อีก 9 วันเดินทาง... อีก 9 วันเท่านั้นครับพี่น้องครับ ขอเชิญไปส่งด้วยนะครับ Terminal 2 Row 9 สนามบินดอนเมือง Destination Narita (JPN) JFK (NYC) By United Airlines (UA) ไม่ใช่อันที่ชนตึกเวิลด์เทรดนะครับ วันที่ 8 สิงหาคม 2549 เวลา 06.50 น. (เช้านะเช้า) เรียนเชิญทุกท่าน ขออภัยที่เจ้าภาพมิได้มาเชิญด้วยตนเอง   Create Date : 30 กรกฎาคม 2549     1 comment Last Update : 30 กรกฎาคม 2549 19:17:49 น.     Counter : 446 Pageviews.   Share Tweet

สอบเสร็จแล้ว...เตรียมลัดฟ้าสู่นิวยอร์ค หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาอันสุดแสนทรหดแห่งชีวิตมาได้อีกช่วงหนึ่ง นั่นก็คือการสอบกลางภาคนั่นเอง จะไม่ขอวิเคราะห์นะครับว่าจะได้วิชาละกี่แต้ม ขอร้องเลย อย่าให้พูดๆ มันชอกช้ำ หลังจากนี้นับไปอีก 18 วันเท่านั้นเอง ชีวิตของเด็กตัวโตๆคนนี้ ก็จะต้องไปเผชิญกับประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลกที่ชื่อว่า "สหรัฐอเมริกา" แผ่นดินที่เค้าเรียกกันว่าแผ่นดินเสรี จะเปิดกว้างให้เด็กคนนี้ได้ดูเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ความคาดหวังตอนนี้เปลี่ยนเป็นความกลัว ทุกสิ่งกำลังจะผ่านเข้ามา ใกล้แล้วเด็กน้อย... นับตั้งแต่วันนี้ คงจะเข้ามาบ่อยมากขึ้น คงจะได้คุยกับเพื่อนๆพี่ๆมากขึ้น ก่อนเดินทาง คงจะมีอะไรต่อมิอะไรให้ทำมากมาย นึกแล้วเริ่มเหนื่อย ก้าวต่อไปด้วยใจหาญเด็กน้อยเอ๋ย ใจเจ้าเคยเหนื่อยล้าเพราะความเหงา แต่ตัวเจ้ากับเงายังทอดลง ตรงแผ่นดินที่กว้างไกลสุดสายตา เราต้องสู้ มีคนรอคอยความสำเร็จของเรามากมาย พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา เพื่อน ครู คนรู้จักของเรา ทุกคน เฝ้ารอวันที่เราจะกลับมา โอ้เด็กน้อย จงตั้งใจเก็บเกี่ยวทุกสิ่งมาด้วยความตั้งใจเถิด... วันนี้ดึกแล้ว ขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ สู้ๆนะครับ   Create Date : 21 กรกฎาคม 2549     4 comment Last Update : 21 กรกฎาคม 2549 23:41:06 น.     Counter : 221 Pageviews.   Share Tweet

ช่วยในหลวงของเราทำลายสถิติ ช่วยในหลวงของเราทำลายสถิติ โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 12 มิถุนายน 2549 22:31 น. จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ชันษาภูบาล อย่างน้อยร้อยยี่สิบปี ครองราชย์ครองทวาราวดี แผ่พระบารมี ปกเกศปกเกล้าชาวไทย จรรโลงระบอบประชาธิปไตย อันมีกษัตริย์เป็นประมุขนิรันดร์เทอญ 9 มิถุนายน 2549 ในหลวงของเราทรงทำลายสถิติอีกครั้งในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 นอกจากสายตาโลกและหัวใจไทย เราอยากให้ Guinness World Records บันทึกไว้ หนังสือนี้เดิมชื่อว่า Guinness Book of Records เกิดขึ้นโดยบังเอิญเมื่อ Sir Hugh Beaver ผู้จัดการใหญ่เบียร์กินเนส ออกไปยิงนกในปี ค.ศ.1951 แล้วท้าพนันกับเพื่อนว่า นกอะไรบินเร็วที่สุดในยุโรป นก golden plover หรือ นกgrouse ท่านเซอร์หัวใสเลยเกิดความคิดว่า ถ้าพิมพ์หนังสืออะไรเอ่ย..ที่สุดในโลก คงจะขายดีเป็นบ้า The Guinness Book of Records เล่มแรกออก เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 1955 ทำลายสถิติหนังสือขายดีทุกปี หนังสือนี้บันทึกสถิติโลกสุดๆ แปดรายการ เรื่อง ร่างกายมนุษย์ การกระทำหรือเหตุการณ์มหัศจรรย์ โลกของธรรมชาติ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปะและสื่อสาร สังคมสมัยใหม่ การท่องเที่ยวและคมนาคม กีฬาและเกมต่างๆ ได้ชื่อว่ามีความถูกต้องแน่นอน เพราะมีคณะผู้เชี่ยวชาญคัดเลือกและตรวจสอบอย่างจริงจัง เป็นระบบและเอาเป็นเอาตาย จะตรวจสอบยังไงก็ตามแต่ ในหลวงของเราทรงทำลายสถิติต่อไปนี้อยู่แล้ว 1. เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน 2. เป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาโลก รางวัลยูเอ็น 3. ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 4. ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในราชวงศ์จักรี 5. มีผู้ถวายพระพรมากที่สุดในประเทศและในโลกในวันครบรอบครองสิริราชสมบัติ 60 ปี 6. มีผู้ดูเป็นพันๆ ล้านทั่วโลกทางทีวี เมื่อนาย Sepp Blatter ประธาน FIFA กล่าวถวายพระพรในการเปิดแข่งขันฟุตบอลโลกในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 7. มีราชาธิบดีทั่วโลกเสด็จมาร่วมถวายพระพรมากที่สุดในโลก ฯลฯ ช่วยกันคิดด้วยครับ ว่ามีอะไรอีก ผมมีโอกาสได้สวมเสื้อเหลือง ฝ่าฝูงชนอยู่หลายชั่วโมง เดินหลาย กม.เป็นทะเลสีเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมได้ยินอะไรตลอดทาง ทำให้ผมจะสรุปว่า พสกนิกรรักพระองค์เป็นที่สุด เป็นกษัตริย์ยอดนิยมของโลก สถิติดังกล่าวนี้ ไม่มีใครทำลายได้ คำว่า “ทำลาย” ที่ผมนำมาใช้ ในที่นี้มิได้แปลว่าโค่นล้าง ตรงกันข้าม กลับมีคำแปลในทางบวก แปลว่า สร้างหรือสร้างสรรค์ มิใช่ตามยถากรรม ต้องกระทำด้วย ความพากเพียร มีวินัย ความฝังใจและจิตวิญญาณ อันเกิดจากความรักระหว่างพระองค์กับปวงราษฎร แต่ยังมีสถิติที่ผมอยากชวนพวกให้เรา ช่วยในหลวงทำลาย อีก คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีฐานะอย่างไร ต่างก็มีสิทธิที่จะช่วยในหลวงทำลายสถิติต่อไปได้ ยิ่งคนที่มีอำนาจหน้าที่ก็ยิ่งทำได้มาก ผมขออนุญาตเล่าเรื่องที่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง 18 ปีที่แล้ว ผมเคยชวนให้สภาครองเกรสของสหรัฐอเมริกา สดุดีในหลวงในวาระเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ขณะนั้น ผมเป็นเพียงคนไทยธรรมดาๆ คนหนึ่งที่พำนักอยู่ในอเมริกา ไม่มีตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ขอย้ำว่า ท่านทั้งหลายที่รักในหลวง แม้ว่าจะอยู่ป่าเขาลำเนาไพรในชนบท ต่างก็มีโอกาสที่จะแสดงความจงรักภักดีตามฐานานุรูปได้ เมื่อรวมกันทีละหยด ก็จะกลายเป็นมหาสมุทรสีเหลืองอันกว้างใหญ่ไพศาล จงลุกขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันเถิด มีสถิติโลกอีก 2 อันที่พวกเราจะต้องช่วยกันทำลาย หนึ่ง สถิติครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผู้ครอง คือ พระนางเจ้าวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ ซึ่งครองราชย์เป็นเวลา 63 ปี 7 เดือน กับ 3 วัน (June 20, 1837 - January 22, 1901) สอง สถิติพระมหากษัตริย์ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ผู้ครองคือ พระเจ้า Afonso 1 แห่งโปรตุเกส (ปี ค.ศ. 1112 ถึง 1185) เป็นเวลา 73 ปีเศษ ด้วยพระราชปณิธาน พระบรมเดชาภินิหารและบุญญาบารมีของในหลวง ประกอบกับการร่วมจิตร่วมใจของชาวไทยทั้งประเทศ ผมเชื่อมั่นว่า ไทยจะต้องชนะ ราชอาณาจักรโปรตุเกสเก่าแก่กว่าสุโขทัยเล็กน้อย สุโขทัยของเราเริ่มเมื่อ ค.ศ. 1238 และจบลงเมื่อ 1438 รวม 200 ปีพอดี โปรตุเกสเริ่มเป็นประเทศเอกราช โดยการสถาปนาของพระเจ้า Afonso หนึ่ง ผู้เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์เบอร์กันดี ในปี 1112 โปรตุเกสเป็นมหาอาณาจักรเจ้าทะเล เป็นยุโรปประเทศแรกที่ติดต่อกับไทยในสมัยอยุธยา และทิ้งมรดกขนมทองหยิบฝอยทองไว้ให้ โปรตุเกสเปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐในปี ค.ศ. 1910 ในปี 1974 หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคมของเรา กองทัพโปรตุเกสทำการปฏิวัติประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาลเผด็จการพลเรือนออก ทำให้โปรตุเกสเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเป็นต้นมา อาฟองโซที่หนึ่ง เป็นโอรสของ Henry of Burgundy, Count of Portugal และ Teresa of Leon ธิดานอกสมรสของพระเจ้า Alfonso VI แห่ง Castile and Leon ใน พระเจ้าอาฟองโซ ทรงราชาภิเษกเป็นกษัตริย์ในวันที่ 26 กรกฎาคม 1139 ทันทีที่กองทัพของพระองค์พิชิตศึกที่มีชื่อว่า the Battle of Ourique พระองค์สวรรคตในวันที่ 6 ธันวาคม 1185 นักประวัติศาสตร์ ถือว่าพระองค์เป็นเจ้าผู้ครองอาณาจักรโปรตุเกสตั้งแต่ปี 1112 เมื่อทรงประกาศอิสรภาพจาก Leon นับเวลาครองราชย์ได้ 73 ปี รัชสมัยของอาฟองโซ เต็มไปด้วยการสู้รบและการต่อสู้ทางการเมือง พระองค์ทรงเอาชนะอาณาจักรใกล้เคียง ต่อสู้ปราบปรามอิทธิพลมุสลิมมัวร์ที่เป็นผู้ครอบครองยุโรปมาหลายร้อยปี และทำให้วาติกันหรือศาสนจักรของโป๊ปยอมรับความเป็นพระมหากษัตริย์ของพระองค์ ซึ่งถ้าหากปราศจากบรมเดชานุภาพและความเคารพบูชาของเหล่าอัศวินและมวลมหาชน จะประสบความสำเร็จหาได้ไม่ พระองค์จึงได้สมัญญานามว่าเป็น Afonso the Conqueror หรือพระเจ้าอาฟองโซผู้พิชิต พระราชประวัติของพระองค์สนุกตื่นเต้นมาก ชาวโปรตุเกสถือว่าพระองค์เป็นวีรบุรุษหมายเลขหนึ่งและบิดาแห่งประเทศ คนไทยรู้จักผู้ครองสถิติอีกองค์ดีกว่า เพราะในยุคหลัง ราชวงศ์จักรีและคนไทยมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์และประเทศอังกฤษมากกว่าโปรตุเกส และเวลาก็เลื่อนเข้ามาอีกร่วม 700 ปี คำว่าวิกตอเรียเป็นคำที่โลกและคนไทยคุ้ยเคยพอสมควร เป็นชื่อสถานีรถไฟกลางมหานครลอนดอน เป็นแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม เป็นมาตรฐานทางจริยธรรมและศีลธรรมของผู้ดีชนชั้นกลาง ทั้งหมดนี้ได้ชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย มหาราชินีแห่งจักรภพอังกฤษ วิกตอเรียเป็นพระธิดาของเอ็ดเวิร์ด ดุ๊กแห่ง Kent และเจ้าหญิง Victoria of Saxe-Coburg ทรงสมภพ ในวัง Kensington (ของเจ้าหญิงไดแอนนา) ในลอนดอน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1819 กลางรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขึ้นครองราชย์สมบัติในปี 1837หรือ พ.ศ. 2380 รัชกาลของพระนางคาบเกี่ยวกับรัชสมัยจักรีถึง 3 องค์ คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า 14 ปี จาก 1837 ถึง 1851 พระจอมเกล้าตลอดรัชสมัยจนถึง 1868 รวม 17 ปี พระปิยมหาราช จนถึงปีที่พระนางเจ้าสวรรคตคือปี 1901 รวม 32 ปี พระปิยมหาราชเสด็จสวรรคตอีก 9 ปีต่อมาคือ ปี 1910 สมเด็จพระนางเจ้านับเป็นมหากษัตริย์ที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยในยุคหัวเลี้ยวหัวต่ออาณานิคม ภายหลังที่พม่า และอินโดจีนตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษและฝรั่งเศสเรียบวุธหมดแล้ว ความสามารถ ความนับถือและมิตรสัมพันธ์ที่พระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ของไทย ที่ตรัสภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ปรัชญาและศาสนาของตะวันตกดีทุกพระองค์ ทำให้พระนางเจ้าทรงนับถือกษัตริย์ไทย ยอมรับราชวงศ์จักรีเป็นเสมือนญาติและประเทศไทยเป็นมิตร ราชทูตของพระนางเจ้าคือ เซอร์เจมส์ บรุ๊ค และเซอร์จอน เบาริงได้สถาปนาสนธิสัญญาสัมพันธไมตรี ซึ่งถึงแม้ประเทศไทยจะเสียเปรียบก็พอทน ในหลวง ร. 5 ทรงส่งพระราชโอรส คือ ร. 6 และพระบิดาแห่งตุลาการ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กับองค์อื่นๆ นับสิบๆไปศึกษาต่อในอังกฤษ พระองค์เองเสด็จเยือนเป็นราชอาคันตุกะของสมเด็จพระนางเจ้า นับเป็นคุณูปการมหาศาลต่อประเทศไทยและความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ รัชสมัยอันยาวนานของวิกตอเรียครอบคลุมถึงพัฒนาการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในปี 1832 ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย 100 ปี อังกฤษได้ผ่านThe Reform Act of 1832 หรือ พ.ร.บ.ปฏิรูปการเมือง วางหลักการและขอบข่ายพระราชอำนาจ การแบ่งแยกและดุลอำนาจอธิปไตยระหว่างสภาสูงสภาสามัญ กับคณะรัฐมนตรีซึ่งมาจากสภาล่าง ทำให้กษัตริย์ทรงเป็นอิสระจากการเมือง สมเด็จพระนางเจ้าทรงสร้างจารีตประชาธิปไตยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบรรทัดฐานมาถึงทุกวันนี้ ในปี 1887 อังกฤษได้จัดวันฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีอย่างมโหฬาร เสด็จสวรรคตในวันที่ 21 มกราคม 1901 ทรงครองราชย์อยู่กว่า 63 ปี สมเด็จพระนางเจ้าเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุได้ 18 พรรษาเศษๆ อ่อนกว่าในหลวง 1 ปี ทรงเป็นกำพร้าพระบิดาแต่ทรงพระเยาว์ และทรงรับการเลี้ยงดูจากพระมารดาซึ่งทรงคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเลิศ คล้ายๆกับสมเด็จย่า แต่ในหลวงของเราเหนือกว่าที่ทรงงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่เคารพบูชาของพสกนิกร ไม่มีขึ้นลงเหมือนพระนางวิกตอเรีย ผมเชื่อว่าคนไทยอยากเห็นในหลวงของเราทำลายสถิติของพระนางเจ้าฯ และนำการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ประเทศไทย เหลือเวลาอีกไม่นานเกินรอ ในวันที่ 12 มกราคม 2553 ในหลวงจะทรงทำลายสถิติสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย และในวันที่ 19 มกราคม 2563 ในหลวงจะทรงทำลายสถิติของพระเจ้า Afonso แห่งโปรตุเกส ในหลวงของเราจะครองสถิติโลกที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้ ขอให้พวกเราเชื่อในหลวงที่มีพระราชดำรัสถึง 2 ครั้งว่าจะอยู่ถึง 120 พรรษา อันเป็นอายุตามหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ หากพวกเราชาวไทยรักในหลวง อย่าทำอะไรมั่วๆ หรือทำอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอย พากันตั้งอธิษฐานจิตและทำปฏิบัติบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เหลี่ยมหนาบางจำพวก ควรคิดถึงตนเองให้น้อยลงสักนิด คิดถึงในหลวงเพิ่มขึ้นสักหน่อย อย่าทำให้ในหลวง “เดือดร้อน” ในหลวงจะทรงชนมายุยืนยาวช่วยให้พวกเราสร้างสถิติโลกที่จะยืนยงชั่วกัลปาวสาน จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ชันษาภูบาล อย่างน้อยร้อยยี่สิบปี ครองราชย์ครองทวาราวดี แผ่พระบารมี ปกเกศปกเกล้าชาวไทย จรรโลงระบอบประชาธิปไตย อันมีกษัตริย์เป็นประมุข นิรันดร์เทอญ 9 มิถุนายน 2549   Create Date : 25 มิถุนายน 2549     1 comment Last Update : 25 มิถุนายน 2549 20:01:33 น.     Counter : 325 Pageviews.   Share Tweet

อ่า...คนเกิดวันที่ 5 ฟังๆ คนเกิดวันที่ 5 คุณเป็นคนที่ มีความสามารถ และทำงานเก่ง ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงเก่ง ขนาดมีชื่อเสียง โด่งดังเลยละ หรือ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะก้าวพรวดๆ สู่ชื่อเสียง และเกียรติยศ ตลอดจนฐานะอันโดดเด่นในสังคม คุณทนไม่ได้ที่จะต้อง เป็นผู้ตามใคร เป็นคนไวต่อ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และยังมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย จึงสามารถสร้างสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ สิ่งแล้วสิ่งเล่า ออกมาป้อนสังคม แม้เรื่องการแต่งตัวคุณ ก็ไม่มีพลาดจะนำสมัย และเนี้ยบตลอดกาล คุณเป็นคนขี้หึงขี้หวง พอมีคนรักทีไร คุณก็อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อีกฝ่ายขึ้นมาทันที แถมยังหัวรั้น มีทิฐิมาก ปากอย่าง ใจอย่าง ฟอร์มจัด เลยมักทำให้ พลาดโอกาสในเรื่อง ความรักหรือสูญเสียคนรักไป อย่างน่าเสียดายบ่อยๆ ตรงดีมากๆเลย ใช่เลยๆ โดยเฉพาะความหึงหวงนี่ละ 555   Create Date : 23 มิถุนายน 2549     1 comment Last Update : 23 มิถุนายน 2549 21:55:59 น.     Counter : 412 Pageviews.   Share Tweet

น้ำตารินหลั่งเมื่อทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน น้ำตารินหลั่งเมื่อทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน นายลักษณ์พงศ์ จันทระ ม.๕/๘ โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ภาพหมู่มวลพสกนิกรร่วมแสน ที่มีจิตใจจงรักภักดี เดินทางมาจากทั่วสารทิศของแผ่นดินสยาม เดินทางมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยใจที่จงรักภักดี และเทิดทูนในองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงปกครองแผ่นดินให้ร่มเย็นเป็นสุขมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ ช่างเป็นภาพที่น่าปลาบปลื้มและเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ในบันทึกหน้าหนึ่งของโลก วันนั้น วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ น้ำตาแห่งความจงรักภักดีของประชาชนไหลรินหลั่งลงระคนกับเสียงกู่ร้องด้วยคำว่า “ทรงพระเจริญ” ที่ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของประชาชนทุกคน ทั้งที่อยู่ ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และประชาชนที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยทั่วประเทศ หลายคน ก้มลงกราบพระองค์บนพื้นแผ่นดิน บ้างก็ก้มลงกราบหน้าจอโทรทัศน์ บ้างก็ยกมือประนมพร้อมทั้งกล่าวคำถวายพระพรให้กับพระองค์ แม้คนเหล่านั้นจะมิได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบพระองค์อย่างใกล้ชิด แต่เขาเหล่านั้นก็สัมผัสได้ว่า พระองค์ผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชนได้ทรงรับรู้ถึงความจงรักภักดีของพสกนิกร และตอบกลับด้วยการที่ทรงโบกพระหัตถ์ พระหัตถ์ที่ทรงใช้ในการทำนุบำรุง แก้ไขปัญหาบ้านเมือง พระหัตถ์ที่ทรงใช้โอบอุ้มดวงใจแห่งปวงชน พระหัตถ์ที่ทรงใช้สัมผัสกับพระราชอาคันตุกะ เพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรีกับต่างชาติ พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์พร้อมทั้งแย้มพระสรวล พระสรวลที่เปี่ยมไปด้วยความเต็มตื้นพระทัย อันเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยดังเช่นพ่อที่ห่วงใยลูกของตน ความจงรักภักดีได้แสดงออกมาให้เห็น ณ ขณะนั้น เมื่อประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จ หลั่งน้ำตาของตนเองออกมาโดยมิได้นัดหมาย ไม่มีใครผู้ใดสั่งให้ร้องไห้ ไม่มีใครผู้ใดสั่งให้ก้มกราบพระองค์ แต่ประชาชนล้วนกระทำลงไปด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และความจงรักภักดี ด้วยความปิติยินดีที่ได้เฝ้าชมพระบารมี ด้วยความซาบซึ้งที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อราษฎรทุกหัวระแหง โดยมิได้คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย และความทุกข์ยากของพระองค์เอง ดังเช่นพระราชดำรัสของพระองค์ที่ตรัสไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้เรียนรู้โดยการทำงานที่นี่ว่า ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ก็คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทุกคน” PS. ผมเขียนนะครับ   Create Date : 23 มิถุนายน 2549     1 comment Last Update : 23 มิถุนายน 2549 19:59:57 น.     Counter : 1087 Pageviews.   Share Tweet