บางครั้งการช่วยกู้ของพระเจ้าก็ดูเหมือนจะยาวนาน มาไม่ถึงสักที ...
ไม่ใช่ว่า พระองค์ ...
~ ไม่ทรงสามารถ
~ ไม่ทรงฤทธิ์เดช
~ หรือเพิกเฉยต่อเสียงร้องทูลของเรา
แต่เพราะเราเองที่ยังไปไม่ถึงขนาดความเข้าใจ ยอมจำนน และ มอบถวายอย่างสุดตัว อีกทั้งเงื่อนไขบางประการยังไม่สำเร็จอย่างบริบูรณ์ (เหมือนดั่งที่พระเยซูถูกเฆี่ยนตีครั้งแล้วครั้งเล่า จนถูกตอกตะปู จนถูกตากแดดนานหลายชั่วโมง จนถึงลมหายใจสุดท้าย และสิ้นพระชนม์ลง นานถึง 3 วัน ความบริบูรณ์นั้นก็มาถึง การช่วยกู้ ก็ฟื้นคืนชีวิต และเสด็จสู่สวรรค์)
พระเจ้าทรงสามารถทำทุกสิ่งได้ แม้ตายไปแล้วก็เรียกคืนได้ อยู่ที่ว่า ทางไหนคือ ดีที่สุด ซึ่งหลายครั้งก็เกินความเข้าใจของมนุษย์อย่างเรา โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดกับตัวเอง
ดังนั้นความอดทน และ ความหวังใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในระหว่างการรอคอยที่แสนจะยาวนาน (ในความรู้สึกของตนเอง) ... เพราะแท้ที่จริงทุกสิ่งยังคงอยู่ในพระหัตถ์แห่งการควบคุมขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงฤทธายิ่งใหญ่สูงสุด ดังนั้น จึงไม่มีคำว่า สายเกินไป อีกทั้งระหว่างทางจะได้พบ และ ได้รับพระคุณพระเจ้าที่ทรงช่วยเหลืออยู่เนืองๆ
- เพื่อเตรียมชีวิตให้พรักพร้อมสำหรับการดีมากยิ่งขึ้น
- เพื่อขยายฐานชีวิตให้สามารถรองรับสิ่งดีที่กำลังจะมาถึงอย่างรวดเร็ว และ มหาศาล
- เพื่อความรู้ ความเข้าใจ และ ประสบการณ์ตรงในพระเจ้าที่ลึกซึ้งมากยิ่งๆ ขึ้น
และจะมีบางเวลาที่พระเจ้า ย่นเวลา สั้นเข้ามา เพื่อเราทั้งหลายจะสามารถผ่านวันคืนที่แสนทนทุกข์ไปได้
1. เรื่องบางอย่างอาจต้องใช้ระยะเวลา และ อยู่ในกระบวนการของพระเจ้า ดังนั้นคุณสมบัติของการอดทนรอคอย จึงเป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และ ได้รับพระพร
2. ในระหว่างทางที่รอคอย พระสัญญาของพระเจ้ามาถึงนั้น ความหวังใจจะช่วยพยุงความเชื่อให้มั่นคงอยู่ได้ ดังนั้น การฝึกหัดสร้างความหวังใจ และกำลังใจให้ตนเอง จะยิ่งกระตุ้นให้ความเชื่อมั่นคง ไม่หวั่นไหว ไปตามสถานการณ์ หรือ ระยะเวลาที่ไม่ทันใจตน
3. ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ
- เพื่อสร้างความหวังใจ ... คือ ... การกล่าวพระสัญญา
- เพื่อตอกย้ำความเชื่อ ... คือ ... การกล่าวพระคำพระเจ้า
- เพื่อให้กำลังใจตนเอง ... คือ ... การนับพระพรที่ผ่านๆ มา และ การคิดเชิงบวก
- เพื่อหลีกเลี่ยงความท้อใจ ... คือ ... การไม่จดจ่ออยู่ที่อุปสรรค ปัญหา
- เพื่อการรับกำลังใหม่ในพระเจ้า ... คือ ... พักสงบ อธิษฐาน นมัสการ อ่านพระคัมภีร์