โกมุท...อัญมณีแห่งสายน้ำ
 
Kangaroo, ผมไม่รู้, จิงโจ้มีไข่

เห็นหัวข้อ “หนุ่มไทยในแดนออสซี่” ท่านทั้งหลายคงคาดหวังว่าจะได้อ่านการจับพลัดจับผลูมาเรียนที่ออสเตรเลียของหนุ่มไทยคนหนึ่ง ผมก็อยากเขียนครับ แต่เพราะผมกำลังเสาะหาไข่จิงโจ้ เอาไปฝากพี่สาวบังเกิดเกล้าที่เมืองไทย ผมจึงไม่มีใจจะคิดหรือเขียนถึงอะไร นอกจาก “ไข่จิงโจ้”


            อ่านไม่ผิดหรอกครับ ถึงแม้ท่านทั้งหลายจะทราบดีว่าจิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดในโลกนี้ออกลูกเป็นตัว นอกจากตุ่นปากเป็ดเท่านั้นที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ผมก็ยังยืนยันว่า “จิงโจ้” มี “ไข่”


            ก่อนอื่นผมคงต้องถามทุกท่านก่อนว่าจิงโจ้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร นั่นๆ หลายท่านยกมือแย่งกันตอบว่า “Kangaroo”


            ไม่ถูกครับ ไม่ผิดด้วย เพราะที่จริงแล้วคำว่า Kangaroo เป็นภาษาอะบอริจิน คนอะบอริจินเป็นชาวพื้นเมืองออสเตรเลีย เหมือนที่อินเดียแดงเป็นชาวพื้นเมืองอเมริกา แต่ความหมายของคำว่า Kangaroo ในภาษาอะบอริจินนี่ซิครับ มันแปลว่าอะไร มีเรื่องตลกออสซี่ที่เล่าสู่กันฟังอย่างนี้ครับ


            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อชาวอังกฤษคนแรกเดินทางรอนแรมมาถึงออสเตรเลีย เขาเห็นสัตว์หน้าตาประหลาด สองขาหน้าเล็ก สองขาหลังใหญ่ มีกระเป๋าหน้าท้อง กระโดดหย็องแหย็งอยู่ในทุ่ง คนขาวเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้มาก่อนเลย จึงหันไปถามชาวอะบอริจินที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกว่า


            “What is that thing? นั่นมันตัวอะไร”


            ชาวอะบอริจินไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อน ได้ยินแล้วคิดว่าคนขาวร้องอุ้มบ้า อุ้มบ้า ฟังไม่ได้ศัพท์ จึงตอบเป็นภาษาอะบอริจินไปว่า


            “Kangaroo! ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร”   


            นับแต่นั้นมาจึงมีสัตว์ที่ชื่อ “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร” กระโดดไปมาในสวนสัตว์เกือบทั่วโลก


            เอาล่ะครับ ถ้าท่านบังเอิญหลงไปอยู่ในดงอะบอริจิน ก็พูดว่า kangaroo ไปก่อนแล้วกัน เผื่อเขาจะจัดหาล่ามให้ท่านได้ทันท่วงที ไม่คุยกันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนเสียก่อน แต่ถ้าท่านต้องการจะพูดถึงจิงโจ้ บอกอะบอริจินไปว่า “วาลลาบี” (Wallabee) นะครับ ชาวอะบอริจินเรียกตัวกระโดดสองขาชนิดนี้ว่าวาลลาบีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดแล้ว


            นิทานเรื่องนี้ยังไม่จบครับ เพราะพอคนขาวตาสว่างรู้ความจริงว่าคนอะบอริจินเรียกจิงโจ้ว่า Wallabee จึงต้องแก้เก้อด้วยการจำแนกสายพันธุ์ไปเลยว่า Kangaroo คือจิงโจ้พันธุ์ใหญ่ เวลายืนสูงเกือบเท่าคน ที่จริงตัวที่สูงกว่าคนผมก็เห็นมาแล้วในคณะละครสัตว์แห่งหนึ่ง ส่วน Wallaby ใช้เรียกจิงโจ้พันธุ์เล็กมีขนาดประมาณสองฟุตครึ่ง ไม่โตไปกว่านี้ เป็นเหตุให้ภาษาอังกฤษมีคำเรียกจิงโจ้ถึงสองคำจวบจนปัจจุบัน


            ถ้าถามผมว่าเรื่องนี้มีเค้าความจริงมากน้อยแค่ไหน คิดว่าคงจะเหมือนกับเรื่องแมงโกสตีนของไทย ที่เล่าว่าทูตอังกฤษมาเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เห็นมังคุดก็เลยถามแม่ค้าว่านี่คืออะไร แม่ค้าตอบว่ามังคุด ฝรั่งออกเสียงอย่างไรก็ออกไม่ได้ ออกเสียงเป็นแมงโกทุกทีไป ป้าแกโมโหเลยด่าเอาว่า แมงโกส้งตีงเอ็งน่ะซิ จากนั้นมาฝรั่งจึงเรียกมังคุดว่า Mangos teen มุกนี้เล่ากี่ทีก็ขำครับ เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม จะไทย จีน เกาหลี ออสซี่ รู้กันหมดแล้วว่า Mangos teen มีรากศัพท์มาจากภาษาไทย


เอาเป็นว่าผมเชื่อครับว่า “Kangaroo” เป็นคำพ้องเสียงของ “ผมไม่รู้” ในภาษาอะบอริจิน เพียงแต่นิทานเรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นจากความคิดของคนปากเหงาในวงเหล้าเท่านั้นเอง    


            ถึงกระนั้นมันก็ยังกระตุกต่อมสงสัยของผมต่อไปอีกว่า อะบอริจินเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่าวาลลาบี ฝรั่งเรียกแกงการูบ้าง วาลลาบีบ้าง แล้วคำว่า “จิงโจ้” มันมาจากไหน


            ความจริงคนไทยเรียกสัตว์ชนิดหนึ่งว่าจิงโจ้มานานแล้ว มันเป็นแมลงครับ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเพราะมันมีความสามารถพิเศษเดินบนผิวน้ำได้ จึงมีคำว่าน้ำต่อท้ายชื่อ


            แมลงจิงโจ้น้ำ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Water Strider แปลว่า ผู้ก้าวกระโดดบนน้ำ ลักษณะของมันจะมีขาหกขา คู่หน้าสุดจะสั้นกว่าคู่กลางและคู่หลัง สั้นขนาดที่ดูเผินๆนึกว่าหนวด


แต่จิงโจ้น้ำก็ไม่ได้มีหน้าตาคล้ายวาลลาบี ว่ากันว่าเพราะจิงโจ้น้ำมีขาหน้าสั้นกว่าขาหลังเหมือนขาของวาลลาบี คนไทยจึงเรียกวาลลาบีและแกงการูว่าจิงโจ้ไปด้วย ถ้าพี่ไทยเรียกสัตว์ที่ขาหน้าสั้นกว่าขาหลังว่าจิงโจ้เสียหมด ทำไมไม่เรียกที – เร็กซ์ (T-Rex) ว่าจิงโจ้ไดโนเสาร์ล่ะครับ


คำว่าจิงโจ้ทำให้ผมนึกถึงคุณย่า ตอนเด็กๆผมยืนอยู่บนที่วางเท้าของเก้าอี้โยก ใช้เข่ายันที่นั่ง เอามือแตะไว้กับพนัก แล้วโล้เล่นไปมา ได้ยินเสียงคุณย่าตะโกนว่า


“เฮ้ย ทำอะไร ไอ้จิงโจ้”


ยังไม่ทันขาดคำ เก้าอี้โยกก็คว่ำโครมลงมาคอบหัวผม คุณย่าวิ่งตาลีตาเหลือกมายกเก้าอี้ขึ้น พอเห็นหลานชายไม่เป็นอะไร ท่านก็บอกว่า


“เป็นอย่างไรล่ะไอ้จิงโจ้ ยงโย่ยงหยกดีนัก”


แน่นอนครับผมไม่ได้ชื่อโจ้ และผมก็ไม่ได้ถามท่านกลับว่าทำไมถึงเรียกผมว่าจิงโจ้ สิบห้าปีหลังจากที่คุณย่าเสียชีวิตลง ผมเพิ่งจะมาคิด ว่าที่จริงคนไทยโบราณคงจะเรียกอาการยงโย่ยงหยกว่าจิงโจ้ เพราะเวลาวาลลาบีกระโดด หรือหย่งตัวหยิบโน่นหยิบนี่ใส่ปากมันยงโย่พิลึก


อย่าเพิ่งกล่าวหาว่าผมพูดลอยๆนะครับ ความจริงเคยมีเพลงที่เด็กๆร้องเล่นกันในเมืองไทยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า


“จิงโจ้มาโล้สำเภา หมาไล่เห่าจิงโจ้ตกน้ำ หมาไล่ซ้ำจิงโจ้ดำหนี ให้กล้วยสองหวีทำขวัญจิงโจ้”


จิงโจ้ทำไมมาโล้สำเภา แล้วถ้าสุนัขเห่าน่าจะถูกจิงโจ้กระโดดเตะมากกว่าหนี เวลาเตะจิงโจ้จะเอาหางที่ทั้งแบนและใหญ่ยืนกับพื้นแทนขา แล้วดีดสองขายันเปรี้ยงไปข้างหน้า เรี่ยวแรงที่มันถีบ รับรองว่าทำให้สุนัขไทยกระเด็นไปเป็นวาได้สบายๆ


ก่อนจะมาออสเตรเลียคุณพ่อบอกผมเสมอว่าอยู่ที่นี่ถ้าเจอจิงโจ้ตัวใหญ่ ที่เรียกกันว่าแกงการู อย่าเข้าใกล้ อย่าเอ็นดูให้อาหารมัน เพราะถ้าถูกมันเตะทีเดียว กระเด็นกลับบ้านมาได้ง่ายๆ อ้อ แกงการูนี่มันชกด้วยนะครับ เวลาจวนตัวใช้ขาหลังถีบไม่ได้ มันจะเอาขาหน้าทิ่ม ผมเคยเห็นจิงโจ้ชกมวยแล้วลมจะจับ ทารุณยิ่งกว่าตีไก่บ้านเสียอีก


ด้วยศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงของจิงโจ้จึงไม่มีเหตุผลที่มันจะตกน้ำหรือดำหนีสุนัข เพราะฉะนั้นเพลงนี้คงไม่ได้พูดถึงวาลลาบีหรือแกงการูแน่นอน


จะว่าเพลงนี้พูดถึงแมลงจิงโจ้น้ำก็คงไม่ใช่เพราะท่อนที่ว่าหมาไล่เห่าจิงโจ้ตกน้ำ แมลงชนิดนี้เดินบนผิวน้ำอยู่แล้ว จะตกน้ำได้อย่างไร ส่วนท่อนที่ว่าให้กล้วยสองหวีทำขวัญจิงโจ้ แมลงตัวนิดเดียวกินกล้วยสองหวีไหวหรือครับ


ทีนี้เหลือข้อสันนิษฐานอยู่ทางเดียว จิงโจ้ในเพลงนี้คือ “คน” ครับ แต่เป็นคนที่โล้สำเภาเหมือนผมโล้เก้าอี้โยกน่ะครับ อย่าเพิ่งค้านว่าคนจะโล้เรือได้อย่างไร เพราะสำเภาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรือครับ หมายถึงใบเรือต่างหาก ถ้าสำเภาแปลว่าเรือ เราคงไม่เรียก เรือสำเภา ให้มีความหมายว่า เรือเรือ หรอกครับ แต่คงเรียกสำเภาใบ สำเภาหางยาว สำเภาตังเก สำเภาเอี้ยมจุ๊น ฟังแล้ววิปริตดีเหมือนกัน


การโล้ใบเรือนี่เป็นอากัปกิริยาของคนเท่านั้น คือโยกโย้ตัวเองไปกับเชือกผูกใบเรือเพื่อลดใบเรือลงหรือกางออก แต่ถ้ามีสุนัขมาเห่าคนๆนี้ เขาคงจะตกใจปล่อยเชือกจนตัวเองตกน้ำได้ไม่ยาก พอตกน้ำปุ๊บ สุนัขกระโดดลงน้ำไล่กัดซ้ำ คนๆนี้ก็ดำหนี พอกลับขึ้นมาได้ เจ้าของสุนัขจึงต้องให้กล้วยสองหวีเป็นการทำขวัญเขา เป็นอย่างนี้น่าจะถูกต้องกว่า


ดังนั้นผมมั่นใจว่าจิงโจ้เป็นคำเรียกผู้ที่มีอาการหย่งตัวทำโยกไปเยกมา คนไทยเห็นวาลลาบีมันยงโย่ยงหยกจึงเรียกว่าจิงโจ้ อันนี้ฟังดูมีเหตุผลที่สุดครับ   


แต่จิงโจ้ก็มีไข่ และคนออสเตรเลียเชื่อว่าถ้าใครครอบครองไข่จิงโจ้แล้วจะโชคดีมีลาภ พี่สาวผมเกิดโลภอยากได้ลาภ จึงโทรมารบเร้าเอากับผมให้ซื้อไข่จิงโจ้มาฝาก


ว่าแต่หน้าตามันเป็นอย่างไรล่ะ “ไข่จิงโจ้” นี่


ความจริงจิงโจ้ที่กระโดดหย็องแหย็งเต็มออสเตรเลีย ชาวออสซี่ไม่ได้ปล่อยให้มันวิ่งเล่นรกทวีปเฉยๆหรอกครับ แต่เปลี่ยนมันเป็นสินค้าทั้งแบบเป็นและแบบตาย แบบเป็น คือ ส่งออกให้สวนสัตว์ที่อยากมีจิงโจ้ไว้ดูเล่น แบบตาย คือ ถลกหนังมาทำเครื่องใช้ อย่างเช่นรองเท้า แถมยังถืออีกด้วยว่ารองเท้าหนังจิงโจ้นี่รองรับกระชับเท้าได้ดีที่สุด   


เอาตัวมาทำรองเท้าเสียแล้ว เหลือพวงมันไว้ทำไมล่ะครับ อ่านไม่ผิดครับ พวงครับ ถุงไข่จิงโจ้ที่ผมพูดถึง คือ หนังผืนน้อยของจิงโจ้ตัวผู้ คนที่ถลกหนังจะควักลูกอัณฑะข้างในออก เหลือแต่หนังด้านนอก แล้วฟอกจนเรี่ยมแล้ นำมาใส่กล่องวางขาย ผมไม่ได้เป็นโรคจิตที่เอามือไปลูบดู แค่อยากรู้เฉยๆว่ามันต่างจากหนังอื่นอย่างไร


มันมีลักษณะเป็นถุงขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ดูเหมือนจะหนากว่าหนังส่วนนั้นของสัตว์อื่น สีออกน้ำตาลแดง นวลผ่องเสียด้วย กลิ่นก็เป็นกลิ่นหนังธรรมดา ไม่ได้เหม็นตุๆเป็นพิเศษครับ ไม่ต้องเอามืออุดจมูก


คนที่มีถุงไข่จิงโจ้มักจะนำอุปกรณ์การพนัน เช่น ลูกเต๋า ใส่ไว้ข้างในแล้วใช้หนังผูกปากถุง พกติดตัวถือเป็นเครื่องรางให้โชคให้ลาภ แต่ถ้าจะเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลไปใส่แทนลูกเต๋าให้ตรงกับความนิยมของคนไทยเราก็คงจะไม่ผิดอะไร


ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องนับว่าเป็นความฉลาดของชาวออสซี่ ที่พยายามขายทุกอย่าง ไม่เหลือทิ้งให้เปล่าประโยชน์ ขนาดถุงหุ้มลูกอัณฑะของสัตว์พื้นเมืองยังทำกำไรให้ประเทศปีๆหนึ่งไม่รู้เท่าไหร่


            สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่าผมไม่ได้โรคจิต ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะเรียกใครสักคนว่าไอ้โรคจิต กรุณาเรียกคนที่คิดทำถุงไข่จิงโจ้มาขายผมเถอะครับ






Free TextEditor


Create Date : 02 พฤษภาคม 2553
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 8:20:52 น. 1 comments
Counter : 4967 Pageviews.  
 
 
 
 
ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม
 
 

โดย: ป๊อบ IP: 124.122.189.174 วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:26:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

โกมุท
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม้นหลับใหลไปกว่าพันปี เธอก็ฟื้นขึ้นมาเป็น "ราชินีแห่งสายน้ำ" ...ดังเดิม...
[Add โกมุท's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com