อลังการ! รังปลวกยักษ์ อุทยานแห่งชาติลิตฟิลด์ ถ้าเอ่ยชื่อ “จอมปลวก” ขึ้นมา แหม่.. คนไทยบางคนแถวนี้ นึกคันไม้คันมืออยากจะจุดธูปขอเลขขึ้นมาเลย ยิ่งใกล้วันลุ้นรางวัลล็อตเตอรี่เข้ามาทุกที สถานที่แปลกประหลาดคนยิ่งคึกคักกันเป็นแน่แท้ แต่นั้นไม่ใช่มีพี่ไทยของเราเท่านั้นที่มีจอมปลวกยักษ์ แต่ประเทศออสเตรเลีย เค้าก็มีเหมือนกัน! แต่ว่าขึ้นเป็นจำนวนมากด้วยล่ะสิ อลังการ! รังปลวกยักษ์ อุทยานแห่งชาติลิตฟิลด์ เจ้าปลวกยักษ์สุดอลังการ นั้นอยู่ที่อุทยานแห่งชาติลิตฟิลด์ (Litchfield National Park) ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวจะพบกับ “ปลวก” สิ่งมีชีวิตอันแสนมหัศจรรย์ หรือจะเรียกว่าวิศกรแห่งการก่อสร้างก็ยังได้ แน่นอนว่าหลายครั้งที่เรามักพบเห็นสิ่งก่อสร้างด้วยดินของบรรดาวิศกรปลวก ที่ต่างสรรค์สร้างทาวเวอร์สุดอลังการให้เราได้ฮือฮากันนับครั้งไม่ถ้วน นักท่องเที่ยวเดินเพียงไม่กี่กิโลเมตรจากปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติลิตฟิลด์ คุณจะได้ตื่นตลึงไปกับความยิ่งใหญ่ของทุ่งจอมปลวกขนาดยักษ์ ที่มองดูคล้ายป้ายหลุมฝังศพ กองทัพปลวกตัวน้อยนับล้านตัวที่เข้มแข็งได้สรรค์สร้างสิ่งเหล่านี้ ในแนวเหนือจรดใต้เพื่อปกป้องที่อยู่อาศัยภายในจากแสงอาทิตย์ที่แผดเผา เมื่อมองจากทางเดินสะพานไม้ใกล้ๆ คุณจะทึ่งกับการออกแบบที่ชาญฉลาดของแมลงใต้ดินเหล่านี้ มีจอมปลวกหลายกองที่ความสูงเกินกว่าสองเมตร สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนอุทยาน แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี View Larger Map ข้อมูลและภาพ : wiki / amusingplanet.com / pichappy เรียบเรียงโดย Travel MThai   Create Date : 22 มกราคม 2557     0 comment Last Update : 22 มกราคม 2557 1:35:34 น.     Counter : 1513 Pageviews.   Share Tweet

จีนโคลน 'หมูทดลอง' ใช้ในการแพทย์ จีน ประสบความสำเร็จในการโคลนนิ่งหมูทีละมากๆ โดยการโคลนหมูที่ว่านี้ก็ไม่ได้โคลนไปเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ แต่เป็นการโคลน "หมูทดลอง" การโคลนนิ่งสัตว์หรือแม้แต่คน ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อะไร เราคุ้นเคยกันดีกับแกะดอลลี่ สัตว์ตัวแรกของโลกที่เกิดจากการโคลนนิ่ง แต่ด้วยความที่การโคลนสัตว์ โดยเฉพาะคน มีปัญหาทั้งเชิงจริยธรรมและเชิงเทคนิกมากมาย ทำให้การโคลนกลายเป็นเทคโนโลยีที่ไม่แพร่หลาย นอกจากการโคลนพืชหรือสัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์เท่านั้น และการโคลนนิ่งในลักษณะนี้ก็ทำแบบน้อยราย ไม่ใช่ลักษณะอุตสาหกรรมทีละมากๆ  แต่ล่าสุด ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตของโหล ปริมาณมหาศาลอย่างจีน ประสบความสำเร็จในการโคลนนิ่งหมูทีละมากๆ เรียกว่าทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และการโคลนหมูที่ว่านี้ ก็ไม่ได้โคลนไปเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์อย่างที่คุณคิด แต่เป็นการโคลน "หมูทดลอง"  บริษัท BGI ของจีนแห่งนครเซินเจิ้น เปิดกิจการโคลนหมูเพื่อใช้ในการทดสอบยาที่จะนำมาใช้กับมนุษย์ ซึ่งต้องการใช้หมูโคลนนิ่ง เนื่องจากหมูเป็นสัตว์ที่มียีนใกล้เคียงกับมนุษย์ และการโคลนก็จะทำให้ได้หมูที่มียีนเหมือนกันทุกประการ ตอบสนองต่อยาได้อย่างมีมาตรฐาน ไม่มีตัวแปรผันทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ BGI ยังสามารถตัดต่อพันธุกรรมหมูได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ เช่นหมูที่หยุดโตเมื่ออายุ 1 ปีเป็นต้น ทุกวันนี้ BGI ปลูกถ่ายยีน โคลนหมูได้วันละ 2 ตัว และมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 70-80% ทำให้ปีๆหนึ่งก็ผลิตหมูโคลนได้ไม่ต่ำกว่า 500 ตัว และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเคล็ดลับสำคัญคือการทำงานสไตล์จีนๆ ลดต้นทุนด้วยการใช้แรงงานคนแทนเทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้การโคลนแบบ "แฮนเมด" ของ BGI ใช้คน 30-40 คน และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเพียงจำนวนน้อยนิด และวิธีนี้ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมโรงงานโคลนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน ที่ม //variety.teenee.com/   Create Date : 22 มกราคม 2557     0 comment Last Update : 22 มกราคม 2557 1:34:43 น.     Counter : 1445 Pageviews.   Share Tweet

ชอตภาพน่ารักๆ ของสัตว์โลกปี 2014 ที่มา //www.leknoi.com/2014/01/2014_19.html   Create Date : 22 มกราคม 2557     2 comment Last Update : 22 มกราคม 2557 1:32:55 น.     Counter : 2218 Pageviews.   Share Tweet

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ปลาออร์ (Oarfish) ปลาออร์ ปลาออร์ หรือ ปลาริบบิ้น (Oarfish, King of herring) เป็นปลากระดูกแข็งชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Regalecus glesne อยู่ในวงศ์ Regalecidae มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญานาคตามความเชื่อของไทย หรือมังกรทะเลในความเชื่อในยุคกลางของชาวตะวันตก ปลาออร์มีความยาวได้สูงสุดยาวถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม ในกินเนสส์ บุ๊ก ออฟ เวิร์ลด์ เรคคอร์ดด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร ลักษณะมีส่วนหัวที่ใหญ่ ลำตัวแบนสีเงิน มีจุดสีฟ้าและดำประปราย มีครีบหลังสีชมพูแดง บนหัวที่อวัยวะแลดูคล้ายหงอนเป็นจุดเด่น เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึกมาก จึงพบเห็นได้ยาก แต่มีผู้พบเห็นกันเป็นระยะ ๆ ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของออสเตรเลีย เรื่อยไปจนถึงทะเลนอกชายฝั่งเม็กซิโก และแถบหมู่เกาะเบอร์มิวดา ส่วนใหญ่มักถูกคลื่นซัดออกมาเกยหาด ปลาออร์เป็นปลาที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำร้ายมนุษย์ แม้จะมีรายงานไม่ยืนยันจากนักวิจัยในนิวซีแลนด์ที่ระบุว่าถ้าหากแตะไปที่ตัวของมันขณะยังมีชีวิตอยู่จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาช็อตได้ ฝากเพจเฟสบุคด้วยนะครับ เพจ "โลกแห่งความจริง" เพจสำหรับชาววิทย์ ความรู้ต่างๆต่างทุกมุมโลก https://www.facebook.com/Real.of.The.world ที่มา: //www.nextsteptv.com/?p=4662   Create Date : 07 มกราคม 2557     0 comment Last Update : 7 มกราคม 2557 17:04:48 น.     Counter : 1960 Pageviews.   Share Tweet

ลาวส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืดในนาข้าวทำรายได้งาม ใครๆ ก็พูดกันว่าล็อบสเตอร์น้ำจืดหรือ "กุ้งก้ามแดง" เนื้ออร่อยที่สุดและขายได้ราคาดีมาก จาก จ.สระแก้วของไทยสู่นครเวียงจันทน์ ที่นั่นออกรณรงค์ส่งเสริมให้ชาวนาเพาะเลี้ยงในนาข้าว เลี้ยงง่ายและขายได้ราคาดีใช้เวลา 4 เดือนเท่านั้นก็เห็นเงินกองอยู่ต่อหน้า โครงการชลประทานแห่งหนึ่งทดลองเลี้ยงในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งสามารถผลิตออกเป็นสินค้าสู่ตลาดได้ ถึงคราวเกษตรกรลาวจะรวยบ้าง. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่.         ทางการลาวออกรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยง "ล็อบเสตอร์น้ำจืด" หรือกุ้มก้ามแดงในนาข้าวหลังจากโครงการชลประทานแห่งหนึ่งในนครเวียงจันทน์ทดลองเลี้ยงในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาและได้ผลอย่างดี โดยนำพันธุ์กุ้งไปจาก จ.สระแก้วของไทย         ตามรายงานของสำนักข่าวทางการ โครงการชลประทานดังกล่าวได้จัดแสดงผลงานในสัปดาห์ก่อนสิ้นปี 2556 ระบุว่าการทดลองเลี้ยงในนาข้าวจนมีความชำนาญ เข้าใจในกระบวนการเติบโตของกุ้งน้ำจิดชนิดนี้จนสามารถผลิตออกสู่ตลาดเป็นสิ้นค้าได้ รัฐบาจึงประกาศส่งเสริมให้เกษตรกรเริ่มเพาะเลี้ยงโดยจะจัดพันธุ์กุ้งและฝึกอบรมเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงให้ตลอดจนมีนักวิชาการติดตามให้คำปรึกษา        ปัจจุบันโครงการสามารถผลิตลูกกุ้งก้ามแดงได้ราว 2 ตันต่อปี จำหน่ายให้เกษตรกรราคา 1,500 กีบต่อตัว ค่าอาหาร กก.ละ 10,000 กีบ แต่กุ้งโตขายได้ราคา 100,000 กีบต่อ กก. (อัตราแลกเปลี่ยน 245.53 กีบ/บาท) ใช้เวลาเพาะเลี้ยงประมาณ 4 เดือน กุ้งน้ำหนัก 1 กิโลกรัมจะใช้อาหารสำเร็จรูปราว 1 กิโลกรัมครึ่งเท่านั้นซึ่งนับเป็นต้นทุนที่ต่ำ และได้กำไรงาม สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงาน        ตามข้อมูลจาก จ.สระแก้วที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ กุ้งล็อบสเตอร์ก้ามแดงเลี้ยงง่ายอาศัยอยู่ในธรรมขาติปรกติไม่จำเป็นต้องจัดทำระบบเติมออกซิเจนลงในน้ำเหมือนกับการเลี้ยงกุ้งชนิดอื่น และจะหากินเองตามธรรมชาติเมื่อเลี้ยงในนาข้าว ใช้เวลาเลี้ยงราว 40 วัน และให้อากรสำเร็จรูปเสริมเป็นบางครั้งเป็นคราวทำให้ลดต้นทุนได้มาก เป็นกุ้งเนื้ออร่อยได้กุ้งราว 20 ตัวได้น้ำหนัก 1 กก จำหน่ายได้ราคา กก.ละ 300 บาทขึ้นไป        หากขยายเวลาเลี้ยงเป็น 12 เดือนจะมีน้ำหนักราว 10 ตัวต่อ กก. และจำหน่ายได้ในราคาสูงขึ้นเป็นประมาณ 500 บาทต่อ กก. จะรวยกันอีกแล้ว .. ทางการลาวเริ่มรณรงค์ส่งเสริมเกษตรกรชาวนาในนครเวียงจันทน์เลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืดในนาข้าวโดยศึกษาประสบการณ์ของเกษตรกรใน จ.สระแก้วของไทย เป็นกุ้งที่หากินได้เองตามธรรมชาติในท้องนาและให้อาหารเสริมบ้างเท่านั้น ไม่ต้องมีระบบเติมออกซิเจนในน้ำเหมือนเลี้ยงกุ้งกุลาดำหรือกุ้งชนิดอื่นช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล ในประเทศไทยขายกันกิโลกรัมละ 300-500 บาท. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่ ที่มา: //manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9570000001435   Create Date : 06 มกราคม 2557     0 comment Last Update : 6 มกราคม 2557 16:10:38 น.     Counter : 5017 Pageviews.   Share Tweet