sexy patty
Group Blog
 
All Blogs
 

เพลงพฤกษ์

เพลงพฤกษ์
บทนำ
“ เมื่อมนุษย์กับธรรมชาติยังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันแต่ใครจะสามารถรู้ได้ว่าหากธรรมชาติไม่ยินยอมให้เหล่ามนุษย์พึ่งพาเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้จนเกินไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น…..!!”
เพลงพฤกษ์
บทที่ 1 เขตแดน

มาธวี เขตโสภน ยืนมองดูชายหนุ่มผู้เดินตรงมายังเธอซึ่งใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์เสียอย่างสุดๆเธอยิ้มแบบกวนๆเมื่ออีกคนพยายามข้ามรั้วเขตเเดนที่กั้นไว้แบบหลวมๆเพราะทั้งเขาและเธอต้องใช้ลำธารร่วมกันจึงต้องเทียวเข้าออกบ่อยๆตั้งแต่รุ่นปู่ทวดของเขาและตาทวดของเธอ

“ นี้ยัยแตน…เธอไปกั้นเเนวน้ำใหม่ทำไม…รู้ๆอยู่ว่าทางฉันต้องใช้น้ำช่วงไหนบ้าง ” ดรุสัณฑ์ ชยุตพงศ์ตะคอกมาธวีอย่างหงุดหงิดเมื่อข้ามรั้วมาจนถึงจุดที่หญิงสาวยืนเท้าสะเอวยิ้มกวนๆเขาอยู่อย่างไม่เกรงกลัว

“ อ้าว….นายลืมไปแล้วเรอะว่าทางฉันต้องใช้น้ำช่วงเวลานี้…จู่ๆนายก็สั่งลูกน้องไปเบนทิศทางก่อนโดยไม่บอกหากฉันเจ้งมานายจะรับผิดชอบเปล่าหล่ะ!?”ผึ้งหรือมาธวีสวนกลับอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน

“ เธอ…ทำไม…ฉันต้องไปรับผิดชอบด้วย..” ดรุสัณฑ์หรือสัณฑ์ย้อนผึ้ง

“ อ้าว…..พูดแบบนี้ก็ชวนปากมีสีสินายสันแข้ง !” ผึ้งถลกแขนเสื้อขึ้นตั้งท่าชกมวยทันทีแต่ทั้งสองคนต้องหันขวับกับเสียงแหลมปรี๊ดของใครบางคน

“ ต๊าย…ตาย…ยัยรังแตนจะทำอะไรสุดที่รักคุณสัณฑ์ของฉันย่ะ ?” วนศักดิ์หรืออีเกิ้งฉายาที่ผึ้งตั้งให้กับกะเทยประจำหมู่บ้าน “ โฮงคำ ” ผึ้งมองดูสัณฑ์ที่ทำท่าทางราวกับจะอ้วก

“ เปล่า….กำลังจะสอนลีลาให้กับนายนี้ไปใช้กับแกไงย่ะ ” ผึ้งยิ้มหวานกับชายหนุ่มอีกคนที่ตามวนศักดิ์มา

“ ไงค่ะคุณเมฆสำรวจทั่วหรือยังค่ะ?” โตยธร เตชธรรมมองดูเธอแบบขยาด

“ ยังไม่ทั่วเลยฮะ…คงต้องรอคุณหมามุ่ยเฮ้ย….คุณผึ้งเป็นไกด์พาทัวร์นะฮะ” โตยธรหรือเมฆกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากเมื่อคิดถึงวีรกรรมที่ผึ้งพาเขาไปสร้างมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วทำเอาเขานอนจับไข้เกือบอาทิตย์เพราะเธอเล่นพาเขาไปสำรวจกลางใจกลางป่าในวันที่ฝนตกหนักเขาต้องวิ่งหนีน้ำป่าโดยมีฝูงช้างและสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมายวิ่งไล่หลังมาภาพนั้นยังตามหลอกหลอนเขาจนถึงวันนี้

“ ต๊าย….ตายนี้แกยังไม่เข็ดอีกเหรอ…คราวก่อนก็นอนจับไข้เกือบอาทิตย์…ขากับเท้าแกก็ใช้การไม่ได้อยู่นานไม่ใช่เหรอย่ะ…คราวนี้คงได้หามเข้าป่าช้ากระมั้งนายเมฆคงกลายเป็นเถ้าแทน!” เวิ้งพูดประชดญาติผู้น้องที่ยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะกลัวอีกคนมากๆเกิ้งกระแซะสัณฑ์ที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆยืนตัวแข็งทื่อจนผึ้งต้องแอบกลั้นหัวเราะไว้

“ เกิ้ง..คุณสัณฑ์เขาบ่นกับฉันอยู่ว่าคิดถึงแก…แกไม่ดีใจหรือ….เขาแอบกระซิบฉันว่าอยากให้แกไปหาบ่อยๆด้วยหละ” ผึ้งบอกเพื่อนเบา ๆทำให้สัณฑ์ตาลุกวาวที่เธอช่างแต่งเรื่องได้รวดเร็วเหลือเกิน เมื่อวนศักดิ์ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลากดรุสัณฑ์ไปขึ้นรถทันทีโดยไม่ลืมกำชับผึ้งให้ดูแลเมฆดีๆทำให้เมฆอ้าปากค้างที่ญาติผู้พี่เห็นผู้ชายดีกว่าตนเมฆหันมามองผึ้งอย่างระแวงว่าเธอจะพาเขาไปผจญภัยอะไรอีกในวันนี้

“ โชคดีนะ…กันจะดูแลน้องนายเอง …..อย่าได้พะวงเลยเที่ยวให้สนุก
นะ ” ผึ้งส่งจูบให้เพื่อนสาวที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาโทแล้วหันมายิ้มหวานให้กับเมฆก่อนจะพาชายหนุ่มไปลุยหาสมุนไพรมาปรุงยาให้เหล่าสัตว์ป่าที่เธอไปไถ่ชีวิตมาจากนรกเมื่อเดือนที่แล้วเธอต้องรักษาพวกมันให้หายดีจนเอาตัวรอดได้ก่อนจึงปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

“ อะไรนะครับให้ผมแบกถุงพวกนี้นะเหรอครับคุณผึ้ง…!? ” โตยธรเอ่ยถามอีกคนเพื่อความมั่นใจเพราะถุงเหล่านั้นคือเสบียงอาหารที่สามารถกินได้เป็นอาทิตย์ๆ โตยธรมองดูหญิงสาวร่างบางๆที่ง่วนกับการจัดสิ่งของต่ออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเอาข้าวของไปมากมายขนาดนี้

“ ค่ะ…ใช่ทั้งหมดเลยค่ะ…เราต้องเอาของพวกนี้ไปฝากไว้ตีนเขา…คงต้องค้างสักเกือบอาทิตย์หากคุณไม่เต็มใจไปก็จะไปส่งที่บ้านพัก ” ผึ้งจ้องตาของอีกคนเขม็งทำให้โตยธรต้องหลบสายตาของเธอที่กำลังจ้องมองราวกับอ่านใจเขาอยู่ผู้หญิงคนนี้ดูเผินๆเหมือนกับว่าเป็นคนง่ายๆไปทุกอย่างหากแต่เมื่อรู้จักเธอจริงๆช่างน่ากลัวกว่าที่เขาคาดคิดไว้

“ ผึ้งนะมันเก่ง…ตระกูลของมันฆ่ากันตายไม่ต่างไปจากคดีที่โด่งดังมากๆหรอก…กว่ามันจะมีวันนี้นะเมฆ….พี่ลุ้นแทบแย่เลย” วนศักดิ์เอ่ยถึงผึ้งที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องมาตั้งแต่เยาว์วัย

“ หากแกอยากรู้เรื่องป่าถามมันได้เลยมันโตมากับป่าโดยแท้จริง ” โตยธรไม่ได้ยินที่ผึ้งกำลังพูดด้วยใบหน้าใครบางคนซ้อนทับกับใบหน้าผึ้งซึ่งเหมือนกันราวกับแกะกันมาหากแต่รายนั้นบอบบางเสียจนเขาต้องตัดสินใจให้อยู่ประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งยังแดนไกลแม้ว่าญาติๆจะคัดค้าน

“ พี่เมฆ….ไมอยากอยู่ที่เมืองไทยไม่อยากไปอยู่ที่โน้นไมกลัว…ให้ไมอยู่ที่นี่นะ…พี่” ติยพรอ้อนวอนเขาแต่เขาจำใจต้องส่งน้องสาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ไปไกลอกทั้งที่ห่วงมากมายเหลือเกิน

“ ไม่…เธอต้องไปนี้เป็นคำสั่งของพี่ห้ามวอแว…ทุกปิดเทอมพี่จะไปเยี่ยม ” โตยธรเน้นเสียงจนอีกคนร้องไห้ที่ถูกขัดใจทุกครั้ง

“ พี่ใจร้าย…อีตาพี่บ้า….เอาพี่ฟ่านคืนมานะเพราะพี่คนเดียวพี่ฟ่านถึงได้ตาย…” ติยพรโวยวายแล้วข้าวของต่างๆได้ลอยลิ่วออกมาจนเขาแทบหลบไม่ทัน

“ นี้เพราะยัยฟ่านคนเดียวที่ทำให้น้องเสียคนได้ถึงขนาดนี้….”โตยธรบ่นโดยมีคนสวนเก่าแก่ช่วยซับเลือดที่ไหลอาบจากถูกแจกันกระแทกอย่างจัง

“ อย่าไปว่าเธอเลยคุณเมฆ….เธอทำได้ดีสุดแล้วกว่าคุณจะจบเธอก็พยายามต้านทุกๆด้านจนเธอล้าแล้ว…..” โตยธรได้แต่ถอนใจ

“ เสียดายนักที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าน้องของผม…..ศพแล้วศพเล่านับแต่นายอัน..มายัยฟ่างแล้วก็ฟ่าน…ไมนะถึงไม่ตายก็เท่ากับตายทั้งเป็น!” โตยธรพูดอย่างขมขื่นที่ต้องสูญเสียน้องๆไปทั้งที่แต่ละเหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยในความเป็นจริง

“ ลุง…เรื่องที่ไมจะไปช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ ”โตยธรย้ำกับคนเก่าแก่เมื่อส่งน้องสาวไปแล้วเขาพยายามปรึกษาแพทย์ที่เก่งที่สุดในโรคที่ไมกำลังเป็นอยู่จนเขาท้อแท้กับการรักษาน้องจนได้พบเพื่อนที่เป็นแพทย์ที่ซึ่งจบปริญญาเอกจากแดนไกล

“ แกไม่ต้องส่งน้องแกไปไกลขนาดนั้นก็ได้…แค่แกหาบริเวณที่อากาศดีๆบรรยากาศสงบๆอาการน้องแกก็ดีขึ้นแล้ว ” เพื่อนกล่าวย้ำก่อนจะตามภรรยาสาวไปยังแดนอาทิตย์อุทัยเพื่อดูแลกิจการของภรรยา

“ แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายๆทั้งหลาย…..ผมไม่เชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรอกนะ!” เขากล่าวเน้นย้ำก่อนจากมายังที่นี่

“ คุณหนูต้องพยายามทำทุกอย่างโดยรอบคอบนะครับ….ผมจะดูแลที่จนกว่าคุณหนูจะหาคนร้ายเจอผมสัญญา…ผมจะไม่ยอมตายก่อนได้เห็นหน้าคนที่ฆ่าคุณท่านของผมแน่นอน ” คนสวนเก่าแก่ให้คำสัญญา

“ เนี่ย…คุณ..ๆขา…ผึ้งเรียกตั้งนานแล้ว ไม่เห็นขานตอบนึกว่าตกเนินไปซะแล้ว…พร้อมแล้วไปเถอะ ” ผึ้งดึงแขนชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าจวนจะมืดแล้ว

“ เราต้องทำเวลาไปให้ถึงที่โน้นก่อนเที่ยงคืน…เพราะว่าหลังจากนั้นเสือป่ากับช้างป่าจะออกหากินมันอันตรายมากๆ..” ผึ้งบอกเมฆระหว่างรีบจ้ำเอาๆจนเขาต้องขอหยุดพักหลายต่อหลายรอบ

“ ตอนพ่ออยู่พ่อมักพาผึ้งออกมาสำรวจป่าจนแม่ว่าปล่อยๆแต่ตอนนี้ผึ้งอยากขอบคุณพ่อที่ทำเช่นนั้นที่สุดเลยหล่ะ” ผึ้งชวนเมฆคุยไปจนถึงจุดหมายที่ทำให้เมฆอ้าปากตาค้างเพราะจุดที่เธอบอกว่าเป็นที่พักคือบนต้นไม้ที่มีสิ่งคล้ายๆหิ้งพระดูไปเหมือนศาลพระภูมิมากกว่า

“ ผมต้องนอนบนนั้นนะหรือผึ้ง ” เมฆเอ่ยถามผึ้งที่กำลังสนทนากับชายร่างใหญ่ที่ชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่มีสิ่งเดียวกันอยู่

“ คะ….คุณนอนต้นนี้หล่ะ…ผึ้งจะไปต้นโน้นส่วนพรานคนนี้เขาจะนอนต้นนั่นจะได้ดูต้นทางให้เราคล้ายยามนั่นแหล่ะ” ผึ้งพูดเเค่นั้นเธอได้หายไปพร้อมกับความมืดทิ้งเขานะจังงันกับที่นอนแบบใหม่ที่เขาเคยเจอแต่ในสารคดีที่เขาไปเรียนมาแต่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาสัมผัสจริงๆและทั้งคืนเขานอนผวาไปกับเสียงสัตว์นานาชนิดที่วิ่งไปมาเพื่อหาอาหารโดยเฉพาะเสียงเสือคำรามแข่งกันทำให้เขาขนลุกซู่จนนอนไม่หลับเลย
บทที่ 2 ต่างขั้ว
คนธวัลย์ยืนมองผัลย์สุภาฝาแฝดที่ถูกอาสาวขอมาเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัยที่สาละวนกับการสับรางรถไฟที่เกือบมาชนกันเมื่อครู่ที่ผ่านไป

“ นี้บัว…พี่จะไปแล้วนะเดี๋ยวจะไม่ทันรถ…ฝากบอกอาด้วยนะว่าอีกนานจึงจะมาหา” คนธวัลย์หรือเถาคว้าเป้เก่าๆคู่ใจออกไปอย่างเบื่อๆกับการต้องเดินทางตั้งแต่จำความได้เธอต้องเดินทางไปกับบิดาที่เป็นช่างภาพอิสระที่ได้รับรางวัลมากมายเป็นว่าเล่นจนมารดาต้องขอแยกทางกับบิดาหลังจากเธอและน้องเกิดได้ไม่ถึงเดือนดีนั่นคือสิ่งที่ปู่ย่าลุงและอาที่เลี้ยงดูเธอมามักบ่นให้ฟังเสมอๆ

“ แม่แกเป็นดาราดังมาก…ม้ากพ่อแกเป็นช่างภาพกระจอกๆมันเลยไปกันไม่รอดนะเถา….แต่แกอย่าไปโกรธแม่แกเลยพ่อแกก็เจ้าชู้จนแม่แกน้ำตาตกในเสมอๆเลยลงท้ายแบบนี้” ลุงกับป้ามักเตือนเธอเวลาที่เธอโมโหให้มารดา

“ พ่อขา..พ่อรักเถามากไหมคะ?” คนธวัลย์ออดอ้อนบิดาเสมอเมื่อท่านกลับมาจากทำงานยังต่างแดน

“ พ่อมีหนูเป็นยอดดวงใจเป็นดังลมหายใจนะลูก…เมื่อลูกจบป.6ลูกต้องไปทุกหนทุกแห่งกับพ่อ…เพราะพ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน” บิดาเธอพูดเช่นนั้นซึ่งเธอคิดว่าท่านพูดเล่นๆแต่เมื่อเธอจบป.6ท่านนำไปด้วยจริงๆแม้ว่าเหล่าญาติพี่น้องจะขัดขวางท่านก็ไม่ยอม

“ งั้นแกเอาเถาไปแต่ยัยบัวพวกพ่อขอเถอะอย่าไปยุ่งกับเขาเลยรายนั้นเขารักเขาเลี้ยงของเขามาตั้งแต่แบเบาะเเล้ว ” ปู่ต่อว่าบิดาที่จะไปเอาน้องสาวฝาแฝดที่อาสาวเอาไปเลี้ยงตั้งแต่เกิด

“ โธ่…พ่อยังไงก็ลูกผมทั้งสองคนทำไมต้องให้แกแยกกันด้วยหล่ะครับ! ” พ่อเธอแย้งแต่ปู่กับลุงเธอยังยืนยันคำเดิมซึ่งเธอยังจำได้จนถึงวันนี้เพราะในครั้งนั้นเองที่เธอรู้ว่ายังมีน้องสาวอีกคนเมื่อบิดาพาไปหาน้องเธอราวต้องมนต์สะกดที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับพิมพ์เดียวกันแต่การเจอกันครั้งทำให้เธอทั้งคู่ต้องนั่งฟังบิดากับอาสาวทะเลาะกันแทบตายไปคนละข้างเมื่อบิดายืนยันจะเอาผัลย์สุภาหรือบัวไปอยู่ยังต่างแดนด้วยแต่น้องสาวของมารดาไม่ยินยอมเดือดร้อนปู่ต้องรีบดิ่งลงมาห้ามศึกบิดาจึงยอม

“ เด็กคนนี้ฉันถือว่าเป็นเสมือนลูกฉันแท้ๆใครมาพรากแกไปตายสถานเดียวเท่านั้นจำไว้….เราตกลงกันตั้งแต่พี่ฉันหย่ากับนายแล้วอย่าลืมสิ!” ลดาชาติตาขวางขณะขวางผัลย์สุดาออกมาจากอ้อมกอดของบิดาของเธอที่โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ

“ พ่อ…..ว่างๆเราค่อยมาหาน้องก็ได้นะพ่อนะ” เถาดึงพ่อที่พยายามกระชากบัวมาจากลดาชาติซึ่งบัวนั้นกอดลดาชาติแน่นร้องไห้จนตัวโยน

“ ไม่….ไม่…ฮือๆๆ…บัวจะอยู่กับแม่….บัวไม่ไปไหนบัวไม่ไป…แงๆๆ ” ในครั้งนั้นทำให้เธอรู้ว่ามารดาของเธอหน้าตางดงามราวกับนางฟ้าจริงๆเมื่อเธอมาพร้อมใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก

“ ปล่อยเดี๋ยวนะ…นายชุค…ฉันบอกให้ปล่อยลูกฉันไง…ก่อนหย่าเธอกับฉันตกลงกันจนรู้เรื่องเเล้วนะว่าใครควรได้เด็กคนไหนไป!” ศุภาถลาไปอุ้มเด็กน้อยต่อจากน้องสาว

“ อย่าร้องคนดี….ป้าอยู่นี้แล้วอย่ากลัวไปเลย ” ศุภาปลอบโยนบุตรสาวที่น้องสาวหัดให้เรียกเธอว่าป้ามาตั้งแต่แกจำความได้

“ โอเค….ลูก…ใช่แล้วตามที่ศุภาว่าเรากลับเถอะชุค” ปู่ลากพ่อกับเธอขึ้นรถขณะที่ตะลึงงันอยู่

“ พี่เถา….เดี๋ยวอย่าเพิ่งไปรอบัวเเป๊บ….เดี๋ยวเดียวนะ” บัวหายไปครู่ใหญ่แล้วออกมาพร้อมกล่องเล็กจิ๋วพลางหอมแก้วเถาเบาๆ

“ สุขสันต์วันเกิดเช่นกันจ๊ะ..ขอบใจมากสำหรับจี้เมื่อคืน….เดินทางโดยสวัสดิภาพนะจ๊ะพี่สาว ” ผัลย์ศุภาโบกไม่โบกมือให้คนธวัลย์จนเถามองเห็นอยู่ลิบๆเพราะมัวแต่หันหลังดูน้องสาวทำให้เธอเกือบถูกรถที่ขับมาจอดชนเอา

“ นี้คุณมองดูข้างหน้าบ้างนะผมไม่อยากชนตนตาย ” กันทรลงมาจากรถแล้วต่อว่าหญิงสาวที่ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆรถคันงามมาจอดห่างจากเธอไม่ถึงคืบเต่เมื่อเขาหน้าเธอชัดเจนเขาอุทานอย่างหัวเสียเข้าไปอีก

“ เธออีกแล้วยัยหมามุ่ย….ทำไมฉันซวยแบบนี้เนี่ย!…คราวก่อนเธอก็เจาะยางรถฉันคราวนี้จะหาเรื่องอะไรอีกหล่ะครับเเม่ตัวป่วน!” กันทรโวยวายเมื่อคนธวัลย์ตั้งสติได้เธอจวกใส่กันทรชนิดไม่ยั้งก่อนชกหน้าเข้าที่เบ้าตาเขาเมื่อเขามาเขย่าตัวเธอเพราะโมโหก่อนกระโดดขึ้นรถโดยสารประจำทางไปอย่างรวดเร็วทิ้งกันทรโอดครวญก่อนกุมเบ้าตาไปหาแพทย์แล้วกลับมาสะสางกับผัลย์ศุภาที่บ้านต่อแต่เขากลับต้องโดนห้ามไปส่งโรงพยาบาลเมื่อแฟนคนล่าสุดมาพบเข้าขณะที่เขากำลังทะเลาะกับบัวอยู่เดือดร้อนยชญ์เพื่อนสนิทต้องมานอนเฝ้าพร้อมกับการห้ามศึกดังกล่าว

“ โอ๊ย…ทำไมแกต้องไปหาเเต่เรื่องยัยเด็กบัวว่ะ….คราวก่อนหากคุณก้านไม่อยู่แกคงเป็นขันทีไปแล้ว….คราวกลายเป็นมัมมี่ไปเลย ” ยชญ์บ่นแล้วก็บ่นขณะโทรศัพท์บอกแฟนสาวของกันทรมาดูแลต่อจากเขาซึ่งต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการด่วนตามที่ถูกเรียกตัว

“ นายรอยัยเพียวนะกันต้องไปงานด่วน…” ยชญ์บอกเพื่อนที่นอนทำตาพริบๆเพราะมีเพียงลูกตาเท่านั้นที่กลอกไปมาได้ยชญ์มองดูเพื่อนแล้วส่ายหัวอย่างปลงๆ

“ เดี๋ยวหมอจะมาดูอาการนาย…เออคู่กรณีจะมาดูด้วย…โชคดีนะเพื่อนกันต้องรีบไปจริงๆหากไม่มีคำสั่งสายฟ้าเเลบมากันต้องอยู่ดูแลนายแน่นอน” ยชญ์บอกลาครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกไปพอดีกับแฟนสาวของกันทรมาถึงแต่คงเป็นโชคร้ายสองชั้นเมื่อกิ๊กอีกรายของกันทรดันมาเยี่ยมเช่นกัน….ยชญ์ได้ยินแต่เสียงด่าทอกันของสองสาวตามด้วยเสียงข้าวของตกแตก

“ อ้าว…คุณกันไปแล้วเหรอคะ…” ผัลย์ศุภาถามขณะที่ยชญ์มองเธอด้วยเเววตาเย็นชาที่แฟนหนุ่มโอบกอดเธอไว้หลวมๆ

“ ครับ…ผมต้องไปงานราชการด่วน..ฝากดูนายทรด้วยนะครับท่าทางจะแย่แล้ว ” ยชญ์เอ่ยเท่านั้นก่อนจากไปทำให้ผัลย์ศุภางงมากแต่เมื่อเข้าไปเยี่ยมกันทรทำให้เธอเข้าใจทันทีเมื่อแฟนเธอเข้าไปห้ามสองสาวที่กำลังตบตีกันอย่างเมามันส์แล้วเจอลูกหลงเข้าจนสลบเหมือดไปอีกราย…..! เธอมองดูกันทรที่นอนทำตาพริบๆที่ไม่คาดคิดสาวๆที่เขาคบพร้อมๆกันจะมาเยี่ยมเขาจนเกิดเรื่องราวขึ้น

“ นี้หล่ะหนาเจ้าพวกจับปลาสองมือ…เอสำหรับนายนะเรียกว่าจับปลาหลายทางเลยเกิดเรื่อง”ผัลย์ศุภาชายหางตามองดูกันทรขณะรอยามมาจัดการต่อ

“ เอาเลยคะจับโยนไปข้างล่างเลยคะคุณยามขวางหูขวางตาจริงๆ ” เธอเอ่ยเมื่อยามเข้ามาหลายๆคนจนสองสาวหยุดทะเลาะกันโดยปริยาย

“ นี้พวกคุณ…พี่ชายฉันต้องการพักผ่อนไม่ใช่มาดูหมอลำผสมลิเกกับมวยไทยนะ..!เชิญพวกคุณกลับไปได้เเล้ว ” ผัลย์ศุภาย้ำจนสองสาวรีบแย่งจนออกจากห้องดัง




 

Create Date : 11 กันยายน 2551    
Last Update : 11 กันยายน 2551 17:49:59 น.
Counter : 257 Pageviews.  

เพลงพฤกษ์

เพลงพฤกษ์
บทนำ
“ เมื่อมนุษย์กับธรรมชาติยังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันแต่ใครจะสามารถรู้ได้ว่าหากธรรมชาติไม่ยินยอมให้เหล่ามนุษย์พึ่งพาเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้จนเกินไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น…..!!”
เพลงพฤกษ์
บทที่ 1 เขตแดน

มาธวี เขตโสภน ยืนมองดูชายหนุ่มผู้เดินตรงมายังเธอซึ่งใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์เสียอย่างสุดๆเธอยิ้มแบบกวนๆเมื่ออีกคนพยายามข้ามรั้วเขตเเดนที่กั้นไว้แบบหลวมๆเพราะทั้งเขาและเธอต้องใช้ลำธารร่วมกันจึงต้องเทียวเข้าออกบ่อยๆตั้งแต่รุ่นปู่ทวดของเขาและตาทวดของเธอ

“ นี้ยัยแตน…เธอไปกั้นเเนวน้ำใหม่ทำไม…รู้ๆอยู่ว่าทางฉันต้องใช้น้ำช่วงไหนบ้าง ” ดรุสัณฑ์ ชยุตพงศ์ตะคอกมาธวีอย่างหงุดหงิดเมื่อข้ามรั้วมาจนถึงจุดที่หญิงสาวยืนเท้าสะเอวยิ้มกวนๆเขาอยู่อย่างไม่เกรงกลัว

“ อ้าว….นายลืมไปแล้วเรอะว่าทางฉันต้องใช้น้ำช่วงเวลานี้…จู่ๆนายก็สั่งลูกน้องไปเบนทิศทางก่อนโดยไม่บอกหากฉันเจ้งมานายจะรับผิดชอบเปล่าหล่ะ!?”ผึ้งหรือมาธวีสวนกลับอย่างอารมณ์เสียไม่แพ้กัน

“ เธอ…ทำไม…ฉันต้องไปรับผิดชอบด้วย..” ดรุสัณฑ์หรือสัณฑ์ย้อนผึ้ง

“ อ้าว…..พูดแบบนี้ก็ชวนปากมีสีสินายสันแข้ง !” ผึ้งถลกแขนเสื้อขึ้นตั้งท่าชกมวยทันทีแต่ทั้งสองคนต้องหันขวับกับเสียงแหลมปรี๊ดของใครบางคน

“ ต๊าย…ตาย…ยัยรังแตนจะทำอะไรสุดที่รักคุณสัณฑ์ของฉันย่ะ ?” วนศักดิ์หรืออีเกิ้งฉายาที่ผึ้งตั้งให้กับกะเทยประจำหมู่บ้าน “ โฮงคำ ” ผึ้งมองดูสัณฑ์ที่ทำท่าทางราวกับจะอ้วก

“ เปล่า….กำลังจะสอนลีลาให้กับนายนี้ไปใช้กับแกไงย่ะ ” ผึ้งยิ้มหวานกับชายหนุ่มอีกคนที่ตามวนศักดิ์มา

“ ไงค่ะคุณเมฆสำรวจทั่วหรือยังค่ะ?” โตยธร เตชธรรมมองดูเธอแบบขยาด

“ ยังไม่ทั่วเลยฮะ…คงต้องรอคุณหมามุ่ยเฮ้ย….คุณผึ้งเป็นไกด์พาทัวร์นะฮะ” โตยธรหรือเมฆกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากเมื่อคิดถึงวีรกรรมที่ผึ้งพาเขาไปสร้างมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วทำเอาเขานอนจับไข้เกือบอาทิตย์เพราะเธอเล่นพาเขาไปสำรวจกลางใจกลางป่าในวันที่ฝนตกหนักเขาต้องวิ่งหนีน้ำป่าโดยมีฝูงช้างและสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมายวิ่งไล่หลังมาภาพนั้นยังตามหลอกหลอนเขาจนถึงวันนี้

“ ต๊าย….ตายนี้แกยังไม่เข็ดอีกเหรอ…คราวก่อนก็นอนจับไข้เกือบอาทิตย์…ขากับเท้าแกก็ใช้การไม่ได้อยู่นานไม่ใช่เหรอย่ะ…คราวนี้คงได้หามเข้าป่าช้ากระมั้งนายเมฆคงกลายเป็นเถ้าแทน!” เวิ้งพูดประชดญาติผู้น้องที่ยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะกลัวอีกคนมากๆเกิ้งกระแซะสัณฑ์ที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆยืนตัวแข็งทื่อจนผึ้งต้องแอบกลั้นหัวเราะไว้

“ เกิ้ง..คุณสัณฑ์เขาบ่นกับฉันอยู่ว่าคิดถึงแก…แกไม่ดีใจหรือ….เขาแอบกระซิบฉันว่าอยากให้แกไปหาบ่อยๆด้วยหละ” ผึ้งบอกเพื่อนเบา ๆทำให้สัณฑ์ตาลุกวาวที่เธอช่างแต่งเรื่องได้รวดเร็วเหลือเกิน เมื่อวนศักดิ์ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลากดรุสัณฑ์ไปขึ้นรถทันทีโดยไม่ลืมกำชับผึ้งให้ดูแลเมฆดีๆทำให้เมฆอ้าปากค้างที่ญาติผู้พี่เห็นผู้ชายดีกว่าตนเมฆหันมามองผึ้งอย่างระแวงว่าเธอจะพาเขาไปผจญภัยอะไรอีกในวันนี้

“ โชคดีนะ…กันจะดูแลน้องนายเอง …..อย่าได้พะวงเลยเที่ยวให้สนุก
นะ ” ผึ้งส่งจูบให้เพื่อนสาวที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาโทแล้วหันมายิ้มหวานให้กับเมฆก่อนจะพาชายหนุ่มไปลุยหาสมุนไพรมาปรุงยาให้เหล่าสัตว์ป่าที่เธอไปไถ่ชีวิตมาจากนรกเมื่อเดือนที่แล้วเธอต้องรักษาพวกมันให้หายดีจนเอาตัวรอดได้ก่อนจึงปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

“ อะไรนะครับให้ผมแบกถุงพวกนี้นะเหรอครับคุณผึ้ง…!? ” โตยธรเอ่ยถามอีกคนเพื่อความมั่นใจเพราะถุงเหล่านั้นคือเสบียงอาหารที่สามารถกินได้เป็นอาทิตย์ๆ โตยธรมองดูหญิงสาวร่างบางๆที่ง่วนกับการจัดสิ่งของต่ออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเอาข้าวของไปมากมายขนาดนี้

“ ค่ะ…ใช่ทั้งหมดเลยค่ะ…เราต้องเอาของพวกนี้ไปฝากไว้ตีนเขา…คงต้องค้างสักเกือบอาทิตย์หากคุณไม่เต็มใจไปก็จะไปส่งที่บ้านพัก ” ผึ้งจ้องตาของอีกคนเขม็งทำให้โตยธรต้องหลบสายตาของเธอที่กำลังจ้องมองราวกับอ่านใจเขาอยู่ผู้หญิงคนนี้ดูเผินๆเหมือนกับว่าเป็นคนง่ายๆไปทุกอย่างหากแต่เมื่อรู้จักเธอจริงๆช่างน่ากลัวกว่าที่เขาคาดคิดไว้

“ ผึ้งนะมันเก่ง…ตระกูลของมันฆ่ากันตายไม่ต่างไปจากคดีที่โด่งดังมากๆหรอก…กว่ามันจะมีวันนี้นะเมฆ….พี่ลุ้นแทบแย่เลย” วนศักดิ์เอ่ยถึงผึ้งที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องมาตั้งแต่เยาว์วัย

“ หากแกอยากรู้เรื่องป่าถามมันได้เลยมันโตมากับป่าโดยแท้จริง ” โตยธรไม่ได้ยินที่ผึ้งกำลังพูดด้วยใบหน้าใครบางคนซ้อนทับกับใบหน้าผึ้งซึ่งเหมือนกันราวกับแกะกันมาหากแต่รายนั้นบอบบางเสียจนเขาต้องตัดสินใจให้อยู่ประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งยังแดนไกลแม้ว่าญาติๆจะคัดค้าน

“ พี่เมฆ….ไมอยากอยู่ที่เมืองไทยไม่อยากไปอยู่ที่โน้นไมกลัว…ให้ไมอยู่ที่นี่นะ…พี่” ติยพรอ้อนวอนเขาแต่เขาจำใจต้องส่งน้องสาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ไปไกลอกทั้งที่ห่วงมากมายเหลือเกิน

“ ไม่…เธอต้องไปนี้เป็นคำสั่งของพี่ห้ามวอแว…ทุกปิดเทอมพี่จะไปเยี่ยม ” โตยธรเน้นเสียงจนอีกคนร้องไห้ที่ถูกขัดใจทุกครั้ง

“ พี่ใจร้าย…อีตาพี่บ้า….เอาพี่ฟ่านคืนมานะเพราะพี่คนเดียวพี่ฟ่านถึงได้ตาย…” ติยพรโวยวายแล้วข้าวของต่างๆได้ลอยลิ่วออกมาจนเขาแทบหลบไม่ทัน

“ นี้เพราะยัยฟ่านคนเดียวที่ทำให้น้องเสียคนได้ถึงขนาดนี้….”โตยธรบ่นโดยมีคนสวนเก่าแก่ช่วยซับเลือดที่ไหลอาบจากถูกแจกันกระแทกอย่างจัง

“ อย่าไปว่าเธอเลยคุณเมฆ….เธอทำได้ดีสุดแล้วกว่าคุณจะจบเธอก็พยายามต้านทุกๆด้านจนเธอล้าแล้ว…..” โตยธรได้แต่ถอนใจ

“ เสียดายนักที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าน้องของผม…..ศพแล้วศพเล่านับแต่นายอัน..มายัยฟ่างแล้วก็ฟ่าน…ไมนะถึงไม่ตายก็เท่ากับตายทั้งเป็น!” โตยธรพูดอย่างขมขื่นที่ต้องสูญเสียน้องๆไปทั้งที่แต่ละเหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยในความเป็นจริง

“ ลุง…เรื่องที่ไมจะไปช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ ”โตยธรย้ำกับคนเก่าแก่เมื่อส่งน้องสาวไปแล้วเขาพยายามปรึกษาแพทย์ที่เก่งที่สุดในโรคที่ไมกำลังเป็นอยู่จนเขาท้อแท้กับการรักษาน้องจนได้พบเพื่อนที่เป็นแพทย์ที่ซึ่งจบปริญญาเอกจากแดนไกล

“ แกไม่ต้องส่งน้องแกไปไกลขนาดนั้นก็ได้…แค่แกหาบริเวณที่อากาศดีๆบรรยากาศสงบๆอาการน้องแกก็ดีขึ้นแล้ว ” เพื่อนกล่าวย้ำก่อนจะตามภรรยาสาวไปยังแดนอาทิตย์อุทัยเพื่อดูแลกิจการของภรรยา

“ แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายๆทั้งหลาย…..ผมไม่เชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรอกนะ!” เขากล่าวเน้นย้ำก่อนจากมายังที่นี่

“ คุณหนูต้องพยายามทำทุกอย่างโดยรอบคอบนะครับ….ผมจะดูแลที่จนกว่าคุณหนูจะหาคนร้ายเจอผมสัญญา…ผมจะไม่ยอมตายก่อนได้เห็นหน้าคนที่ฆ่าคุณท่านของผมแน่นอน ” คนสวนเก่าแก่ให้คำสัญญา

“ เนี่ย…คุณ..ๆขา…ผึ้งเรียกตั้งนานแล้ว ไม่เห็นขานตอบนึกว่าตกเนินไปซะแล้ว…พร้อมแล้วไปเถอะ ” ผึ้งดึงแขนชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าจวนจะมืดแล้ว

“ เราต้องทำเวลาไปให้ถึงที่โน้นก่อนเที่ยงคืน…เพราะว่าหลังจากนั้นเสือป่ากับช้างป่าจะออกหากินมันอันตรายมากๆ..” ผึ้งบอกเมฆระหว่างรีบจ้ำเอาๆจนเขาต้องขอหยุดพักหลายต่อหลายรอบ

“ ตอนพ่ออยู่พ่อมักพาผึ้งออกมาสำรวจป่าจนแม่ว่าปล่อยๆแต่ตอนนี้ผึ้งอยากขอบคุณพ่อที่ทำเช่นนั้นที่สุดเลยหล่ะ” ผึ้งชวนเมฆคุยไปจนถึงจุดหมายที่ทำให้เมฆอ้าปากตาค้างเพราะจุดที่เธอบอกว่าเป็นที่พักคือบนต้นไม้ที่มีสิ่งคล้ายๆหิ้งพระดูไปเหมือนศาลพระภูมิมากกว่า

“ ผมต้องนอนบนนั้นนะหรือผึ้ง ” เมฆเอ่ยถามผึ้งที่กำลังสนทนากับชายร่างใหญ่ที่ชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่มีสิ่งเดียวกันอยู่

“ คะ….คุณนอนต้นนี้หล่ะ…ผึ้งจะไปต้นโน้นส่วนพรานคนนี้เขาจะนอนต้นนั่นจะได้ดูต้นทางให้เราคล้ายยามนั่นแหล่ะ” ผึ้งพูดเเค่นั้นเธอได้หายไปพร้อมกับความมืดทิ้งเขานะจังงันกับที่นอนแบบใหม่ที่เขาเคยเจอแต่ในสารคดีที่เขาไปเรียนมาแต่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาสัมผัสจริงๆและทั้งคืนเขานอนผวาไปกับเสียงสัตว์นานาชนิดที่วิ่งไปมาเพื่อหาอาหารโดยเฉพาะเสียงเสือคำรามแข่งกันทำให้เขาขนลุกซู่จนนอนไม่หลับเลย
บทที่ 2 ต่างขั้ว
คนธวัลย์ยืนมองผัลย์สุภาฝาแฝดที่ถูกอาสาวขอมาเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัยที่สาละวนกับการสับรางรถไฟที่เกือบมาชนกันเมื่อครู่ที่ผ่านไป

“ นี้บัว…พี่จะไปแล้วนะเดี๋ยวจะไม่ทันรถ…ฝากบอกอาด้วยนะว่าอีกนานจึงจะมาหา” คนธวัลย์หรือเถาคว้าเป้เก่าๆคู่ใจออกไปอย่างเบื่อๆกับการต้องเดินทางตั้งแต่จำความได้เธอต้องเดินทางไปกับบิดาที่เป็นช่างภาพอิสระที่ได้รับรางวัลมากมายเป็นว่าเล่นจนมารดาต้องขอแยกทางกับบิดาหลังจากเธอและน้องเกิดได้ไม่ถึงเดือนดีนั่นคือสิ่งที่ปู่ย่าลุงและอาที่เลี้ยงดูเธอมามักบ่นให้ฟังเสมอๆ

“ แม่แกเป็นดาราดังมาก…ม้ากพ่อแกเป็นช่างภาพกระจอกๆมันเลยไปกันไม่รอดนะเถา….แต่แกอย่าไปโกรธแม่แกเลยพ่อแกก็เจ้าชู้จนแม่แกน้ำตาตกในเสมอๆเลยลงท้ายแบบนี้” ลุงกับป้ามักเตือนเธอเวลาที่เธอโมโหให้มารดา

“ พ่อขา..พ่อรักเถามากไหมคะ?” คนธวัลย์ออดอ้อนบิดาเสมอเมื่อท่านกลับมาจากทำงานยังต่างแดน

“ พ่อมีหนูเป็นยอดดวงใจเป็นดังลมหายใจนะลูก…เมื่อลูกจบป.6ลูกต้องไปทุกหนทุกแห่งกับพ่อ…เพราะพ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน” บิดาเธอพูดเช่นนั้นซึ่งเธอคิดว่าท่านพูดเล่นๆแต่เมื่อเธอจบป.6ท่านนำไปด้วยจริงๆแม้ว่าเหล่าญาติพี่น้องจะขัดขวางท่านก็ไม่ยอม

“ งั้นแกเอาเถาไปแต่ยัยบัวพวกพ่อขอเถอะอย่าไปยุ่งกับเขาเลยรายนั้นเขารักเขาเลี้ยงของเขามาตั้งแต่แบเบาะเเล้ว ” ปู่ต่อว่าบิดาที่จะไปเอาน้องสาวฝาแฝดที่อาสาวเอาไปเลี้ยงตั้งแต่เกิด

“ โธ่…พ่อยังไงก็ลูกผมทั้งสองคนทำไมต้องให้แกแยกกันด้วยหล่ะครับ! ” พ่อเธอแย้งแต่ปู่กับลุงเธอยังยืนยันคำเดิมซึ่งเธอยังจำได้จนถึงวันนี้เพราะในครั้งนั้นเองที่เธอรู้ว่ายังมีน้องสาวอีกคนเมื่อบิดาพาไปหาน้องเธอราวต้องมนต์สะกดที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับพิมพ์เดียวกันแต่การเจอกันครั้งทำให้เธอทั้งคู่ต้องนั่งฟังบิดากับอาสาวทะเลาะกันแทบตายไปคนละข้างเมื่อบิดายืนยันจะเอาผัลย์สุภาหรือบัวไปอยู่ยังต่างแดนด้วยแต่น้องสาวของมารดาไม่ยินยอมเดือดร้อนปู่ต้องรีบดิ่งลงมาห้ามศึกบิดาจึงยอม

“ เด็กคนนี้ฉันถือว่าเป็นเสมือนลูกฉันแท้ๆใครมาพรากแกไปตายสถานเดียวเท่านั้นจำไว้….เราตกลงกันตั้งแต่พี่ฉันหย่ากับนายแล้วอย่าลืมสิ!” ลดาชาติตาขวางขณะขวางผัลย์สุดาออกมาจากอ้อมกอดของบิดาของเธอที่โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ

“ พ่อ…..ว่างๆเราค่อยมาหาน้องก็ได้นะพ่อนะ” เถาดึงพ่อที่พยายามกระชากบัวมาจากลดาชาติซึ่งบัวนั้นกอดลดาชาติแน่นร้องไห้จนตัวโยน

“ ไม่….ไม่…ฮือๆๆ…บัวจะอยู่กับแม่….บัวไม่ไปไหนบัวไม่ไป…แงๆๆ ” ในครั้งนั้นทำให้เธอรู้ว่ามารดาของเธอหน้าตางดงามราวกับนางฟ้าจริงๆเมื่อเธอมาพร้อมใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก

“ ปล่อยเดี๋ยวนะ…นายชุค…ฉันบอกให้ปล่อยลูกฉันไง…ก่อนหย่าเธอกับฉันตกลงกันจนรู้เรื่องเเล้วนะว่าใครควรได้เด็กคนไหนไป!” ศุภาถลาไปอุ้มเด็กน้อยต่อจากน้องสาว

“ อย่าร้องคนดี….ป้าอยู่นี้แล้วอย่ากลัวไปเลย ” ศุภาปลอบโยนบุตรสาวที่น้องสาวหัดให้เรียกเธอว่าป้ามาตั้งแต่แกจำความได้

“ โอเค….ลูก…ใช่แล้วตามที่ศุภาว่าเรากลับเถอะชุค” ปู่ลากพ่อกับเธอขึ้นรถขณะที่ตะลึงงันอยู่

“ พี่เถา….เดี๋ยวอย่าเพิ่งไปรอบัวเเป๊บ….เดี๋ยวเดียวนะ” บัวหายไปครู่ใหญ่แล้วออกมาพร้อมกล่องเล็กจิ๋วพลางหอมแก้วเถาเบาๆ

“ สุขสันต์วันเกิดเช่นกันจ๊ะ..ขอบใจมากสำหรับจี้เมื่อคืน….เดินทางโดยสวัสดิภาพนะจ๊ะพี่สาว ” ผัลย์ศุภาโบกไม่โบกมือให้คนธวัลย์จนเถามองเห็นอยู่ลิบๆเพราะมัวแต่หันหลังดูน้องสาวทำให้เธอเกือบถูกรถที่ขับมาจอดชนเอา

“ นี้คุณมองดูข้างหน้าบ้างนะผมไม่อยากชนตนตาย ” กันทรลงมาจากรถแล้วต่อว่าหญิงสาวที่ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆรถคันงามมาจอดห่างจากเธอไม่ถึงคืบเต่เมื่อเขาหน้าเธอชัดเจนเขาอุทานอย่างหัวเสียเข้าไปอีก

“ เธออีกแล้วยัยหมามุ่ย….ทำไมฉันซวยแบบนี้เนี่ย!…คราวก่อนเธอก็เจาะยางรถฉันคราวนี้จะหาเรื่องอะไรอีกหล่ะครับเเม่ตัวป่วน!” กันทรโวยวายเมื่อคนธวัลย์ตั้งสติได้เธอจวกใส่กันทรชนิดไม่ยั้งก่อนชกหน้าเข้าที่เบ้าตาเขาเมื่อเขามาเขย่าตัวเธอเพราะโมโหก่อนกระโดดขึ้นรถโดยสารประจำทางไปอย่างรวดเร็วทิ้งกันทรโอดครวญก่อนกุมเบ้าตาไปหาแพทย์แล้วกลับมาสะสางกับผัลย์ศุภาที่บ้านต่อแต่เขากลับต้องโดนห้ามไปส่งโรงพยาบาลเมื่อแฟนคนล่าสุดมาพบเข้าขณะที่เขากำลังทะเลาะกับบัวอยู่เดือดร้อนยชญ์เพื่อนสนิทต้องมานอนเฝ้าพร้อมกับการห้ามศึกดังกล่าว

“ โอ๊ย…ทำไมแกต้องไปหาเเต่เรื่องยัยเด็กบัวว่ะ….คราวก่อนหากคุณก้านไม่อยู่แกคงเป็นขันทีไปแล้ว….คราวกลายเป็นมัมมี่ไปเลย ” ยชญ์บ่นแล้วก็บ่นขณะโทรศัพท์บอกแฟนสาวของกันทรมาดูแลต่อจากเขาซึ่งต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการด่วนตามที่ถูกเรียกตัว

“ นายรอยัยเพียวนะกันต้องไปงานด่วน…” ยชญ์บอกเพื่อนที่นอนทำตาพริบๆเพราะมีเพียงลูกตาเท่านั้นที่กลอกไปมาได้ยชญ์มองดูเพื่อนแล้วส่ายหัวอย่างปลงๆ

“ เดี๋ยวหมอจะมาดูอาการนาย…เออคู่กรณีจะมาดูด้วย…โชคดีนะเพื่อนกันต้องรีบไปจริงๆหากไม่มีคำสั่งสายฟ้าเเลบมากันต้องอยู่ดูแลนายแน่นอน” ยชญ์บอกลาครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกไปพอดีกับแฟนสาวของกันทรมาถึงแต่คงเป็นโชคร้ายสองชั้นเมื่อกิ๊กอีกรายของกันทรดันมาเยี่ยมเช่นกัน….ยชญ์ได้ยินแต่เสียงด่าทอกันของสองสาวตามด้วยเสียงข้าวของตกแตก

“ อ้าว…คุณกันไปแล้วเหรอคะ…” ผัลย์ศุภาถามขณะที่ยชญ์มองเธอด้วยเเววตาเย็นชาที่แฟนหนุ่มโอบกอดเธอไว้หลวมๆ

“ ครับ…ผมต้องไปงานราชการด่วน..ฝากดูนายทรด้วยนะครับท่าทางจะแย่แล้ว ” ยชญ์เอ่ยเท่านั้นก่อนจากไปทำให้ผัลย์ศุภางงมากแต่เมื่อเข้าไปเยี่ยมกันทรทำให้เธอเข้าใจทันทีเมื่อแฟนเธอเข้าไปห้ามสองสาวที่กำลังตบตีกันอย่างเมามันส์แล้วเจอลูกหลงเข้าจนสลบเหมือดไปอีกราย…..! เธอมองดูกันทรที่นอนทำตาพริบๆที่ไม่คาดคิดสาวๆที่เขาคบพร้อมๆกันจะมาเยี่ยมเขาจนเกิดเรื่องราวขึ้น

“ นี้หล่ะหนาเจ้าพวกจับปลาสองมือ…เอสำหรับนายนะเรียกว่าจับปลาหลายทางเลยเกิดเรื่อง”ผัลย์ศุภาชายหางตามองดูกันทรขณะรอยามมาจัดการต่อ

“ เอาเลยคะจับโยนไปข้างล่างเลยคะคุณยามขวางหูขวางตาจริงๆ ” เธอเอ่ยเมื่อยามเข้ามาหลายๆคนจนสองสาวหยุดทะเลาะกันโดยปริยาย

“ นี้พวกคุณ…พี่ชายฉันต้องการพักผ่อนไม่ใช่มาดูหมอลำผสมลิเกกับมวยไทยนะ..!เชิญพวกคุณกลับไปได้เเล้ว ” ผัลย์ศุภาย้ำจนสองสาวรีบแย่งจนออกจากห้องดัง




 

Create Date : 11 กันยายน 2551    
Last Update : 11 กันยายน 2551 17:49:16 น.
Counter : 207 Pageviews.  

ม่านมรกต

แนะนำ ม่านมรกต
เมื่อคำสาปแช่งเมื่อ 2000 ปีได้ยังผลมาสู่ผู้สืบสายเลือดระหว่างผู้สาปแช่งกับผู้ถูกสาปแช่งในปัจจุบันกาลพวกเขาที่มาพบกันราวกับต้องมนต์มารจักหลุดพ้นจาคำสาปที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นได้หรือไม่......
ม่านมรกต
บทที่ 1 ลางลิขิต
ข้าสัญญาไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติข้าจะตามหาท่านให้พบเพื่อสายเลือดของข้าที่ท่านพาไปด้วย หญิงสาวผู้มีสีของร่างกายเขียวสดใสยืนมองดูเมืองทั้งเมืองที่กำลังจมลงสู่ทะเลผู้คนทั้งหลายในเมืองต่างหลับใหลคล้ายถูกร่ายมนต์สะกดให้หลับชั่วนิจนิรันดร์ เรามาช้าไป.....อีกหนึ่งถูกพสุธาสูบอาบไปด้วยเลือดหากอีกกลับราวต้องมนต์สะกด ร่างของนางเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีน้ำทะเลก่อนเลือนหายไปพร้อมสายลมที่พัดมา ข้าจะตามหาท่านทุกๆภพชาติ.....สายเลือดของท่านจักต้องคำสาปที่ไม่มีวันลบได้เลย...... เสียงของนางเยือกเย็นหากแต่เศร้าสร้อยยิ่งนัก
ตอนที่ 2 : ร่าง


' ทำไมในถ้ำลมแรงจัง ' เด็กน้อยวัย 5ปีพูดกับตัวเองพลางเดินตามหามิอายาวิสที่หายไปนานเกินปกติเด็กน้อยมองดูภายในถ้ำอย่างหวาดกลัวเมื่อหาคนทั้งสองไม่เจอน้ำตาเอ่อไหลมาออกมาย่างรวดเร็ว
' ต้องไม่กลัวต้องไม่กลัว....' เด็กน้อยย้ำเตือนตัวเองเมื่อเธอเดินสะดุดกับบางอย่างเข้าแทนที่จะกรีดร้องแฉกเด็กในวัยเดียวกันเธอกลับนิ่งเงียบและสัมผัสดูว่าสิ่งนั้นคืออะไรก่อนร่างกายเธอจะแปรเปลี่ยนไปภายในพริบตาร่างที่ยลสะดุดเริ่มลืมตาขึ้นและยลกับร่างนั้นต่างตะลุมบอนกันยลกระโดดหลบหลีกไวราวกับสายลมร่างนั้นคำรามเสียงก้องราวกับมันโมโหสุดขีด ยาวิส มิอา และคนที่อยู่นอกถ้ำต่างห่วงเด็กน้อยที่กำลังต่อสู้อยู่ภายในถ้ำ มิอาทนไม่ได้รีบถลาเข้าไปในถ้ำแต่ยาวิสดึงไว้ก่อน
' หากเด็กคนนี้เป็นผู้ถูกลิขิตมาเขาต้องทำได้พวกเราต้องเชื่อมั่นในตัวแก ' เมื่อยาวิส
หยุดพูดมิอาจึงเริ่มคิดได้
' ผมขอโทษ ' มิอาเอ่ยขอโทษยาวิสทันที
ตอนที่ 3 : สายเลือด


ร่างที่ถูกตรึงไว้ในโลงแก้วที่ปิดผนึกแน่นหนาซึ่งจมอยู่ใต้ทะเลลึกมีประกายเเสงสีเเดงเจิดจ้าออกมาจากร่างแล้วพุ่งไปยังเบื้องบนทำให้ร่างโปร่งแสงที่ลอยไปมาอยู่บนพื้นน้ำต้องดิ่งลงมายังห้องที่โลงแก้วอยู่
' ท่านต้องการบอกสิ่งใดเล่าข้ามิอาจเข้าใจได้ ' ร่างนั้นเอ่ยมองดูดาบที่วางอยู่ข้างกายและโล่ทองต่างทอแสงเจิดจ้าแข่งกันก่อนโลงแก้วจะแตกเป็นเสี่ยงๆดาบและโล่ทองพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วร่างโปร่งแสงมองดูอย่างตะลึงรีบหันกลับไปดูชุดเกราะทองคำที่อยู่ในโลงแก้วที่อยู่ด้านหลังตนทันทีแน่นอนว่ามันลอยลิ่วตามสิ่งสองสิ่งนั้นไปเช่นกัน ร่างโปร่งแสงเข้าไปคุกเข่าดูร่างที่ถูกตรึงไว้ซึ่งน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดก่อนโลงแก้วที่เเตกละเอียดกลับมาคงสภาพเดิม
' ท่านกำลังจะบอกสิ่งใดต่อข้า....' ร่างโปร่งแสงเอ่ยกับร่างในโลงแก้วนั่นพลันลำแสงสีเเดงสดพุ่งเป็นลำไปยังทิศที่ร่างโปร่งแสงอุทานขึ้นต่างตกใจ ' เมืองหล'
ร่างโปร่งแสงก้มลงกราบร่างในโลงแก้วอยู่นานราวกับขอพรบางอย่างก่อนพุ่งตามลำแสงนั้นไปอย่างกระชั้นชิด
ตอนที่ 4 : คืออะไร

' เจ้าเป็นผู้ครองเมืองเเต่เจ้ากลับไม่มีวาจาสัตย์....ผิดกฎแห่งเมืองเพื่อหญิงเพียงคนเดียวเจ้าทำให้ชาวเมืองมารับกรรมแทน.....ด้วยคำสาปแห่งข้าผู้ให้กำเนิดเมืองนี้ข้าขอสาปแช่งสายเลือดอันเกิดจากเจ้าให้ต้องคำสาปจนกว่าผู้ปลดปล่อยจะมาเพื่อถอนคำสาปแห่งข้า!! ' นาถอ่านหนังสือที่สลักเป็นภาษาบาลีที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดจนถึงเขาอย่างไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรคำสาปอะไรสาปไว้ว่าอย่างไรกัน นั่นคือคำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอดนับตั้งเเต่ปู่ทวดจากไป
' มันหมายถึงอะไรนะ......แล้วทำไมปู่ถึงพร่ำถึงแต่ม่านมรกตก่อนสิ้นลม' นาถสงสัยเหลือเกินว่าม่านมรกตคืออะไร เหตุใดทั้งลุงและอาจึงมีอาการตกใจหนักหนาเมื่อเขาถามอีกยังมารดาของเขาอีกเขาต้องรู้ให้ได้เขาสัญญากับตนเองนับตั้งแต่ย่า ยายและป้าหายสาปสูญไปเมื่อ 20 ปีก่อน เสียงกริ่งดังไม่หยุดทำให้เขาต้องขมวดคิ้วทันทียิ่งเมื่อกริ่งดังขึ้นติดๆกันทำให้เขาเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันที
' อะไรกันทำไมกดไม่เลิกเด็กพวกนี้ ' เขาสถบเบาๆก่อนรีบเดินมาเปิดประตูบ้านเพื่อจัดการกับผู้ที่มากดกริ่งเล่นเขาคิดว่าเป็นเด็กๆที่เคยมากดเล่นประจำชายหน่มอ้าปากจะด่าเเต่เมื่อเห็นคนแต่งกายมอซอมายืนจ้องเขาตาเเป๋วแทนจะเป็นเด็กที่เขาคาดโทษเอาไว้ทำให้ เขารีบบอกปัดไปทันทีว่าไม่มีสิ่งของจะทำทานให้ก่อนหันหลังไปปิดประตูแต่เขาต้องชะงักงันทันทีเมื่อได้ยินทำนองที่ผู้มาเยือนเอ่ยขึ้นมาเขาหันควับมาแทบทันทีเขาจ้องใบหน้าที่เอาหมวกมอๆนั้นออกซึ่งแหงนมองเขาอยู่เเววตาดำขลับสดใสหากแต่ดูสงบนิ่งจนเขารู้สึกยำเกรงขึ้นมาไม่รู้ตัวพลันเขารู้สึกว่าแววตานั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใสเมื่อหญิงสาวยิ้มบางๆให้เขาก่อนเธอถอดสร้อยออกมายื่นให้นาถที่มองดูสร้อยดังกล่าวด้วยแววตาตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
' คุณพ่อ....' นาถมองสร้อยอีกเส้นที่เธอล้วงออกมาจากย่ามยื่นให้เขาอีกเส้นนาถรับมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน
' คุณย่า......' เขามองดูหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่เข้าใจที่เธอมีสร้อยสองเส้นนี้ได้อย่างไรเธอเอาแต่ยิ้มแล้วลูบท้องปรอยๆทำให้เขาเข้าใจว่าเธอหิวข้าวจึงรีบพาเธอเข้าบ้าน
ตอนที่ 5 : ห่วง


' ขอให้ข้าตามยลไปเถอะนะยาวิส.....ข้าไม่เคยขออะไรเจ้าเลย...ให้ข้าตามยลไปเทอด' มิอาอ้อนว้อนให้ยาวิสคลายมนต์ที่สะกดตนไว้นับตั้งแต่ยลได้ออกเดินทางไปยังแดนไกลมิอาเฝ้าอ้อนวอน
ยาวิสแฝดผู้น้องที่ดูเหมือนไม่สนใจเขานอกจากนั่งสมาธิเข้าฌานนิ่งนับตั้งแต่วันที่ยลไปเช่นกัน
' อายาเจ้าได้ยินข้าไหม...มาช่วยข้าที ' มิอาส่งกระแสจิตถึงอายาผู้ดูแลยลที่อยู่อีกมิติหนึ่งทำให้ยาวิสลืมตาขึ้นแทบทันทีก่อนรีบไปปิดรอยต่อระหว่างมิติที่กำลังเปิดกว้างจากกระเเสจิตของแฝดผู้พี่หากแต่ช้าเกินไปร่างจิตของผู้ที่ถูกเรียกนามผ่านประตูมิติออกมาแล้ว
' มิอา.....ยาวิสเกิดอะไรขึ้นจึงเรียกข้ามา....แล้วยลหายไปไหนนางหายไปไหนอีก!!!' น้ำเสียงของนางคล้ายจะกรีดร้องเมื่อนางไม่เห็นยล
' เจ้า....พวกเจ้าปล่อยให้นางหนีไปอีกแล้วรึ...มิอา....ยาวิส...บอกข้ามานะทำไมเอาแต่เงียบ!!!!' ร่างจิตนั้นเริ่มมีเเสงสีแฉดต่างๆเข้มขึ้นสลับกันไปมาราวกับโกรธอะไรสักอย่าง
' ยะ....หยุดก่อนอายาขอร้องว่าหยุดก่อนก่อนที่อีกมิติจะพังสลายจากพลังของเจ้า!!!' ยาวิสเอ่ยเสียงเข้มส่วนมิอาเอาแต่เงียบเพราะรู้ว่าหากอายาแฝดคนที่3โกรธมักจะรุนแรงจนยาวิสไม่สามารถต้านได้มีเพียงคนเดียวที่จักต้านนางได้แต่คนๆนั้นไม่อยู่ที่นี่เสียแล้ว
' เกิดอะไรขึ้นใครแผลงฤทธิ์อะไรอีก....เรากำลังร่ายมนต์อยู่เลยล้มไม่เป็น่าเลย...' ร่างจิตอีกหนึ่งเดินออกมาจากประตูมิติอีกมิติหนึ่งท่าทางหงุดหงิดมากจนยาวิสต้องหันขวับมาดูตามสายตาของมิอาที่มีแววตกใจอยู่มิน้อย
' จิล...เจ้า...ออกมาทำไมใครเรียกหาเจ้ารึ ' มิอาอุทานอย่างตกใจสุดขีดที่แฝดคนสุดท้องออกมาจากมิติที่เธออยู่โดยไม่มีใครรับเชิญ!!ทำให้ร่างจิตนั้นมองตาขวางมายังผู้ที่เอ่ยตาเขม็งก่อนร่างมิอาจะลุกเป็นไฟ
' อย่านะจิล....' ยาวิสห้ามไม่ทันเขาจึงเรียกน้ำมาเทโครมลงบนตัว
มิอาทำเอามิอาสำลักน้ำจนหน้าเขียวส่วนอายาดูเหมือนจะเริ่มควบคุมอารมณ์ได้เธอมองดูยาวิสกำลังปะทะคารมกับจารวิญอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปอีกข้างให้ได้แล้วหันมามองมิอาที่อ้าปากหวออย่างทำอะไรไม่ได้เพราะถูกตรึงด้วยมาต์คาถาของยาวิสอยู่อายาเรียกลมมาทำให้มิอาตัวแห้งก่อนคลายมนต์ให้แต่ไม่ทันที่มิอาจะเข้าไปห้ามยาวิสกับจารวิญอายาทรุดฮวบลงทันทีเธออุทานอย่างทรมาน
' ไม่นะ...ไม่....ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ' อายามองดูดาบทองที่เปล่งแสงเจิดจ้าอีกยังโล่และชุดเกราะที่กำลังมีเเสงเรื่อๆสีแดงสดเปล่งประกายออกมาราวกับจะเเข่งกัน
' เด็กคนนั้นเป็นของข้าท่านไม่มีสิทธิ์เเม้เเต่จะมาพาเด็กนั่นไปข้าไม่ยอม...ไม่ยอม....พี่มิอาช่วยน้องด้วย....เขาจะมาพรากลูกของน้องไป....!!!'
อายากุมหน้าอกราวกับทรมานสุดเเสนนางคล้ายกับพยายามฝืนร่างกายจะเข้าไปทำลายของทั้งสามสิ่งนั้นให้ได้มิอามองดูลำแสงสีแดงสดที่พุ่งออกมาของทั้งสามอย่างตกใจที่มันพุ่งไปรวมกันเเล้วเกิดเป็นร่างจิตของชายผู้หนึ่งเสียงดังออกมาชัดเจนจนยาวิสและ
จารวิญต้องหยุดทะเลาะกันแล้วหันมามองอย่างสนใจทันทีร่างเรืองแสงสีแดงสดใสค่อยๆเดินตรงไปยังอายาที่กุมหน้าอกอย่างเจ็บปวดอยู่ร่างนั้นทรุดนั่งเบื้องหน้าอายา
' เจ้าลืมเเล้วรึเจ้าลืมรึไงเล่าว่าบุตรเเห่งเจ้านั้นสิ้นชีพตั้งแต่วันนั้นเเล้ววันที่เจ้าตรึงข้าไว้ไงอายา...เจ้าลืมรึไงเล่า ' ดวงหน้างดงามนั้นมองดูอายาอย่างเจ็บปวดอายาเงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในเเววตาคู่นั้นอย่างเจ็บปวดไม่เเพ้กัน
' ข้าไม่มีวันลืมหรอกหนา....ท่านว่าท่านโหดร้ายแค่ไหนแม้แต่ชายาแห่งท่านท่านยังปลิดชีพนางได้อย่างเลือดเย็น....แล้วบุตรแห่งท่านเล่าจักรอดได้เช่นไรกัน ' อายาเน้นทุกคำช้าๆราวกับจะยำให้ร่างจิตนั้นรับรู้
' เจ้า....เจ้าไม่รู้จริงเจ้าเอ่ยเช่นนั้นไม่ได้หรอกอายา' ใบหน้างดงามราวอิสตรีเพศนั้นเอ่ยเบาๆก่อนน้ำตาจะเอ่อล้นเบ้าตาออกมา
' เจ้าไม่มีวันรู้เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอกอายาแม้แต่นางผู้เป็นเจ้าดวงใจแห่งข้านางจักไม่เข้าใจเช่นกัน....สักวันเจ้าจักเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำลงไป ' ร่างนั้นค่อยๆเลือนหายไปแสงสีแดงสดเริ่มอ่อนพลังลงจนไม่มีสีแดงสดเหลืออยู่มีเพียงสีทองอร่ามที่ทอประกายเจิดจ้าแทนส่วนอายาดูเหมือนจะหายจากอาการดังกล่าวนางเดินเข้าไปสัมผัสของทั้งสามอย่างก่อนนั่งลงร้องไห้อย่างไม่อายใคร
' ข้าขอโทษข้าไม่เข้าใจว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้าไม่เข้าใจ....ตอบข้ามาที ' อายาคร่ำครวญทำให้มิอา ยาวิสและจารวิญค่อยๆเดินไปโอบกอดอายาไว้
' ข้าห่วงยล.....พวกเจ้าก็รู้ในกายนางไม่เป็นเช่นพวกเราหากนางไปสู่เมืองมนุษย์นั่นนางจักต้องทรมานเพียงใดข้าห่วงนางเหลืเกิน.....' น้ำตาของอายาหยดลงบนดาบทอง โล่และเกราะทองราวกับพวกมันจะรับรู้สิ่งที่อายาเอ่ยเอื้อนอยู่สิ่งของทั้งสามหลอมรวมเป็นจี้หกเหลี่ยมก่อนหายวับไปในพริบตาทั้งสี่คนมองดูอย่างตะลึง
' พวกมันห่วงนายมันดูสิรีบไปหาทั้งที่นายมิได้เพรียกหาเลย!!!!' จารวิญเอ่ยเบาๆไม่เพียงแต่ทั้งสามคนหรอกที่ห่วงยลเธอก็ห่วงเด็กน้อยนั่นอยู่ไม่น้อยหากแต่นิ่งเงียบเฉยๆ
' ยลข้าหวังว่าเจ้าคงควบคุมพลังของเจ้าได้นะยล' อายาเอ่ยราวกับบอกยลผ่านสายลมที่พัดมาเบาๆไปมิอามองดูยาวิสที่มีสีหน้าไม่สู้ดี
' ข้าจะตามยลไปแล้วเจ้าหละยาวิส ' มิอาเอ่ยขึ้น
' ยังหรอกมิอาข้าจักต้องนำสิ่งหนึ่งไปให้ยลสิ่งหนึ่งที่จักมาในคืนเพ็ญที่จะถึงนี้ข้าไม่ไหนไม่ได้หรอก ' ยาวิสแหงนหน้ามองดูพระจันทร์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
' มิน่าเจ้าจึงตรึงข้าไว้....' มิอาเข้าใจถึงเหตุผลที่ยาวิสทำในที่สุด
' ไม่มีอะไรแล้วข้ากลับนะ' อายาและจารวิญเอ่ยพร้อมๆกันก่อนหายวับไปทันที
' ตื่นแล้วรึลาล่า...เสียใจด้วยนะยลนายของเจ้าไม่อยู่ ' ยาวิสเอ่ยกับลาล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกยลจัดการจนอยู่หมัดเมื่อตอนยลอายุได้เพียง 5 ขวบ ณ ถ้ำมังกรเก้าเศียรเมื่อ 15 ปีที่แล้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้ร่างนั้นชูคอที่ดูคล้ายมังกรผสมพญานาคทั้ง 9 หัวส่ายหัวไปมาสอดส่ายสายตาหาผู้เป็นนายราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยบอกเเววตาของหัวทั้ง 9 หัวมีท่าทางเหงาหงอยขึ้นมาทันทีก่อนหมอบลงอย่างเบื่อๆแล้วหลับไปอีกรอบทำให้มิอายาวิสมองดู
อย่างขำๆ
โดย : ปทิตตา | email : patt_9999@hotmail.com | update ล่าสุด : 09 มิ.ย. 2551 22:25:21




 

Create Date : 11 กันยายน 2551    
Last Update : 11 กันยายน 2551 17:43:57 น.
Counter : 183 Pageviews.  

จากปลายปากกา

อารัมภบท

Smiley


 


Smiley


 


Smiley


 


Smiley






Free TextEditorSmiley




Free TextEditor




 

Create Date : 09 กันยายน 2551    
Last Update : 9 กันยายน 2551 15:46:15 น.
Counter : 193 Pageviews.  


ปทิตตา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ปทิตตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.