|
สรรพากร ภัยสำหรับคนขายที่มีงานประจำ
เรื่องนี้มันน่ากลัวมาก เพื่อนเราเขาร่วมทุนกันทำร้านที่ตลาดปิ่นเงิน แต่คนเช่าพื้นที่ทำสัญญาเป็นคนที่ลงทุนมากสุด เช่าพื้นที่ ปะเหมาะที่ฐานเงินเดือนแกสูง อัตราภาษีที่หักสำหรับมนุษย์เงินเดือนสูงอยู่แล้ว ทำร้านขายของไม่ยื่นภาษี วันดีคืนร้ายทางสรรพากรเข้ามาบอกว่าขอเรียกภาษีเงินได้จากการขายของ ประเมินแล้วเสียภาษีรวมค่าปรับหลักแสนนะ ต้องขอผ่อนจ่ายและเลิกกิจการกันไป จริง ๆ เป็นหน้าที่คนไทยที่มีรายได้ ต้องเสียภาษีนะ อย่าคิดจะหลบเลี่ยงเลย เอาเพียงยื่นให้ถูก อย่าให้มากระทบกับเรื่องเงินได้จากงานประจำที่เสียภาษีอัตราสูงกันอยู่แล้ว หากเอารายได้จากการขายมายื่นรวม ส่วนที่ลดหย่อนไม่มีแล้ว เสียภาษีกันหลังแอ่นแน่ สำหรับเราเมื่อได้ทราบเรื่องนี้ก็เลยไปปรึกษาสรรพากรพื้นที่ เขาก็น่ารักนะแนะนำได้ดี เราก็บอกว่าเราทำงานมีเงินเดือนอัตราภาษีสูงพอควร ที่นี้ไปร่วมหุ้นกับคนในครอบครัวทำร้านขายของต้องทำไง เขาก็แนะนำจดทะเบียนเป็นคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วน (จะต้องมีงบการเงินส่งด้วย) เราก็เลือกจดคณะบุคคล ถามให้ละเอียด เขาจะแนะนำเรื่องการเอาที่เช่าตามสัญญากับห้าง ให้คนทำสัญญากับห้างทำเอกสารยินยอมให้ใช้พื้นที่ทำสถานประกอบการ การประชุมผู้ร่วมก่อการ การยื่นขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ฯลฯ แล้วก็จะต้องยื่นภาษี กลางปี (ภงด. 94) กับ ปลายปี (ภงด.90) นะ เสียภาษีแน่นอนขั้นต่ำอย่างน้อย 0.5% (พันละ 5 บาทของรายได้ ปีนึงขายได้กี่แสนก็เตรียมใจจ่ายภาษีเลย) และถ้ากำไรส่วนเกินหักลดหย่อยแล้วมากกว่านั้นก็เสียภาษีเพิ่มอีก ตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แนะนำให้ปรึกษาเพื่อนที่ทำเรื่องภาษี ให้เขาเล่าให้ฟังโดยละเอียด และเข้าใจว่าถ้าขายดีจัด ประเภทขายน้อยกำไรนิด เอาปริมาณ ระวังยอดขายเกิดปีละ 1.8 ล้านบาท (เดือนละ 150,000.-) ต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยนะ สำหรับที่ยูเนี่ยนมอลล์ พอห้างเริ่มติด สรรพากรก็เอาเอกสารมาแจก บอกเบอร์โทรศัพท์ ให้ติดต่อกลับ สำหรับรายที่เขาไม่มีเงินได้อื่น เขาโทรไปติดต่อ ก็เพียงให้เอาชื่อเข้าระบบสรรพากร เพื่อเตรียมถอนขนห่านในอนาคต ปีแรกเขาแค่ปรับเงินหลักร้อยเรื่องไม่ยื่นภาษีเท่านั้น กลัวว่าหลัง ๆ เขาจะมาประเมินรายได้ และเรียกภาษีย้อนหลัง เราเตือนพรรคพวกแล้วให้ไปยื่นภาษีทุกงวดภาษีนะ แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่สำหรับเรา พอแจ้งว่ายื่นภาษีแล้ว เขาจะซักละเอียดมาก รายได้เท่าไร กำไรกี่ % สรุปว่าแต่ละเดือนมีกำไรประมาณเท่าไร หัก ค่าที่เท่าไร ค่าแรงลูกจ้างเท่าไร ขายแค่นั้นจะมีกำไรได้ไง ถ้าไม่มีกำไรทำการค้าไปทำไม เขาไม่เชื่อ ต้องแม่นตัวเลขนะ โกงภาษีเขาจับได้ง่าย พอดีเราขายชุดทำงาน ยอดขายไม่เยอะ ไม่เหมือนกับเสื้อยืดใส่เที่ยวราคาถูก ขายจำนวน (ภาษี พันละ 5 บาทจากยอดขายนะ) พอดีเราตอบข้อมูลชัดเจนก็เลยรอดไป และเอกสารการยื่นภาษีนี่ต้องเก็บอย่างดีนะ สรรพากรสามารถเรียกดูได้ตลอด
เล่าสู่กันฟังไว้เผื่อเตรียมตัวทำธุรกิจนะ ขอให้ร่ำรวย ช่วยเอาเงินส่งสรรพากรเยอะ ๆ ขายดี ขายดี จ้า
Create Date : 12 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 12 มกราคม 2554 9:56:55 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
จะขายของที่เมเจอร์รัชโยธิน
ตลาดเมเจอร์ เริ่มแรกหากสนใจจะขายของตลาดเปิดท้าย เมเจอร์ (Major) จากประสบการณ์ปลายปี 2553 สรุปวิธีการได้ ดังนี้ 1. เดินไปตรงมุมที่ติดป้ายที่โต๊ะ ให้เช่าพื้นที่ จะมีพนักงาน 2 ท่านนั่งโต๊ะอยู่ มีแผนผังพื้นที่ว่างให้ดู แล้วสอบถามเรื่องราคาค่าเช่า จะแบ่งเป็นซอย แต่ละซอยราคาลดลงตามทำเลที่ใกล้ถนนพหลโยธิน 2. เดินไปดูพื้นที่จริง บนพื้นจะพ่นเลขห้องไว้ 3. จองโดยวางเงิน 5,000 บาท และค่าเต้นท์ ตอนนี้ราคา 5,000 จองไว้ 1,000 (เดินไปถามคนขายในพื้นที่แถวนั้นก่อนวางเงินว่ามีใครปล่อยเต็นท์มือสองมั่ง ราคาน่าจะประมาณ 3,500) ค่ากล่องบอกไว้ว่าจะใช้กี่ใบ ปกติเขาให้โควต้า 4 ใบ ส่วนเกินจะเสียค่าจัดเก็บ (กล่องใบละ 570 บาทมั๊ง จ่ายวันเปิดร้าน) 4. อัตราค่าใช้จ่ายนอกจากค่าเช่า 1. ค่าฝากและเข็นสินค้า 4 กล่องกับโครงเหล็ก 1 ชุด = 95 บาท/วัน ปกติขายได้ 6 วัน ปิดวันจันทร์ แต่ตอนธันวาคม 53 ให้ขายวันจันทร์ได้เพิ่ม) 2.ค่าคลุมและเก็บผ้าพลาสติก, ผ้ากั้นร้าน,ติดไฟ, หุ่น 2 ตัว = 60 บาท/วัน 3. ค่าจัดเก็บร้านพร้อมขาย = 100 บาท/วัน 4. ค่าอุปกรณ์นอกเหนือโครง เช่น แคร่, โต๊ะ = 20 บาท/วัน 5. เขาระบุไว้ชัดเจนว่า หากพนักงานของผู้รับฝากทำทรัพย์สินเสียหาย ทางผู้รับฝากจะรับผิดชอบตามสภาพความเป็นจริงเท่านั้น แต่ประสบการณ์ไม่เคยหายหรือพังนะ ดังนั้น หากขยันทำเอง รายการที่ 1 กับ 2 จ่ายเป็นเงินแน่ วันละ 155 บาท ทั้งนี้ขึ้นกับทำเลและการเจรจากับเด็กรับจัดเก็บกล่องด้วย
การเตรียมตัว นอกจากของจะขาย หุ่น ไม้แขวน ผ้ากั้น หลอดไฟ ปลั๊กต่อรวมสายไฟแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมเผื่อไป ได้แก่ ตัวหนีบปากเป็ดตัวใหญ่, กุญแจล็อกหีบขนของ กล่องละ 2 ลูก (เดินดูรานค้าแถวนั้นก่อนว่าเขาล็อกกุญแจแบบไหน) วันจะขาย ก็เดินไปที่ตรงจองร้าน เขาจะบอกเราว่าไปจ่ายเงินที่ธนาคารธนชาต เพื่อชำระค่าเช่าและเงินมัดจำ ทางธนาคารเขามีใบนำฝากระบุเลขบัญชีไว้เรียบร้อย บอกเลขห้องเท่านั้น แล้วก็มาจัดร้าน ระหว่างนั้น จะมีคนเอากล่องมาให้ มีคนมาตกลงรับขนของ ขอเบอร์ติดต่อเขาด้วย (ปกติเป็นแรงงานต่างชาติที่พูดไทยได้ชัดเจน) เขาจะบริการต่อสายไฟให้เราเรียบร้อย เขาจะจำว่าเราวางของแบบไหน แล้วเขาจะเก็บเรียงได้เหมือนเดิมมาก ๆ แล้วดึก ๆ เขาก็มาเก็บค่าเต็นท์ ปัญหาที่มีในประสบการณ์ -ห้ามติดป้ายแสดงราคา อันนี้เราไม่ถนัดมาก เพราะเราจะใช้ขายของราคาถูก เมื่อไม่ติดราคามันดึงลูกค้ายาก -ติดไฟไม่เกิน 4 ดวง อันนี้มันดูมึด เราก็ยังไม่กล้าติดเยอะรอให้เก๋าก่อนถึงจะกล้า -ร้อน ห้ามใช้พัดลม แม้จะแอบเอาอันเล็ก ๆ ก็ยังทรมาน แถมจะเปิดไฟฟ้าเมื่อเริ่มมึดแล้ว ระหว่างนั้นนั่งเหงื่อตกไปก่อน -ห้ามอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น วิทยุ ทีวี โน๊ตบุ๊ค อันนี้มันไม่สนุกเลยนั่งเบื่อมาก ๆ -วันฝนตก เนื่องจากระบบไฟฟ้ามันเสี่ยงเรื่องน้ำฝน เขาจะตัดไฟทันทีที่ฝนเริ่มลง นั่งขายไม่ได้ เสียค่าที่รายเดือนไปแล้ว - ถ้าเลิกกิจการ จะขายเต้นท์ เขาซื้อคืนราคา 1,500.- (เพื่อนเราบอกว่าเอาไปทำกรงหมาดีกว่าขายคืน) ส่วนลิงค์ต่อไปนี้ คือเรื่องของคนที่เขาเลิกทำไปแล้ว ลองอ่านดูนะ //topicstock.pantip.com/social/topicstock/2009/11/U8598955/U8598955.html
ส่วนนี่ก็เรื่องเดียวกัน แต่มีคนคอมเม้นท์เยอะกว่า //gotoknow.org/blog/clostridum/314744?page=1
และนี่ส่วนของคนที่รับบริหาร เขาให้ข่าวไว้ น่าสนใจจัง //www.raidaidd.com/forums/viewthread.php?tid=2660
ส่วนนี่เรื่องที่ลูกค้าว่าแม่ค้าย่านนั้น //topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2011/01/Q10124656/Q10124656.html
เขียนไว้แค่นี้ก่อนนะ อยากรู้อะไรก็ถามกันมาได้
Create Date : 10 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 4 มีนาคม 2554 11:03:42 น. |
Counter : 5482 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]
|
เคยทำธุรกิจขายเสื้อผ้าในยูเนี่ยนมอลล์ และได้ขายเลิกกิจการแล้ว ตอนนี้หันไปเปิดร้านขายเสื้อตราคัพเค้กที่ K-ZY Plaza
|
|
|
|
|
|
|
|
|