พอใจในสิ่งที่ตนมี
พอดีในสิ่งที่ต้องเสี่ยง
พอแล้วในสิ่งที่พร้อมเพรียง
พอเพียงความสุขก็เพียงพอ
Group Blog
 
All blogs
 

จะได้เก็บเงินเมื่อไหร่?

หุหห ห่างหายจากการอัพไปนานเลยแฮะ อิอิ จะอัพได้อยู่ไหมเนี่ย วันนี้ก็มีเมล์ดีๆที่น่าอ่าน อ่านได้ข้อคิดมาฝากอีกเช่นเคยนะคร้าบ ถ้าใครเคยอ่านมาแว้วก็ขออำภัยด้วยเน้อ (ไงอ่านอีกรอบก็ได้นะคร้าบ อิอิ)
----------------------------------------------------------------

วัยเยาว์ - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด ชีวิตฉันเพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก วันหนึ่งเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเก็บเงิน

วัยรุ่น - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉันหาเงินได้เอง ฉันจึงจะเก็บ

วัย 20 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันเพิ่งเรียนจบ ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้ ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้ ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด ถึงตอนนั้นเมื่อฉันพร้อมฉันก็จะเก็บ

วัย 30 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่งมีครอบครัวและต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้มากกว่านี้และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ

วัย 40 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีก ฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน แต่อีกสักระยะเมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น ถึงตอนนั้นฉันจึงจะเก็บ

วัย 50 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ตอนนี้ลูกๆเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนกำลังจะแต่งงาน ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วยญาติบางคน
ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด โชคดีเมื่อไหร่ฉันคงจะเก็บเงินได้

วัย 60 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ฉันนึกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ฉันอยากเกษียณอายุก่อน แต่ฉันไม่สามารถทำได้ ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด ถ้าภาระฉันหมดเมื่อไร ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้

วัย 70 - ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันแก่เกินไปที่จะเก็บ เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่ ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้
ตอนนี้มันสายเกินไป......ฉันไม่สามาถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....




 

Create Date : 23 มีนาคม 2549    
Last Update : 23 มีนาคม 2549 18:49:37 น.
Counter : 340 Pageviews.  

เหยือกน้ำ ลูกเทนนิส กรวด ทราย และน้ำอัดลม

สิ่งที่จะนำเสนอต่อไปนี้ได้มาจากเพื่อนอีกแล้ว พอดีอ่านแล้วมีความรู้สึกที่ดีๆกับข้อความนี้ก็เลยนำมาให้อ่านกันทั่วถึง ถ้าใครเคยได้สัมผัส หรือ ได้อ่านมาแล้วก็ขออำภัย ณ ที่นี้ ด้วยนะคร้าบ
-----------------------------------------------------------

ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวัน จึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึดหัดง่ายๆ แต่งแฝงไว้ด้วยข้อคิด เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ

เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา
แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
"พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?" เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน...
"เต็มแล้ว..."
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเทกรวดเม็ดเล็ก ๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบา ๆ
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิส อัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
"เหยือกเต็มหรือยัง?" นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ
"เต็มแล้ว..."
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา เททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
เม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง
"เหยือกเต็มหรือยัง?"
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นานหลายคนเดินก้าวเข้ามาก้ม ๆ เงย ๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง
มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน
....จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
"คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์"
"แน่ใจนะ"
"แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ"
คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
เขาหัวเราอย่างอารมณ์ดี
"ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ ๆ ไง" เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น

"ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทสนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริง สูญเสียไปไม่ได้...."
"...เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้....
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆอยู่ตลอดเวลา ชีวิตเต็มแล้ว...เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน..."
"...ชีวิตของคนเราทุกคน..ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า...
เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข ใช้ชีวิตเล่นกับลูก ๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกายเล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด..."
"...หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา..."
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
"แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร?"
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า
"การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้น คุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...."




 

Create Date : 11 มกราคม 2549    
Last Update : 11 มกราคม 2549 20:27:38 น.
Counter : 390 Pageviews.  

"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "

นี่ก็เป็นข้อความที่ได้รับจากเพื่อน อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ดีเหมือนกัน เลยอยากที่จะนำมาให้คนอีกหลายๆคนที่ได้แวะเข้ามาเยี่ยมชมบล๊อกนี้ได้ลองอ่านกันบ้างอ่ะคร้าบ ถ้าใครเคยอ่านแล้วก็ขออำภัย มา ณ ทีนี้ ด้วยเน้อ
-----------------------------------------------------------
บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆไป
เพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า " ไร้สาระ"
หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า
"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "
ผมไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่
เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลย
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆ ไปว่า
"ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้ง หรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทางได้มียางลบ ใช้มั้ง"
เพื่อนของผมก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบผม สั้นๆ ว่า "ไม่ใช่"
"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" ผมอดที่จะถามไม่ได้
ก็เพราะว่า " คนเราสามารถทำผิดกันได้ "
". . . . . . . .. . . . . . . . . . "
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ได้ยินคำตอบ และปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไป โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆ ของเขาเท่านั้น
คำถามของเพื่อนที่ผมเคยมองว่ามันไร้สาระ
กลับทำให้ผม ได้เก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่างเย็นวันนั้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆ
ด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .

"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ
........................................................

เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้
........................................................

แต่จงจำไว้ว่า...เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอ
เพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ
จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"


ผมเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนนั้นมันจะถูกต้องหรือไม่และเพื่อนๆ ที่ได้รับข้อความจากผมจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะบอกหรือเปล่า
จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ...นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการมากสักเท่าไหร่แต่สิ่งที่ผมอยากได้รับ คือ
เพื่อนของผมจะคิดต่อจากความคิดของผมอย่างไร
และลึกๆ ผมก็แค่หวังว่า เพื่อนของผมคงจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด และไม่ประมาทในการใช้ชีวิตและยอมรับการกระทำของตัวเอง. . .
เพียงแค่นั้นผมก็หมดห่วง และ เพื่อนๆ ที่ได้อ่านแล้วคิดอย่างไรกันบ้างครับว่า
“ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ”




 

Create Date : 10 มกราคม 2549    
Last Update : 10 มกราคม 2549 16:25:21 น.
Counter : 214 Pageviews.  

จดหมายจาก...ความรัก

จดหมายจาก...ความรัก นี้ได้รับมาจากการที่เพื่อน Forward มาให้อ่าน แล้วอยากให้ทุกคนลองอ่านกันดู หวังว่าคงจะโดนใจหลายๆคนกันนะคร้าบ
-----------------------------------------------------------
จดหมายถึงความรัก

สวัสดี...ความรัก
ความจริงการเขียนจดหมายถึงเธอ ก็เปรียบเหมือนการเขียนจดหมายถึงคนที่ไม่รู้จักกันดีนัก..
โดยเฉพาะกับเธอด้วยแล้ว เวลาเห็นจดหมายฉบับนี้ก็คงงงมากเลย..
แน่นอนล่ะ...ก็เธอไม่เคยแม้แต่จะแวะมาทักทายฉันเลยนี่ ผิดกับฉัน...
ที่เฝ้าวิ่งตามเธอเพื่อหวังที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอสักครั้งหนึ่ง...
ก็มีแต่เธอนั่นแหล่ะ...ที่เหมือนจะวิ่งหนีฉัน ไม่ยอมแม้กระทั่งหันมามองคนอย่างฉันเลย
...ฉันเหนื่อยมากนะ...กับการวิ่งตามเธอ เหนื่อย...จนบางครั้งอยากจะหยุด
....หยุด...เพียงเพื่อหวังว่าเธอจะหันมาเห็นใจคนอย่างฉันบ้าง
แต่เปล่าเลย....เธอกลับวางเฉยไม่สนใจฉันเหมือนเคย ฉันจึงได้รู้จักเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว
ฉันไม่เข้าใจเธอเลย...ทำไม เธอจึงเมินเฉยกับฉันนัก
ฉันจำได้ว่า..ฉันไม่เคยมองเธอในแง่ลบเลย ฉันมองเธอด้วยความชื่นชมเสมอ
เธอคือสิ่งสวยงามที่สุด....ที่ใครๆก็อยากรู้จักกับเธอ
มีหลายต่อหลายคนได้รู้จักกับเธอ คนเหล่านี้พูดถึงเธอไว้มากมายนัก
บ้างก็ว่า...เธอช่างแสนดี ทำให้ชีวิตของเค้ามีค่า
...แต่บางคนก็ว่าเธอคือสิ่งที่ทำลายชีวิตเค้าทั้งชีวิต
ฉันไม่เคยเชื่อใคร...ฉันรอว่าสักวันหนึ่ง ฉันจะต้องรู้จักกับเธอด้วยตนเองให้ได้
มีบางครั้ง...ที่ฉันได้เข้าใกล้เธอ แต่นั่นก็เป็นเพียงฉันคิดไปเองเท่านั้น
คิดว่า...เธอหยุด..รอฉัน เปล่าเลย...เธอยังคงห่างไกลจากฉันอยู่เหลือเกิน
บางทีฉันก็แปลกใจนะ...ว่าทำไมกับคนที่เห็นความสำคัญของความรักอย่างฉัน
เธอกลับทำเหมือนมองไม่เห็น...มองข้ามอยู่ตลอดเวลา
..แต่กับคนบางคน..ที่เค้าไม่อยากแม้แต่จะหยุดทักทายเธอ..ทำความรู้จักกับเธอ
เธอกลับอยากรู้จักกับเค้านักหนา..พยายามให้เค้าได้รู้จักในตัวตนของเธอ
...ซ้ำบางครั้งเค้าเอ่ยปากไล่เธอไปให้พ้น แต่เธอก็ยังยุ่งกับเค้า
...ยังคงให้ความสนิทสนมกับเค้า...ครั้งแล้ว..ครั้งเล่า
แต่กับฉัน..เธอกลับวางเฉยได้อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆเลย
....ฉันมันไม่คู่ควรได้รู้จักกับเธอเลยเหรอ...?
ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า..เธอใช้อะไรเป็นเครื่องวัดล่ะ ว่าใครควรได้รู้จักกับเธอ?
แล้วฉันคนนี้ล่ะ?.. จะต้องทำอะไร?...อีกสักเท่าไหร่?..
ฉันจะต้องวิ่งตามเธออีกนานแค่ไหน?

ฉันน่ะ ไม่หวังจะได้ตำตอบจากเธอหรอก เพียงแค่อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเองว่า...
ยังมีอีกคนหนึ่งนะที่เฝ้าจะได้รู้จักกับเธอ ..ก็แค่เตือนเธอเท่านั้นเอง
เผื่อบางทีในบัญชีรายชื่อของเธอ อาจจะตกชื่อของฉันไปก็ได้นะ
- -อยากรู้จักกับเธอมากที่สุด - -
ปล.วันใดที่ฉันหยุดวิ่งตามเธอ... หวังไว้ เธอคงจะหันมาสนใจทักทายฉันบ้าง
และวันใดที่ฉันได้รู้จักกับเธอ...
วันนั้นฉันจะเขียนจดหมายพร้อมของขวัญกล่องใหญ่ไปให้นะ

จาก คนที่เฝ้าคอย ...ความรัก


--------------------------------------------------------



ถึง คนที่เฝ้าคอย....ความรัก

ที่รัก...สวัสดีจ้ะ คนที่เฝ้าคอยฉัน
ฉันรู้ดีว่า ดวงตาของเธอได้คอยมองหาฉันอยู่เสมอ หากเพียงแต่เธอมองไกลไปหรือเปล่า...
ฉันเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตาเธอมาก หากฉันอยู่ใกล้ใจเธอมากกว่า....
เวลาที่ผู้คนเฝ้ามองหาอะไรสักอย่างน่ะ พวกเขามักจะมองข้ามสิ่งที่ใกล้ตัวไปเสมอ
.....อย่าวิ่งตามฉันเลย....คนดี ฉันไม่ใช่สิ่งที่วิ่งตามได้
เพราะหากแม้ฉันหยุดรอเธอ....เธอก็ยังไม่รู้ว่าฉันหยุด หากแต่เธอกลับวิ่งเลยฉันออกไป.....
บ่อยครั้งนัก ที่ฉันเฝ้ามองแผ่นหลังเธอที่นำอยู่เบื้องหน้าฉัน
เหล่าผู้คนที่พร่ำบอกกับเธอว่าได้พบฉันแล้วนั้น
..เธอจะเชื่อได้อย่างไรว่าเขาได้พบตัวตนของฉันจริงๆ
มิใช่สิ่งที่พวกเขาคิดเอาเองว่ามันคือฉัน...เธอไม่เคยได้ยินหรอกเหรอว่า..
“True Love is like ghost which everybody’s talking about...
.... but only few have seen”

ฉันก็จำไม่ได้แล้วสิว่าใครเป็นผู้กล่าวไว้..หากเขาผู้นั้นเข้าใจฉันได้ดีทีเดียว
...จงอย่าน้อยใจเลย..หากเธอยังไม่ได้มาพบฉัน
โปรดรู้ไว้อย่างว่า... ฉันไม่ได้มีบัญชีรายชื่อไว้หรอก
แต่ถึงหากฉันมีก็คงจะไม่หลงลืมชื่อเธอเป็นแน่...
ฉันแน่ใจว่า..อีกไม่นานเราคงได้พบกัน
อย่าได้พยายามตามหาฉันนัก...เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องไปพบใครอีก
แต่สักวัน...เธอกับฉันคงได้พบและพูดคุยกันเป็นแน่
ระหว่างนี้ขอให้เธอหยุดวิ่งตามหาฉัน...และดูแลตัวเองให้มากๆ
- - อย่ากังวลกับฉันนักเลย - - -
รัก

ลงชื่อ ความรัก




 

Create Date : 10 มกราคม 2549    
Last Update : 10 มกราคม 2549 16:43:13 น.
Counter : 195 Pageviews.  


ขอแสดงความเห็น
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีคร้าบ

Friends' blogs
[Add ขอแสดงความเห็น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.