ชั้นล่ะหน่ายชีวิตไฮโซ
9 โมงเช้ากับชีวิตที่ไม่เคยต้องรีบร้อนแข่งขันกับใคร
บ่อยครั้งที่ฉันเห็นพนักงานออฟฟิศ มือหนึ่งถือถุงข้าวเหนียวปิ้ง
อีกมือหิ้วโน๊ตบุ๊ควิ่งกระหืดกระหอบไปให้ทันรถไฟฟ้าใต้ดิน
สวนทางกับฉันผู้ซึ่งหอบกุหลาบขาวพันธุ์ไวท์คริสมาสต์
เดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ ออกมาจากร้านดอกไม้
เจ้าประจำแถวสุขุมวิท

กลับมาถึงก็จัดดอกไม้ นอนแช่อ่างจากุชชี่
กรีดนิ้วจับก้านแก้วไวน์จิบโรมาเน่ กองติ เปิดบอสซาโนวาชิล ๆ
ของ Lisa Ono เคล้าคลอ....อื่ม
(พวกคุณอย่าได้อิจฉาเลยที่ชีวิตนี้มันช่างสุนทรีย์จนน่ากระโดดถีบ)

ตกสายหน่อยก็จูงฝูงเกรฮาวน์ ให้มันวิ่งลากฉันถูลู่ถูกัง
ออกไปเดินเล่นหน้าบ้านเล่นเอาเหนื่อย โถคุณคะ ก็แค่พื้นที่
ขนาดสนามกอล์ฟ 9 หลุมเอง


เที่ยงก็แต่งตัวสวยออกไปชอปปิ้งที่เกษร
กว่าจะเข้าออฟฟิศก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม
นี่ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่
ก็คงเริ่มจ้องเข็มนาฬิกาเตรียมตัวกลับบ้าน
เข็มเวลาแห่งชีวิตเรามันช่างสวนทางกันเสียจริง
นี่ล่ะนะที่เค้าว่าแข่งอะไรก็แข่งได้ ยกเว้นแข่งบุญแข่งวาสนา


ถึงโต๊ะก็นั่งเซ็นชื่อในเอกสารที่ลูกน้องจัดเตรียมไว้ให้
จิบกาแฟสตาร์บั๊คไปพลาง ๆ
จิ๊บ ๆ ๆ เสียงเวอร์ตูรุ่นใหม่ล่าสุดถอยสด ๆ เมื่อวานนี้ดังขึ้น
กดรับแล้วทำไมมันไม่ยอมหยุดวะ ฉันเริ่มหัวเสีย

จิ๊บ ๆ ๆ นาฬิกาปลุกรูปนกสีเหลืองเก่าๆ ที่มีสก๊อตเทปพันรอบส่วนหาง เริ่มแผดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
"ตายห่ะค่ะ 8 โมงครึ่ง" ฉันอุทานอย่างผู้ดี

-------------------------------------------------------------


9 โมงเช้า ฉันกระหืดกระหอบมือหนึ่งหิ้วโน๊ตบุ๊คอีกมือถือถุงข้าวเหนียวปิ้ง
วิ่งผ่านหน้าร้านขายดอกไม้แถวสุขุมวิท รีบไปให้ทันรถไฟฟ้าใต้ดิน
กุหลาบขาวช่อโตยังคงส่งกลิ่นหอมอยู่ที่เดิม...













Create Date : 09 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 3:07:16 น.
Counter : 521 Pageviews.

16 comment
ลาก่อน Twiggy 2007


เรื่องนี้เขียนจากจินตนาการหลุดโลกตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงเอ็นจอยกับการกิน
จนน้ำหนักพุ่งพรวด เขียนเอาสะใจแต่เหตุใดจบแบบโศกนาฏกรรมได้หว่า


24 พฤษภาคม 2007
ลาก่อน Twiggy 2007


ไม่ไหวแล้วววว กิ๊ดดด ทำไมมันอืดอย่างนี้ฟร่ะ จากหุ่นผอมเพรียวเยี่ยงนางแบบทวิกกี้* แบนเรียบเป็นไม้กระดาน ชนิดที่ว่าพอโดนยุงกัดหน้าอกเข้าหน่อยก็ดีใจว่ามีนมขึ้น รู้มั้ยตอนนี้ฉันกำลังกลายเป็นนางแบบยุคเรอเนสซองส์ที่สวยเอิบอิ่มเกินมาตรฐานความงามปัจจุบัน ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มีหวังได้กลายเป็นคนที่ถูกลืมและตายในหน้าที่การงานชนิดไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการแน่ๆ ฉันจิบชาเอิร์ลเกรย์เหม่อมองออกไปนอกระเบียงตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง คร่ำครวญอดีตที่เคยรุ่งเรือง โดยไม่ต้องมีซิมโฟนีหมายเลขใดมาบรรเลงสร้างอารมณ์ รำลึกถึงการยอมรับด้วยสายตาชื่นชมของเหล่าดีไซน์เนอร์และสื่อมวลชน อีกทั้งแสงแฟลตที่ยิงกันมาวูบวาบยามอยู่บนแคทวอล์คจับต้องเรือนร่างให้ฉันเป็นดั่งดาวประกายแสงเรืองรองยามเยื้องย่าง รวมถึงชุดฟินาเร่อันหรูหราที่บรรดาห้องเสื้อต่างแย่งชิงกันทุกซีซั่นเพื่อให้ฉันผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีฉายาว่า "เดอะบอดี้" ตามหุ่นที่เพอร์เฟคในขณะนั้น...ได้เป็นผู้สวมใส่เดินปิดโชว์


กริ๊ง ๆ ๆ ๆ โทรศัพท์เสียงแหลมดึงฉันกลับเข้าสู่ความเป็นจริง
ต้นสังกัดโทรมาฉันรับโทรศัพท์แล้ววางหูอย่างเฉื่อยชา คุณคิดว่าฉันมีเวลามากเท่าไรกับการลดน้ำหนัก 30 กิโล ครึ่งปีเหรอ ผิดค่ะ นังต้นสังกัดที่ใจดำยิ่งกว่าพิธีกรหญิงผิวสีชื่อดังของเมกา มันขีดเส้นตายให้ฉันแค่สามเดือน หูคุณไม่เพี้ยนหรอกค่ะ สามเดือนกับการขจัดไขมัน 30 กิโล ที่เกิดจากการกินอย่างสติแตกหลังเลิกกับนายแบบหนุ่มลูกครึ่งคนล่าสุด ที่ทั้งหล่อทั้งรวยระดับมหาเศรษฐี และที่สำคัญฉันคิดจะจับเอามาทำผัวเป็นตัวเป็นตน เมื่อผิดหวังฉันก็เลยปล่อยตัวประชดชีวิตเยี่ยงบริทนี่ย์ตอนถูกผัวทิ้ง โอ้จอร์ช โอ้ซาร่า!!! ว่าแล้วก็หยิบเป๊บซี่กระป๋องกะเฟรนส์ฟรายมานั่งเคี้ยวงั่บๆๆ (ตามทฤษฏีอาหารบำบัดความเครียด) โฮๆๆ ฉันเริ่มคร่ำครวญด้วยความสมเพชและหมดความนับถือตัวเอง


เอาล่ะพอ ๆ ๆ ฉันจะต้องเข้มแข็งไว้เริ่มจากวันพรุ่งนี้ฉันจะกินอาหารทุกอย่างที่อยากกินแต่มีข้อแม้ว่าเคี้ยวแค่พอให้ลิ้นรู้รสแล้วคายออกทันที ส่วนอาหารหลักในโปรแกรมไดเอทของฉันก็คือสลัดผักห้าสีมื้อละครึ่งโล เวลาหิวระหว่างมื้อก็เคี้ยวลูกเกดทีละเม็ดช้า ๆ (เป็นเคล็ดลับที่พวกนางแบบชอบใช้กัน แต่ฉันจะพยายามอดใจไม่เทเข้าปากพรวดเดียวครึ่งถุง) พร้อมกับการเต้นแอโรบิคตามวีซีดีออกกำลังกายของซินดี้ คอฟฟอร์ด วันละหนึ่งชม. วิ่งระยะทางยี่สิบกิโลเมตรต่อวัน และที่สำคัญเครื่องดื่มของฉันต้องเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำแร่ฝรั่งเศสเท่านั้น!!! และสุดท้ายให้ตายซิถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ ฉันอาจต้องเฉือนซี่โครงทิ้งและผ่าตัดกระเพราะอาหารให้เล็กลง


สามเดือนต่อมา....ฉันกับพี่เลี้ยงกำลังไปงานเปิดตัวชอปใหม่กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อหรู ซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าหญิงแห่งโมนาโกเคยหอบหิ้วมันไปในทุกที่จนดังระเบิดในหมู่วงสังคมชั้นสูง วันนี้ฉันอยู่ในชุดกระโปรงบานสีชมพูน่ารักแบบสาวแอล วู้ด พร้อมกับหุ่นที่โทรมปาน เคส มอส ตอนติดยา แต่นั่นคือมาตรฐานความงามสำหรับพวกฉัน คุณคงแปลกใจว่าฉันทำได้ยังไงภายในสามเดือนกับการได้หุ่นที่แคระแกรนและน้ำหนักที่หายไปตามเป้าที่นังต้นสังกัดมันขีดเส้นตายให้ฉัน...เปล่าหรอกฉันไม่ได้ทำตามสูตรไดเอทที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว การอดอาหารของฉันไม่ประสบผลสำเร็จฉันไม่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ สุดท้ายฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใน รพ.แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าสร้างฝันให้คุณสวยด้วยมีดหมอ และขอร้องหมอให้ทำบางอย่างด้วยตัวเงินที่ไม่อาจปฏิเสธ...

งานเปิดตัวกระเป๋าแบรนด์หรูผ่านไปด้วยดี ทั้งไฮโซไฮซ้อต่างเต็มใจควักเงินจับจองกระเป๋ารุ่นใหม่ใบละครึ่งล้านล่วงหน้ากันเป็นปี ๆ ค่ะคุณฟังไม่ผิดหรอกครึ่งล้าน บางครั้งฉันเองยังแอบเปรียบเทียบกรุงเทพเมืองแฟชั่นเมืองสวรรค์ชั้นฟ้าที่ป้อนรายได้เดือนละหกหลักให้ฉัน กับนิวเดลีเมืองหลวงของอินเดีย ที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมันช่างห่างชั้นกันจนเทียบไม่ติด ห่างชนิดที่ว่าเหมือนคุณยืนอยู่ตรงบันไดขั้นแรกแล้วมองไม่เห็นว่าขั้นสุดท้ายมันสิ้นสุดตรงไหนนั่นล่ะ แต่ช่างเหอะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ฉันต้องใส่ใจเรื่องเหล่านั้นให้ปวดหัว อย่าลืมซิคะหน้ากากของฉันคือนางแบบแถวหน้า สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง ฉันไม่ใช่นักสงคมสงเคราะห์ผู้อารี


ในช่วงคอฟฟี่เบรคฉันก็เดินปลีกตัวออกมา เพราะไม่อยากกินของว่างที่อุดมด้วยแครอลลี่ อีกอย่างฉันเริ่มรู้สึกเวียนหัวนิดๆ อยากกลับที่พักเร็วๆ ไม่ว่าฉันจะผ่านไปทางไหนผู้คนเหลียวหลังมองประหนึ่งว่าลำคอของพวกเค้าหมุนได้รอบ 360 องศา สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่ฉันราวกับร่างกายฉันกำลังเปล่งแสงออร่า เสียงผู้คนที่เข้ามาโอบล้อมขอลายเซ็นดังจนฉันหูอื้อ ใจฉันเต้นระริกไม่เป็นจังหวะอดีตที่รุ่งเรืองและการยอมรับของฉันกลับมาอีกครั้ง ตาฉันเริ่มลาย มีบางคนเริ่มเอื้อมมือมาเขย่าแขนฉัน


ฉันอยากจะบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ฉันนะยะ ฉันเหม็นเหงื่อจะเป็นลมอยู่แล้ว ฉันพยายามขยับปากอย่างยากเย็นเพื่อบอกพี่เลี้ยงให้ช่วยกันคนเหล่านั้นออกไปแต่ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกจากลำคอ พี่เลี้ยงของเริ่มฉันร้องไห้ เธอร้องไห้ทำไมกันไม่เห็นเรอะตอนนี้พวกนี้นักข่าวต่างรุมถ่ายรูปฉันในฐานะนางแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของชาแนล เธอน่าจะดีใจกับฉัน ฉันก็แค่เป็นลมธรรมดาเท่านั้นเอง เธอน่าจะชินแล้วนะกับการที่ฉันเป็นลมวันละครั้งสองครั้ง หลังการผ่าตัดกระเพาะอาหาร อย่าขี้แยซิยะ ความจริงฉันอยากจะพูดและปลอบโยนเธอแบบที่สำนึกสุดท้ายกำลังคิด....แต่ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะฝืนลืมตาขึ้นมองหน้าเธอเลย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ออฟฟิศบริษัทนิตยาสารแฟชั่นหัวนอกแห่งหนึ่ง

"นี่ยัยกุ๊กไก่มากินขนมปังจิ้มสังขยาซิ กำลังร้อน ๆ เลย" เสียงเพื่อนสาวเรียกแม่สาวกุ๊กไก่ซึ่งกำลังนั่งเคี้ยวลูกเกดช้า ๆ อยู่ในปาก

"ไม่ล่ะ ส้มช่วงนี้ฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ เผื่อเผลอๆ จะได้ไปสมัครเป็นนางแบบกะเค้ามั่ง" กุ๊กไก่หันไปพูดเล่นติดตลก

"แหมมีให้กินก็กินไปเถ๊อะ มัวแต่ไดเอทกินลูกเกดอยู่นั่นล่ะอยากตายเหมือนนางแบบขวัญใจเธอหรือไงยะ"

กุ๊กไก่ชะงักมือที่กำลังป้อนลูกเกดเข้าปากตัวเอง "อำกันอ่ะป่าว เมื่อวานฉันยังเห็นเธอเดินหน้าเริ่ดอยู่ในงานเปิดตัวกระเป๋าคอลเลคชั่นล่าสุดอยู่เลย"

"ไม่เชื่อเหรอลองเข้าไปเชคข่าวในเวปดูนะ เฮ้อจะว่าไปก็น่าสงสารกำลังจะได้กลับเข้าสู่วงการแท้ ๆ หลังจากเงียบหายไปปีกว่าๆ ดั๊นมาตายซะก่อน เห็นข่าวเค้าว่าในกระเพาะมีแค่น้ำกับเศษลูกเกดนิดหน่อย แถมซี่โครงยังโดนเลื่อยหายไปอีกข้างละซี่ พูดแล้วขนลุก"




**หมายเหตุทวิกกี้ (Twiggy) ชื่อเต็ม ๆ คือ Twiggy Lawson ฉายา Queen of Mod 60s เธอเป็นซุปเปอร์โมเดลต้นแบบความงามของหญิงสาวในยุคนั้น และทุกวันนี้เธอยังอยู่สบายดีไม่ตายนะจ๊ะ ล่าสุดเห็นเป็นนางแบบให้ MARKS & SPENCER ฤดูใบไม้ร่วงปี 2007

ที่ต้องขยายความเพราะเคยเขียนเรื่องนี้ลงบอร์ดอื่น แล้วคนที่ได้อ่านเชคข่าวกันให้วุ่นนึกว่า Twiggy ตายแล้วจริง ๆ **




Create Date : 24 เมษายน 2551
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 3:07:58 น.
Counter : 526 Pageviews.

9 comment
1  2  

ชิฟฟอนคาปูชิโน่
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]



ชอบน้ำหอมก็เลยเปิดร้านน้ำหอมมินิเป็นงานอดิเรก เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เห็นคนอื่น Happy กับกลิ่นหอมที่ถูกใจค่ะ

*** สิทธิ์เป็นของผู้เขียน และผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านต่างๆ หากนำไปใช้รบกวนให้เครดิตด้วย จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณค่ะ***

ติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ wisa.p@me.com

@@@@@@@@@@@@@@@@@

I Am Beautiful
"ไม่สำคัญว่าใครจะมองเรายังไง
แต่มันสำคัญที่ว่า เรามองตัวเองยังไง"