บทที่ 1 - ดวงตะวันสีขาว
บทที่ 1 ตะวันสีขาว ดั่งสายธารสีขาวที่พราวใส ไหลระรินพลิ้วไหวกลางสายฝน หยาดน้ำค้างพร่างพราวมาพร่างพรม บนลานหินสีเทา.. ที่เคย.. เคล้าน้ำตา อยากจะถามหาดวงตะวันที่ฝันถึง อยากจะถามถึงความอบอุ่นที่ห่างหาย นานแล้วที่ไม่มีเธอ มาข้างกาย ส่งกำลังใจให้ฉันเหมือนทุกครา อยากให้ดวงตะวันฉาย..ส่องสว่างมาที่ฉัน ดั่งตะวันสีขาวที่พราวฟ้าเคยกระซิบบอกฉันทุกเพลา พรุ่งนี้ซินะไม่ไกลเกิน เมื่อความฝันของเราสองมาบรรจบเส้นขนานที่พานพบจะขาดหาย เหลือเพียงเส้นตะวันเดียวกันที่ทอดไกลส่องลานใจของ ของสองเรา... สาวน้อยเอื้อนเอ่ยบทกวีแสนไพเราะร่ำไห้ออกมาพร้อมแสดงทีท่าราวเจ้าหญิงน้อยผู้โศกเศร้าบนละครเวทีของโรงเรียน ม่านปิดฉากลงบทกลอนแสนไพเราะบทนั้นเหมือนยังไม่จบ ฉากต่อไปก็เริ่มต้นขึ้นอย่างต่อเนื่องคีตญารีบวิ่งเข้าหลังเวทีจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับฉากการขี่ม้า เพื่อน ๆฝ่ายเสื้อผ้ารีบนำผ้าคลุมหลังผืนยาวมาคลุมไหล่อีกคนหยิบหมวกใบแข็งสำหรับการขี่ม้าและรองเท้าบู๊ตมามะรุมมะตุ้มที่ตัวเธอบรรยากาศช่างแสนวุ่นวายขณะที่เพื่อน ๆ หน้าม่านก็กำลังแสดงบทบาทของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เธอยืนสูดลมหายใจก่อนจะเอื้อมมือซ้ายลูบเบา ๆและวางลงบนแผงหลังคอม้าพร้อมใช้มือซ้ายดึงสายบังเหียนให้มั่นเจ้าหน้าที่ดูแลม้าจับห่วงโกลนให้เข้าที่และช่วยดันตัวของคีตญาปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าเพื่อรอเข้าฉากต่อไปคีตญาใช้ส้นบู๊ทด้านขวาเตะเบา ๆ ที่ข้างลำตัวของม้าม้าก็เดินกุบกับออกไปอย่างคุ้นชินเธอควบคุมม้าให้เดินตรงตามจุดที่ซ้อมละครมาร่วมแรมเดือนลีลาการขี่ม้าของเธอดูงดงามราวกับเจ้าหญิงผู้ทรงสง่า ผสมน้ำเสียงบทละครร่วมกับบทกวีของเธอแสนไพเราะจับใจจังหวะและระดับเสียงที่แตกต่างตามอารมณ์และความรู้สึกฟังดูชวนคล้อยตาม เพื่อนนักเรียนที่นั่งชมต่างปรบมือให้เธอด้วยความยินดีเมื่อละครจบลงเธอรู้สึกยินดีมากที่ผลงานออกมาเป็นที่พอใจของหลายฝ่ายที่ร่วมกันซ้อมอย่างหนักถึงจะเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนถึงสี่โรงเรียนที่ร่วมกันทำงานนี้ให้สำเร็จเมื่อละครเวทีของเธอจบลง พิธีกรก็กล่าวต่อเป็นการแสดงของวงดนตรีโรงเรียนหมดหน้าที่ของเธอสำหรับวันนี้แล้ว แต่ยังมีอีกสองวันสำหรับการแสดงวันละรอบคีตญาเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดลำลองและเดินเล่นต่อภายในโรงเรียนซึ่งยังมีซุ้มกิจกรรมอื่นๆ อีกที่น่าสนใจเพราะช่วงก่อนคริสมาสต์โรงเรียนและกลุ่มโรมเรียนที่มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันจะจัดงานโรงเรียนและเวียนกันจัดไม่ซ้ำแต่ละปีและปีนี้โรงเรียนของเธอเป็นเจ้าภาพใจการจัดงานโรงเรียนก่อนจะปิดการเรียนยาวสามสัปดาห์ทีเดียว คีญ่าไปดูซุ้มนั้นกันเถอะมีคัพเค้กน่ากินสุด ๆเพื่อนสนิทของเธอบันนี่ฉุดมือเธอให้วิ่งไปด้วยกัน ซุ้มนั้นเป็นของโรงเรียนอะไรเหรอเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเพื่อนของเธอ เอาน่าเดี๋ยวถึงก็รู้เอง บันนี่รีบฉุดมือคีตญ่าให้ก้าวเท้าตามเร็วๆ ไม่เห็นอยากจะกินตรงไหนเลยไปที่อื่นดีกว่าเธอพยายามยื้อแต่จนแล้วจนรอดก็ต้องวิ่งตามเพื่อนสาวคนสนิทมาจนได้ ร้านนี้มีคัพเค้กแสนพิเศษเลยนะถ้าเราสองคนไม่ไปรับรองว่าคนที่อยู่ในร้านนี้ต้องเสียใจมาก ๆ ร้องไห้แง ๆ เลยนะ บันนี่ยกสองกำปั้นของเธอทำท่าเช็คน้ำตาท้องสองข้าง ขนาดนั้นเชียวไปก็ได้ ไปก็ได้ เธอวิ่งตามเพื่อนของเธออย่างว่าง่าย พอสองสาวไปถึงซุ้มคัพเค้ก มีสาว ๆมากมายกำลังยืนออกันแน่นหน้าร้านรวมถึงโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ก็แหมทำยังไงได้ล่ะก็พ่อหนุ่มคัพเค้กร้านนี้แต่ละคนหน้าตาชวนซื้อเหลือเกินนี่นะ สาว ๆก็ต้องมาอุดหนุนมากมายกันเป็นเรื่องธรรมดาแถมยังมีแต่หน้าคัพเค้กตามสั่งอีกต่างหาก บันนี่ไม่รอช้ารีบเบียดเข้าไปจนถึงหน้าตู้คัพเค้กจนได้ ว้าวอันนี้น่าหม่ำที่สุดเลยดูซิเป็นแมวคิตตี้ด้วย เอาชิ้นนี้ค่ะ เอาชิ้นนั้นด้วย บันนี่ชี้ ว่าไงครับเจ้าหญิงคีญ่า ฟินทักเธอขึ้นมาก่อน พร้อมกับส่งคัพเค้กแสนน่ารักให้กับเธอหนึ่งชิ้นบนคัพเค้กชิ้นนี้แต่งด้วยครีมเป็นรูปมงกุฎน่ารักสำหรับเจ้าหญิง กรี๊ด เสียงแสดงความอิจฉาจากสาว ๆ คนอื่นดังก้องหูของคีตญาไปหมดเธอได้แต่ยืนหน้าแดงเลย ก็คีตญาทั้งอายและแถมยังเบียดแซงคิวคนอื่นตามบันนี่อีกเฮ้อ! เธอปั้นหน้าไม่ถูกเลย คีตญาเลยปลีกตัวออกมาจากวงล้อมของผู้คนก่อนที่จะโดนประนามหรือหมั่นไส้ไปมากกว่านี้ นี่สำหรับเจ้าหญิงคีญ่าของฟิน เขาเดินตามออกมาที่หน้าซุ้มปล่อยให้เพื่อนหน้าใสคนอื่น ๆ จัดการกับสาว ๆพวกนั้นต่อ นี่อย่ามาแซวนะ คีตญายิ้มเขิน ก่อนจะยื่นมือรับคัพเค้กแสนน่ารักแสนพิเศษแบบที่บันนี่พูดถึงก่อนหน้านี้และเดินตามฟินไปนั่งทานที่โต๊ะเล็ก ๆ ในซุ้ม ฟินหันไปยกป้ายจองแล้วออกจากโต๊ะเขาหันมายิ้มให้กับคีตญาพร้อมหยิบเครื่องดื่มมาเพิ่มให้อีก แหมฟิน แล้วของบันนี่ล่ะ เธอยื่นมือขอขนมอร่อยจากเจ้าของซุ้ม สุภาพบุรุษอย่างฟินไม่มีลำเอียงอยู่แล้วน่าอ่ะ ชิ้นนี้ของบันนี่ ว้าวขอบคุณมาก ๆ บันนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อืม เดี๋ยวฟินทำไมคัพเค้กของบันนี่ไม่ใช่คิตตี้แบบที่บันนี่สั่งเมื่อกี้ล่ะ บันนี่ไม่ยอมนะ เธอยกมือขึ้นกอดอกและเม้มปากแน่น ก็ลูกค้าสั่งกันหมดแล้วเหลือแต่นี่ละ จะเอาไม่เอาล่ะ บันนี่เอาของคีญ่าก็ได้น่ารักเหมือนกันนะดูซิมีมงกุฎเจ้าหญิงด้วยนะ แถมยังเป็นรสบลูเบอรี่อีก ท่าทางจะอร่อยนะ คีตญาเลื่อนจานคัพเค้กของเธอเบา ๆ ให้กับเพื่อน ไม่ได้นะคีญ่าคัพเค้กชิ้นนี้ฟินตั้งใจทำพิเศษให้คีญ่านะ ใครก็ห้ามแตะฟินยิ้มและดึงจานขนมกลับมา แหมบันนี่รู้กาลเทศะหลอกชิ้นไหนก็คงเหมือนกันมั้ง น้ำเสียงบันนี่ไม่พอใจเท่าไหร่ อ่ะ ๆเดี๋ยวก่อนทานขอถ่ายรูปก่อนมา ๆบันนี่หยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมาและก็เก็บภาพสวย ๆของขนมและรูปของทั้งสามคนไว้ด้วย เดี๋ยวแชร์ให้จ้ะ บันนี่สนุกสนานกับการถ่ายภาพและอวดรูปบนโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คได้ตลอดเวลา เป็นไงบ้างเหนื่อยไหม ฟินถาม ก็โอเคอยู่นะฟินน่ะขี้โกงสุด ๆ เลยไม่ยอมไปเล่นละครด้วยกัน เธอต่อว่าเขา ก็ฟินไม่อยากเล่นนี่อยู่ซุ้มทำคัพเค้กกับชงเครื่องดื่มสนุกกว่ากันเยอะเลยเขาหัวเราะออกมา ฟินเองก็อยู่ชมรมบทกวีเช่นเดียวกับคีตญาเหมือนกัน ถึงว่าทำไมบันนี่คะยั้นคะยอว่าต้องมาร้านนี้ให้ได้คีญ่านึกว่าฟินจะไม่มาร่วมงานวันนี้ด้วยซ้ำไปไม่เห็นฟินเคยบอกเลยว่าจะรวมตัวกับเพื่อน ๆ ทำคัพเค้กขายน่ะคีญ่ายิ้มก่อนจะตักขนมเข้าปาก ถ้าบอกก็ไม่ตื่นเต้นนะซิอยากให้เซอร์ไพรส์ เขายิ้มและมองเธอด้วยสายตาเกินกว่าคำว่เพื่อน ไม่เห็นจะตื่นเต้นตรงไหนเลยก็งั้น ๆ แหละ คีญ่าว่าฟินอยากอยู่ใกล้ชิดสาว ๆ ต่างโรงเรียนมากกว่ามั้งเพราะตั้งแต่เดินมาหลายซุ้มนะ ซุ้มนี้สาว ๆ เยอะสุดเลยคีญ่าหัวเราะพลางมองบันนี่อย่างขำขัน เพราะตอนนี้บันนี่เดินไปถ่ายรูปเล่นกับหนุ่มๆ ในร้านแทบจะทุกคนแล้ว ว่าแต่ฟินมีอะไรให้คีญ่าช่วยไหม ไม่มีหลอกเพราะอีกแค่สองชั่วโมงงานก็เลิกแล้วเหลือแค่เก็บล้างทำความสะอาดนิดหน่อยพรุ่งนี้ก็เริ่มต้นใหม่ คีญ่าไปเดินเล่นแบบสาวๆ ดีกว่า มีซุ้มอื่น ๆ น่าสนใจเยอะแยะฟินหยิบแผนที่งานมากางให้ดู เห็นด้วยจ้ะคีญ่า เราสองคนหม่ำขนมหมดก็ไปเดินเล่นดูหนุ่ม ๆ ซุ้มอื่นดีกว่าดีเหมือนกันนะไม่มีฟินมาคอยเป็นก้างน่ะบันนี่หัวเราะเสียงใส อันนั้นก็เรื่องของบันนี่นะแต่ฟินเชื่อว่าคีญ่าไม่ทำตัวแบบบันนี่หรอก ฟินค้อนเล็ก ๆให้บันนี่และก็ไม่ละที่จะส่งสายตาให้คีญ่า เธอรู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอแต่มันยังไม่ถึงเวลาสำหรับเรื่องพวกนี้การเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้วคีญ่าได้แต่ยิ้มตอบไป บันนี่ตื่นเต้นกับงานโรงเรียนก่อนปิดเทอมระยะสั้นฟินเพลิดเพลินกับการชงเครื่องดื่มและบริการลูกค้าอยู่ในร้าน สำหรับคีตญาแล้วในทางตรงกันข้ามกับเพื่อน ๆเธอกลับรู้สึกอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูกเหมือนใจคอไม่ค่อยดี จู่ ๆเธอก็หนาววูบขึ้นมาเหมือนโดนจับแช่แข็งอยู่ในห้องน้ำแข็งบางครั้งก็ร้อนผ่าวจนเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆคีตญาแค่คิดว่าบางทีช่วงหลังอาจจะซ้อมละครหนักเกินไปอาจจะเริ่มเป็นไข้ก็เป็นได้ แต่ตอนนี้สายตาที่มองภาพรอบ ๆตัวทำไมมันทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนไม่สามารถเปิดเปลือกตามองสิ่งรอบตัวให้ชัดเจนได้บางครั้งเหมือนมีกลุ่มพลังงานแสงสีขาวสว่างจ้าเล็งมาที่ดวงตาของเธอเหงื่อเริ่มผุดเม็ดที่บริเวณหน้าผาก แล้วก็หนาวสั่นสะท้านจนนิ้วมือนิ้วเท้าชาจนแทบเดินไม่ไหว นี่เราเป็นอะไรไปบันนี่ บันนี่ ยิ่งคีตญาพยายามเปล่งเสียงมากเท่าไหร่เสียงของเธอกับเบาลง ๆ บันนี่ แล้วเสียงเธอก็ดังขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถตะโกนให้เพื่อนที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือได้ยินเธอเลยแม้แต่หน่อยพลังภายในร่างกายเหมือนถูกดูดกลืนไปกับอากาศ ขาเริ่มอ่อนแรงลง และ อ่อนแรงลง บันนี่เดินถ่ายรูปด้วยความเพลิดเพลิน จู่ ๆคีตญาเริ่มรู้สึกตัวกลับมาปกติอีกครั้งแต่แล้ว ช่วยด้วยเธอตะโกนสุดเสียง เหมือนเธอกำลังโดนพลังบางอย่างดึงร่างกายแบบบางของเธอให้เดินออกจากบันนี่ไปทั้งที่พยายามฝืนร่างกายทั้งที่เธอพยายามตะโกนเรียกบันนี่ แต่ทำไมบันนี่ไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยสักนิดร่างของเธอถูกกระชากออกมาจากเพื่อนตอนนี้เท้าของเธอไม่ได้สัมผัสบนพื้นสนามหญ้าของโรงเรียนเลยด้วยซ้ำร่างกายของเธอเคลื่อนตัวเองด้วยพลังงานแรงสูงรู้ตัวอีกครั้งเธอมองเห็นลางเลือนว่าเป็นบริเวณข้างโรงยิม ช่วยด้วย เธอตะโกนสุดเสียงแต่ทำไมไม่มีใครได้ยิน รู้สึกตัวอีกครั้งคือมีแรงผลักอะไรบางอย่างลงน้ำหนักมาที่กลางแผ่นหลังของเธอผลักให้เธอล้มลง โอ้ยเจ็บ ตอนนี้เองที่เหมือนเสียงของเธอมีคนได้ยินแล้ว เพราะคนที่เดินผ่านวิ่งเข้ามช่วยเธอและพาเธอไปส่งที่ห้องปฐมพยาบาล เป็นยังไงบ้างคีญ่าเจ็บไหม ฟินวิ่งมาถึงห้องปฐมพยาบาลก่อนใครเมื่อเธอโทรศัพท์เรียกหาเขา เจ็บหัวเข่า คีญ่าบันนี่ขอโทษนะที่เอาแต่ถ่ายรูป หันมาอีกทีคีญ่าก็หายไปแล้วบันนี่นั่งก้มหน้าเธอรู้สึกเสียใจมาก และกุมมือของเพื่อนเอาไว้ตลอดเวลา เด็ก ๆคีตญาไม่เป็นอะไรมากหรอก ว่าแต่ทำไมหนูถึงนอนหมดสติอยู่ข้างโรงยิมคนเดียวได้เมื่อกี้ครูวัดไข้ก็ไม่เห็นจะมีไข้เลยนี่ หรือว่ามัวแต่ห่วงลดหุ่นเลยไม่ยอมทานอาหารคุณครูประจำห้องพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลที่หัวเข่าของเธอ หนู คือ.. เธอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี พูดแล้วจะมีใครเชื่อเธอหรือเปล่า อ้าวเพื่อน ๆออกไปนอกห้องก่อนนะ เดี๋ยวคีตญาไม่เป็นอะไรมากหรอกคุณครูหันมายิ้ม โอ้ยเธอก้มลงจับที่ข้อเท้าข้างขวาของเธอ เจ็บมากหรือเปล่า เจ้าหน้าที่อีกคนรีบยกข้อเท้าของเธอขึ้นมาจับดูก็เห็นว่ามันแดงและบวมนิดหน่อย ข้อเท้าคงแพลงเดี๋ยวพี่จัดการพันผ้าให้นะคะ เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดข้อเท้าของเธอและจัดการข้อเท้าให้เธอเรียบร้อย พรุ่งนี้หนูต้องแสดงละครเวทีอีกสองวันแล้วจะหายทันไหมคะ คีตญาก้มมองดูข้อเท้าที่ยังส่งอาการเจ็บแปลบตลอดเวลา ยังจะห่วงงานอีกคืนนี้ต้องนอนพักมาก ๆ แล้วก็อย่าเดินเยอะพรุ่งนี้หนูอาจจะเจ็บนิดหน่อยเท่านั้นเองไม่ต้องกังวลนะแต่ถ้าไม่หายต้องไปโรงพยาบาลแล้วหล่ะจ้ะคุณครูพูดไปทำแผลที่หัวเข่าของเธอจนเสร็จเรียบร้อย ไม่เป็นแผลเป็นหรอกไม่ต้องห่วง คุณครูยิ้ม พร้อมเปิดม่านออกอีกครั้งเพื่อนทั้งสองก็วิ่งกรูกันเข้าไปอยู่ข้างเตียง พร้อมตั้งคำถามกันไม่หยุดโดยเฉพาะฟินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไปอยู่ข้างโรงยิมได้ ฟินถามอีกครั้ง ไม่รู้ซิจู่ ๆเดินเล่นกับบันนี่ก็เหมือนกับโดนพลังบางอย่างมาดึงมือให้ถอยหลังและเดินตามไปทั้งที่พยายามตะโกนเรียกบันนี่อยู่หลายครั้งแต่ทำไมเหมือนไม่มีใครได้ยินคีญ่าเลยสักคน เธอพยายามอธิบาย มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ บันนี่ถามด้วยความไม่เชื่อ จริง ๆ นะอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คีตญาถอนใจออกมา บางทีคีญ่าอาจจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้ซิแต่คีญ่าอยากกลับบ้านแล้ว รู้สึกกลัว กลัวความหนาวเย็นเธอมองหน้าฟินและบันนี่ เพราะสิ่งที่เธอเล่ามันดูเกินความจริงแต่ความรู้สึกในตอนนั้นมันเหมือนความหนาวเย็นจัดจนเหมือนอุณหภูมิที่ติดลบเข้ามาสัมผัสรอบร่างกายของเธอความไวของความหนาวเย็นนั้นเหนือการจับต้อง ความหนาวเย็นงั้นหรือถ้าจะไข้ขึ้นนะ ตอนนี้ด้านนอกอาคารร้อนมากจนจะละลายอยู่แล้วนะคีญ่า ฟินว่าบางทีคีญ่าอาจจะไม่สบายกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ ฟินยิ้ม นั่นซิกลับกันเถอะ บันนี่เอ่ยขึ้น คีตญารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยทั้งที่เพื่อนสองคนนี้น่าจะเข้าใจเธอ แต่ทำไม...แล้วจะเล่าให้ใครฟังได้ใครจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โอ้ย คีตญาส่งเสียงครวญเล็ก ๆ ออกมา คีญ่าข้อเท้าแพลงด้วยเหรอ เจ็บมากหรือเปล่า เธอพยักเป็นการตอบคำถามตอนนี้รู้สึกไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วผสมกับความกังวลใจที่การแสดงละครเวทีของเธอยังเหลืออีกตั้งสองวันถ้าเจ็บขึ้นมากลางเวทีจะทำยังไงดีล่ะ ฟินไปส่งแล้วกัน แต่ฟินยังมีงานค้างอยู่นี่ คีญ่าเกรงใจ ไม่เป็นไรเดี๋ยวขี่จักรยานไปส่งที่บ้านแล้วกลับมาโรงเรียนอีกรอบก็ได้ อ้อหรือจะให้รถที่บ้านบันนี่มารับ จะได้ไม่ต้องเดินขโยกขเยกแบบนี้ ทั้งสามคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนนักทุกวันทั้งสามคนจะขี่จักรยานคนละคันมาโรงเรียนด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฟินไปส่งเอง บันนี่อยู่เที่ยวที่งานต่อละกัน เดี๋ยวฟินกลับมา เขาจัดแจงพยุงคีตญานั่งซ้อนท้ายจักรยานของเขาและมาส่งเธอที่บ้าน ขอบคุณนะฟิน เธอเอื้อมมือไปปิดล็อคประตูรั้วหน้าบ้านเมื่อฟินหันจักรยานและกลับไปโรงเรียนแล้ว เจ้าหมาน้อยของเธอเจ้าตัวโน้ตเห่าโหวกเหวกไม่หยุดอยู่อย่างนั้น ตัวโน้ตหยุดเห่าเดี๋ยวนี้นะ เธอตะโกนบอกมันและเดินด้วยท่าทางไม่ถนัดนักไปเปิดกรงที่ขังล็อคมันไว้บางทีการเห่าของมันคืออยากออกมานอกกรงก็เป็นได้แต่พอมันออกมามันก็วิ่งไปที่หน้าต่างบานยาวในห้องนอนของเธอ เห่าไม่ยอมหยุดจนเธอต้องเลื่อนหน้าต่างขึ้นและชะโงกตัวออกไปมองภายนอกตัวบ้านก็ไม่พบสิ่งใด นี่หยุดเห่านะตัวโน้ต เธอจ้องหน้ามันและดึงม้วนกระดาษขึ้นตบที่ต้นขาตัวเองเจ้าตัวโน้ตได้ยินเสียงพั่บ ๆ ดังขึ้น มันวิ่งห่างจุกตูดไปนอนหมอบอยู่ใต้เตียงแล้ว คีตญายืนหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของมัน
Create Date : 24 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 24 ตุลาคม 2556 12:57:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 362 Pageviews. |
|
|