไอพีบ๊อกซ์ของบรรดาแขกเกียรติยศทั้งหลาย อย่างคณะกรรมการจัดการแข่งขันภรรยาของนักเทนนิสอย่าง เอลีน่า ดาวิเดนโก้ก็นั่งตรงนี้ถ้าเฟดมาแข่ง เมียร์ก้าก็คงนั่งดูตรงนี้เช่นกันสงสารน้องรวัลย์เอามาก ๆ ที่อุตส่าห์ตั้งใจมาดูเดลเตรียมของขวัญวันเกิดมาให้ด้วย หลังจากเจอเจ้าจ๋อทรยศตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปก่อนน้องรวัลย์ก็ขอตัวไปดักรอเจ้าจ๋อที่ Player entrance มารู้ทีหลังว่าน้องรวัลย์รออยู่ประมาณสองชั่วโมงเศษ ๆจนการ์ดจำหน้าได้ พอรู้ว่ามารอเดล ปอร์โตก็อุตส่าห์ ว.ไปถามให้ว่าเดล ปอร์โตทำอะไรอยู่ ปรากฎว่า เจ้าจ๋อยังอยู่เล่นฟิตเนสอยู่ค่ะรายละเอียดมากกว่านี้ต้องรอพี่พู่มาเล่าให้ฟังนะคะระหว่างที่น้องรวัลย์ไปรอเดลเราก็นั่งรอคู่ของพี่เบลคกับนาดาลอยู่ในเซ็นเตอร์ คอร์ตคนดูในเซ็นเตอร์ คอร์ตวันนั้นน้อยมาก ๆสนามจุคนดูได้ 15,000 คน วันนั้นมีคนแค่ประมาณ 1 ใน 5 ได้มั๊ง รถคาดิแลคที่วันนั้นยังเดาไม่ออกว่าใครจะได้เป็นรางวัลแต่ป่านนี้เอลีน่าคงเอาไปขับฉุยฉายอยู่ที่มอสโคว์แล้วล่ะอากาศที่เซี่ยงไฮ้ตอนหัวค่ำเย็นสบายดีมากค่ะน่าจะประมาณ 18 องศาได้มั๊ง พอดึกหน่อยก็มีลมแรงและน้ำค้างแรงด้วย ได้หมวกมาสเอตร์ คัพที่คุณแลนด์ซื้อให้เมื่อตอนหัวค่ำนั่นแหละกันน้ำค้าง ไม่งั้นคงเป็นหวัดตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงแล้วก่อนที่นักกีฬาจะลงสนาม บรรยากาศยังกะอยู่ในคอนเสิร์ตเมืองไทยแน่ะแสง สี เสียง อลังการงานสร้างมาก ๆเปิดตัวนาดาลค่ะ เพลงที่ใช้เปิดเนี่ยจังหวะเร้าใจเอามาก ๆ ชวนให้อยากลุกขึ้นมาแดนซ์กระจายอยู่ตรงนั้นตอนพี่เบลคก็เหมือนกันค่ะ แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทันคุณต่ายเห็นนาดาลแล้วได้แต่พูดว่า ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลยค่ะกล้ามเล็กกว่าในทีวีตั้งเยอะ คู่นี้เดิมคิดว่า คงไม่ต้องลุ้นมากหรอกนะยังไงน้องล่ำก็คงชนะไปไม่ยากสองเซ็ตรวดปีนี้พี่เบลคขาลงค่ะ ตกรอบแรกรอบสองมาตลอดเลยขนาดขาลง น้องล่ำก็ยังเสียเซ็ตสองให้พี่เบลคไปจนได้ อิอิแต่เราไม่ได้ดูคู่นี้จนจบหรอกค่ะ ตอนที่จบเซ็ตสองเนี่ยก็สองทุ่มเห็นจะได้ เราทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจากการที่ได้นอนบนเครื่องบินแค่สี่ชั่วโมง และวันนี้ยังออกมาตระลอนกันทั้งวันเลยตัดสินใจว่า กลับไปตั้งหลักพักผ่อนกันก่อนเถอะทิ้งภาระการเชียร์โนเล่เอาไว้ให้พี่พู่กับน้องรวัลย์ส่วนคุณต่ายความที่มหาวิทยาลัยเธออยู่นอกเมืองรถใต้ดินที่ผ่านมหาวิทยาลัยหมดตอนสามทุ่มเธอก็เลยต้องกลับเหมือนกัน จาก Qi Zhong คุณต่ายต้องเปลี่ยนรถประมาณสองหรือสามสายนี่แหละ ส่วนนุชกับคุณแลนด์มารอขึ้น shuttle bus สาย 2 มาลงที่เซี่ยงไฮ้ สเตเดียม แล้วก็เรียกแท็กซี่กลับโรงแรมเรายังอุตส่าห์มาถ่ายรูปกันที่หน้าโรงแรมอีกนะคนนี้ยังปกติอยู่ ยิ้มสู้ได้สบายมากส่วนคนนี้ใกล้หมดสภาพ ต้อขอลาไปนอนก่อนแล้วนะ
Shanghai ATP Master 1000.....Review 3
Review มาถึงตอนที่ 3 แล้วค่ะ ปรากฏว่ายังไม่จบเหตุการณ์วันแรกของเราเลยนะเนี่ย ตอนที่อยู่เซี่ยงไฮ้ก็ยังบอกเพื่อน ๆ ว่า ประสบการณ์ในเซี่ยงไฮ้เนี่ยนุชคงเอามาเขียนบล็อกเล่าได้ จนกว่าจะถึงทัวร์นาเม้นท์ที่ Basle เลยทีเดียวช่วงนี้ยิ่งไม่มีข่าวเฮียเฟดให้รายงานอยู่ด้วยแฟนคลับเฟดก็ทนอ่านเรื่องโก๊ะ ๆ ของพวกเราตอนไปเซี่ยงไฮ้ละกันนะคะย้อนกลับไปตอนที่เราไปถึงสนามครั้งแรกเลยเรากำลังจะไปดูเฟเรร์แข่งที่คอร์ต 3 ทางเดินไปคอร์ต 3 ต้องผ่านซุ้มของโค๊กที่นักกีฬามานั่งแจกลายเซ็นต์เค้าเรียกชื่อเป็นทางการว่า Coca - Cola Island เราเห็นคนยืนมุงกันแน่น เลยชะโงกหน้าไปดูซะหน่อยว่าใครแค่เห็นเท่านั้น นุชก็กรี๊ด ๆ ๆ เรียกชื่อ สตาน สตาน สตานจนคุณต่ายตกใจว่าเป็นไรไป รีบบอกเค้าไปว่า เร็ว ๆ ไปขอลายเซ็นต์ สตานกันค่ะดีใจจนมือไม้สั่น หากระดาษ หาตั๋ว วุ่นวายไปหมด ว่าจะเอาอะไรให้สตานเซ็นต์ให้ดีปรากฏว่ามีน้อง ๆ เจ้าหน้าที่ของสนามเค้าเอาแคตตาล็อกของ Filaมาแจกให้คนที่รอขอลายเซ็นต์ เราก็เลยได้เจ้านั่นแหละค่ะเอามาให้สตานเซ็นต์ให้ลายเซ็นเจ้ากระต่ายน้อย - นักเทนนิสคนเดียวที่ได้ลายเซ็นต์มาดีใจซะไม่มีล่ะคุณแลนด์โชคดีมาก ได้รูปนี้มา ทีแรกนึกว่าถ่ายไว้ไม่ทัน คุณแลนด์กับคุณต่ายกำลังจะไปเข้าแถวรอขอลายเซ็นต์เพื่อให้ได้ถ่ายรูปกับสตานอีกรอบนึงปรากฎว่า หมดเวลาแล้ว น้องเค้าก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่เซ็นเตอร์ คอร์ต เพื่อจะรอรถกลับโรงแรมที่พักระหว่างนั้นก็ได้ไปเจอกับพี่พู่ ที่พี่พู่เล่าไว้ในบล็อกก่อนนั่นแหละค่ะส่วนเราสามคนก็เดินไปที่คอร์ต 3 เพื่อจะไปดูพ่อตาหวานเฟเรร์ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปกับ Draw สังเกตว่ามีชื่อของ สตานเข้ารอบอยู่คนเดียวเองตรงจุดที่มีร่มโค๊กกางอยู่คือ Coca Cola Island ค่ะจะมีนักกีฬามาแจกลายเซ็นต์ที่นี่ทุกวัน วันละสองรอบประมาณ บ่ายสามโมงกับหกโมงเย็นคนที่มาแจกลายเซ็นต์ก็จะเป็นคนที่ชนะมาจากวันก่อนหน้านั้นแหละส่วนอาคารทื่เห็นอยู่ทางขวามือ เป็นอาคารที่บรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลายมาออกบูธโฆษณาประชาสัมพันธ์และขายสินค้าของตัวเองบรรยากาศที่นี่เอื้อต่อการมานั่งรอขอลายเซ็นต์นักกีฬามาก ๆ ค่ะไม่ใช่เฉพาะการดูกีฬาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ Qi Zhong มีตั๋ว ground ขายด้วยนะคะ ราคา 30 หยวนเข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศในสนาม ดูนักกีฬาซ้อมและดูเทนนิสจากจอมอนิเตอร์ใหญ่ยักษ์ที่ติดตั้งไว้หน้าเซ็นเตอร์ คอร์ต แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สำหรับคนที่ไม่มีเงินมากนัก แต่อยากมีโอกาสดูกีฬาระดับนานาชาติเค้าก็เข้ามาดูจากการถ่ายทอดสด มีเพื่อนร่วมเชียร์และได้ใกล้ชิดกับนักกีฬา ได้มีโอกาสรอขอลายเซ็นต์แม้แต่การได้เข้าไปนั่งดูอดีตมือ 1 ของโลกอย่างนาดาลลงซ้อมในคอร์ตก็สามารถทำได้ ตอนที่นาดาลซ้อมก่อนที่จะลงแข่งรอบชิงน่ะนุชว่ามีคนดูเต็มคอร์ตมากกว่าคนที่ดูรอบแรก ๆ บางแมทช์ซะอีกนะบรรยากาศคอร์ต 3 ตอนที่เฟเรร์แข่งกับโลเปซโลเปซรายการนี้แรงค่ะตอนที่ผ่านรอบแรกมาได้ ในเว็บของเอทีพีถึงกับพาดหัวข่าวว่า โลเปซทำสถิติหยุดแพ้ได้แล้วอิอิ ตรงกันข้ามกับคนอื่นเค้านะเนี่ยกองเชียร์สเปนค่ะ ไม่รู้ว่าเชียร์ใคร ระหว่างพ่อตาหวานเฟเรร์กับสุดหล่อโลเปซรูปนี้นุชอยู่ที่หน้าเซ็นเตอร์ คอร์ต อาคารที่เห็นด้านหลังที่มีป้ายไฮเนเกนติดอยู่คือ แคนทีนในสนามส่วนคอร์ตที่เห็นอยู่ด้านหลังแคนทีนคือ คอร์ต 3ที่ไปดูเฟเรร์ในวันแรก กับไปดูหลวงพี่วีซ้อมในวันสุดท้ายในแคนทีนมีวงดนตรีเล่นให้ฟังกันสด ๆ ด้วยในช่วงเย็น ๆ ของทุกวันด้านขวามือที่เห็นในรูป คือ Hall of frame ของรายการมาสเตอร์ คัพที่จัดขึ้นที่นี่ระหว่างปี 2005 -2008ระหว่างเซ็นเตอร์ คอร์ตกับคอร์ต 2 มีคอร์ตอื่น ๆ อยู่ข้างทางอีก 17 คอร์ต แม้แต่เสาไฟก็ยังทำเป็นรูปไม้เทนนิสสวยงามอาคารเตี้ย ๆ ที่เห็นอยู่ด้านหลัง คือห้องน้ำมีจำนวนมากและสะอาดดี เสียชื่อห้องน้ำเมืองจีนหมดเลยทางเดินจาก Grandstand คอร์ต 2 ไปเซ็นเตอร์ คอร์ตระยะห่างกันประมาณเกือบ 1 กม.รายการนี้มี Rolex เป็นสปอนเซอร์หลักค่ะเราเลยได้เห็นเสานาฬิกาโรเล็กซ์อยู่ทั่วงานและปีหน้าเซี่ยงไฮ้จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo เราก็เลยได้เจอมาสคอตของ Expo เดินเล่นอยู่ทั่วงานเหมือนกัน
Shanghai ATP Master 1000.....Review 2
น้องรวัลย์แยกกับเราที่โรงแรม น้องเค้ามีเพื่อนคนจีนชื่อ Sky เป็นแฟนคลับน้องเดลมารับไปก่อนตั้งแต่เช้าแก๊งค์เราเหลือกันแค่ พี่พู่ นุช คุณแลนด์ และคุณต่ายหลังจากนั่งรถมานาน สองชั่วโมงกว่า ๆ เราก็มาถึงที่หมายจนได้ถึงจะไม่มีเฟดรออยู่ที่นี่ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำความฝันที่จะได้ดูมาสเตอร์ ซีรี่ย์สักรายการหนึ่งเป็นความจริงขึ้นมาแล้วพอลงจากรถมา คนกลุ่มแรกที่เราเจอก็คืออาเฮีย อาเจ๊ที่มาเสนอขายตั๋วให้เราเหมือนที่เจอตอนที่เราจะขึ้นรถบัสมาสนามกีฬานั่นแหละทุกคนมาเสนอขายตั๋วอย่างเอาเป็นเอาตายถ้าจะซื้อเนี่ย ต่อรองได้เกินครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวแต่วันนี้เรามีตั๋วมาแล้ว เลยไม่ต้องสนใจกับอาฮีย อาเจ๊พวกนี้อิอิ ตั๋วที่ซื้อมาก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า .....จะเข้าได้หรือเปล่าแต่เราชอบเสี่ยง ก็เลยยอมซื้อมาก่อนหน้าสนามวันแรกมีแค่ยามรักษาการณ์ วันต่อ ๆมามีตำรวจมาคอยดูพวกขายตั๋วผีด้วยนะวันแรกนี้นุชกับคุณแลนด์ตั้งใจจะดูคู่ที่แข่งในเซ็นเตอร์ คอร์ตกับดูเฟเรร์แข่งที่แข่งคอร์ต 3 เท่านั้น แต่พี่พู่อยากดูป๋าซาฟกับน้องเบิร์ดTomas Berdych แข่งที่คอร์ต 2 ด้วยคุณต่ายก็เลยช่วยไปซื้อตั๋วนักเรียนราคา 30 หยวนให้พี่พู่วันต่อ ๆ มาพอพวกนี้มาเสนอขายตั๋วให้เราอีกพี่พู่กับน้องรวัลย์เลยขอถ่ายรูปด้วยซะเลยอาเฮียคนนี้ท่าทางอารมณ์ดี ไม่ซีเรียสเท่าคนอื่น ๆจริง ๆ เราก็พูดกันคนละภาษาแหละนะแต่รู้เรื่องกันได้ยังไงก็ไม่รู้ซิบรรยากาศหน้าสนามเวลาประมาณบ่ายสามโมงวันพุธที่ 14 ตุลาคม ดูเงียบเหงามาก ๆ คงจะเพราะว่าเป็นวันทำงานด้วยแหละคนที่มาดูนอกจากนักท่องเที่ยวอย่างเรา ก็มีพวกเด็ก ๆ นักศึกษานักศึกษาที่นั่นซื้อตั๋วเซ็นตอร์ คอร์ตได้ในราคา 50 หยวนคอร์ต 2 ราคา 30 หยวน คุณต่ายบอกนุชว่า แต่ที่นั่งมันจะไกลมาก เธอก็เลยยอมซื้อตั๋วผีราคา 80 หยวนพร้อมเราด้วยก่อนที่จะรู้ว่า มีตั๋วแล้ว ถ้าที่ว่างอยากนั่งตรงไหนก็นั่งไปเหอะ ประตูทางเข้าด้านหน้าสุดถัดจากที่พี่พู่ยืนอยู่นี่เค้าจะแค่ขอดูว่าเรามีตั๋วหรือเปล่าเท่านั้นถ้ามีก็จะปล่อยให้เราเดินผ่านเข้าไปจนถึงเต๊นท์สีขาวที่เห็นอยู่ด้านหลังโน่นที่จุดนั้นจะมีการตรวจตั๋วว่า จริงหรือปลอมโดยใช้เครื่องตรวจใครใช้ตั๋วนักเรียนก็จะถามหา Student ID Card ด้วยแต่กลุ่มเราก็อาศัยคุณต่ายเอาตัวรอดได้สบายนอกจากนั้นก็จะ X-ray กระเป๋า ซึ่งมีเครื่องตรวจอยู่ประมาณ 3-4 เครื่องเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราก็จะสามารถผ่านเข้าไปในบริเวณจัดการแข่งขันได้แล้วเราก็ผ่านเข้ามาด้านในจนได้ คุณต่ายดีใจมากที่ตั๋วมันไม่ปลอมแฮะCadillac เป็นสปอนเซอร์รายการนี้ เลยมีรถมาจอดโชว์อยู่หน้าเซ็นเตอร์ คอร์ตกลับมาเล่าต่อนะคะหลังจากอ่อนอกอ่อนใจกับพ่อหนุ่มตาหวานที่แพ้ไปดื้อ ๆ แล้วเราก็อพยพกันกลับมาที่เซ็นเตอร์ คอร์ต เพื่อจะมารอดูน้องเดลกับเมลเซอร์ระหว่างทางเดินผ่านแคนทีน ก็เลยแวะเข้าไปเติมพลังกันก่อนแคนทีนที่นี่กว้างใหญ่ดี แต่เทียบกับที่เมืองทองแล้วมีอาหารให้เลือกน้อยกว่าหลายเท่า นุชกิน lunch box ของที่นี่ติดต่อกันทุกวัน เปลี่ยนแค่ไก่กับหมูเท่านั้นเอง หน้าตาอาหารมื้อเย็นของนุช ราคา 30 หยวนน้ำดื่มหยิบไปจากโรงแรม น้ำดื่มที่นี่ขวดขนาด 600 ml.ถ้าซื้อในร้านสะดวกซื้อก็ 1.90 หยวน ถ้าซื้อในร้านแม็คหรือเบอร์เกอร์ คิงแพงเข้าไปอีก แต่จำไม่ได้ว่าซื้อที่สนามราคาเท่าไหร่ คุณแลนด์เป็นคนซื้อให้ ในแคนทีนมีที่เล่นเกมของสปอนเซอร์ด้วยแต่จำไม่ได้แล้วว่าของใครเป็นเกมโยนลูกเทนนิสให้เข้าเป้าแล้วจะได้รางวัลมีคนไปต่อแถวเล่นกันยาวเหยียด รวมทั้งชาวคณะด้วยไม่พลาดอยู่แล้ว
Shanghai ATP Master 1000.....Review 1
คณะของเรา 4 คน พี่พู่ น้องรวัลย์ นุชและคุณแลนด์ออกเดินทางไปดูเทนนิสรายการมาสเตอร์แห่งแรกของเอเชียที่จัดขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เราออกเดินทางกันเมื่อวันพุธที่แล้ว ไปสายการบินไชน่าอีสเทิร์นออกจากสุวรรณภูมิ ตอนตี 1 กับ 55 นาที เพื่อให้ไปถึงที่โน่นตอนเช้าจะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว กะลุยดูเทนนิสกันตั้งแต่รอบ 32 คนเลยเพราะแต่ละคนก็ไม่แน่ใจว่า คนที่ตัวเองตั้งใจไปเชียร์จะอยู่กันได้ถึงวันที่เราจะไปกันหรือเปล่าสนามบินสุวรรณภูมิตอน ห้าทุ่มเศษ ๆ ผู้คนไม่คับคั่งมากนักก่อนออกเดินทางเราก็ได้ข่าวว่า ร็อดดิกเจ็บระหว่างที่แข่งกับสตานจนต้องขอรีไทร์ไปแล้ว 1 คนแอบเสียดายร็อดดิก แต่ก็โล่งใจที่อย่างน้อยสตานก็ยังอยู่ให้เราได้ดูล่ะน่ามั่นใจได้ว่า ธงสวิสที่เตรียมไปได้ใช้แน่นอนแล้วล่ะระหว่างเดินทางไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก ขึ้นเครื่องได้ก็หลับเอาแรงไว้ก่อนเลยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะวิบากขนาดไหน แต่อุ่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่าจะมีคุณต่าย -เพื่อนจากห้องเทนนิสที่เรียนปริญญาโทอยู่ที่โน่นจะมารอพวกเราที่โรงแรมเพื่อพาเราไปดูทางหนีทีไล่ในการเดินทางรวมทั้งการซื้อตั๋วรอบแรก ๆ ที่เราไม่ได้จองไปจากเมืองไทยเพราะถึงคณะเราจะมีหน้าตาบอกเชื้อชาติจีนก็จริงแต่ไม่มีใครพูดได้เลยสักคนเดียวบางคนยังแอบบอกอีกว่า .....เขามาจากอิตาลีนะ มาส่งภาษาจีนกับเค้าได้ไงเนี่ยอ้อ !! ย้อนกลับไปที่สนามบิน Pudong นิดนึงการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของจีนถึงจะไม่ยุ่งยากแต่ก็มีคนเจอปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆจนได้ระหว่างที่นุชผ่านด่านเดินออกมา ก็ได้ยินเสียงน้องคนไทยคนนึงเรียกถามว่า พี่ ๆ ทำไงดีคะ หนูไม่มีที่อยู่ในจีนเค้ายังไม่ให้หนูออกมา หนูโทร.หาเพื่อนก็ยังไม่ติดนุชเลยบอกว่า น้องใส่ชื่อโรงแรมไปเลย Sheraton หรืออะไรก็ได้น้องทำตามแบบงง ๆ แต่ก็ออกมาได้ นุชสงสัยจังว่าทำไมกล้าเดินทางมาหาเพื่อนคนเดียว น้องเค้ายังเด็กและหน้าตาดีด้วยส่วนคณะของเรามีแต่พ่อหนุ่มอิตาเลียนนี่แหละที่โดน ตม.จีนสุ่มตรวจ (พ่อคนนี้โชคดีมาก ขากลับก็โดนสาวจีนจับก้นอีก)ยังไม่ให้ออกมา แต่ถือหนังสือเดินทางออกมาเช็ค informationในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องนึง เล่นเอานุชใจคอไม่ดีรีบโทร.หาคุณต่ายกะว่า ถ้าพูดกันไม่เข้าใจก็จะอาศัยคุณต่ายเป็นล่ามให้โชคดีที่ไม่มีอะไรน่าสงสัยพี่ม้วนเลยผ่านเข้าเมืองจีนมาพร้อมกับพวกเราได้ออกมายืนรอ Airport Bus No. 2 เพื่อเข้าเมืองตามที่เราได้ข้อมูลมาจากคุณต่ายว่าให้นั่งรถเบอร์ 2 มาสุดสายเลย แล้วก็เดินอีกนิดนึงเราก็จะมาถึงที่พักค่ารถบัสคนละ 22 หยวน ส่วนแท๊กซี่ประมาณ 120-150 หยวนค่าแท๊กซี่ที่นี่เริ่มต้นที่ 12 หยวนและแท๊กซี่ทุกคนจะมีใบเสร็จให้ด้วยน้องรวัลย์ตอนเช้าวันที่ไปถึงยังหน้าตาสดใสแต่งตัวสวย พร้อมสู้ตายค่ะที่พักของเราตลอด 5 วันที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้คือSwissotel Grand Shanghai อิอิ เห็นชื่อโรงแรมก็คงรู้แล้วว่าทำไมเราเลือกพักกันที่นี่ คุณต่ายมารอรับเราตามที่นัดกันไว้ หลังจากช่วยกันเจรจาทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาจีนทางโรงแรมก็เปิดห้องให้เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ก่อน 1 ห้อง ส่วนอีกห้องหนึ่งจะได้หลังเที่ยงไปแล้ว แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะ ในเมื่อเราไปถึงที่นั่นตั้งแต่ 9 โมงเช้าทุกคนลงมติว่าไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ไปสนามเทนนิสกันเลยร้านอาหารร้านเดียวที่เราไปกินอย่างเป็นเรื่องเป็นราวคือร้าน Noodle plus ที่อยู่ข้าง ๆโรงแรมนอกเหนือจากนี้เราฝากท้องไว้กับห้องอาหารเช้าในโรงแรมและแคนทีนที่ Qi Zhong Stadium หรือไม่ก็ซื้อแซนด์วิช หรือขนมปังไส้ต่าง ๆ กินไปดูเทนนิสไป ทรหดอดทนกันอย่างไม่น่าเชื่อ พี่พู่กินบะหมี่หมูตุ๋น ราคาประมาณ 30 หยวนข้าวแกงกะหรี่หมู ของนุช และเกี๊ยวซ่าที่สั่งมากินเล่นราคา 28 หยวน กับ 8 หยวน อร่อยใช้ได้ทีเดียวอิ่มแล้ว อาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยได้เวลาออกเดินทางไปสนามเทนนิสกันแล้ว Shanghai Qi Zhong Tennis Centerอยู่นอกเมืองไปน่าจะประมาณ 30 กม.วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดคือไป Shuttle bus ที่ผู้จัดการแข่งขันจัดไว้ให้ประมาณ 5 สาย ก่อนไปเราได้ข้อมูลว่าสามารถนั่งรถบัสจากโรงแรม Hilton ไปได้แต่เมื่อเราไปถึงที่นั่นปรากฏว่าตอนนี้มีแต่รถบัสรับนักกีฬา เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเท่านั้นคุณต่ายแก้ปัญหาให้เราได้ตามเคยบอกเราว่า เค้า พริ้นท์ตารางจากเว็บรายการมาให้ว่ามีจุดจอดรถรับส่งอยู่ที่ไหนบ้าง เราอยู่ในเมืองจุดใกล้สุดที่เราจะไปขึ้นรถได้คือ Shanghai Indoor Stadiumเรานั่งรถใต้ดินสาย 1 ไปต่อสาย 4 ก็จะถึงที่สเตเดียมแล้วขึ้นรถบัสไปสนามได้เลย ค่ารถใต้ดินคนละ 4 หยวนความที่สถานีรถใต้ดินที่เซี่ยงไฮ้มันกว้างมากดังนั้นเวลาจะเปลี่ยนสายรถ เราจึงต้องเดิน เดิน และเดินกันประมาณ 1 กม.เห็นจะได้กว่าเราจะเปลี่ยนไปขึ้นรถสาย 4เหนื่อยแฮ่กตั้งแต่ยังไม่ได้ไปสนามเลยนะเนี่ยน่าสงสารใครบางคนที่ชีวิตราบรื่นมาตลอดไม่เคยต้องผจญภัยเอาซะเลย อิอิ สงสัยจะเข็ดทริปวิบากของเราไปอีกนานและแล้วหลังจากเดินขึ้นเดินลง วิ่งบ้างเดินบ้างอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินแล้วมาเปลี่ยนรถเป็นสาย 4 ในที่สุดเราก็โผล่ขึ้นมาเจอกับเซี่ยงไฮ้สเตเดียมจนได้ ระหว่างทางที่เราจะไปขึ้น Shuttle bus มีอาเฮีย อาแปะ อาเจ๊มารุมล้อมเสนอขายตั๋วดูเทนนิสให้เราเป็นสิบ ๆคนคุณต่ายสาวจีนของเราต่อรองราคาให้เราอย่างเอาเป็นเอาตายตั๋วสปอนเซอร์จากราคาประมาณ 500 หยวนเธอต่อได้ 80 หยวน สรุปว่าเราได้ตั๋วดูรอบ 32 คนในราคา 80 หยวนที่นั่งเป็น A level แต่ความจริงคือ ถ้าคนไม่เต็มเราจะนั่งตรงไหนก็ได้จนกว่าเจ้าของที่เค้าจะมาไล่จากนั้นเรานั่งรถบัสไปสนาม วันนั้นรถติดมากมายสนาม Qi Zhong อยู่นอกเมืองมาก ๆ ประมาณนวนครบ้านเราได้มั๊งรถวิ่งผ่านเขตที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ของเซี่ยงไฮ้รถก็ติดซะจน บางคนเซ็งว่า ต้องเจอสภาพแบบนี้ไปอีกสี่ห้าวันเลยเหรอเนี่ยหลังจากหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่บนรถประมาณสองชั่วโมงรถคันนั้นก็พาเรามาถึง Qi Zhong Tennis Center จนได้