วาดฝันไว้เต็มฟ้า....ว่าสักคราจะทำให้เป็นจริง....ไม่มีใครจะได้ในทุกสิ่ง....หากจะเป็นความจริงเมื่อเริ่มทำ

พื้นที่...น้อยๆ ของคนช่างฝัน ยินดีต้อนรับค่ะ

Group Blog
 
All blogs
 
ยามเมื่อรักทักทาย Morning Love =>ตอนที่ 2 คนแรก...ใคร?



ตอน 2 คนแรก....ใคร?

เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายโลหะตามด้วยเสียงนกร้องอันเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้าร้าน รุ่งเช้าเงยหน้าจากเครื่องบดกาแฟกล่าวต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ มอร์นิ่ง คาเฟ่ ยินดีต้อนรับค่ะ ทานที่นี่หรือกลับบ้านคะ” แต่เมื่อเห็นลูกค้าชัดรอยยิ้มก็หุบฉับลงทันใด เพราะดวงหน้าที่ยื่นมาจากประตูเป็นหน้ากลมๆที่คลุมด้วยผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนซึ่งเจ้าตัวภูมิใจนำเสนอว่าสีเปลือกมะขามหวานยามสุกแต่รุ่งเช้ามักเปรียบเปรยว่าสีน้ำตามปลักควายของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยประถมศึกษาพึ่งมาแยกจากเธอและใกล้รุ่งเมื่อตอนเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยซึ่งวิรากานต์เลือกที่จะเรียนพยาบาลในสถานศึกษาที่สอนด้านนี้โดยตรง ถ้านับวงค้อนที่เพื่อนส่งมายามได้ยินคำเปรียบของเธอคงมากเท่าๆกับใบมะขามในแต่ละต้น

“ทำไมยะ พอเห็นหน้าเพื่อนแล้วหุบยิ้มเชียว” เจ้าของผมสีน้ำตามปลักควายค่อนขอด

“ก็แกไม่ใช่ลูกค้า จะยิ้มทำไมวะ ขาดทุน”

“ย่ะ ยายงก งกแม้กระทั่งรอยยิ้ม” วิรากานต์ค้อนขวับ แต่ดูเหมือนเจ้าของร้านจะไม่สะทกสะท้านกลับยิ้มรับด้วยความภูมิใจ “ลูกค้าไปไหนหมดเนี่ย จะเที่ยงแล้วนะ” หญิงสาวถามหาลูกค้าซึ่งปกติในเวลานี้จะนั่งภายในร้านอันเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศหนาตาแล้ว แต่ตอนนี้มีเพียงลูกค้าที่ดูเป็นคู่แม่ลูกนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือที่โซฟาหวายดีไซน์เก๋ซึ่งเธอไปช่วยเลือกมุมร้านเพียงโต๊ะเดียวกับเด็กวัยรุ่นอีกสามคนที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์กันอยู่ที่โต๊ะเหล็กรับแขกหน้าร้าน

“วันนี้อากาศข้างนอกเย็นแถมมีลมเอื่อยๆ ลูกค้าเลยเลือกตรงเฉลียงแล้วก็ในสวนกันหมด” รุ่งเช้าหมายถึงเฉลียงไม้เทียมข้างบ้านขนาดยี่สิบตารางเมตรเป็นซุ้มไม้ระแนงซึ่งมีต้มชมนาดเกาะเกี่ยวเลื้อยไหลไปบางส่วนอาศัยร่มจันทร์กระพ้อที่ยืนต้นบังแสงแดด กลายเป็นที่นิยมในวันที่อากาศออกเย็นเช่นวันนี้ ถัดจากเฉลียงลงบันไดเตี้ยๆสามขั้นคือสวนขนาดกะทัดรัดที่วางตัวตามแนวรั้วไปจรดประตูใหญ่ของบ้าน โดยมีต้นโมกพวงสูงเพียงไหล่กั้นอาณาเขตระหว่างร้านกับบ้านเอาไว้ ซึ่งส่วนในที่ติดทางเข้าบ้านเพื่อมีน้ำตกหินธรรมชาติขนาดย่อมที่สายน้ำตกกระทบลงกระทบสระน้ำส่งเสียงซ่านกระเซ็นของสายน้ำเบาๆ ชวนให้รู้สึกรื่นรมย์ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในป่าใหญ่ซึ่งแท้จริงอยู่ของเกือบจะใจกลางกรุงเทพฯ ลานทางเดินไปสู่โต๊ะไม้ปูด้วยแผ่นหินทรายสีน้ำตาลเข้ม ตัดกับกรวดแม่น้ำสีขาวนวล บริเวณพื้นราบปูด้วยหญ้ามาเลเซียที่เด่นด้วยใบแบนตรงกลางหักพับคล้ายหลังคาบ้านและสีเขียวอ่อน ตัดกับขอบเขตของอิฐที่ทำจากดิน พุ่มไม้นานาชนิดถูกจัดวางอย่างเหมาะเจาะซึ่งพันธุ์ไม้ส่วนมากจะเป็นไม้หอมของไทย จึงเรียกได้ว่าหากภายในร้านอบอวลด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ ภายนอกร้านก็หอมกรุ่นด้วยกลิ่นของไม้ดอกหอมนานาชนิด

“อ้อ ที่ประจำแกก็ไม่ว่างนะมีลูกค้ามานั่งตั้งแต่เปิดร้านแล้ว เสียใจด้วย” วิรากานต์ตอบรับเชิงรับรู้ก่อนจะมองไปที่โต๊ะติดน้ำตกที่ประจำของเธอซึ่งบัดนี้มีเด็กสาวสองคนจับจองแล้ว

“ไม่เป็นไร วันนี้ฉันนั่งกับแกที่เคาน์เตอร์นี่แหละ แต่เดี๋ยวเอาเสื้อผ้าไปเก็บก่อนนะ เดี๋ยวมา” ว่าแล้ววิรากานต์ก็เดินทะลุไปทางหลังร้านอย่างคุ้นชิน เพราะเธอมาที่นี่บ่อยพอๆกับกลับบ้านตัวเอง

เมื่อร่างของเพื่อนสนิทลับไป หญิงสาวก็หันมาสนใจกับกาแฟที่คั่วบดเสร็จก่อนหยิบเอาหัวชง ไปรองผงกาแฟจากเครื่องบดเมื่อได้กาแฟในปริมาณที่พอดีกับขอบหัวชงแล้ว หญิงสาวจึงเอื้อมไปหยิบเอาตัวกดหน้าเรียบมาวางบนหัวชงก่อนจะโน้มตัวเพื่ออกแรงกดอัดด้วยแขนเหยียดตึงตรงให้ผงกาแฟในหัวชงมีความสม่ำเสมอกันเพื่อให้น้ำไหลผ่านไปทั่วผงกาแฟจะได้น้ำกาแฟเข้มข้นและรสชาติดีอยู่ในระดับมาตรฐานที่ต้องเท่าเทียมกันทุกแก้ว เมื่อนำเอาหัวชงไปใส่กับเครื่องชงกาแฟระบบแรงดันเครื่องคู่ร้านที่รุ่งเช้าต้องกัดฟันซื้อมาในราคาที่สูงพอสมควรแต่เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพการลงทุนเพียงเท่านี้หญิงสาวถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับรอยยิ้มของลูกค้ายามเมื่อเจ้าน้ำสีนิลได้ผ่านลำคอเข้าไปและส่งกลิ่นหอมกรุ่นขึ้นจมูกตามมา เจ้าของร้านสาวยืนมองน้ำกาแฟที่ค่อยๆหยดผ่านหัวชงออกมาได้จนน้ำกาแฟในแบบเข้มข้นและมีฟองครีมละเอียดสีทองไหลลงแก้วตวงอันเป็นภาพที่เธอหลงใหลจนเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของร้าน Morning café แห่งนี้ จนหยดสุดท้ายของน้ำกาแฟหยดลงแก้ว หญิงสาวก็เริ่มเติมส่วนผสมอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหยิบเอาน้ำเชื่อมกลิ่นวานิลามาเติมลงไปในสัดส่วนที่พอเหมาะ น้ำสีดำที่มีคาเฟอีนเจืออยู่ธรรมดาก็กลายเป็น คาเฟ่วานิลา ลาเต้หอมกรุ่นกลิ่นวานิลารสชาติกลมกล่อมในถ้วยเซรามิคสีเหลืองอ๋อยบนจานรองสีน้ำตาลเข้ม ในขณะเดียวกันนิดาลูกจ้างที่ทำหน้าที่สารพัดก็เดินกลับมาจากการเสิร์ฟก็มาหยิบเอาถ้วยกาแฟที่รุ่งเช้าพึ่งยกขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์วางที่ถาดเสิร์ฟในมือ

“โต๊ะห้าหน้าร้านจ้า” รุ่งเช้าบอกเป้าหมายการเสิร์ฟทันทีเช่นกัน นิดายิ้มรับก่อนหมุนตัวออกไปทางที่ลูกค้าอยู่ หญิงสาวก็เดินละจากเคาน์เตอร์ตรงไปเครื่องเล่นซีดีที่ต่อลำโพงไปรอบร้านเมื่อเห็นว่าเสียงเปียโนบรรเลงเคล้าเสียงธรรมชาติหยุดไปแล้วจึงกดแผ่นเลื่อนออกมา ก่อนจะหยิบแผ่นใหม่ใส่ไปแทน เสียงบรรเลงระนาดเอกเพลงนกขะแมร์ดังขึ้นแผ่วหวานทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย วิรากานต์ซึ่งเปิดประตูเข้ามาพอดีก็ร้องทัก

“ไม่ฟังเพลงโปรดแกเหรอ” เพื่อนสนิทสาวหมายถึงเพลงที่มีเป้าหมายเป็นวัยรุ่น แต่รุ่งเช้าโปรดปราณเป็นพิเศษ (แม้อายุจะไม่ให้) ในท่วงทำนองเสียงร้องและการเอาเสียงดนตรีไทยเข้าไปผสมอยู่ด้วย ในจังหวะอาร์แอนด์บีที่ทันสมัย

“ไว้ฟังตอนเย็น ตอนนี้ลูกค้าคงชอบฟังสบายๆมากกว่า” เจ้าของร้านสาวบอกเมื่อเห็นว่าลูกค้าของตนต่างมีกิจกรรมประกอบการละเลียดกาแฟเป็นอ่านหนังสือ บ้างก็เล่นอินเตอร์เน็ตที่เธอเปิดไว้ให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า ก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่มานั่งแหมะที่เก้าอี้บาร์หน้าเคาน์เตอร์ด้านซ้าย “แกจะเอาอะไรไหม เดี๋ยวทำให้”

“เอาคาปูชิโน่เย็นมาก่อนเลย ง่วงมากลงเวรมาก็อาบน้ำเก็บของมาหาเลยนะเนี่ย”

“แล้วทำไมไม่พักซะก่อนล่ะ เย็นๆค่อยมาก็ได้” รุ่งเช้าถามขึ้นในขณะที่เปิดเครื่องบดกาแฟ

“ไม่เอา ตอนเย็นเอาไว้ฉลอง ตอนกลางวันเอาไว้เมาท์อย่างเมามัน ง่วงแค่นี้ศรีทนได้”

“จ้าๆ แม่ศรีถึก เอานี่ไปเพิ่มความถึกไป” รุ่งเช้าบอกพลางยื่นแก้วให้คนที่เรียกตนเองว่าแม่ศรีที่นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่หน้าเคาน์เตอร์ด้านข้าง แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยต่อ นิดาก็เดินกลับเข้ามา หญิงสาวจึงหันไปบอกลูกจ้างสาว

“นิดาไปนั่งพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวในนี้พี่ดูแลเอง”

“ค่ะพี่เช้า งั้นนิดาไปนั่งข้างนอกนะคะ เผื่อลูกค้าในสวนอยากสั่งอะไรเพิ่มด้วย”

“จ๊ะ” รุ่งเช้ายิ้มรับก่อนจะหันมาคุยกับที่ดูดกาแฟเย็นทำลายสิติโลกอยู่ เพราะพอเธอหันมาคาปูชิโน่เย็นในแก้วทรงสูงก็ลดลงไปอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเหลือติดก้นแก้วแล้ว

“ดื่มกาแฟเขาให้ค่อยๆจิบจะได้ซึมซับถึงกลิ่นหอม แกนี่เสียของจริงๆ” คนทำเสียของไหวไหล่ไม่สนใจคำกล่าวของเพื่อน แล้วก็นึกได้ถึงคำถามที่ใกล้รุ่งที่กำลังทำอาหารกลางวันอยู่ซึ่งเธอพบตอนเดินเอาของไปเก็บไปในบ้าน

“เห็นยายรุ่งบอกว่าแกมีอะไรจะถามฉัน ถามเรื่องอะไรวะ”

รุ่งเช้าจ้องเพื่อนแบบงุนงง “ถาม ถามเรื่องไรวะ” หญิงสาวครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนนึกออก “อ๋อ เรื่องความฝัน”

“เออ นั่นแหละ เล่ามาๆ เห็นยายรุ่งว่าแกฝันดี ฝันดีในวันเกิดนี่โชคดีนะเว้ย” วิรากานต์ทำหน้าสนใจใคร่รู้สุดฤทธิ์ ก่อนจะเดินมาเอามือเท้าเคาน์เตอร์เบื้องหน้าของอีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าเหวออยู่

รุ่งเช้ากำลังคิดว่าจะเล่าหรือไม่เล่าดี ก็มีเสียงเร่งเร้าจากเพื่อนสนิทมาจึงตัดสินใจเล่าออกไปและเหมือนเดิมเว้นช่วงท้ายด้วยใบหน้าที่รู้สึกถึงความร้อนเห่อขึ้นมา แต่วิรากานต์ที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะมาเต็มที่ชนิดที่ว่าไม่เหลือความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อยจนลูกค้าคู่แม่ลูกที่นั่งอยู่มุมร้านติดกระจกด้านหน้าหันมามองแบบงุนงงนั้นก็ไม่ได้รู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าของเพื่อนสาวเลย

“นี่แก ฉันถามจริงๆเหอะ” ผู้เป็นเพื่อนถามพลางกลั้วหัวเราะ

“อะไร”

“แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าฝันว่าถูกงูรัดมันหมายถึงอะไร” รุ่งเช้าส่ายศีรษะแทนคำตอบ ก่อนพูดต่อ

“เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับงูฉันไม่รับรู้ทั้งนั้นแหละ แค่ได้ยินชื่อก็ขนลุกแล้ว” สิ้นเสียงตอบขนอ่อนตามแขนก็ชี้ชันขึ้นทันตา “แล้วตกลงหมายความว่าอะไรล่ะ”

“แกนี่กลัวเอาจริงเอาจังซะจริง เอาล่ะ แม่หมอจะเล่าความหายให้ฟัง” ผู้ปวารณาตัวเองแม่หมอทำท่าขังขังให้สมจริง “โบราณเขาว่าไว้ ฝันว่าถูกงูรัด จะเจอเนื้อคู่ สงสัยว่าดวงเนื้อคู่แกพุ่งกระฉูดรับเบญจเพสซะล่ะมั้ง” เมื่อบอกความหมายเสร็จเจ้าหล่อนก็ทำตาวิบวับล้อเลียนเพื่อนสาวให้เขินเล่น

“บ้า” ว่าเพื่อแล้วรุ่งเช้าก็อดอมยิ้มไม่ได้ตามประสาสาวช่างฝันที่แฝดผู้พี่เคยบอกไว้

“แล้วเขาก็บอกว่า ถ้าผู้ชายคนแรกที่แกพูดด้วยของวันนี้เป็นใคร คนนั้นแหละจะเป็นเนื้อคู่แก แกได้คุยกับผู้ชายมั่งหรือยัง” รุ่งเช้าหยุดคิดตามคำบอกของเพื่อนก็ออกจะแปลกใจว่าตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่มีลูกค้าชายเลย (บังเอิญไปหรือเปล่า) ถ้าจะนับผู้ชายที่พูดด้วยในวันนี้ก็เห็นจะมีแต่พระสงฆ์ที่บิณฑบาตเมื่อเช้า แต่พอบอกไปแม่หมอก็บอกว่าไม่นับ

“งั้นก็ไม่มีแล้ว” เธอตอบก่อนจะพาพูดนอกเรื่องไปจิปาถะเพื่อรออาหารเที่ยงจากแม่ครัวใกล้รุ่ง

ร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์โดยเปลือยท่อนบนที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อสวยของหน้าอกและซิกซ์แพ็คที่หน้าท้อง ท่อนล่างสวมเพียงกางเกงวอร์มขายาวสีซีด เริ่มกระดิกตัวเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกเริ่มดังมือเรียวยาวเอื้อมไปปิดก่อนจะกระพริบตาถี่ผลุดลุกอย่างง่วงงุนเพราะพึ่งนอนไปได้เพียงสี่ชั่วโมงเศษๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นบิดกายอย่างเกียจคร้าน แล้วโผเผเดินลับเข้าไปในห้องน้ำ ช่วงเวลาเพียงอึดใจเขาก็ก็เดินออกมาโดยมีหยดน้ำเกาะพราวไปทั้งกายมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนโตเหน็บไว้หลวมๆที่เอวสอบ ชายหนุ่มเดินไปแต่งตัวในหัวก็คิดถึงสิ่งที่จะช่วยขจัดความง่วงที่จะหลงเหลืออยู่จึงเอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือมา ก่อนจะกดเบอร์ของร้านเจ้าประจำที่ช่วยเขาได้

เสียงสัญญาณครั้งที่สองยังไม่ทันจบก็มีเสียงหวานใสไม่คุ้นหูเขาซึ่งโดยปรกติแล้วจะเป็นผู้ชายหรือไม่ก็เด็กสาวที่เคยมาส่งกาแฟตอบรับ

“สวัสดีค่ะ ร้านมอร์นิ่ง คาเฟ่ค่ะ” เสียงเอ่ยชื่อร้านแสดงว่าเขาต่อไม่ผิด
“อ่าครับ อยากสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนที่หนึ่งครับ ส่งที่...” ชายหนุ่มบอกที่ที่อยู่ของคอนโดมิเนียมเขาและหมายเลขห้องพัก

“คือ ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ทางร้านของดเดลิเวอรี่หนึ่งวันค่ะ พอดีพนักงานที่ร้านติดสอบค่ะ ต้องขอประทานโทษอีกทีนะคะ”

“ครับ ไม่เป็นไร แต่ร้านยังเปิดใช่ไหมครับ” เขาตอบรับอย่างเข้าใจ

“ค่ะ วันนี้ทางร้านเปิดบริการถึงเวลาบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ”

“ครับ ไว้จะไปอุดหนุนที่ร้านแล้วกันนะครับ”

“ขอบพระคุณมากค่ะ” เสียงหวานตัดไปเมื่อเขากดวางสาย นัยน์ตาคมสีเข้มที่รุ่งเช้าเห็นคงต้องวิ่งหนีกับขนตางอนยาวราวอิสตรีเหลือบไปมองนาฬิกาเหนือโทรทัศน์จอใหญ่พบว่าเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงเวลาที่นัดไว้และที่นัดก็อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้ขับรถสิบห้านาทีก็ถึง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจย้ายที่จิบกาแฟและเช็คอีเมลล์จากระเบียงห้องพักที่จัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆฝีมือมารดา เป็นร้านกาแฟที่เจ้าของร้านซึ่งตกเป็นเป้าสายตาเขาเมื่อเช้านี้แทน เจ้าของร่างสูงหกฟุตสองนิ้วครึ่ง (ไม่ถึงสามกลัวซ้ำ อิอิ) จึงแต่งตัวต่อ ก่อนจะเดินไปหยิบแล็ปทอปก่อนจะเปลี่ยนใจเลื่อนลิ้นชักโต๊ะทำงานออกหยิบเน็ตบุ๊คเครื่องเล็กแทน แล้วเอื้อมไปหยิบเอาพวงกุญแจและกระเป๋าสะพายที่บรรจุเครื่องมือหากินทุกอย่างเอาไว้ เยื้องกายแบบเอื่อยๆแต่ไม่เชื่องช้างไปยังประตูห้องเพื่อไปยังจุดหมายของวันนี้

รุ่งเช้าโผล่หน้ามาจากด้านข้างร้านอันเป็นที่พักทานข้าวกลางวันกวักมือเรียกนิดาที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ให้เดินมาหา นิดาที่กำลังทำขนมรังผึ้งหรือวาฟเฟิลตามออเดอร์ลูกค้าจึงละมือชั่วครางสืบเท้าไปหานายจ้างสาว

“คะพี่เช้า”

“ไปทานกลางวันได้แล้วจ๊ะ อยู่กับพี่รุ่งพี่เตยหอมโน่น” รุ่งเช้าบอกลูกจ้างอย่างเอ็นดูเนื่องด้วยนิดาเป็นเด็กกำพร้าบิดาอยู่กับมารดาเพียงสองคนในห้องเช่าเล็กภายในซอยที่เธออาศัยอยู่ มารดาซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานประจำบริษัทแห่งหนึ่ง แม้อยู่ได้ไม่ลำบากแต่ก็หาความสบายได้ยาก นิดาไม่งอมืองอเท้าหางานพิเศษทำทุกอย่าง งานล่าสุดก่อนที่จะมาทำกับเธอคือเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารซึ่งเจ้าของร้านจะให้เธอเลื่อนตำแหน่งแต่ต้องเอาตัวเข้าแลก ครั้งนั้นรุ่งเช้าพึ่งเปิดร้านได้ไม่ถึงเดือนก็เห็นเด็กสาวมานั่งร้องไห้ที่หน้าบ้านสอบถามไปมาก็ได้ความดังกล่าวมา หญิงสาวจึงรับเข้ามาทำงานโดยไม่เกี่ยงงอนแม้ต้องสอนงานให้ใหม่ทั้งหมด แต่รุ่งเช้าเชื่อว่าการให้โอกาสคนคือการทำบุญที่ประเสริฐ จนเดี๋ยวนี้นิดาเป็นบาริสต้าประจำร้านมือสองรองจากเธอและการศึกษาในมหาวิทยาลัยเปิดที่ผลการเรียนของลูกน้องสาวอยู่ในขั้นดีเยี่ยม บุ้ยใบ้ไปยังตำแหน่งของโต๊ะพักสำหรับพนักงานที่มีสองสาวจับจองเจ้าอี้ไว้สองตัวจากหก

“ค่ะ พี่เช้า นิดาทำวาฟเฟิลกล้วยหอมของโต๊ะสองค้างไว้นะคะ แล้วก็มีสตอเบอรี่ สมูธตี้ โยเกิร์ตของโต๊ะเจ็ดด้วยค่ะ”

“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ” นิดายิ้มรับอย่างสดใสไม่มีรอยเหนื่อยให้เห็น แม้จากปกติในวันธรรมดาเช่นนี้จะมีพนักงานพาร์ทไทม์อีกคนคอยช่วยเสิร์ฟ พนักงานของร้านรุ่งเช้ารับเฉพาะพาร์ทไทม์ทั้งหมดซึ่งก็เป็นนักศึกษาที่พักหอพักแถวนี้ และต่างก็เคยเป็นลูกค้าเธอมาก่อนยกเว้นแต่เพียงนิดาคนเดียว

“ไม่เป็นไรค่ะพี่เช้า นิดาไม่เหนื่อย”

“จ้า รู้แล้วว่าเก่ง” รุ่งเช้าอดจะเอื้อมมือไปยีหัวทุยๆของนิดาไม่ได้ ก่อนจะแยกจากกัน รุ่งเช้ารีบเดินไปดูวาฟฟิลเพราะเสียงเครื่องดังขึ้นเตือนว่าสุกกรอบพอดีดังขึ้นแล้ว เธอใช้ที่หนีบหยิบชิ้นขนมมาวางบนจานกระเบื้องเคลือบที่สกรีนโลโก้ร้านซึ่งเธอคิดรูปแบบภาชนะอันใช้ในร้านทุกอย่างเอง เน้นสามสีหลักคือ แดง เหลืองและน้ำตาลซึ่งเป็นธีมของร้าน โดยขอความช่วยเหลือ (แกมบังคับ) แฟนของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมีทางบ้านทำโรงงานเซรามิคขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องรถม้าเป็นช่วยผลิตมาให้ตามหญิงสาวประสงค์ด้วยคำขู่ที่ว่าจะไม่ช่วยวางแผนให้เพื่อนของเธอยอมแต่งงานด้วย ก่อนจะราดด้วยน้ำผึ้งแท้ลงเป็นลายตารางแล้วยกไปเสิร์ฟด้วยตัวเอง
หลังจากยกไปให้ลูกค้าเรียบร้อย รุ่งเช้าก็หันมาทำเมนูต่อไปทันที แต่ก่อนที่เธอจะเทลงแก้วที่ตั้งรออยู่ลูกค้าโต๊ะเจ็ดก็เดินมาขอเช็คบิลพร้อมบอกว่า สตอเบอรี่ สมูธตี้ โยเกิร์ต ขอเปลี่ยนเป็นกลับบ้านแทนเพราะมีธุระกะทันหัน หญิงสาวก็ไม่ขัดข้องรีบจัดการให้ลูกค้าทันใด เพราะสิ่งที่เธอท่องไว้เสมอ ความต้องการลูกค้าคืองาน งานคือได้เงินลูกค้า หรือคติแห่งความงกที่บรรดาลูกจ้างและเครือญาติตั้งให้อันเธอได้มาตั้งแต่การทำงานที่โรงแรมซึ่งการให้บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มและเต็มใจจะเป็นสิ่งที่ลูกค้าประทับใจ พร้อมคิดเงินตามบิลที่ถูกแปะไว้บนบอร์ดเล็กหลังเคาน์เตอร์เสร็จสรรพ

“คาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว สตอเบอรี่หนึ่ง วาฟเฟิลลูกเกดสาม ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหกบาท คิดหนึ่งร้อยยี่สิบบาทค่ะ”

“นี่ค่ะ” ลูกค้าโต๊ะเจ็ดยื่นเงินให้ตามจำนวนที่เจ้าของร้านบอกก่อนจะกล่าวชื่นชม “กาแฟอร่อยและหอมอย่างที่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยบอก บรรยากาศก็ดี ไว้วันหลังจะพาเพื่อนมาอุดหนุนนะคะ” รุ่งเช้ายิ้มรับคำชมด้วยความดีใจและยื่นมือไปรับเงิน

“ขอบพระคุณมากค่ะ ถ้ายังไม่ถูกใจตรงไหนบอกได้นะคะ ทางร้านยินดีที่จะปรับปรุงค่ะ”

“ค่ะ” ลูกค้าตอบยิ้มๆก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเงินค่ากาแฟและทิปที่หยอดลงกล่องอีกทั้งความทรงจำดีๆ

เมื่อลูกค้าเดินจากไป หญิงสาวก็ทำจะทรุดตัวลงนั่งพักบนเก้าอี้สตูลทรงกระบอกสูงบุหนังสีน้ำตาลเข้มรอบตัวอันเป็นเก้าอี้ประจำ แต่ก้นยังมิทันได้แตะเบาะสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้าร้านก็ดังรุ่งเช้าจำต้องหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงห้าฟุตสี่นิ้วแล้วเอ่ยทักทายออกไป พบว่าเป็นลูกค้าที่พึ่งจะขยับตัวมาเป็นขาประจำได้ไม่นาน

“สวัสดีครับคุณเช้า” ลูกค้าหนุ่มทักทายกลับพร้อมรอยยิ้มสว่างไสว

“ค่ะ วันนี้รับอะไรดีคะหมวด” คุณเช้าของลูกค้าเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่พยายามสวย

“รับคุณเช้าได้ไหมครับ” ชายหนุ่มซึ่งแม้ใช่คนรูปหล่อ แต่หน้าตาคมคายในชุดตำรวจเต็มยศก็เรียกได้ว่าดูดีไม่น้อย ตอบกลับด้วยสำนวนที่นายพีเคยเปรียบเปรยเอาไว้ว่า หมาหยอกไก่ ซึ่งรุ่งเช้าไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่แต่ก็พยายามแค่นยิ้มออกไป

“อย่าล้อเล่นสิคะหมวดก็ จะรับอะไรดีคะ” เธอถามซ้ำแต่ในความคิดกับผลุดคำถามต่อ หรือจะรับเป็นไม้หน้าสามดีคะ

“เหมือนเดิมครับ มอคค่าเย็น 2 กลับบ้าน” สั่งเสร็จก็ใช้ศอกค้ำบนเคาน์เตอร์แล้วเท้าคางในท่าที่คิดว่าเท่ห์ที่สุดรอคอยกาแฟจากหญิงสาวที่หมายปอง

รุ่งเช้าชงกาแฟตามสูตรด้วยความรวดเร็วไม่ละเมียดละไมเช่นทุกที หลังจากเทลงแก้วพลาสติกใสสกรีนลายพร้อมพันกระดาษชำระรอบแก้วเพื่อป้องกันความเย็นในระดับหนึ่งก็ยกขึ้นวางบนเคาน์เตอร์ก่อนจะบอก “เสร็จแล้วค่ะ”

“เท่าไหร่ครับ” เขาถามราคาพร้อมกับนึกสงสัย ทำไมชงเร็วนัก

“ร้อยยี่สิบค่ะ” เขาหยิบเอาธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทและยี่สิบบาทอย่างละใบออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เจ้าของร้าน พลางถาม

“ถ้าจะสั่งไปส่งที่สถานีผมต้องโทรมาเบอร์ร้านใช่ไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้าและตอบรับเบาๆ

“แล้วถ้าโทรไม่ติด มีเบอร์ใครไหมหนอที่จะสำรองเผื่อผมอยากเลี้ยงลูกน้องที่สถานีสักหน่อย” ผู้หมวดหนุ่มส่งมุกกะขอเบอร์สาวเจ้า

“มีค่ะ เบอร์น้องพีไงคะ เขามีหน้าที่ส่งกาแฟอยู่แล้ว” ทันทีที่ได้ยินเจ้าของเบอร์มือที่เท้าคางไว้ก็ร่วงผ็อยลงแทบจะทันที แต่ยังบอกแก้เก้อต่อ

“อ่าครับ งั้นไม่เป็นไร ไว้ผมจะโทรมาให้ติดแล้วกัน กลับก่อนนะครับคุณเช้า” เจอสาวเจ้าแจกเบอร์หนุ่มแทนเบอร์ตน บริพัตรเลยจำต้องขอตัวกลับเพื่อไปตั้งหลักใหม่

รุ่งเช้าหลุดขำออกมาทันทีที่ลับร่างผู้หมวดหนุ่มที่พึ่งย้ายมาประจำสถานีตำรวจซึ่งตั้งอยู่ปากซอย ก็พ่อหนุ่มนาม ‘พี’ นั้น ตัวเป็นชายร่างสูงโปร่ง จมูกโด่ง ขาวจั๊วะ หน้าใสกิ๊กจนลูกค้าสาวที่แวะเวียนมาที่ร้านอยากจะเป็นกิ๊กด้วยหลายรายนั้นใจเป็นหญิงแต่โปรดปราณการดำรงตนและแต่งกายให้ดูมาดแมน เทียวไล้เทียวขื่ออยู่ทุกคราที่อีกฝ่ายมาซื้อกาแฟ แม้เธอจะคอยปรามด้วยเกรงจะรบกวนลูกค้า แต่หนุ่มหน้าใสก็ให้คำรับรองว่าจะแทะโลมด้วยสายตาเท่านั้น




Create Date : 29 มีนาคม 2553
Last Update : 29 มีนาคม 2553 21:34:09 น. 1 comments
Counter : 279 Pageviews.

 
ทำไมกาแฟลูกค้ากลุ่มแรกมันถูกงั้นล่ะ
แต่ของผู้หมวดสองแก้วร้อยยี่สิบแล้วอ่ะ
ฮ่าๆๆ
พี่ก็ชอบมอคค่าน๊า เข้มข้นดีผสมโกโก้ด้วย

ว่างๆ แวะไปเสริฟที่บ้านด้วยนะคะ


โดย: ThaMN วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:20:43:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระปุกปุยเมฆ
Location :
มหาสารคาม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากใจ...

"เพียงพอใจ" เป็นนิยามของชีวิตในตอนนี้

..........................................

อยากเป็นอะไรมากมาย อยากทำอะไรตั้งเยอะ
แต่ไม่ได้ทำซักอย่าง เพราะอะไร...ไม่รู้
ทว่าก็ยังหวังจะทำต่อไป...

..........................................

เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ(รึเปล่า??) ที่ฝันจะมีรถซักคัน
มีกล้องซักตัว ตะเวนไปทั่วไทย
ใช้ปลายนิ้วพิมพ์พรมลงแป้นพิมพ์
ร้อยเรียงอักษรจรรโลงความสุขสู่ใครหลายๆคน

..........................................

เคยเป็นนักอ่าน(และยังอ่านอยู่) แต่ฝันว่าจะเป็น"นักเขียน" และตอนนี้ก็ยังพยายามอยู่ แม้หลายคนเมื่อบอกมักได้คำตอบว่า ไร้สาระ แต่ก็ไม่เป็นไร ความไร้สาระที่ช่วยจรรโลงใจ...ยินดีที่จะทำ


ให้กำลังใจด้วยนะค้า...

..........................................



Friends' blogs
[Add กระปุกปุยเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.