ก็ว่าจะขีดเขียนไปเรื่อยๆ
Group Blog
 
All blogs
 
Suikoden I story EP : 02 ครอบครัว

EP : 02 ครอบครัว

ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของพระราชวัง ชายผู้หนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารจำนวนมากพอสำหรับคน 4-5 คนอยู่ในครัวที่กว้างขวางเกินกว่าที่จะมีพ่อครัวทำธุระทั้งหมดเพียงคนเดียว จานชามถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เครื่องครัวที่ครบครัน บริเวณโดยรอบดูสะอาดสะอ้าน เชื่อได้ว่าหากมีโอกาสละก็ พ่อครัวส่วนใหญ่จะต้องอยากเข้ามาทำหน้าที่ในที่แห่งนี้แน่


ชายผู้นี้อยู่ในชุดคลุมสีเขียวอ่อน ผมยาวมัดเอาไว้ให้ดูเรียบร้อย เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หากแต่บนแก้มซ้ายของเขามีรอยแผลเป็นรูปกากบาทขนาดใหญ่ เสื้อผ้าที่เขาใส่แม้จะดูออกว่าไม่ได้มาจากชนชั้นสูงเหมือนดั่งสถานที่ที่เขาอยู่ในเวลานี้ แต่ด้วยบุคลิคที่ดูเรียบร้อยและดูสุขุมนั้นทำให้ดูไม่แปลกตาเท่าใดนักหากจะคิดว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้


ทว่า.....แลดูเขาในตอนนี้ช่างร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก การจัดเตรียมอาหารของเขาดูไม่คืบหน้าเอาเสียเลย อาหารที่ไม่ได้ความไม่มีสิทธินำพาไปให้ผู้เป็นนายได้ลิ้มลอง นี่เป็นกฏเหล็กสำหรับผู้เป็นบ่าวเช่นเขาซึ่งเขาตั้งขึ้นเองเพื่อเตือนสติตนเองอยู่เสมอเพื่อไม่ให้หย่อนยานจนเผลอรับใช้นายบกพร่อง เขาเริ่มตั้งต้นเตรียมวัตถุดิบใหม่อีกครั้ง พยายามทำให้เป็นเหมือนดังที่เคยเป็น อาหารที่ผู้เป็นนายของเขาชมชอบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากแต่ขณะนี้ภายในใจเขานั้นเป็นกังวลถึงนายน้อยของเขาว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง การเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิจะสร้างความลำบากอะไรให้นายน้อยของเขาหรือไม่ สำหรับพี่เลี้ยงแล้วนายน้อยของเขายังเด็กนัก


ไม่ทันที่เขาจะเริ่มปรุงอาหารจานใหม่ เสียงเปิดประตูหน้าของคฤหาสน์ก็ดังขึ้น แม้บานประตูจะไม่ได้ส่งเสียงดังนักก็ตาม แต่ราวกับว่าเขารอคอยเวลานี้มาตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้า เขาทิ้งวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารเอาไว้ที่เดิม แต่ลืมยกหม้อที่ตั้งค้างไว้อยู่อีกใบบนเตาลง


เขามุ่งหน้าไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว เขาลืมไปซะสนิทเลยว่าที่คฤหาสน์แห่งนี้ต้องสำรวมและห้ามวิ่งไปมาหรือก่อให้เกิดเสียงอึกทึก เขาวิ่ง....วิ่งจากห้องครัวใหญ่ผ่านทางเดินและมาถึงประตูที่กั้นระหว่างประตูด้านหน้าและประตูด้านใน


จอมทัพเทโอและบุตรชายเพิ่งจะย่างก้าวผ่านประตูหน้าเข้าถึงตัวบ้าน เขารู้สึกอยากจะพักและหาอะไรทานสักหน่อย เพราะเขารู้ว่าคนรับใช้ที่ควบงานพี่เลี้ยงของทีลจะต้องเตรียมอาหารเอาไว้ให้นายใหญ่และนายน้อยของตนอย่างแน่นอน ในขณะที่เทโอเอื้อมมือออกไปผลักประตูในที่จะนำพาทั้งคู่สู่คฤหาสน์ชั้นในนั้นเอง


ผลั๊วะ.... ประตูถูกดึงออกจากด้านใน มือของเทโอคว้าอากาศธาตุก่อนที่สสารเบื้องหน้าจะหายไปเพียงชั่วเสี้ยววินาที เงาสีเขียวอมเหลืองลอยผ่านหน้าจอมทัพไปสู่บุตรแห่งเทโออย่างรวดเร็ว


"ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับนายน้อย..... ละ...แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างขอรับ ท..ะ...ท....ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยขอรับ ??" พี่เลี้ยงหน้าบากระล่ำระลั่กเอ่ยคำต้อนรับ และถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงจนลิ้นของเขาเหมือนจะพันกันเสียแล้ว


"แล้วเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์นายน้อยเกร็งรึเปล่าขอรับ ??" ยังไม่ทันได้คำตอบใดๆ คำถามชุดใหม่ก็ถูกยิงออกมาเสียแล้ว


ทีลยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน ทุกครั้งที่เขาต้องจากบ้านไปกับบิดาหรือแอบหนีออกไปเล่นกับเพื่อนครั้งใด หากไม่มีพี่เลี้ยงของเขา "เกรมิโอ้" ผู้นี้ติดตามไปด้วยแล้วละก็ เมื่อเขากลับบ้านก็เกรมิโอ้ก็จะมีอาการอย่างนี้ทุกครั้ง และแน่นอนทีลเองก็มีความสุขอยู่เหมือนกันเพราะนั่นหมายความว่าเกรมิโอ้ที่เขาถือเป็นผู้ปกครองคนหนึ่งยังรักและเป็นห่วงเขาเสมอเหมือนเขาเป็นลูกเป็นบุตรของตนเองเสียอีก พลางชูนิ้วโป้งขึ้นสูงเหนือศีรษะ เป็นนัยว่า "ไม่มีปัญหา"


พอเห็นอย่างนั้นแล้ว เกรมิโอ้ค่อยโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง "ข้าน้อยละเป็นห่วงนายน้อยมากมายจนเหลือคณา ทว่าข้าน้อยก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องไปได้สวยแน่ๆ เลยละขอรับ"


"เจ้าน่ะไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงอะไรมากมายขนาดนั้นเลยนะ เกรมิโอ้" เทโอปรามพี่เลี้ยงที่แสนดีที่แสดงออกจนเกินหน้าเกินตา


"เฮือก......ใต้เท้าเทโอ ข้าน้อยมิทันได้สังเกตเลยว่าท่านอยู่ด้วย...??" เกรมิโอ้ได้ยินดังนั้นก็หันมาทางต้นเสียงเมื่อสักครู่ พลางรีบพยกหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แต่ด้วยความซื่อเลยตอบคำไปตามความจริง


"ไม่ทันสังเกตว่าข้าอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ ?? ข้าละซึ้งใจจริงๆ" เทโอกล่าว สีหน้าเรียบเฉย "ท่าทางคนที่เจ้าเป็นห่วงเป็นใยจะมีเพียงแค่ทีลคนเดียวสินะ" จะมีอะไรเอาผิดผู้ที่ห่วงใยลูกของตนได้ยังกับเป็นลูกตัวเองเล่า เทโอคิด พลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อเขาไม่อยู่คนที่ไว้ใจได้ที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เลี้ยงที่แสนซื่อคนนี้ ที่สำคัญเขาเคยช่วยชีวิตทีลรอดพ้นจากความตายมาแล้วด้วย


"ขอประทานอภัย ขอรับใต้เท้า" ยังไม่ทันขาดคำเกรมิโอ้ก็หันกลับไปหาทีลต่อโดยลืมไปว่านายใหญ่ยังยืนอยู่เหมือนเดิม "จริงสิ...นายน้อย เท็ดเองก็รอแสดงความยินดีอยู่ด้วยนะขอรับ"

ทีลคิดถึงเพื่อนที่เหมือนพี่ชายคนนี้ขึ้นมาทันที นั่นสิ....วันนี้เขายังไม่พบหน้าเท็ดเลย ตั้งแต่เล็กจนโตทีลเองไม่ได้มีเพื่อนมากนัก อาจจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ แต่วันหนึ่งพ่อของเขากลับจากการทำศึกได้พาเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งก็คือเท็ดนั่นเอง แรกๆ เท็ดไม่ค่อยสุงสิงอะไรกับใครเท่าไหร่ สีหน้าเหงาๆ และดวงตาที่ดูโหยหานั้นทำให้ทีลรู้สึกเหมือนกับพบคนที่เหมือนกันขึ้นมาทันที ทีลพยายามเข้าหา ปรับตัวให้เข้ากับเท็ดทุกอย่าง เขาพยายามตามประสาเด็กๆ ที่ขาดแม่คอยให้ความอบอุ่น และเพื่อนเล่นคลายความเหงาที่วัยไล่เลี่ยกัน ทีลพยายามอยู่แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่จู่ๆ เท็ดก็ยอมแพ้ให้กับความพยายามของเขา จากนั้นเป็นต้นมาทั้ง 2 ก็เป็นดั่งพี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน ทำอะไรด้วยกัน เรียนรู้ด้วยกัน เล่นด้วยกัน ผิดพลาดด้วยกัน และเท็ดจะอยู่เบื้องหน้าเขายามที่มีปัญหาเสมอ


วันนี้เป็นวันที่ทีลได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่รับใช้องค์จักรพรรดิ และมีเกียรติเทียบเท่าอัศวินแล้ว เท็ดจึงเป็นคนที่เขาอยากพบมากที่สุดในวันนี้ ทีลตั้งใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะกราบเรียนองค์จักรพรรดิเพื่อนำเท็ดเข้ารับราชการด้วย


"โอ้ว.....พระเจ้า แย่ละสิ.....สตูว์ที่ตั้งไว้" ท่าทางเกรมิโอ้จะเพิ่งนึกออกว่าทำอะไรค้างไว้ อาหารที่เขาตั้งใจจะทิ้งยังคงอยู่บนเตาและส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาอย่างร้ายกาจ เขารีบวิ่งจ้ำอ้าวกลับไปยังที่ที่จากมา เพราะถ้าไม่รีบละก็นายใหญ่จะลงโทษอะไรเขาบ้างก็ไม่รู้ แน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนั้นเขาต้องโดนเพิ่มข้อหา "ไม่ทันสังเกตว่าใต้เท้าอยู่ด้วย" เข้าไปแน่ๆ


"พ่อว่าพ่อมีธุระที่จะต้องปรึกษากับจอมทัพคนอื่นๆ อีกสักเล็กน้อยนะ ถ้ายังไงเดี๋ยวพ่อกลับมานะ ทีล....." เมื่อเห็นพี่เลี้ยงแสนซื่อจนเกินงามรีบกุลีกุจอกลับไปทำหน้าที่ของตนต่ออย่างเร่งด่วน เทโอจึงขอตัวออกไปทำธุระบ้าง ยังไงซะการขึ้นเหนือไปทำหน้าที่ของจอมทัพก็ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำการได้โดยง่ายและปราศจากการวางแผนให้ดีเสียก่อน


"ได้ครับพ่อ พ่อคิดว่าผมอายุเท่าไหร่กันแล้วเหรอครับ" ทีลตอบ ยืดตัวตรงขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูจะภูมิใจมากทีเดียวที่ได้รับเกียรติให้เข้าเฝ้าแถมยังได้รับความไว้วางใจจากพระองค์ในการปฏิบัติหน้าที่อีก อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมื่อวานเยอะ


เทโอยิ้มให้พลางลูบหัวบุตรชายอย่างเอ็นดู
"พ่อผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ" ทีลโวยวายขึ้น พยายามเอามือที่ลูบหัวออก
"พ่อนั่นแหละ ระวังไว้เถอะ เดี๋ยวผมจะตามขึ้นไปเป็นจอมทัพอยู่ข้างๆ เข้าสักวัน ฮิฮิ" ตั้งแต่ก้าวเข้าคฤหาสน์มาทีลเองดูจะผ่อนคลายและกลับมาเป็นปกติอย่างที่เด็กทั่วไปควรจะเป็นสักที


เทโอหัวเราะอย่างพึงใจ เวลาที่เขาจะได้เล่นหัวกับบุตรชายมีเพียงเวลาที่พักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เท่านั้น ถ้าทำได้ไอ้เรื่องทางเหนืออะไรนั่นเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเลยสักนิด เพียงแต่หน้าที่ต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอทำให้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


พอผู้เป็นบิดาคล้อยหลังออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว ทีลก็เริ่มซุกซนก้าวเท้าออกวิ่งไปยังที่หมายหลังบานประตูชั้นในทีลวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องด้านในสุดทางฝั่งตะวันตก เขามองหาเท็ดภายในห้องแต่ไม่พบผู้ใดเลย จึงนึกขึ้นได้ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วห้องของพี่เลี้ยงอีก 2 คนก็อยู่ตรงนี้เองจะไปอวดทั้ง 2 ก่อนก็ไม่เสียหาย


ทีลมุ่งหน้ามาที่ห้องฝั่งตรงข้ามกับที่เขาอยู่ เขาไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปเต็มแรงโดยไม่รู้ว่าจะมีคนอยู่ข้างในอย่างที่หวังหรือเปล่า


สตรีนางหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ด้านใน "นายน้อยคะ ดิฉันบอกนายน้อยกี่ครั้งแล้วคะ ว่าช่วยกรุณาเคาะประตูก่อนจะเข้าห้องของสุภาพสตรีน่ะค่ะ" สตรีนางนี้ดูเป็นชายชาตรีมากกว่าคำพูดที่นางพูดนักแต่นางก็ยังดูอ่อนวัย.. นางไว้ผมสั้นแทบจะสั้นติดหนังหัว สวมเกราะเบาป้องกันลำตัวกับส่วนไหล่ มีสนับแข้งเข้าชุดกับเกราะที่สวม เสื้อผ้าสีน้ำตาลและกางเกงยาวสีม่วงเข้มนั้นดูรัดกุมยิ่ง บนศีรษะคาดเกราะกำบังส่วนหน้าผากมีผ้าสีเข้าคู่กับชุดห้อยลงมาปิดส่วนหูถึงท้ายทอย


"เฮ่อ.....เอาเถอะๆ ถ้าเป็นห้องของดิฉันละก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ระวังอย่าเผลอไปทำกับห้องของผู้หญิงคนอื่นเชียวนะคะ เอ่อ...ดิฉันสมมุติน่ะค่ะ" เคลโอเป็นผู้ที่เข้มงวดกับนายน้อยของเธอเสมอมา ไม่เหมือนกับเกรมิโอ้ที่ตามใจนายน้อยของเธอตลอด และพี่เลี้ยงอีกคนที่ไม่ค่อยจะสนใจอะไรเท่าไหร่


เธอมองดูนายน้อยที่ยืนยิ้มแล้วส่งสายตาแวววาวเหมือนเด็กที่กำลังอยากจะอวดของเล่นเธอก็นึกขึ้นได้ว่านายน้อยอยากให้เธอทำอะไร "แล้วเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอถามขึ้นเรียบๆ
"เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากเลยละครับ แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปผมก็จะได้รับหน้าที่ให้กระทำภารกิจด้วยละ" ทีลยืดอกอย่างภูมิใจ
"ตื่นเต้นหรือเปล่าคะ??" เคลโอถามต่อเสียงเรียบยังกะท่องบทเอาไว้นานแล้ว


"ตอนแรกๆ ก็มีนิดหน่อยละครับ แต่พออยู่ๆ ไปอาการที่ว่ามันก็หายไปเอง"
เคลโอนึกชื่นชมอยู่เล็กๆ มีไม่มากนักที่เด็กอายุเท่านี้จะออกงานใหญ่ขนาดนี้ได้โดยไม่ประหม่า แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าใดนักเพราะยังไงซะทีลก็สมควรคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้ว
"ก็อยากจะเล่าให้ฟังต่อนะครับ แต่ว่ายังมีคิวรอฟังเรื่องของผมอีกเพียบเลย" ทีลตัดบท พลางจ้ำอ้าวออกจากห้องไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ


"ผลัวะ" เสียงผลักประตูดังขึ้น แต่ไม่มีปฏิกริยาตอบรับใดๆ สะท้อนกลับมาเลย
"คร่อก...ก........ก...ฟรี้......." เสียงนั้นดังมาจากบนเตียง ชายร่างกายกำยำคนหนึ่งกำลังนอนสลบไสลไม่ได้สติในชุดที่แลดูเหมือนจะเป็นนักสู้มือเปล่ามากกว่านักรบคาดผ้าคาดหัวสีแดงยาวเกราะหนังถูกวางไว้ข้างเตียงเวลานี้มีเพียงเสื้อผ้าสไตล์จีนสีแดงดำเท่านั้นที่สวมใส่อยู่บนร่างกาย ทีลรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงใคร เสียงของ "พาห์น" พี่เลี้ยงอีกคนของเขานั่นเอง ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของพาห์นจะดูไม่ค่อยเป็นระเบียบนักถ้าเทียบกับห้องของคนอื่นๆ ในบ้าน


ทีลกอดอกดูพี่เลี้ยงของเขาอย่างพินิจ จากนั้นก็ตะโกนที่ข้างหูของเขาด้วยเสียงอันดัง
"ว้า......า........า...ก..ก !!!!"


"แว้ก.......อ....อะไรกัน โธ่ นายน้อยเองน่ะหรือ ถึงบ้านแล้วหรือขอรับ" พาห์นรีบลุกขึ้นมาอย่างตระหนก ในใจคงคิดว่าศัตรูบุกเสียแล้ว แต่เมื่อพบว่าไม่ใช่ก็ลดตัวลงทำตาปรือเหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่


"นี่ข้าพเจ้ารออาหารเย็นเพลินจนหลับไปเลยรึนี่.....??" พาห์นยังคงสะลึมสะลือต่อไป ทว่าตอนนี้ใบหน้าของทีลเริ่มส่อแววหงุดหงิดเพราะพี่เลี้ยงสนใจอาหารมากกว่าอนาคตของเขา


"จะว่าไปแล้ว ไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิวันนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ" พาห์นเพิ่งนึกได้ แต่ช้าไปแล้ว.... นายน้อยของเขาเดินกระทืบเท้าออกไปที่ทางเดินด้วยความน้อยใจเรียบร้อยแล้ว


ทีลเดินมาที่ครัวสุดทางฝั่งตะวันออกได้กลิ่นหอมฉุยโชยมาแต่ไกล เลยโผล่หน้าเข้าไปกะขอชิมก่อนสักคำให้หายหิว


"ตอนนี้ข้าน้อยกำลังงานล้นมือเลยล่ะขอรับ นี่เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดเวลาปรุงสตูว์เลยนะขอรับ" เกรมิโอ้เหลือบมาเห็นนายน้อยเดินเข้ามาพอดี เขารู้ว่านายน้อยเดินเข้ามาในสภาพท้องร้องน้ำลายสอเพื่ออะไร แต่เขาจำใจต้องปฏิเสธไปเพราะยังทำอาหารไม่เสร็จ ในมือทั้ง 2 ของเขาเต็มไปด้วยเครื่องปรุงและวัตถุดิบที่พร้อมจะลงหม้อเมื่อถึงเวลาที่พอเหมาะ


"อาหารเย็นกำลังจะเตรียมเสร็จในไม่ช้านี่แล้วขอรับ ขอนายน้อยพักผ่อนจนกว่าจะถึงเวลาเถอะขอรับ เมื่อนั้นข้าน้อยจะเป็นคนไปตามเองขอรับ" เกรมิโอ้ปลอบใจเมื่อเห็นนายน้อยทำท่าทางเสียดายที่ไม่ได้ทานอะไรรองท้องก่อนมื้อค่ำ


"เอาน่า.....ฉันยังมีเท็ดอยู่นี่นา" ทีลรู้จักหาทางออกให้ตัวเองเสมอ เขารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพราะถ้าเท็ดไม่อยู่ในห้องตัวเองก็ต้องอยู่ชั้นบนแน่ๆ ทีลมาถึงชั้นบนแล้วหันซ้ายหันขวาพลางตัดสินใจว่าจะไปตามหาเท็ดที่ไหนก่อนดี ทันใดนั้นเองก็มีเด็กชายผมน้ำตาลสั้น สวมชุดสีน้ำตาล เสื้อนอกสีฟ้าอ่อน ดูภายนอกแล้วอายุคงใกล้เคียงกับทีล หากแต่ดูแล้วน่าจะมีอายุมากกว่า ก้าวเข้ามาหาทีลอย่างเร่งด่วน


"ปล่อยให้หาซะแทบแย่เลย" ทีลทักขึ้น


"ฉันรู้ข่าวแล้วล่ะ ทีล" ยังไม่ทันที่ทีลจะถามอะไรต่อมากกว่านั้นเท็ดก็ยิงคำถามออกมาก่อน "นายไปพบองค์จักรพรรดิมาใช่มั้ย เล่าให้ฟังหน่อยสิ ขอร้องละ...." แม้จะรู้ว่าเท็ดต้องอยากรู้จากใจอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้


"แต่ฉันเพิ่งกลับมานะ ขอนั่งพักสักครู่ได้มั้ยเนี่ย" ถึงจะอยากเล่ารายละเอียดให้เพื่อนซี้ได้รับรู้ใจจะขาด แต่ทีลก็ยังมีการเล่นตัวเสมอ


"นั่นสิมายืนเล่าแถวนี้คงไม่สะดวก ไปที่ห้องนายกันดีกว่ามั้ย??" เท็ดไม่ยอมแพ้ เขารู้ว่าทีลเล่นตัวไปงั้นเอง แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะเอาใจทีลด้วยการคะยั้นคะยอให้เล่าต่อไป
"แล้วก็เล่าให้ฟังทั้งหมดเลยนะ นะๆๆๆ"


"นายน้อยขอรับ ข้าน้อยรบกวนช่วยไปบอกนายใหญ่สักหน่อยได้รึไม่ขอรับว่ามื้อค่ำกำลังจะเสร็จในไม่ช้านี้แล้ว" เสียงของเกรมิโอแทรกขึ้นมาจากครัวด้านล่าง ทีลรู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไรเกรมิโอ้จึงร้องขอเช่นนี้ เวลาที่บิดาออกไปหารือกันเองกับจอมทัพด้วยกันนั้นย่อมใช้เวลานานกว่าทำธุระอย่างอื่น แน่นอนว่าการได้สนทนาปราศรัยกับเหล่าสหายนั้นย่อมเพลิดเพลิน การเพลิดเพลินย่อมทำให้ลืมกาลเวลา แต่วันพรุ่งนี้มีภารกิจที่มิอาจเพลี้ยงพล้ำได้ ถ้าจะทำเพื่อรักษาเวลาก็สมควรอยู่


"จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ เกรมิโอ้" ทีลตะโกนกลับไปยังชั้นล่าง
"โทษทีนะ เท็ด นายช่วยไปตามพ่อกับฉันก่อนได้มั้ย วันนี้พ่อไม่ควรกลับบ้านดึกน่ะ" ทีลหันไปบอกเท็ด ที่ยืนอยู่ข้างๆ
เท็ดเองก็รู้ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องทำนั้นจะต้องเริ่มที่สิ่งใด สิ่งที่เขาอยากรู้ก็สำคัญ แต่ ณ เวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือทีลเพื่อนของเขาและจอมทัพเทโอบรุษผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อตนเอง เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะออกเดินนำทีลลงไปทางออก


"อืม....ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะไปหาจอมทัพคนไหนกันนะ แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ เท็ด" ทีลพึมพำ ขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นที่ตามหาบิดาที่เคหะของจอมทัพคนไหนก่อน


"ฉันว่าเริ่มที่คฤหาสน์ของจอมทัพมิลิชทางตะวันตกเฉียงเหนือดีกว่านะ เพราะเขาเป็นคนที่เรามีโอกาสพบเขาอยู่ที่คฤหาสน์มากที่สุด" เท็ดเสนอ เพราะไม่ว่าเขาจะผ่านละแวกนั้นสักกี่ครั้ง มักจะเห็นจอมทัพมิลิชนั่งจิบชาชมวิวอยู่บนชั้น 2 ของคฤหาสน์ผ่านกระจกบานใหญ่นั่นเสมอ


"ดีละ งั้นเรารีบไปกันเถอะ จะได้มีเวลาก่อนมื้อค่ำ" ว่าแล้วทีลก็ก้าวเท้าออกไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีเท็ดตามไปติดๆ


"ได้ยินว่าจอมทัพคนนี้เป็นคนแปลกๆ" เท็ดถามขึ้นระหว่างเลี้ยวเข้าไปยังถนนทางแยกตรงหัวมุมที่จะตัดผ่านคฤหาสน์ของจอมทัพมิลิช


"ไม่รู้สินะ ฉันเองก็ยังไม่เคยได้พบเขาด้วยตัวเองสักที แต่พ่อเล่าว่าฝีมือของเขาน่ะเป็นของจริง เชิงดาบของเขาแม้แต่พ่อก็ยังอ่านทางยากมาก" แม้จะตอบไม่ได้แต่ทีลก็พยายามให้ข้อมูลด้านอื่นแทน


"หืม??....ยาก??....ยังไงเหรอ หรือว่าท่านเทโอจะเพลี้ยงพล้ำ??" เท็ดตีหน้ายุ่ง ท่าทางเขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไหร่ และยังนึกภาพจอมทัพเทโอต้องตกที่นั่งลำบากในการต่อสู้ไม่ออกซะด้วย


"ไม่หรอกนายก็รู้ว่าในการประลองน่ะ พ่อไม่เคยแพ้ใคร พ่อเล่าให้ฟังแค่เพียงว่าเชิงดาบของมิลิชนั้นมักล่อลวง กลับกลอก จริงเท็จยากรู้ เอ่อ.....จากนั้นจึงช่วงชิงความได้เปรียบจากจุดอ่อนของตนมิใช่คู่ต่อสู้ อืม....ที่เล่าๆ มาก็ประมาณนี้ละมั้ง" ทีลพยายามนึกหาคำตอบให้ แม้จะไม่ครบถ้วนนักแต่ก็ปะติดปะต่อเอาจนจบเรื่องได้ "แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจที่พ่อพูดเลยสักอย่างนะ"


"ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้เราถึงแล้วนี่" เบื้องหน้าทั้ง 2 คือคฤหาสน์หลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ดูโอ่อ่า ที่นี่ต่างจากที่พำนักของจอมทัพเทโอตรงที่มีรั้วสูงล้อมรอบ ประตูเหล็กขนาดใหญ่ด้านหน้าถูกเปิดทิ้งไว้เหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง เขามองเห็นเงาคนรับใช้เดินไปมาภายในบ้านที่บริเวณทางเข้า


"เขาอาจจะช่วยอะไรเราได้นะ" ว่าแล้วเขาทั้ง 2 ก็ก้าวเท้าเข้าไปในเขตบ้าน มองดูเห็นต้นไม้ที่ถูกปลูกอยู่รายรอบเขตบ้าน แลดูสวยงามอย่างยิ่ง ไม้นานาพันธุ์ถูกปลูกขึ้นอย่างบรรจงมีระเบียบและดูสวยงาม ทีลเองก็อยากให้ที่บ้านมีต้นไม้ได้สักครึ่งของที่นี่ก็ดูจะสดใสขึ้นไม่น้อย แต่คงยากเพราะที่บ้านไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องการดูแลพันธุ์ไม้เท่าไหร่ โดยเฉพาะไม้สวยงามเช่นนี้


"เอ่อ...ขอโทษนะครับ เรามาหาจอมทัพ...." ทีลเอ่ยถามคนรับใช้แห่งคฤหาสน์โอพเพนไฮม์เมอร์ที่ถูกตั้งชื่อตามชื่อเรียกตระกูลของจอมทัพมิลิช แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคคนรับใช้ก็โพล่งขึ้นมาโดยมิได้หันมาทางทั้ง 2 เลย
"ท่านมิลิชทำอะไรของท่านอยู่นะ ถ้าไม่รีบเร่งเข้าละก็ งานนี้ต้องพลาดเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแน่ๆ เลย" จากนั้นเขาก็เดินไปทางบันไดขึ้นชั้นบนอย่างร้อนรน "ท่านมิลิชขอรับ ได้เวลาแล้วนะขอรับ" เขาตะโกน ท่าทางจะร้อนใจมากทีเดียว สังเกตได้จากเหงื่อที่ชุ่มเต็มไปหมด


"พวกเธอมาหาจอมทัพอย่างนั้นหรือ ฉันแปลกใจมากทีเดียวที่เด็กอย่างพวกเธอจะเป็นแขกของจอมทัพ แต่กับจอมทัพบุปผามิลิชอะไรก็เป็นไปได้เสมอสินะ ถ้าเธอเป็นแขกของเขาละก็ช่วยเร่งเขาให้หน่อยได้หรือไม่" คนรับใช้หันมากล่าวคำกับทั้ง 2 อย่างรวดเร็ว จนทำให้ทั้ง 2 ได้แต่รับคำ


"ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้น 2 นั่นละ ยังไงก็รีบๆ หน่อยแล้วกัน" คนรับใช้ดันหลังทั้ง 2 ไปทางบันไดแกมบังคับให้เร่งด่วนที่สุด


ทั้ง 2 ก้าวขึ้นมาบนชั้น 2 บริเวณที่คนรับใช้บอกแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลยนอกจากตู้ไม้ขนาดใหญ่เต็มไปหมด "ถ้าเล็กกว่านี้สัก 2-3 เท่าและมีอยู่แค่ตู้เดียวนะ ฉันจะคิดว่าเป็นตู้เสื้อผ้าละ" เท็ดหันมากระซิบกับทีล ด้วยความแปลกใจที่มีตู้ขนาดใหญ่เรียงรายกันอยู่มากขนาดนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้วตอนที่ขึ้นมาก็สังเกตเห็นตู้แบบนี้เรียงอยู่มากมายที่ชันล่างเช่นเดียวกัน


"ฮืม......ชุดนี้ละ แหม....เข้ากับฉันซะจริง แต่ว่าแย่จังสีดันไม่เข้ากับอีกชิ้นซะได้" เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาเบื้องหลังทั้งคู่ ถ้าข่าวลือที่เท็ดได้ยินมาเป็นจริงละก็แน่นอนว่าชายผู้นี้คือ จอมทัพบุปผา มิลิช โอพเพนไฮม์เมอร์ อย่างแน่นอน


จอมทัพผู้แปลกคนกำลังอยู่ในขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า หากแต่เสื้อผ้าที่รายล้อมอยู่ตรงหน้านั้นมีจำนวนเหลือคณา และมีสีสันที่สดใส รวมถึงการออกแบบที่ดูไม่เหมือนชุดของชายชาตรี หรือชุดของผู้ใดเลยแต่กลับใกล้เคียงกับชุดของหญิงสาวมากกว่า "พ่อหนุ่มน้อย พวกเธอว่าชุดไหนดีละ" มิลิชหันมาถามทั้ง 2 อย่างอารมณ์ดี


ยังไม่ทันที่ทั้ง 2 จะตอบคำใดออกไป มิลิชก็เหมือนจะคิดอะไรออกเมื่อได้มองดูทีลถนัดตา "..............นั่นบุตรแห่งเทโอมิใช่หรือ โอ้....ใช่แล้ว เธอคือทีลสินะ" เขาจำทีลได้ แน่นอนว่าในฐานะสหายเขาย่อมเคยเห็นบุตรของสหายอยู่แล้ว


"เอ่อ.....ผมคิดว่าท่านน่าจะมีธุระด่วนมิใช่หรือครับ ขอประทานอภัยด้วยนะครับถ้าผมเสียมารยาท" ทีลแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เห็นบิดาอยู่ในละแวกนี้แต่อย่างใด แต่ยังไงซะเขาก็ควรจะเตือนจอมทัพมิลิชเสียหน่อยสำหรับเรื่องเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ


มิลิชยิ้มและหันไปดึงเสื้อผ้าสีสันสดใสชุดใหม่มาทาบไว้กับหน้าอก "โอ้....ฉันได้รับคำสั่งให้ไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิน่ะ และแน่นอนว่าฉันจะต้องนำรสนิยมอันแสนจะล้ำเลิศในเรื่องการแต่งกายของฉันไปให้พระองค์ได้ชม"


"พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ เพราะฉันกำลังจะเลือกได้แล้วล่ะ ตอนนี้ปัญหาของฉันก็มีแค่เรื่องสี..... ว่าแต่พวกเธอจะลองดูสักชุดมั้ยละ เรื่องรสนิยมนี่ต้องหัดตั้งแต่ยังเยาว์วัยนะ" มิลิชบอกอย่างอารมณ์ดีพลางโยนชุดที่เพิ่งหยิบมาเมื่อกี้ไปที่กองเสื้อผ้าสูงพะเนินใกล้ๆ เขาพร้อมกับไปหยิบตัวใหม่มาจากในตู้


"งั้นพวกเราไม่รบกวนแล้วนะครับ" จบคำทั้ง 2 ก็รีบรุดออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลโอพเพนไฮม์เมอร์ทันที เพราะถ้าขืนอยู่ต่ออาจจะต้องกลายเป็นหุ่นลองเสื้อให้จอมทัพบุปผาแน่ๆ


"จากนี้เอาไงกันต่อดีละ" เท็ดถาม จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเขาจะมีข้อมูลของจอมทัพอยู่น้อยเกินกว่าจะแนะนำซะแล้ว


"ไปบ้านคุณโซเนียกัน" ทีลบอก โซเนีย ชูเลนคือจอมทัพหญิงเพียงคนเดียวใน 5 คน นอกจากฝีมือเชิงดาบและเพลงทวนที่เกรี้ยวกราดรุนแรงแต่งดงามแล้ว โซเนียยังเป็นหนึ่งในแง่ของผู้ทรงเวทย์แห่ง 5 จอมทัพอีกด้วยจะเป็นรองก็เพียงจอมทัพบุปผามิลิชเท่านั้น และสาเหตุเดียวที่ทีลนึกออกในตอนนี้ก็คือคฤหาสน์ชูเลนใกล้คฤหาสน์ตระกูลแมคดอลที่สุด


ทีลหยุดเท้าที่หน้าคฤหาสน์ไม่ใหญ่โตนัก ไม่ไกลจากคฤหาส์ตระกูลแมคดอลเท่าไหร่ "ทำไมฉันไม่มาที่นี่ก่อนนะ" เขาถามตัวเอง
ก่อนจะเคาะประตูบานใหญ่ที่หน้าบ้าน โดยมีเท็ดยืนอยู่ไม่ห่าง


ประตูบานนั้นถูกเปิดออกในเวลาไม่นานนัก เขาเห็นสาวใช้หน้าตาสละสลวยรอคอยต้อนรับแขกอยู่ด้านใน
"สวัสดีค่ะ ที่นี่คฤหาสน์ตระกูลชูเลน ไม่ทราบว่าท่านมีกิจอันใดหรือเจ้าคะ" เสียงใสๆ เอ่ยถามขึ้น


"เอ่อ...ขอโทษที่รบกวนนะครับ ไม่ทราบว่าพ่อของผม...ผมหมายถึงจอมทัพเทโอน่ะครับ ท่านอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ" ทีลตอบ
"งั้นท่านคงเป็นบุตรแห่งเทโอ ทีล แมคดอล สินะเจ้าคะ"
ทีลยิ้มพลางพยักหน้าเป็นคำตอบ "เช่นนั้นท่านคงมีกิจสินะเจ้าคะ.........ใช่แล้วเจ้าคะ จอมทัพอยู่ด้านในนี้เองเจ้าคะ"
"ถ้าเช่นนั้นก็ขอเชิญท่านเข้ามาด้านในก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้ก้มหัวเล็กน้อย และกล่าวเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม


ทีลกับเท็ดก้าวเท้าตามสาวใช้ไปยังห้องรับแขกที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้ามากนัก ทีลรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างประหลาด อาจเป็นเพราะที่นี่ตกแต่งและมีบรรยากาศเหมือนที่คฤหาสน์ของเขาก็ได้กระมัง


"ขอประทานอภัยเจ้าคะ คุณหนูแห่งตระกูลแมคดอลมาขออนุญาตพบท่านจอมทัพเทโอเจ้าค่ะ" สาวใช้เอ่ยขึ้นหลังจากเคาะประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
จอมทัพมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่โซเนียจะเชื้อเชิญทั้ง 2 เข้ามา


เขาเห็นจอมทัพสาวสวยนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องนั่งจิบชาฝรั่งอย่างสงวนท่าที หล่อนดูสวยงามและดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ผมสีทองยาวสละสลวยในชุดเต็มยศมีเสื้อเกราะ เกราะไหล่และผ้าคลุม สวมที่ป้องกันส่วนหน้าผาก ดูจากท่าทีแล้วหล่อนคงเพิ่งกลับจากเข้าเฝ้าได้ไม่นานนัก
ข้างๆ นั้นบิดาของเขาก็อยู่ด้วย ดูสงบนิ่ง แต่ก็ครุ่นคิด ดูเหมือนทั้ง 2 กำลังสนทนาในเรื่องที่ยากแก่การตัดสินใจยิ่ง


"ลูกมีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ ถึงขนาดออกมาตามพ่อแบบนี้" เทโอถามขึ้น
ทีลเหลียวซ้ายแลขวา รู้สึกเกรงใจที่จะบอกพ่อว่าพี่เลี้ยงควบตำแหน่งคนครัวให้มาตาม แถมยังอยู่ต่อหน้าจอมทัพที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคยเอาเสียด้วย


"ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกจ้ะ เรื่องของท่านเทโอก็เหมือนเรื่องของฉัน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญละก็ฉันยินดีเสมอจ้ะ" กริยาของทีลไม่อาจพ้นสายตาของจอมทัพหญิงหนึ่งเดียวแห่งพระราชวังไปได้ แต่ด้วยน้ำเสียงกังวานใสอย่างมิตรของโซเนียทำให้ทีลรู้สึกคลายความตื่นเต้นลง


"พ่อครับมื้อค่ำเตรียมใกล้จะเสร็จแล้วครับ และผมคิดว่าพ่ออาจจะต้องการเวลาสำหรับการพักผ่อนและเตรียมตัวมากกว่าที่เคย" ทีลเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา
เทโอรู้สึกเห็นด้วย เพียงแต่เขายังคุยธุระกับโซเนียไม่เสร็จดี จริงๆ แล้วต้องเรียกว่าเพิ่งจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ


"ทีล...พ่อมีเรื่องจะพูดกับจอมทัพโซเนีย ลูกช่วยกลับบ้านไปก่อนได้มั้ย" จอมทัพเอ่ยถึงความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
"พ่อรับรองว่าไม่นานหรอก"
ทีลได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ เขารู้ว่าพ่อของเขาไม่เคยโกหกอยู่แล้ว


ขณะที่เขากำลังจะขออนุญาตกลับที่พัก โซเนียก็ส่งเสียงเรียกเขาเอาไว้
"ทีลจ้ะ...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอคงจะไม่ได้พบพ่อของเธอสักระยะ"
"ฉันแนะนำว่าเธอน่าจะใช้เวลาที่มีอยู่นี่กับคุณพ่อที่รักเธอมากกว่าใครของเธอให้มากๆ นะจ้ะ" โซเนียกล่าวออกมาเรียบๆ ยังไงซะจอมทัพที่เธอรู้จักเป็นคนปากแข็งอยู่แล้ว เธอเลยขอเป็นคนพูดแทนความในใจเขาเสียเลย


"โซเนียเธออย่าล้อเล่นจะได้มั้ย" เทโอโพล่งออกมาแทบจะทันทีที่ได้ยิน
"ทีล....ลูกเองก็คงไม่ได้จริงจังนักหรอกนะ" เขาหันมาทางทีล ใบหูของเขาดูจะมีสีแดงกว่าที่เคย ถึงเขาจะรักบุตรชายมากขนาดไหนก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ แบบที่โซเนียทำมาก่อน
เขาเองก็รู้ดีว่าจอมทัพสาวมีความสนิทสนมกับผู้เป็นพ่อมากถึงขนาดที่พี่เลี้ยงที่บ้านยังหยิบยกเรื่องนี้มาพูดถึงบ่อยๆ ว่าถ้าท่านจอมทัพจะมีความรักให้แก่หญิงใดนอกจากมารดาของนายน้อยก็คงไม่พ้นจอมทัพสาวที่ท่านได้อบรมสอนสั่งมานานนั่นแหละ
ทีลเองไม่ได้รังเกียจโซเนีย กลับชื่นชอบเสียด้วยซ้ำ หากแต่เขาไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้น อาจเพราะเขายังเด็กเกินไปกระมัง ดังนั้นเมื่อเหล่าพี่เลี้ยงหยิบเรื่องนี้มาล้อเล่นทีลย่อมฉุนเฉียวเพราะเข้าใจว่าพ่อจะหาใครอื่นมาแทนที่แม่ของเขา
บรรยากาศภายในห้องรับแขกดูสดใสขึ้นไปถนัดตา ทีลยิ้มหัวเราะเบาๆ เท็ดยิ้ม โซเนียยิ้ม แม้แต่สาวใช้ก็ยังอดยิ้มตามในเรื่องนิสัยปากแข็งของจอมทัพไม่ได้
วินาทีนั้นเด็กกำพร้าอย่างเท็ดก็นึกขึ้นมาในใจว่า "ถ้าเวลาแห่งความสุขแบบนี้มีอยู่ตลอดไปก็คงดีสินะ.........ครอบครัวของฉัน"


ทีลรีบลาจอมทัพโซเนียกลับ เพราะกลัวว่าจะโดนพ่อของเขาดุเอา
ระหว่างทางกลับบ้านทีลเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทางจนเท็ดผิดสังเกต แต่ก็พอจะเดาออกว่าทีลกำลังมีความสุขที่ได้รู้ว่าพ่อของเขารักเขาเพียงใดหรืออาจจะเพราะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของพ่อที่ไม่เคยเห็นในยามปกติ


"เกรมิโอ้ ผมบอกพ่อให้แล้วนะครับ พ่อบอกว่าเดี๋ยวมานะครับ" ทีลตะโกนบอกพี่เลี้ยงขณะเดินขึ้นไปชั้น 2 เขารู้สึกว่าได้ยินเสียงพี่เลี้ยงขานรับลอยตอบกลับมาเหมือนกัน


ทันทีที่ก้าวถึงห้องของทีล เท็ดก็เอ่ยขึ้นมา "เอาละ มาเข้าเรื่องของเรากันได้รึยัง??"
"ทำอย่างกับฉันจะหนีไปไหนอย่างนั้นแหละ" ทีลนั่งลงบนเตียงนอนของเขา โดยที่เท็ดเดินไปลากเก้าอี้สำหรับอ่านหนังสือมานั่งใกล้ๆ "จะให้ฉันเริ่มตรงไหนดีละ"


"เดี๋ยวก่อนนะ" เท็ดเอ่ยขึ้น ดูเหมือยเขาจะนึกอะไรออก
"แต่ก่อนอื่นนายช่วยรับฉันเข้าเป็น 1 ในคนติดตามนายเหมือนกับพี่เลี้ยงของนายได้มั้ย??"


ทีลนิงไปเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าเท็ดจะเอ่ยปากมาขอเป็นผู้ติดตามเขาเลย เขาคิดว่าเท็ดคือพี่น้องคนนึงเสมอ และไม่มีใครสูงกว่าหรือต่ำกว่า
"ฉันน่ะเป็นหนี้บุญคุณท่านเทโออยู่มาก เขาเก็บฉันมาเลี้ยงตั้งแต่ตอนที่ฉันเป็นเด็กกำพร้าอยู่เลย" เท็ดรู้ว่าทีลต้องคาดไม่ถึงแน่ๆ จึงรีบอธิบาย
"และฉันก็ต้องการตอบแทน เข้าใจใช่มั้ย" เท็ดเสริม น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าของเท็ดก็ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง


ทีลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยังไงซะพ่อก็คงอนุญาตอยู่แล้ว และถ้าอย่างนั้นเวลาไปไหนมาไหนเขาก็จะมีเท็ดไปด้วยตลอดเวลา ถึงจะได้ชื่อว่าผู้ติดตามแต่ยังไงเขาก็ปฏิบัติกับเท็ดเสมือนพี่น้องได้อยู่แล้วนี่
"ได้แน่นอนอยู่แล้ว" เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเสียหายหรือกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ทีลจึงตอบตกลง


"เยี่ยมไปเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่านายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเสมอ" เท็ดหัวเราะอย่างร่าเริง


"แล้วที่สำคัญกว่าสิ่งอื่น ผู้เป็นองค์จักรพรรดิเป็นคนแบบไหนกันเหรอ" เท็ดเริ่มถามถึงเรื่องที่อยากรู้ทันทีที่ได้คำตอบ
เท็ดนิ่งไปครู่หนึ่ง ดูสงบแต่ก็ดูลึกลับก่อนจะเอ่ยถามต่อ "แล้วก็ช่วยเล่าเกี่ยวกับผู้ทรงเวทย์แห่งราชวัง วินดี้ ด้วยนะ......ว่าเธอสวยสมคำร่ำลือรึเปล่า"
"เอาเลย เล่ามาให้หมดเลยนะเพื่อนเกลอ"


จากนั้นทีลจึงเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านผ่านเมืองตอนเช้าตรู่ รอในห้องรับรองอยู่ครึ่งค่อนวัน เหล่าทหารที่เรียงราย ขุนนางที่ทรงเกียรติ จักรพรรดิผู้ยิงใหญ่ มหาอำมาตย์ผู้เลอโฉม ทุกอย่างที่เขาเจอมาทั้งหมดแม้แต่เรื่องที่ไม่ค่อยชอบใจนักอย่างเรื่องของหัวหน้าหน่วยองครักษ์ "คราเซ่"


"ฉันไม่รู้จริงๆ นะว่าจะบอกกับนายยังไงดี แต่ว่า.....อืม........ม...ม.ม......." หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบ เท็ดก็เริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเรื่องที่ทีลเล่ามานั้นจะมีบางสิ่งที่ทำให้เขาแน่ใจในบางอย่าง
"ฉันมีบางอย่างอยากจะบอกกับนายนะ แต่ไม่รู้ว่านายจะยอมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับหรือเปล่า" เท็ดเอ่ยถามเสียงเข้ม
"นายสัญญากับฉันได้ไหม ว่าจะไม่เอาเรื่องที่ฉันจะบอกกับนายตรงนี้ไปบอกกับใคร" ทีลเริ่มเป็นกังวลกับท่าทีของเท็ด แต่สิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้คือรับปากเท่านั้น


"นายน้อยขอรับ แล้วก็เท็ดด้วยนะ มื้อค่ำเตรียมเรียบร้อยแล้วนะขอรับ" ยังไม่ทันที่ทีลจะได้เอ่ยคำใดๆ ออกมา เกรมิโอ้ก็ส่งเสียงเรียกตามไปทานมื้อค่ำตามที่รับปากนายน้อยของเขาเสียก่อน


ทีลจ้องมองไปยังเท็ดเหมือนจะค้นหาคำตอบจากเรื่องที่เท็ดได้เอ่ยกับเขาเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างประหลาด รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเตือนเขาอยู่ว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นจนคำพูดของเท็ดดูจะกลายเป็นคำสั่งเสียไปสำหรับเขา จะติดก็ตรงที่เขายังไม่ได้ฟังจากปากของเท็ดเองเท่านั้น


ความเงียบก่อตัวขึ้นหลังจากที่เสียงของเกรมิโอ้เงียบไปเพียงครู่เดียว เท็ดยิ้มละไมให้เขาอย่างอบอุ่นแทนคำตอบพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินไปที่ประตูแล้วหันมายิ้มอีกครั้ง "เฮ้....ได้เวลามื้อค่ำกันแล้ว ไปกันเถอะทีลแล้วเราค่อยคุยกันเวลาอื่นก็ได้"


"เข้าใจละ ไปกันเถอะ" เมื่อเห็นสีหน้าของเท็ดกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ทีลเองก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่เขาไม่อาจสลัดเอาความกังวลใจที่มีอยู่ออกไปได้โดยง่ายเลย ก่อนจะยันตัวขึ้นมาก้าวเท้าตามเท็ดมุ่งหน้าไปยังห้องรับประทานอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก


ขณะที่มุ่งหน้าไปยังจุดหมายทีลพยายามครุ่นคิดหาคำตอบถึงสิ่งที่ค้างคาและสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจของเขาอันเกิดจากการสนทนาเมื่อครู่ แต่อีกใจหนึ่งเขาพยายามจะลืมสิ่งเหล่านั้นให้สิ้น เขารู้ว่ามันจะต้องกระทบถึงส่วนรวมแน่ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้รับหน้าที่ให้ปฏิบัติงานในพระราชวังในวันพรุ่งนี้ การมีเรื่องรบกวนจิตใจนั้นไม่อาจจะนำมาเป็นข้ออ้างใดๆ สำหรับความผิดพลาดโดยเด็ดขาด


ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่อยู่ส่วนในของบ้าน ภายในห้องถูกตบแต่งไปด้วยพรมปูพื้นขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเกือบทั้งหมด พื้นถูกปูด้วยแผ่นหินสีน้ำตาลที่มีลวดลายแตกต่างจากที่ใช้ตกแต่งส่วนอื่นของบ้านซึ่งลวดลายดูมีความละเอียดน้อยกว่าแต่กลับดูงดงามกว่า แม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่ภายในห้องยังดูสว่างสดใสด้วยเชิงเทียนนับสิบที่เรียงตัวกันอยู่บนผนังทั้ง 4 ทิศ ทำให้ชุดเกราะอัศวินสีเงินเงางามทั้ง 2 ชุดดุจมีชีวิตในยามที่ต้องแสงเทียนเหล่านั้น


ทีลทอดสายตาผ่านไปยังโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้อง โต๊ะตัวนี้เคยนำมาใช้งานที่หลากหลาย เขาเคยร่วมเรียนหนังสือกับเท็ดที่โต๊ะตัวนี้ พ่อของเขาเคยจัดประชุมจอมทัพและใช้โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะประชุมและเขายังเคยหนีอาจารย์ฝึกการต่อสู้ของเขามาหลบใต้โต๊ะตัวนี้อีกด้วย แต่โดยหลักๆ แล้วครอบครัวแมคดอลมักจะใช้ห้องและโต๊ะตัวนี้ในการทานอาหารและใช้เวลาร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในบ้านบ่อยกว่าสิ่งอื่น


อาหารถูกจัดลงจาน เครื่องดื่มถูกเตรียมไว้ในแก้วเรียงรายอยู่บนโต๊ะโดยฝีมือของเกรมิโอ้นั่นเอง แจกันดอกไม้ และของหวานถูกจัดเรียงเอาไว้ต่างหากที่หัวโต๊ะ สมาชิกทุกคนมากันครบแล้ว ตำแหน่งบนโต๊ะแบ่งแยกนายบ่าวอย่างชัดเจนฝั่งหนึ่งมีเก้าอี้อยู่เพียง 2 ตัวและหนึ่งในนั้นพ่อของเขาก็นั่งรอคอยการมาของเขาอยู่สีหน้าของพ่อดูเรียบเฉย พ่อมักเป็นเช่นนี้เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าคนติดตามหรือเวลาที่ต้องออกไปพบปะผู้อื่นอย่างเป็นทางการ อีกฝั่งหนึ่งมีเก้สอี้อยู่ 4 ตัวและบรรดาเจ้าของเก้าอี้แต่ละตัวก็มาครบกันทุกคนแล้ว


ทีลรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงท้องร้องเบาๆ ดังขึ้น เขาหันไปมองหน้าพาห์นที่จ้องอาหารที่อยู่ข้างหน้าตาไม่กระพริบ ที่นั่งด้านข้างนั้นท่ามกลางแสงเทียนใบหน้าของเคลโอดูสดใสแต่ก็ลึกลับน่าค้นหากว่าที่เคยเห็นยามกลางวัน


"นายน้อยขอรับ รีบไปนั่งที่เถอะขอรับ ประเดี๋ยวมื้อค่ำของเราจะเย็นซะหมด" เกรมิโอ้กระซิบเมื่อทีลค่อยๆ เดินผ่านหัวโต๊ะไปอย่างช้าๆ


เหมือนทีลจะเพิ่งรู้สึกตัว เขารีบก้าวเข้าไปที่นั่งของตนเองที่อยู่ข้างพ่อของตน เขาเหลือบไปมองเท็ดที่นั่งอยู่เกือบจะหัวโต๊ะ เท็ดยิ้มให้ แต่เขายังไม่รู้สึกสบายใจกับเรื่องที่รบกวนจิตใจอยู่เท่าใดนัก แต่ก็คลายลงไปกว่าเมื่อครั้งได้ยินและได้เห็นสีหน้าของเท็ดในตอนนั้นมากทีเดียว


เมื่อเห็นทีลนั่งลงตรงที่ของตัวเองแล้ว เทโอก็เอ่ยขึ้น
"เมื่อทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ฉันเองก็มีอะไรจะกล่าวสักเล็กน้อย ขอให้ฟังอย่างตั้งใจด้วย" เทโอกล่าวเสียงเรียบแต่ก้องกังวานทั่วห้อง สีหน้าเรียบเฉย


ทุกคนนิ่งเงียบลงไปถนัดตาแม้แต่พาห์นเองก็ตาม ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังนายใหญ่ของบ้านอย่างสนใจใคร่รู้ เพราะตามปกติแล้วการพูดคุยนั้นนายใหญ่มักจะกระทำเวลาหลังอาหารเสียส่วนใหญ่ ถ้าจำเป็นต้องบอกก่อนอาหารนั่นหมายความว่าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง


เมื่อเทโอเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะรับฟังสิ่งที่ตนจะกล่าวแล้ว จึงเอ่ยต่อว่า "พรุ่งนี้เช้าฉันจะต้องขึ้นเหนือ...." เทโอเว้นคำ พลางชำเลืองมองทีลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า "และทีลจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้องกับตระกูลแมคดอลยามที่ฉันไม่อยู่" เทโอกล่าวหนักแน่น


ยามนี้หาได้เหมือนที่ผ่านมา ทีลโตขึ้นมากแล้วมากพอที่จะได้รับเกียรติเทียบเท่าอัศวินเพราะฉะนั้นจะฝากความรับผิดชอบให้บรรดาผู้ติดตามอย่างที่เคยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ทีลได้ยินดังนั้นใจของเขาก็เต้นระทึกแม้จะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเมื่อพ่อไม่อยู่ภาระทั้งหมดก็จะต้องตกมาอยู่กับเขา แต่เมื่อได้ยินจากปากของพ่อของเขาเองเช่นนี้ ทีลกลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และดูหนักอึ้งจนยากที่เขาจะจินตนาการออก "คำของจอมคน แม้เรียบง่าย ทว่าหนักดั่งขุนเขา" ทีลคิด สิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่จนถึงเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น เพียงแค่ความรับผิดชอบที่พ่อฝากไว้เท่านั้น ทีลก็แทบจะไม่มีที่ว่างไปสนใจเรื่องอื่นอีก


เทโอกวาดสายตาไปโดยรอบ เขามองบรรดาคนติดตามไปทีละคนจนถึงเท็ด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น "และฉันอยากจะให้พวกเธอทุกคนสนับสนุนเขาอย่างเต็มกำลัง" บรรดาผู้ติดตามลุกขึ้นและก้มหัวให้นายใหญ่ของพวกเขาเล็กน้อย


"เกรมิโอ้...." เทโอหันมาพูดกับพี่เลี้ยงหน้าบากเสียงเข้ม


"ขะ...ขอรับใต้เท้า" เกรมิโอ้ละล่ำละลั่กตอบอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไม่คิดว่านายใหญ่ของบ้านจะมีอะไรที่ต้องกล่าวพิเศษกับเขาจึงไม่ทันเตรียมตัว


"เธอ...เป็นคนที่คอยดูแลทีลมาอย่างดีตั้งแต่ทีลยังเด็ก ฉันขอขอบคุณในความช่วยเหลือของเธอจริงๆ" เสียงของเทโอดูอบอุ่นกว่าที่เคย รวมถึงแววตาที่อ่อนโยนจนทีลที่นั่งอยู่เคียงข้างรู้สึกได้ แต่...เขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะพ่อของเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขาก็ได้กระมัง


"ทีลเติบโตจนเป็นหนุ่มได้ขนาดนี้ก็เพราะเธอ.... ฉันเป็นหนี้บุญคุณของเธอจริงๆ" เทโอกล่าวต่อ น้ำเสียงแสดงออกให้รู้ว่าเขาตื้นตันใจอย่างยิ่ง


เกรมิโอ้รู้สึกตื้นตันใจไม่น้อยไปกว่ากัน ใบหน้าแดงเรื่อ
"หามิได้ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อย....มันเป็นหน้าที่ของข้าน้อยน่ะขอรับ แล้วก็อีกอย่างการได้รับใช้นายน้อยก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้าน้อยเช่นกันนะขอรับ" เขารีบเอ่ยออกมา คำพูดดูจะสะดุดไปบ้าง อาจเป็นเพราะเขากำลังตื้นตันจนแทบเก็บไม่อยู่ หากแต่เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับทีลคือรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก


เคลโอและพาห์นก็รู้สึกตื้นตันอย่างยิ่ง พาห์นแทบจะปล่อยโฮออกมาแล้วแต่เคลโอที่ดวงตาของเธอออกจะแดงๆ ห้ามไว้เสียก่อน ทุกคนย่อมรู้สึกเช่นเดียวกันหมด เพราะทุกคนก็รักและเอ็นดูนายน้อยเหมือนกันหมด แม้แต่เท็ดที่มาทีหลังก็ยังพลอยตื้นตันใจไปกับบรรยากาศครอบครัวเหล่านี้ไปด้วย


"ฉันซาบซึ้งมากที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันหวังว่าเธอจะยังคอยดูแลเขาต่อไปนะ" เทโอยิ้มเล็กน่อย เขารู้สึกพึงใจในคำตอบของเกรมิโอ้อย่างยิ่ง การขึ้นเหนือของเขาในครั้งนี้คงไม่มีอะไรน่าห่วง แม้ว่าหนนี้บุตรชายจะต้องออกไปเผชิญกับโลกกว้างของผู้ใหญ่ก็ตาม


"เคลโอ พาห์น ฉันเองเชื่อใจเธอ 2 คนมากนะ ขอพวกเธอช่วยคอยช่วยเหลือเขาเวลาเขาเดือดร้อน คอยคุ้มครองเขาเวลาเขามีภัย คอยดูแลเขาเมื่อเขาต้องการ เธอจะทำให้ฉันได้หรือไม่" เทโอหันมากล่าวกับพี่เลี้ยงอีก 2 คนบ้าง


"ค่ะ ท่านเทโอ" เคลโอก้มศีรษะรับคำสั่งยาวนาน เธอคงไม่อยากให้ใครแลเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอกระมัง
"ขอรับนายท่าน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเองขอรับ" พาห์นลุกขึ้นเสียงสั่นตอบคำตัวตรง น้ำตาตาซึมอยู่เต็มดวงตา ที่เขาไม่ค่อยสนใจผู้อื่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไหวเกินไปก็ได้


ทีลนั่งฟังตัวสั่น เขากลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่ เขาอยากจะโถมกายเข้าไปกอดพ่อของเขาจริงๆ แต่สิ่งที่คล้ายลางสังหรณ์มันกลับมาอีกครั้ง เขายังรู้สึกเหมือนภายใจอกมีรอยโหว่อยู่ คำพูดแต่ละคำของคนในพ่อแม้จะชวนให้ปลื้มปิติ แต่เขากลับรู้สึกเศร้าใจอย่างประหลาดและเขาก็หาคำตอบให้ตนเองในเรืองนี้ไม่ได้เสียด้วย


"แล้วก็เธอ...เท็ด ฉันหวังว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีของทีลตลอดไปนะ.." เทโอหันมากล่าวกับเท็ดบ้าง เท็ดเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในสงคราม เขาไปพบเข้าโดยบังเอิญ ยามที่เขาตัดสินใจพาเท็ดมาด้วยเพราะวินาทีที่ได้เห็นเท็ดเขารู้สึกเหมือนได้เห็นทีล ซึ่งอาจจะเป็นความรู้สึกของคนเป็นพ่อก็ได้กระมัง


เท็ดที่กำลังซาบซึ้งใจกับความเป็นครอบครัวของตระกูลแมคดอลอยู่สะดุ้งโหยง ลนลานอยู่ครู่นึงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า "แม้ว่าท่านจะสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามแต่ผมก็ยังจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ดี จริงมั้ยทีล...??" พลางหันหน้าไปขอคำตอบจากทีล


เหมือนปลุกให้ทีลตื่นจากภวังค์ทีลมองหันกลับมาที่เท็ดอย่างงงๆ แต่ก็พอจะรับรู้เรื่องราวได้ตลอดแม้ว่าสมาธิจะไม่ได้อยู่บนโต๊ะก็ตาม
"แน่นอนสิ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันนี่" ทีลยิ้มเล็กน้อย


เทโอพึงใจในสมาชิกครอบครัวทุกคนอย่างมาก เขายิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยยิ้มตั้งแต่ภรรยาของเขาจากไปเมื่อนานมาแล้ว


"คุยกันพอได้แล้วละ ทานกันก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหารมันจะเย็นชืดไปซะหมด" เทโอกล่าวอย่างอารมณ์ดี


เทโอหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาชูข้างหน้า ทุกคนเห็นดังนั้นก็รีบทำตามทันที "แด่บุตรแห่งข้า... แด่จักรวรรดิ" เทโอเอ่ยเสียงดัง
ทุกคนขานรับพร้อมกัน เมื่อสิ้นเสียงทุกคนจึงดื่มเครื่องดื่มในแก้วจนหมด จากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหาร บรรยากาศในวันนี้ดูอบอุ่นกว่าทุกๆ วัน มีการหยอกล้อเล่นกัน พูดคุยเรื่องเก่าๆ ของแต่ละคน ทีลเองก็ดูจะลืมเรื่องที่คอยกวนใจลงไปมากเมื่อเจอเรื่องขายหน้าของบรรดาพี่เลี้ยงของเขาที่เกรมิโอ้มักจะงัดเอาเรื่องใหม่ๆ มาเล่าในวงสนทนาเสมอ เทโอและเท็ดเองก็ดูจะมีความสุขมาก แต่จะมีใครเลยที่รู้ว่าสิ่งที่คอยรบกวนใจของทีลนั้นมันจะเป็นจริงขึ้นมาในอีกไม่นาน

End of EP : 02 ครอบครัว


Create Date : 05 เมษายน 2550
Last Update : 5 เมษายน 2550 22:08:00 น. 1 comments
Counter : 405 Pageviews.

 
แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้นะครับ ^^

พึ่งได้เข้ามาเจอบล๊อกนี้โดยบังเอิญ พึ่งรู้ว่ามีฟิคภาค 2 ด้วย ...แต่งละเอียดมากเลยครับ


ยังไงก็สู้ๆนะครับ


โดย: SuikoAsLife IP: 203.113.38.12 วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:7:38:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sasarai
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sasarai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.