|
Blame it on the girls - อย่ามัวแต่โทษคนอื่น
So I was sitting there in the bar and this guy comes up to me and he said "My life stinks" and I saw his gold credit card and I saw the way he was looking at people across the room and I looked at his face and you know, what a good looking face, and I just said, "Dude, your perspective on life sucks". He's got looks that books take pages to tell He's got a face to make you fall on your knees He's got money in the bank to thank and I guess You could think he's livin' at ease
Like lovers on the open shore -- what's the matter When you're sitting there with so much more -- what's the matter While you're wondering what the hell to be Are you wishing you were ugly like me?
Blame it on the girls who know what to do Blame it on the boys who keep hitting on you
Blame it on your mother for the things she said Blame it on your father but you know he's dead
Blame it on the gi..rls Blame it on the bo..ys Blame it on the gi..rls Blame it on the bo..ys
Life could be simple but you never fail To complicate it every single time
You could have children and a wife, a perfect little life But you blow it on a bottle of wine
Like a baby you're a stubborn child -- what's the matter Always looking for an axe to grind -- what's the matter While you're wondering what the hell to do We were wishing we were lucky like you
Blame it on the girls who know what to do Blame it on the boys who keep hitting on you
Blame it on your mother for the things she said Blame it on your father but you know he's dead
Blame it on the gi..rls Blame it on the bo..ys Blame it on the gi..rls Blame it on the bo..ys (x2)
He's got looks that books take pages to tell He's got a face to make you fall on your knees He's got money in the bank to thank and I guess You could think he's livin' at ease
####
ได้ฟังเพลงนี้มาตั้งแต่เมื่อปีก่อน แล้วก็ชอบมันมาก ด้วยความที่มีท่วงทำนองติดหู แต่ก็ไม่ได้ฉุกคิดอะไรไปกับเนื้อเพลงที่มีแง่คิดลึกซึ้งของมันแม้แต่น้อย เพราะฉันมัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ของตัวเองอย่างผู้ชายที่ Mika พูดถึงในเพลงนั่นแหละ
ฉันเคยคิดว่าชีวิตของตัวเองช่วงแย่เหลือเกิน งานที่ทำอยู่ก็ไม่เห็นจะทำให้มีความสุข งานเยอะ แถมยังถูกคนเอาเปรียบอยู่เสมอ เงินเดือนก็น้อย สุดท้าย ฉันก็ลงเอยด้วยการเปลี่ยนงาน และการวนเวียนอยู่ในวังวนเดิมๆ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฉันก็ไมมีความสุข
แต่หลังจากลาออกจากงานที่เก่า ได้มาทำงานที่ใหม่ พร้อมกับได้รับคำเตือนสติจากเพื่อนๆ และพี่ๆ ที่รักและเป็นห่วงฉันว่า การเปลี่ยนงาน ไม่ได้หมายความว่าจะหมดปัญหา เพราะไม่ว่าจะทำงานที่ไหน มันก็มีปัญหาทั้งนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ทัศนคติของเราต่อสิ่งที่ทำ
แล้วมันก็จริงตามนั้น งานที่ใหม่ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา งานใหม่น่ะหนักเสียยิ่งกว่าเดิม ความกดดันก็สูงกว่า เงินเดือนก็ได้เพิ่มเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเครียดจนแทบบ้าเหมือนเดิมนะ
อย่างแรกเลยก็เป็นเพราะ หังจากที่ได้มีเวลาสะสางความฟุ้งซ่านในหัว มันก็ทำให้ฉันรู้ว่า ชีวิตของคนอื่นที่แย่กว่าฉัน ทำงานหนักกว่าฉันยังมีอีกตั้งเยอะ พวกเขาก็ยังทำงานกันได้ และก็มีความสุขกับมันด้วย เพราะพวกเขาไม่ได้เสียเวลาไปกับการนั่งโทษสิ่งรอบๆ ข้าง เช่น เพื่อนร่วมงาน ตัวงาน หรือเงินที่ได้
ฉันหันกลับมามองตัวเอง จริงๆ ฉันก็สนุกกับงานที่ทำนี่นา แม้ว่างานจะเยอะมากก็ตาม แต่ทำๆ ไป มันก็เสร็จ ฉันก็แค่ต้องคิดอย่างมีระบบให้มากขึ้นและรู้จักจัดลำดับความสำคัญเท่านั้น
เรื่องปัญหาการเมืองในที่ทำงาน หรือเพื่อนร่วมงานที่เอาเปรียบ ที่ใหม่นี้ก็มีบ้างเหมือนกัน ฉันก็แค่ไม่ต้องไปใส่ใจกับมัน และหาวิธีรับมือกับคนนิสัยไม่ดีอย่างใจเย็นขึ้น ไม่ใช่เอะอะอะไรก็วีนชาวบ้านไปทั่วเหมือนแต่ก่อน
ส่วนเรื่องเงินเดือน จริงๆ ที่ได้อยู่ก็ไม่ใช่น้อย เพียงแต่ฉันใช้เงินเก่งเอามากๆ แล้วฉันจะโทษใครได้
ตอนนี้ฉันมองเห็นแล้วว่าปัญหาทั้งหมด มันไม่ใช่เพราะคนอื่น หรือสิ่งรอบๆ ข้าง แต่เป็นเพราะตัวเองเอามันมาเป็นปัญหาต่างหาก ถ้าปัญหาอยู่ที่ฉัน ฉันก็ต้องแก้ที่ความนึกคิดและทัศนคติของตัวเองให้ได้
ตอนนี้ฉันมีความสุขกับชีวิตขึ้นเยอะเลย เพียงแค่ปรับความคิดของตัวเองเพียงนิดเดียวเท่านั้น
"Life could be simple but you never fail To complicate it every single time"
ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองมีความสุข เพราะฉันไม่เคยมีชีวิตที่ราบรื่นเลย ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วล่ะ ว่าที่มันไม่เคยราบรื่น ก็เพราะฉันต้องหาเรื่องฟุ้นซ่าน และความยุ่งยากมาให้ตัวเอง
ดูๆ ไป ชีวิตฉันก็มีความสุขดีนี่นา อยากไปไหนก็ได้ไป อยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ แถมงานที่ทำก็ไม่น่าเบื่อ แล้วที่ผ่านมาฉันมัวแต่ทำอะไรอยู่กันเนี่ย ไม่น่าเชื่อนะ การเปลี่ยนทัศคติของตัวเองเพียงนิดเดียว มันจะเปลี่ยนชีวิตเราได้ขนาดนี้
Create Date : 01 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 19:06:04 น. |
Counter : 914 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Back and even better
ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนาน ส่วนหนึ่งก็เพราะขี้เกียจด้วยแหละ แต่หลักๆ ก็คงเป็นเพราะหลายเดือนมานี้ชีวิตพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย และมีเรื่องที่ต้องปรับตัวปรับใจอยู่แยะทีเดียว
อย่างแรกเลยก็คือ ฉันตัดสินใจลาออกจากงานเก่าที่เล่นเอาเครียดจนความดันขึ้น เส้นประสาทตึง และกล้ามสมองอักเสบ (ส่วนเรื่องน้ำหนักขึ้นนี่ ไม่รู้จะโทษงานเก่าได้เปล่า แฮะ แฮะ) ทีแรกก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป เพราะออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้งานใหม่ โชคดีที่ไม่นานก็ได้งานแถมยังได้พักสมองถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ พอถึงวันที่ต้องเริ่มงานใหม่ ทีนี้ฉันก็พร้อมลุยเต็มที่
งานใหม่ของฉันต่างจากงานเก่าแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าธรรมชาติของงานจะคล้ายๆ กันก็ตาม ฉันใช้เวลาปรับตัวอยู่นานเหมือนกันนะ แต่สาวไทยหัวใจถึกอย่างฉัน ยังไงก็สู้ตายอยู่แล้ว
จนถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันเริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ ไม่เครียดเหมือนก่อนแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะเริ่มหาเวลากลับมาทำในสิ่งที่ชอบให้มากขึ้น จะกับมาดูหนัง ดื่มด่ำกับเพลงที่ชอบ แล้วก็จะเริ่มหันกลับมาดูแลตัวเองซะที
"สู้เขานะ เจ้าหมูระเบิด"
ป.ล. ไหนๆ หน้านี้ก็พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของช่วงชีวิตที่ผ่านมาแล้ว ขอถือโอกาสระลึกถึงเพื่อนรักที่จากไปเสียด้วยเลย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชีวิต กีกี้ เจ้าหมาน้อยที่ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่อายุสองเดือน ต้องจากไปในวัยสิบปี เจ้าหมาน้อยของฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้มแข็งที่สุดในโลก การจากไปของมัน ถึงแม้จะทำให้ฉันเศร้าเป็นที่สุด แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเห็นมันต้องทนเจ็บปวดกับโรคภัยต่างๆ อีกแล้ว และตัวฉันเองก็ยังต้องก้าวต่อไป
หลับให้สบายนะหมาน้อย - You will always be my beloved baby.
Create Date : 06 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 23:29:04 น. |
Counter : 315 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เดียวดายกลางสายลม
"เดียวดายกลางสายลม" - นรีกระจ่าง คันธมาส
บินไปเดียวดาย กลางสายลมแปรปรวน เพียงทะเลครวญ ฟังคล้ายเป็นเพลงเศร้า ค่ำคืนนี้ฉันเพลีย ฉันเหนื่อย ฉันหนาว มันเหงาเหลือเกิน
ไม่เคยมีใคร มีรักแท้จริงใจ จ้องมองทางใด ดูเคว้งคว้างว่างเปล่า ฝ่าลมฝนลำพัง มากี่ร้อนหนาว จนล้า สิ้นแรง
ไม่อยากเห็นภาพใดแม้แต่ท้องฟ้า อยากจะพักดวงตา ลงชั่วกาล จะไปซุกตัวนอนซ่อนกายในเงาจันทร์ จะหลับฝันไม่ยอมตื่นขึ้นมา
คงจะมีเพียง ลมหายใจรวยริน เอนกายบนดิน ยอมรับความแพ้พ่าย ปีกของฉันมันหนัก บินต่อไม่ไหว จะขอพักกายชั่วกาล
ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยรู้สึกชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เพลงๆ นี้ จะตรงกับอารมณ์และความรู้สึกของฉันได้เท่ากับในเวลานี้
ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ตลอดหลายปีมานี้ มาถึงจุดที่ฉันรับมือไม่ไหวอีกต่อไป และการที่เพื่อนร่วมทางหลายคนก็ทนรับมือกับปัญหาไม่ไหวจนต้องโบกมือลากันไป ก็ยิ่งทำให้กำลังใจของฉันหายไปทีละเล็กละน้อย และในวันนี้ ฉันก็แทบไม่มีกำลังใจเหลือพอที่จะฮึดสู้ได้อีกแล้ว เพราะคนที่พอจะช่วยแก้ปัญหาได้ กลับอ่อนแอเกินไป
ความรู้สึกที่เปราะบางของฉัน เมื่อเจอเข้ากับเนื้อเพลงที่บรรยายถึงความเหนื่อยล้าอ่อนแรงราวกับนกปีกหัก ของนรีกระจ่าง คันธมาสเพลงนี้ ทำให้รู้สึกปวดร้าวหัวใจจนต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
รู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกิน ที่ปล่อยให้ตัวเองทนมาได้จนถึงตอนนี้ เพียงเพื่ออยากพิสูจน์ว่าตัวเองมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ฉันปล่อยให้ตัวเองทนจนเริ่มรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตัวเองค่อยๆ ตายไป ฉันปล่อยให้ตัวเองหลบซ่อนตัวอยูในห้องเพราะความเหนื่อยล้า แทนที่จะออกไปทำสิ่งที่เคยรักเคยชอบ
ถึงตอนนี้ ฉันได้แต่บอกกับตัวเองว่าตัดสินใจถูกแล้วที่กำลังจะโบกมือลาจากสิ่งที่บั่นทอนจิตวิญญาณของฉันไปมากกว่านี้ โดยที่จะทนสู้จนทำงานใหญ่สำเร็จเสียก่อน เพื่อที่ฉันจะได้เดินจากไปด้วยความภาคภูมิใจว่า ฉันไม่ใช่คนหนีปัญหาอีกต่อไป
แต่ตอนนี้ ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีแรงเดินต่อไปได้ยังไง เพราะปัญหาที่รออยู่นั้นมันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน
Create Date : 02 สิงหาคม 2552 | | |
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 15:51:05 น. |
Counter : 345 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|