sexy patty
Group Blog
 
All Blogs
 
ม่านมรกต

แนะนำ ม่านมรกต
เมื่อคำสาปแช่งเมื่อ 2000 ปีได้ยังผลมาสู่ผู้สืบสายเลือดระหว่างผู้สาปแช่งกับผู้ถูกสาปแช่งในปัจจุบันกาลพวกเขาที่มาพบกันราวกับต้องมนต์มารจักหลุดพ้นจาคำสาปที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นได้หรือไม่......
ม่านมรกต
บทที่ 1 ลางลิขิต
ข้าสัญญาไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติข้าจะตามหาท่านให้พบเพื่อสายเลือดของข้าที่ท่านพาไปด้วย หญิงสาวผู้มีสีของร่างกายเขียวสดใสยืนมองดูเมืองทั้งเมืองที่กำลังจมลงสู่ทะเลผู้คนทั้งหลายในเมืองต่างหลับใหลคล้ายถูกร่ายมนต์สะกดให้หลับชั่วนิจนิรันดร์ เรามาช้าไป.....อีกหนึ่งถูกพสุธาสูบอาบไปด้วยเลือดหากอีกกลับราวต้องมนต์สะกด ร่างของนางเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีน้ำทะเลก่อนเลือนหายไปพร้อมสายลมที่พัดมา ข้าจะตามหาท่านทุกๆภพชาติ.....สายเลือดของท่านจักต้องคำสาปที่ไม่มีวันลบได้เลย...... เสียงของนางเยือกเย็นหากแต่เศร้าสร้อยยิ่งนัก
ตอนที่ 2 : ร่าง


' ทำไมในถ้ำลมแรงจัง ' เด็กน้อยวัย 5ปีพูดกับตัวเองพลางเดินตามหามิอายาวิสที่หายไปนานเกินปกติเด็กน้อยมองดูภายในถ้ำอย่างหวาดกลัวเมื่อหาคนทั้งสองไม่เจอน้ำตาเอ่อไหลมาออกมาย่างรวดเร็ว
' ต้องไม่กลัวต้องไม่กลัว....' เด็กน้อยย้ำเตือนตัวเองเมื่อเธอเดินสะดุดกับบางอย่างเข้าแทนที่จะกรีดร้องแฉกเด็กในวัยเดียวกันเธอกลับนิ่งเงียบและสัมผัสดูว่าสิ่งนั้นคืออะไรก่อนร่างกายเธอจะแปรเปลี่ยนไปภายในพริบตาร่างที่ยลสะดุดเริ่มลืมตาขึ้นและยลกับร่างนั้นต่างตะลุมบอนกันยลกระโดดหลบหลีกไวราวกับสายลมร่างนั้นคำรามเสียงก้องราวกับมันโมโหสุดขีด ยาวิส มิอา และคนที่อยู่นอกถ้ำต่างห่วงเด็กน้อยที่กำลังต่อสู้อยู่ภายในถ้ำ มิอาทนไม่ได้รีบถลาเข้าไปในถ้ำแต่ยาวิสดึงไว้ก่อน
' หากเด็กคนนี้เป็นผู้ถูกลิขิตมาเขาต้องทำได้พวกเราต้องเชื่อมั่นในตัวแก ' เมื่อยาวิส
หยุดพูดมิอาจึงเริ่มคิดได้
' ผมขอโทษ ' มิอาเอ่ยขอโทษยาวิสทันที
ตอนที่ 3 : สายเลือด


ร่างที่ถูกตรึงไว้ในโลงแก้วที่ปิดผนึกแน่นหนาซึ่งจมอยู่ใต้ทะเลลึกมีประกายเเสงสีเเดงเจิดจ้าออกมาจากร่างแล้วพุ่งไปยังเบื้องบนทำให้ร่างโปร่งแสงที่ลอยไปมาอยู่บนพื้นน้ำต้องดิ่งลงมายังห้องที่โลงแก้วอยู่
' ท่านต้องการบอกสิ่งใดเล่าข้ามิอาจเข้าใจได้ ' ร่างนั้นเอ่ยมองดูดาบที่วางอยู่ข้างกายและโล่ทองต่างทอแสงเจิดจ้าแข่งกันก่อนโลงแก้วจะแตกเป็นเสี่ยงๆดาบและโล่ทองพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วร่างโปร่งแสงมองดูอย่างตะลึงรีบหันกลับไปดูชุดเกราะทองคำที่อยู่ในโลงแก้วที่อยู่ด้านหลังตนทันทีแน่นอนว่ามันลอยลิ่วตามสิ่งสองสิ่งนั้นไปเช่นกัน ร่างโปร่งแสงเข้าไปคุกเข่าดูร่างที่ถูกตรึงไว้ซึ่งน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดก่อนโลงแก้วที่เเตกละเอียดกลับมาคงสภาพเดิม
' ท่านกำลังจะบอกสิ่งใดต่อข้า....' ร่างโปร่งแสงเอ่ยกับร่างในโลงแก้วนั่นพลันลำแสงสีเเดงสดพุ่งเป็นลำไปยังทิศที่ร่างโปร่งแสงอุทานขึ้นต่างตกใจ ' เมืองหล'
ร่างโปร่งแสงก้มลงกราบร่างในโลงแก้วอยู่นานราวกับขอพรบางอย่างก่อนพุ่งตามลำแสงนั้นไปอย่างกระชั้นชิด
ตอนที่ 4 : คืออะไร

' เจ้าเป็นผู้ครองเมืองเเต่เจ้ากลับไม่มีวาจาสัตย์....ผิดกฎแห่งเมืองเพื่อหญิงเพียงคนเดียวเจ้าทำให้ชาวเมืองมารับกรรมแทน.....ด้วยคำสาปแห่งข้าผู้ให้กำเนิดเมืองนี้ข้าขอสาปแช่งสายเลือดอันเกิดจากเจ้าให้ต้องคำสาปจนกว่าผู้ปลดปล่อยจะมาเพื่อถอนคำสาปแห่งข้า!! ' นาถอ่านหนังสือที่สลักเป็นภาษาบาลีที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดจนถึงเขาอย่างไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรคำสาปอะไรสาปไว้ว่าอย่างไรกัน นั่นคือคำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอดนับตั้งเเต่ปู่ทวดจากไป
' มันหมายถึงอะไรนะ......แล้วทำไมปู่ถึงพร่ำถึงแต่ม่านมรกตก่อนสิ้นลม' นาถสงสัยเหลือเกินว่าม่านมรกตคืออะไร เหตุใดทั้งลุงและอาจึงมีอาการตกใจหนักหนาเมื่อเขาถามอีกยังมารดาของเขาอีกเขาต้องรู้ให้ได้เขาสัญญากับตนเองนับตั้งแต่ย่า ยายและป้าหายสาปสูญไปเมื่อ 20 ปีก่อน เสียงกริ่งดังไม่หยุดทำให้เขาต้องขมวดคิ้วทันทียิ่งเมื่อกริ่งดังขึ้นติดๆกันทำให้เขาเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันที
' อะไรกันทำไมกดไม่เลิกเด็กพวกนี้ ' เขาสถบเบาๆก่อนรีบเดินมาเปิดประตูบ้านเพื่อจัดการกับผู้ที่มากดกริ่งเล่นเขาคิดว่าเป็นเด็กๆที่เคยมากดเล่นประจำชายหน่มอ้าปากจะด่าเเต่เมื่อเห็นคนแต่งกายมอซอมายืนจ้องเขาตาเเป๋วแทนจะเป็นเด็กที่เขาคาดโทษเอาไว้ทำให้ เขารีบบอกปัดไปทันทีว่าไม่มีสิ่งของจะทำทานให้ก่อนหันหลังไปปิดประตูแต่เขาต้องชะงักงันทันทีเมื่อได้ยินทำนองที่ผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นมาเขาหันควับมาแทบทันทีเขาจ้องใบหน้าที่เอาหมวกมอๆนั้นออกซึ่งแหงนมองเขาอยู่เเววตาดำขลับสดใสหากแต่ดูสงบนิ่งจนเขารู้สึกยำเกรงขึ้นมาไม่รู้ตัวพลันเขารู้สึกว่าแววตานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใสเมื่อหญิงสาวยิ้มบางๆให้เขาก่อนเธอถอดสร้อยออกมายื่นให้นาถที่มองดูสร้อยดังกล่าวด้วยแววตาตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
' คุณพ่อ....' นาถมองสร้อยอีกเส้นที่เธอล้วงออกมาจากย่ามยื่นให้เขาอีกเส้นนาถรับมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน
' คุณย่า......' เขามองดูหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่เข้าใจที่เธอมีสร้อยสองเส้นนี้ได้อย่างไรเธอเอาแต่ยิ้มแล้วลูบท้องปรอยๆทำให้เขาเข้าใจว่าเธอหิวข้าวจึงรีบพาเธอเข้าบ้าน
ตอนที่ 5 : ห่วง


' ขอให้ข้าตามยลไปเถอะนะยาวิส.....ข้าไม่เคยขออะไรเจ้าเลย...ให้ข้าตามยลไปเทอด' มิอาอ้อนว้อนให้ยาวิสคลายมนต์ที่สะกดตนไว้นับตั้งแต่ยลได้ออกเดินทางไปยังแดนไกลมิอาเฝ้าอ้อนวอน
ยาวิสแฝดผู้น้องที่ดูเหมือนไม่สนใจเขานอกจากนั่งสมาธิเข้าฌานนิ่งนับตั้งแต่วันที่ยลไปเช่นกัน
' อายาเจ้าได้ยินข้าไหม...มาช่วยข้าที ' มิอาส่งกระแสจิตถึงอายาผู้ดูแลยลที่อยู่อีกมิติหนึ่งทำให้ยาวิสลืมตาขึ้นแทบทันทีก่อนรีบไปปิดรอยต่อระหว่างมิติที่กำลังเปิดกว้างจากกระเเสจิตของแฝดผู้พี่หากแต่ช้าเกินไปร่างจิตของผู้ที่ถูกเรียกนามผ่านประตูมิติออกมาแล้ว
' มิอา.....ยาวิสเกิดอะไรขึ้นจึงเรียกข้ามา....แล้วยลหายไปไหนนางหายไปไหนอีก!!!' น้ำเสียงของนางคล้ายจะกรีดร้องเมื่อนางไม่เห็นยล
' เจ้า....พวกเจ้าปล่อยให้นางหนีไปอีกแล้วรึ...มิอา....ยาวิส...บอกข้ามานะทำไมเอาแต่เงียบ!!!!' ร่างจิตนั้นเริ่มมีเเสงสีแฉดต่างๆเข้มขึ้นสลับกันไปมาราวกับโกรธอะไรสักอย่าง
' ยะ....หยุดก่อนอายาขอร้องว่าหยุดก่อนก่อนที่อีกมิติจะพังสลายจากพลังของเจ้า!!!' ยาวิสเอ่ยเสียงเข้มส่วนมิอาเอาแต่เงียบเพราะรู้ว่าหากอายาแฝดคนที่3โกรธมักจะรุนแรงจนยาวิสไม่สามารถต้านได้มีเพียงคนเดียวที่จักต้านนางได้แต่คนๆนั้นไม่อยู่ที่นี่เสียแล้ว
' เกิดอะไรขึ้นใครแผลงฤทธิ์อะไรอีก....เรากำลังร่ายมนต์อยู่เลยล้มไม่เป็น่าเลย...' ร่างจิตอีกหนึ่งเดินออกมาจากประตูมิติอีกมิติหนึ่งท่าทางหงุดหงิดมากจนยาวิสต้องหันขวับมาดูตามสายตาของมิอาที่มีแววตกใจอยู่มิน้อย
' จิล...เจ้า...ออกมาทำไมใครเรียกหาเจ้ารึ ' มิอาอุทานอย่างตกใจสุดขีดที่แฝดคนสุดท้องออกมาจากมิติที่เธออยู่โดยไม่มีใครรับเชิญ!!ทำให้ร่างจิตนั้นมองตาขวางมายังผู้ที่เอ่ยตาเขม็งก่อนร่างมิอาจะลุกเป็นไฟ
' อย่านะจิล....' ยาวิสห้ามไม่ทันเขาจึงเรียกน้ำมาเทโครมลงบนตัว
มิอาทำเอามิอาสำลักน้ำจนหน้าเขียวส่วนอายาดูเหมือนจะเริ่มควบคุมอารมณ์ได้เธอมองดูยาวิสกำลังปะทะคารมกับจารวิญอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปอีกข้างให้ได้แล้วหันมามองมิอาที่อ้าปากหวออย่างทำอะไรไม่ได้เพราะถูกตรึงด้วยมาต์คาถาของยาวิสอยู่อายาเรียกลมมาทำให้มิอาตัวแห้งก่อนคลายมนต์ให้แต่ไม่ทันที่มิอาจะเข้าไปห้ามยาวิสกับจารวิญอายาทรุดฮวบลงทันทีเธออุทานอย่างทรมาน
' ไม่นะ...ไม่....ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ' อายามองดูดาบทองที่เปล่งแสงเจิดจ้าอีกยังโล่และชุดเกราะที่กำลังมีเเสงเรื่อๆสีแดงสดเปล่งประกายออกมาราวกับจะเเข่งกัน
' เด็กคนนั้นเป็นของข้าท่านไม่มีสิทธิ์เเม้เเต่จะมาพาเด็กนั่นไปข้าไม่ยอม...ไม่ยอม....พี่มิอาช่วยน้องด้วย....เขาจะมาพรากลูกของน้องไป....!!!'
อายากุมหน้าอกราวกับทรมานสุดเเสนนางคล้ายกับพยายามฝืนร่างกายจะเข้าไปทำลายของทั้งสามสิ่งนั้นให้ได้มิอามองดูลำแสงสีแดงสดที่พุ่งออกมาของทั้งสามอย่างตกใจที่มันพุ่งไปรวมกันเเล้วเกิดเป็นร่างจิตของชายผู้หนึ่งเสียงดังออกมาชัดเจนจนยาวิสและ
จารวิญต้องหยุดทะเลาะกันแล้วหันมามองอย่างสนใจทันทีร่างเรืองแสงสีแดงสดใสค่อยๆเดินตรงไปยังอายาที่กุมหน้าอกอย่างเจ็บปวดอยู่ร่างนั้นทรุดนั่งเบื้องหน้าอายา
' เจ้าลืมเเล้วรึเจ้าลืมรึไงเล่าว่าบุตรเเห่งเจ้านั้นสิ้นชีพตั้งแต่วันนั้นเเล้ววันที่เจ้าตรึงข้าไว้ไงอายา...เจ้าลืมรึไงเล่า ' ดวงหน้างดงามนั้นมองดูอายาอย่างเจ็บปวดอายาเงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในเเววตาคู่นั้นอย่างเจ็บปวดไม่เเพ้กัน
' ข้าไม่มีวันลืมหรอกหนา....ท่านว่าท่านโหดร้ายแค่ไหนแม้แต่ชายาแห่งท่านท่านยังปลิดชีพนางได้อย่างเลือดเย็น....แล้วบุตรแห่งท่านเล่าจักรอดได้เช่นไรกัน ' อายาเน้นทุกคำช้าๆราวกับจะยำให้ร่างจิตนั้นรับรู้
' เจ้า....เจ้าไม่รู้จริงเจ้าเอ่ยเช่นนั้นไม่ได้หรอกอายา' ใบหน้างดงามราวอิสตรีเพศนั้นเอ่ยเบาๆก่อนน้ำตาจะเอ่อล้นเบ้าตาออกมา
' เจ้าไม่มีวันรู้เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอกอายาแม้แต่นางผู้เป็นเจ้าดวงใจแห่งข้านางจักไม่เข้าใจเช่นกัน....สักวันเจ้าจักเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำลงไป ' ร่างนั้นค่อยๆเลือนหายไปแสงสีแดงสดเริ่มอ่อนพลังลงจนไม่มีสีแดงสดเหลืออยู่มีเพียงสีทองอร่ามที่ทอประกายเจิดจ้าแทนส่วนอายาดูเหมือนจะหายจากอาการดังกล่าวนางเดินเข้าไปสัมผัสของทั้งสามอย่างก่อนนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใคร
' ข้าขอโทษข้าไม่เข้าใจว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้าไม่เข้าใจ....ตอบข้ามาที ' อายาคร่ำครวญทำให้มิอา ยาวิสและจารวิญค่อยๆเดินไปโอบกอดอายาไว้
' ข้าห่วงยล.....พวกเจ้าก็รู้ในกายนางไม่เป็นเช่นพวกเราหากนางไปสู่เมืองมนุษย์นั่นนางจักต้องทรมานเพียงใดข้าห่วงนางเหลืเกิน.....' น้ำตาของอายาหยดลงบนดาบทอง โล่และเกราะทองราวกับพวกมันจะรับรู้สิ่งที่อายาเอ่ยเอื้อนอยู่สิ่งของทั้งสามหลอมรวมเป็นจี้หกเหลี่ยมก่อนหายวับไปในพริบตาทั้งสี่คนมองดูอย่างตะลึง
' พวกมันห่วงนายมันดูสิรีบไปหาทั้งที่นายมิได้เพรียกหาเลย!!!!' จารวิญเอ่ยเบาๆไม่เพียงแต่ทั้งสามคนหรอกที่ห่วงยลเธอก็ห่วงเด็กน้อยนั่นอยู่ไม่น้อยหากแต่นิ่งเงียบเฉยๆ
' ยลข้าหวังว่าเจ้าคงควบคุมพลังของเจ้าได้นะยล' อายาเอ่ยราวกับบอกยลผ่านสายลมที่พัดมาเบาๆไปมิอามองดูยาวิสที่มีสีหน้าไม่สู้ดี
' ข้าจะตามยลไปแล้วเจ้าหละยาวิส ' มิอาเอ่ยขึ้น
' ยังหรอกมิอาข้าจักต้องนำสิ่งหนึ่งไปให้ยลสิ่งหนึ่งที่จักมาในคืนเพ็ญที่จะถึงนี้ข้าไม่ไหนไม่ได้หรอก ' ยาวิสแหงนหน้ามองดูพระจันทร์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
' มิน่าเจ้าจึงตรึงข้าไว้....' มิอาเข้าใจถึงเหตุผลที่ยาวิสทำในที่สุด
' ไม่มีอะไรแล้วข้ากลับนะ' อายาและจารวิญเอ่ยพร้อมๆกันก่อนหายวับไปทันที
' ตื่นแล้วรึลาล่า...เสียใจด้วยนะยลนายของเจ้าไม่อยู่ ' ยาวิสเอ่ยกับลาล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกยลจัดการจนอยู่หมัดเมื่อตอนยลอายุได้เพียง 5 ขวบ ณ ถ้ำมังกรเก้าเศียรเมื่อ 15 ปีที่แล้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้ร่างนั้นชูคอที่ดูคล้ายมังกรผสมพญานาคทั้ง 9 หัวส่ายหัวไปมาสอดส่ายสายตาหาผู้เป็นนายราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกเเววตาของหัวทั้ง 9 หัวมีท่าทางเหงาหงอยขึ้นมาทันทีก่อนหมอบลงอย่างเบื่อๆแล้วหลับไปอีกรอบทำให้มิอายาวิสมองดู
อย่างขำๆ
โดย : ปทิตตา | email : patt_9999@hotmail.com | update ล่าสุด : 09 มิ.ย. 2551 22:25:21



Create Date : 11 กันยายน 2551
Last Update : 11 กันยายน 2551 17:43:57 น. 0 comments
Counter : 184 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ปทิตตา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ปทิตตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.