Group Blog
|
"life is full of surprises"
Welcome to Hollywood! การเขียน Topic นี้ไว้ในกลุ่มเรื่องขนาดสั้นเพราะเราต้องการให้มันเป็นเพียงเรื่องที่สมมุติขึ้น ประเภทกาลครั้งหนึ่งเมื่อนานแล้ว... แต่มันก็เป็นการเขียนอีกครั้งที่ทำให้เรามีความสุข ^__^ "life is full of surprises" ถ้าวันหนึ่งคุณคุยกับคน ๆ หนึ่งอย่างถูกคอ ราวกับรู้จักกันมาแสนนานเหมือนเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยสนใจว่าเขาหรือเธอจะเป็นใครมาจากไหน จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฎจากทั้งหมดที่เราคิดก็ว่าแค่เรื่องขำ ๆ มันกลายเป็นเรื่องจริง คน ๆ นั้นอยู่สูงและไกลเกินแม้แต่จะนึกถึงคุณจะทำอย่างไร... สำหรับเราๆกลัวค่ะวิ่งหนีเลย 555 เพราะมันไม่ใช่แค่ surprises ธรรมดา แต่เป็น Big surprises ถึงได้บอกว่า Welcome to Hollywood ยังไงล่ะ!
"you sounded just like you are afraid to meet me...not because i'm a liar but you are just in awed of who i am. i want to remind you that i'm just as human being as much as you are, one day we'll die and bodies turn in to dust/ash.see? we were all the same when we born and turn to dust when we die. does this make you feel better?" "ดูเหมือนว่าการที่คุณกลัวการพบกันนั้นไม่ใช่เพราะผมเป็นคนหลอกลวง แต่คุณกลัวเพราะรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณพึงระลึกถึงในข้อหนึ่งที่ว่า เราต่างก็เป็นมนุษย์ วันหนึ่งเมื่อเราตายไป ร่างของเราก็ต้องเป็นเถ้าธุลีกลับคืนสู่ผืนดินเหมือน ๆ กัน จริงมั้ย? คนเราต่างมีจุดเริ่มต้นเหมือนกันเมื่อลืมตาดูโลกและมีจุดจบเหมือนกันเมื่อเราตาย...การคิดแบบนี้มันทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างหรือเปล่านะ?" เราไม่เคยรู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมคำลงท้ายจดหมายทุกฉบับถึงเขียนว่า "life is full of surprises" และ "ผมจะไม่อวยพรให้คุณนอนหลับฝันดี เพราะถึงอย่างไรคุณก็ต้องพบกับความจริงของชีวิตในทุกเช้าที่แสนวุ่นวาย" ถ้าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องแปลก ๆ บ้างมันก็คงน่าเบื่อเนอะ รอยร้าว
ก่อนแต่งงานใคร ๆ ก็บอกว่าเราเป็นคู่ที่น่ารัก คู่ที่มีจุดพบกันเหมือนฝัน จำวันครบรอบของเราได้มั้ยคะที่รัก
Moon River, wider than a mile, I'm crossing you in style some day. Oh, dream maker, you heart breaker, wherever you're going I'm going your way. Two drifters off to see the world. There's such a lot of world to see. We're after the same rainbow's end-- waiting 'round the bend, my huckleberry friend, Moon River and me เพลง moon river เป็นเพลงที่เราสองคนเต้นรำด้วยกันในวันนั้น มือประสานมือ ตาประสานตา ใจประสานใจ เคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับท่วงทำนอง วันเวลาผ่านไปมีเรื่องราวและผู้คนเข้ามาในชีวิตของเราสองคน แต่ฉันยังคงรักคุณเหมือนครั้งแรกรักและหวังว่าคุณก็ยังมั่นคงในรักเช่นเดียวกัน 7 สิงหาคม ฉันได้ล่วงรู้ถึงความสัมพันของคุณกับหญิงสาวที่มากกว่าหนึ่งคน เมื่อก่อนฉันเคยคิดนะคะ วันใดถ้าคุณมีใครอื่น ฉันก็จะมีเหมือนกัน ไม่ต้องไว้หน้าหรือเหลือเกียรติใด ๆ ให้แก่กันอีก แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงฉันก็ไม่อาจทำได้อย่างที่เคยคิด ความเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าได้ถาโถมเข้ามา เหมือนพายุลูกใหญ่ที่พัดเพื่อทำลายล้างทุกสิ่งก่อนจากไปแล้วทิ้งซากปรักหักพังไว้เบื้องหลัง...เราเหลือเพียงความเย็นชาต่อกันและเพลงรักที่ไม่อาจหลอมรวม 13 สิงหาคม หลังฝนตกติดต่อกันหลายวัน วันนี้เป็นวันแรกที่เห็นแสงแดดลอดผ่านท้องฟ้า ฉันเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน เปิดลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าของคุณเห็นยาวางอยู่ 3 ซอง...ยาที่ฉันคอยเตือนคุณเสมอว่าอย่าลืมทานอย่างห่วงใย ฉันมองมันด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากวันวาน... ...ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ฉันเดินออกไปยืนอาบแสงอุ่นจากดวงอาทิตย์...แต่มันกลับหนาวไปถึงหัวใจ ปลายเดือนกันยายนอาการโรคประจำตัวของคุณกำเริบและฉันกลับกลายเป็นผู้หญิงที่แสนดีของคุณอีกครั้ง คุณกุมมือฉันพร้อมน้ำตา คุณกล่าวคำขอโทษและเอ่ยปากว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครดีเท่าฉัน ฉันเอื้อมมือลูบผมที่ปรกหน้าของคุณขึ้นและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 13 สิงหาคม วันที่ฉันได้เทยาบางส่วนออกจากแคปซูล... รักคุณเสมอ เด็กชายกับลูกอมปีศาจ (base on true story) : นิทานวันหยุด
@@@@ องก์ที่ 1 ปฐมบท @@@@
ณ โรงเรียนพันทิป ห้องแป้ง 2/3 ในเช้าวันที่อากาศแจ่มใส เด็กชายงงงวย ได้เข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ และออกไปยืนกล่าวแนะนำตัวเองหน้าชั้น "สวัสดีเพื่อน ๆ ที่น่ารัก ที่เราหน้าใส เพราะเรากินปลาสลิดบางบ่อ เพื่อน ๆ คนไหนสนใจฝากซื้อได้นะ" ทั้งครูและเพื่อนนักเรียนคนอื่นที่นั่งฟังพากันไอโขลก ๆ แล้วพูดประสานเสียง ทวนกฏข้อที่ 1 ของโรงเรียน "โรงเรียนแห่งนี้ห้ามซื้อขายหรือเกี่ยวข้องกับการรับฝากซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสากกะเบือหรือเรือรบ รวมทั้งปลาสลิดบางบ่อของหนูด้วยนะจ๊ะ" แต่เด็กชายงงงวยก็ยังไม่ยอมหยุด "เราไม่ได้ขาย เราแค่รับฝากซื้อเท่านั้นเองผิดตรงไหน เพราะอยากให้ทุกคนหน้าใสโดยทั่วหน้า จะปิดกั้นเกินไปหรือเปล่า" "โกหก" เสียงนักเรียนคนหนึ่งแย้งขึ้น "นายไม่ได้รับฝากซื้อ แต่นายนั่นล่ะคือคนขายปลาสลิดปลอมตัวเข้ามาในโรงเรียนเรา นี่ไงหลักฐานเป็นคลิปนายกำลังทอดปลาสลิดหน้าเตา" "เราก็มีเหมือนกัน" เสียงเด็กนักเรียนอีกคนกล่าวเสริม พร้อมกับหยิบป้ายโฆษณาแผ่นหนึ่งออกมา "เมื่อวานเราไปหาเพื่อนโรงเรียนนานาช่า และเราเห็นโฆษณาขายปลาสลิดนี้ติดอยู่ที่รั้วโรงเรียนนานาช่าคนในรูปก็คือนาย" เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา ๆ ดังขึ้นในห้อง และได้ข้อสรุปว่าเด็กชายงงงวย ไม่สามารถรักษากติกามารยาทการอยู่ร่วมกันได้ คุณครูจึงทำเรื่องถึงครูฝ่ายปกครอง และคำตอบจากฝ่ายปกครองคือเห็นสมควรไล่ออก ให้พ้นสถานภาพนักเรียน ของโรงเรียนพันทิปอย่างถาวร (พูดง่าย ๆ ถูกยึดอมยิ้มไปแล้ว) @@@@@@@@@@ จบภาคปฐมบท @@@@@@@@@@@@ เด็กชายงงงวยหลังถูกไล่ออก และพ้นสถานภาพนักเรียนอย่างถาวรจากโรงเรียนพันทิปแล้ว โปรดอ่านอีกครั้ง "ถูกไล่ออก และพ้นสถานภาพนักเรียนอย่างถาวรจากโรงเรียนพันทิปแล้ว" @@@@ องก์ที่ 2 ชีวิตใหม่ในนานาช่า @@@@ เด็กชายงงงวยหิ้วนักเรียนกระเป๋ามาหยุดอยู่ที่รั้วสีโอลโรสสดใสของโรงเรียนนานาช่า เพื่อน ๆ และคุณครูต่างยิ้มต้อนรับแม้จะรู้ว่าเค้าถูกไล่ออกจากโรงเรียนพันทิป ข้อหาขายปลาสลิดบางบ่อ เพราะกฏของที่นี่คือ "ใครใคร่ค้า ค้า ใครใคร่ขาย ขาย ใครใคร่ซื้อ ซื้อ คุณจะตั้งราคาเท่าไรก็ได้ แต่ขออย่างเดียวห้ามโกงเงินเพื่อนนักเรียนด้วยกัน" จะว่าไปที่แห่งนี้ก็เหมือนสวนอีเดนของเด็กชายงงงวยและทุกคนที่นั่น แม้ว่าบางครั้งจะมีนักเรียน ถูกโกงเงินบ้างประปรายจากเพื่อนนักเรียนขาจร แต่ก็ยังสงบสุขอยู่ดี เด็กชายงงงวยคิดขยับขยายหาลู่ทาง เขารับลูกอมปีศาจเข้ามาขายเพิ่มนอกจากปลาสลิดฯ "นี่คือลูกอมปีศาจ เราอมไว้ในปากแล้วมันจะแตกฟู่ พอแลบลิ้นดูจะเป็นสีรุ้ง" เพื่อนนักเรียนต่างให้ความสนใจซื้อไปใช้ และพอใจกับลูกอมปีศาจ จนกระทั่งวันหนึ่งมีใครจากไหนก็ไม่รู้ คลุมหน้าคลุมตา เดินเข้าไปแปะข้อความหน้ารั้วโรงเรียนนานาช่า "ข่าวด่วน !!!! พ่อค้าลูกอมปีศาจ เด็กชายงงงวย งานเข้า คนแห่ฟ้อง สคบ. พร้อมเรียงแถวเข้าแจ้งความ" พร้อมกับใช้ชื่อ พันทิป ลงท้าย *** หมายเหตุ ท่านผู้อ่านสามารถคลิ๊กเข้าไปสัมผัสสถานการณ์จริง นอกเหนือจากนิทานของข้าพเจ้าได้ที่ //www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=nanalady&id=276943&page=1&page_limit=50 *** @@@ องก์ที่ 3 เมื่อคนจะฟ้องไม่ใช่คนซื้อ และคนซื้อไม่ได้คิดจะฟ้อง @@@ ท่านสามารถติดตามอ่านได้ที่นี่ //www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7565010/Q7565010.html ข้าพเจ้าเล่นหมดมุขเอาดื้อ ๆ ซะอย่างนั้นล่ะ เอาเป็นว่าสรุปสั้น ๆ ย่น ๆ ย่อ ๆ ก็คือ ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง นักเรียนคนหนึ่งทำผิดและถูกไล่ออก เพราะทำผิดกฎ ของโรงเรียนได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนแห่งใหม่ ซึ่งใช้กฎระเบียบคนละแบบ กับที่เดิมที่เค้าถูกไล่ออก ครูโรงเรียนเก่ามีสิทธิ์ตามไปไล่ออกจากโรงเรียนใหม่และประจาน ให้อับอายหรือไม่ ทั้งที่เพื่อนนักเรียนโรงเรียนใหม่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เมื่อโรงเรียนใหม่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็เลยไม่เล่นด้วย เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ใด้เออออให้ความร่วมมือในการร่วมรุมสะกำเด็กงงงวย ครุโรงเรียนเก่าก็เลยกลับมาที่โรงเรียนตัวเองอย่างงวยงง เพราะทางนานาช่าไม่เล่นด้วย กลับมาก็ปลุกระดมคนในโรงเรียนเก่า ให้กลับไปเล่นงานเด็กชายงงงวย (ที่ถูกยึดอมยิ้มและกลับมาตั้งกระทู้เสนอขายปลาสลิดหรือสินค้าใด ๆ ในพันทิป ณ ห้องแป้ง 2/3ไม่ได้อีกแล้ว) บันทึกจาก : คนเล่านิทาน ปล. ข้าพเจ้ามีคำถามคุณผู้อ่านหนึ่งข้อ "เข้าช่วงหน้าร้อนชอบเครื่องดื่มชนิดใดกันมากที่สุด" เอ้า อย่าทำหน้างงว่ามันเกี่ยวกับไอ้เรื่องที่เขียน ๆ มาข้างบนอ่ะหยังก๊ะ ข้าพเจ้าเพียงแค่อยากพาท่านผู้อ่านออกทะเลเท่านั้นเอง อิอิ เรื่องของฟองน้ำธรรมชาติ ที่ไม่เกี่ยวกับฟองน้ำปุกปุย
ความรู้เกี่ยวกับฟองน้ำที่น่าสนใจ
//th.wikipedia.org/wiki/ฟองน้ำ //www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7563515/X7563515.html //www.dek-d.com/board/view.php?id=785270 ณ ดาวโต๊ะเครื่องแป้งได้เกิดข่าวเด่นประเด็นฮอตที่คู่ควรกับการมาบันทึกไว้ใน blog อีกครั้ง เพราะเห็นมีการขุดพงศวดารเรื่องสมัยพระเจ้าเหา ของการแยกเวปมาจับแพะชนแกะ ให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ ซึ่งเราไม่ขอพูดถึง เพราะเคยเขียนไว้แล้ว แต่เราสนใจว่าทำไม๊ ทำไม ฟองน้ำจากทะเลที่เคยเดินดูตามห้างมันถึงได้แพง (เท่าที่เดินดูราคามาตามห้างอย่างต่ำก็ 200 up) ก็ลองหาไปอ่านดู และได้เหตุผลตามลิงค์ด้านบน ปล. ส่วนตัวผู้สังเกตการณ์ใช้แค่ใยสังเคราะห์ก้อนกลม ๆ ถูตัวก็หรูแล้ว เอิ๊ก ๆ ณ ดาวโต๊ะเครื่องแป้ง : นิทานวันหยุด
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แรกเริ่มเดิมทีบนอาณาจักรพันทิป ยังไม่มีดาวที่เรียกว่าโต๊ะเครื่องแป้ง
ย้อนหลังไปสัก 7 ปีก่อน ณ ดินแดนเพื่อนบ้านอันห่างไกลแค่พิมพ์แล้วคลิ๊ก //www.mthai.com มีกลุ่มคนที่รักสวยรักงามไปตั้งกระทู้ในกลุ่ม "เก็บตกจาก inbox" คุยกันอยู่เป็นประจำ แต่แล้วดาว mthai ก็เริ่มไม่สงบสุข เมื่อเจอผู้บุกรุกที่ตั้งหน้าตั้งตายิงโฆษณาขายสินค้าถล่มทุกกระทู้ เป็นที่สร้างความอิดหนาระอาใจยิ่งนัก ราว พศ. 2545 ชนกลุ่มน้อยผู้รักสวยรักงามบ้างก็ตั้งบอร์ดของตัวเอง ซึ่งส่วนมากมักจะสนทนากันเรื่อง ร้านออกัส แชมพูแคนตาลูป อีฟ โรเช่ กระปุกแดง ลาโรช ครีมหมักผมวัตสัน และบางส่วนก็เริ่มเข้ามายังดาว "สวนลุมพินี" ในอาณาจักรพันทิป ดาวเคราะห์ย่อย "โภชนาการและความงาม" หนึ่งปีผ่านไป ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบสุข เพราะ ณ ที่แห่งนี้แทบไม่เคยมีการถูกยิงจากโฆษณา และผู้อาศัยต่างพูดจากันด้วยมธุรสวาจา ใช้ภาษาไทย(ส่วนมาก)ถูกต้อง เป็นที่รื่นหูสบายตายิ่งนัก พศ.2546 เกิดเหตุการณ์ บึ้ม!แตกตัวเป็นโกโก้ครั๊นซ์ แยกออกจากสวนลุมพินี เนื่องจากกระทู้สนทนากัน เรื่องความสวยความงาม การลดน้ำหนัก ไปดันกระทู้ปัญหาสุขภาพกายสุขภาพจิตซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ หลักของดาวที่ไปอาศัยเขาอยู่ร่วงเร็วยังกับผีพุ่งใต้ เลยเกิดเสียงร้องอย่างไม่พอใจว่า "ออกไป๊ ออกไป๊ ออกไป๊" ^^" และในปีเดียวกันนั้นเองก็ได้เกิดดาวดวงใหม่ชื่อว่า "โภชนาการและความงาม" พศ.2546-ราวกลางปีพศ.2550 นับว่าเป็นยุคเฟื่องฟูถึงขีดสุด เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน สงบสุข ไม่ว่าจะเป็นอมยิ้มหรือบัตรผ่าน ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้อย่างเสรี แต่บางครั้งเมื่อความเสรีนั้น ไม่เคารพสิทธิ์และปฏิบัติตามกติกา ก็ย่อมเกิดกฏใหม่ นั่นคืออมยิ้มเท่านั้นที่สามารถตั้งและตอบกระทู้ ณ ดาวโภชนาการและความงามได้ (ในช่วงปลายก่อนล่มสลาย) ถ้าพูดถึงยุคทองสิ่งที่ข้าพเจ้านึกถึงเป็นอันดับแรก ก็คือ คณะบุคคลซึ่งเปล่งประกาย มีสเน่ห์ในการพูดคุยเฉพาะตัวและให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ อย่างเจาะลึกทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคุณรำเพย คุณนิคกี้ คุณแอ่น แอ๊น คุณ start now คุณลิลลี่ และอีกหลายท่านล้วนแต่อยู่ในความทรงจำทั้งสิ้น หากถามว่ายุคนั้นเคยมีการโต้แย้งมั้ย แม้ว่าจะเป็นยุคที่พูดจาภาษาดอกไม้ที่สุด แต่ก็มีและแรงซะด้วย ซึ่งข้าพเจ้าไม่อยากจดจำเลยดันจำได้แค่สองเรื่อง 1.นางฟ้าโคเซ่ 2.รักแร้ไม่ผ่อนคลาย ***หมายเหตุ เวปต้องห้าม เวปสีชมพูหรือ nanalady ซึ่งใช้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ก็ได้ตั้งขึ้นในยุคนี้เช่นกันโดยสมาชิกของพันทิปที่เห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะมีที่แลกเปลี่ยน และปล่อยของแยกไปต่างหาก รวมไปถึงเวป jeban ซึ่งฮิตติดอันดับสาวผู้รักเมคอัพ*** พศ.2550 ดาวดวงเก่าชื่อมันชักไม่อินเทรนด์ ผู้ปกครองอาณาจักรเลยตั้งชื่อใหม่ให้ว่า "โต๊ะ ญ.หญิง" ซึ่งเหล่าสมาชิกต่างพากันส่ายหน้าแล้วร้องเพลง Touch My Heart Touch My Heart ว่าชื่อนี้มันจั๊กจี้หัวใจเหลือเกิน ยังกับห้องเลสเบี้ยนและกีดกันสิทธิ เสรีภาพ ของเพศชายเกินไป เลยเกิดการโหวตเพื่อตั้งชื่อใหม่ ซึ่งคะแนนระหว่าง "โต๊ะละลายทรัพย์ VS โต๊ะเครื่องแป้ง" สูสีกันมาก แต่สุดท้ายหนึ่งเดียวที่ต้องใจมหาชนก็คือ "โต๊ะเครื่องแป้ง" แยกรัฐอิสระตั้งโต๊ะใหม่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องพิพาทกรณีใหม่ ในสายตาคนนอกอย่างข้าพเจ้า มันเป็นเรื่อง"น้ำผึ้งหยดเดียว" แท้ๆ ต่างเป็นคนดังด้วยกันทั้งคู่ เมื่อเหตุการณ์สงบลง ณ ที่แห่งนี้ก็เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สมาชิกเก่าหลายท่านประกาศอำลาดาวดวงนี้ไปอย่างน่าเสียดายยิ่งนัก ผู้คนใหม่ ๆ เดินทางเข้ามา และเป็นครั้งแรกที่เรามี "ล๊อคอินมือถือ" แต่ล๊อคอินมือถือก็อยู่ได้ไม่นาน เสรีแต่ไม่เคารพสิทธิ์และกติกาจากบางท่าน เลยพลอยทำให้ตรงกับสำนวนที่ว่าปลาเน่าตัวเดียวฯ ส่งผลให้ทุกวันนี้มีแต่อมยิ้มที่สมัครด้วยบัตรประชาชนเท่านั้นถึงตั้งตอบกระทู้ ณ ดาวดวงนี้ได้ พศ.2551 ช่วงกลางปี-ปัจจุบัน ยุคแห่งคำว่าไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม ยุคม้าระบาดเป็นพักๆ ยุคประกาศสงคราม ยุคที่คนเก่าต้องเปิดใจรับความเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรที่แห่งนี้ก็ยังคงมีสเน่ห์แห่งสีสันและความงามอยู่เสมอ บันทึกจาก : คนเล่านิทาน
|
ชิฟฟอนคาปูชิโน่
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?] ชอบน้ำหอมก็เลยเปิดร้านน้ำหอมมินิเป็นงานอดิเรก เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เห็นคนอื่น Happy กับกลิ่นหอมที่ถูกใจค่ะ *** สิทธิ์เป็นของผู้เขียน และผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านต่างๆ หากนำไปใช้รบกวนให้เครดิตด้วย จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณค่ะ*** ติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ wisa.p@me.com @@@@@@@@@@@@@@@@@ I Am Beautiful "ไม่สำคัญว่าใครจะมองเรายังไง แต่มันสำคัญที่ว่า เรามองตัวเองยังไง" Friends Blog
|