Group Blog
 
All blogs
 
ในอ้อมกอด... (จำไม่ได้แล้วว่าใคร FWM มาให้ แต่โดนสุดๆ)

...ในอ้อมกอด...



ในวันแต่งงานของผม  ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน  รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา  เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า  ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน  ดังนั้นผมจึงทำตาม  เธอเขินอายในอ้อมแขนผม          
      ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก... นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...       เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น... ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...

     
ทุก ๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน  ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน  ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก... แต่แล้วความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

      เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน... เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง.. หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก... ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน ถวิลหา... คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม... ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า  วันที่คุณประสบความสำเร็จ  ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา... ผมเริ่มรู้สึกลังเล... ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม... แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว.... ผมปลีกตัวออกจากเจน “วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ ผมต้องเข้าออฟฟิศ ”   ... แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก  
เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะไปด้วยกัน... ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....ทั้งที่จริงๆ แล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

     
แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม.... ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด... เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน... จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก... ทุก ๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี  ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน... หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์.... มองเรือนร่างอันงดงามของเจน... ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

      วันหนึ่งผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน... เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...ผม นึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร วันหนึ่งภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี... พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก...   เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ....  เธอเหมือนจะรับรู้มันได้...  
แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆ กับพนักงานทุกคน....แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น






      ในที่สุด...เจนก็บอกกับผมว่า...หย่ากับเธอ(ภรรยาของผม)น๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า.... ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบ ๆ...ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก...แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...ผมต้องการหย่า...เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น... เธอร้องไห้ อย่างหนัก... ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...

     
ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...ทุก ๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด.... เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้น...แล้วฉีกมันทิ้ง...มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือนเป็นการปลดปล่อยความสับสนของตัวผมเอง...หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม..ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริง ๆ เสียทีคืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อนข้างดึก...เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย...ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...แต่เธอต้องการให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปกติ...ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..เธอไม่อยากให้ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะมาถึง...รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...ชั้นมีเรื่องขอร้อง...ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน  ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

      ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม... เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...  คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....
             
     
เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...ลูกชายเราตบมือ  แล้วพูดด้วยความดีใจว่า ว้าว... วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

      วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

     
ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...

      ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น  ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...  ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย
     
     
และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..  ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..ผมลังเลเล็กน้อย..แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...ผมบอกเธอว่า เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม คุณสบายดีหรือเปล่า 
     

    เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ... ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้ หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูกให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่... เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้.... พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....ผมให้เธอเขียนว่า...ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่ 

 





Create Date : 29 มกราคม 2554
Last Update : 29 มกราคม 2554 4:42:53 น. 18 comments
Counter : 1678 Pageviews.

 
ได้อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า...โดนเหมือนกัน
จิตใจคนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ นะ
ความจริงแล้วผู้ชายเป็นเพศที่มีความอ่อนไหวทางด้านจิตใจมากกว่าผู้หญิงเยอะมากๆๆ
แต่สิ่งที่กลบเกลื่อนซ่อนไว้ได้คือ ร่างกายที่แข็งแรง และคำว่าว่าผู้ชายเท่านั้นเอง


โดย: n..cream วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:8:37:27 น.  

 
พี่ยังไม่มีคนมาอุ้ม ไม่มีคนมากอด ไม่อยากมีแล้วด้วย
ตอนนี้มีคนให้กอด มีคนให้อุ้มแล้ว

ชื่นใจทุกวันเชียว

หุหุ


โดย: ปันฝัน วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:12:52:45 น.  

 






Have a nice day




โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:13:31:53 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:5:27:33 น.  

 
อีกสักรอบนะหนูนะ

พี่จะบอกว่าโอกาสที่เราจะได้เลี้ยงลูกนะ อุุุ้้มลูกกอดลูกมีแค่ 3 ปี แรกเท่านั้นนะ
หลังจากนั้นโตแล้วมันก็ไม่ยอมให้อุ้มแล้ส อายุ 28 ไ่ม่มากรหอก ไว้รอ 32 แบบพี่แล้วค่อยคิดอีกที

หุหุ เรามีลูกแล้วนะ สิงคโปร์ใกล้นิดเดียวเองนะ แต่ไปแล้วต้องห่างสามี ห่างลูก

เป็นตายพี่เชื่อว่าอิพ่อมันไม่ยอมให้หนูเอาลูกไปหรอก
แล้วมั่นใจเหรอว่าครอบครัวจะเป็นครอบครัว
พี่มาบ้านแค่ 2 เดือน พ่อมันก็ไปจดทะเบียนกะอีกคนแล้ว


พี่ว่าหนูเก่ง ที่ลาออกจากงานเก่ามาอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่เลี้ยงลูกมันก็เครียดและไม่มีสัีงคม
มันคนละสังคมกับคนที่ทำงาน
ผู้หญิงก็จะหมดทางไปเื่รื่อย ๆขณะที่สามียังเหมือนเดิม

ไม่รู้จะพูดว่าไง เสียเดินเงินเดือนเหมือนกัน แค่สิงคโปร์ มียาบ้าเม็ดเดียว โดนไป 20 ปี นะจ๊ะ
ยาพารายังพกไม่ได้เลย
กฏหมายเขาเข้มแข็ง

...
เอ้อ พี่มาคิดถึงความเป็นไปได้ที่หนูจะทิ้งนิ้งและเนี๊ยบไปเมืองนอก 0 % จ้า ดูถูกมากไปปะนี่

แต่สำหรับพี่แล้วได้อยู่กะลูกนี่คุ้มสุด ๆ เลยละ



โดย: ปันฝัน วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:8:43:34 น.  

 
เข้ามาอ่านเรืองราวซึ้งๆของความรักแบบนี้ แล้ว อยากให้ อิสามี ได้อ่านจัง แต่เสียดาย อ่านภาษาไทยไม่ออก อย่าว่าแต่ อ่านเลย ฟังยังไม่ออก แต่เวลา พี่บ่น หรือ ว่าเขาเป็นภาษาไทย ดันรู้อีก แล้วก็ถาม ว่าเมื่อกี๊เธอว่าอะไนชั้น อิอิ พี่เลยบอกว่า ปล่าว ชั่นแค่ชม ว่าคุณน่ารัก อิอิ แต่เขาก็ไม่เชื่อหรอก แล้วก็ทำท่าค้อนประหลับปะเหลือกว่า เห็นชั้นฟังไม่ออกละสิ เลยแอบด่าชั้นน่ะ อิ อิ ก็จริงอะดิ อยากไม่พยายามหัดพูดหัดเรียนภาษาไทยทำไมล่ะ
น้องหนู จะได้งาน ดีดี ทำ หลังจากคลอด ลูกได้ไม่ถึงเดือนเหรอ อืม มม คิดอีกทีก็เสียดายงานเนอะ แต่ก็สงสารลูกยังเล็ก แต่มันก็มีหลายเหตผลให้คิด ถ้าสำหรับตัวพี่ พี่ไม่ใช่คนรวยก็แค่คนหาเช้ากินค่ำ และเคยทำงานบริษัทมาก่อน ซึ่งลาพัก ร้อนได้แค่ เดือนครึ่ง หรือเทียบกับคนอื่นเขาก็ลาได้แค่ ไม่เกินสามเดือน หากงานที่ได้มันเป็นงานดี เงินดี และน้องหนูชอบงานนี้ พี่อยากแนะนำให้ทำนะ แต่ว่าจะคุ้มกันใหมกับค่าจ้างเลี้ยงลูก ถ้าคุ้ม หรือ ต่อไป งานจะก้าวหน้ากว่านี้ ก็ควรเลือกทำงานนะ เพราะที่เราทำก็เพืออนาคตของลูก ๆและครอบครัว หากแฟนทำงานหาเงินคนเดียว แล้วเราช่วยอีกแรง ก็คงดีกว่าเนอะ แต่ก็ต้องถามแฟนน้องหนุด้วยว่าเขาจะให้ทำใหม ถ้าอยากทำก็นึกเสียว่า คนทำงานบริษัทปกติก็ลาได้แค่ ไม่เกินสามเดือน
อืมพูดมาพูดไปพี่ก็สับสนเหมือนกัน สงสารน้องนิ๊ง ให้น้องหนูลองคิดว่า งานแบบนี้ หากไม่ทำตอนนี้ ต่อไปหากพร้อมที่จะทำ มันจะมีให้อีกใหม บางที โอกาศ มันก็มากับความไม่พร้อม ทำให้เราต้องตัดสินใจ เลือกเอา
ถ้าหากแฟนรวยล้นฟ้าอย่างดารา เราคไม่ต้องคิดนานเนอะ แต่เราไม่ได้รวยเหมือนเขา (พี่ก็เหมือนกันแหละ ) เราเลยต้องเลือกว่า งานกับ ลูกเลือกอะไรดี ดูอย่างหน่อย บุษกร มีคนตื๊อให้แสดงละคร หลังจากคลอดลูกได้ หกเดือนเขายังไม่เอาเลย บอกทนคิดถึงลูกไม่ใหว แต่นั้นเพราะเขารวย เคนทำงานคนเดียว ก็ได้เยอะแยะ รวยแล้ว เขาเลยไม่ค่อยสนใจเรืองเงิน

พี่เปรียบเทียบ น่าเกลียดไปใหมนี่

หากน้องหนูเลือกงาน และคิดว่างานจะก้าวหน้า อย่างน้อยกลับมาตอนเย็นก็ได้เห็นหน้าลูกทุกวัน เอ หรือจะเลือกลุก พอลูกโตหน่อย แล้วค่อยหางาน โอ๊ยยย พี่พูดเอง งง เอง น้องหนูลองเอาเหตผลไปลองคิดดูแล้วกันเนอะ พี่แสดงความเห็นมากไปเดี๊ยว หาว่าเราใจดำยุให้ทิ้งหลานเล็กๆ ไป ทำงาน

แต่พี่ก็ยินดีนะจ๊ะ ที่จะให้คำปรึกษา แต่พี่ก็แนะนำ ตามที่สมอง เล็กๆพี่คิดออกนะ


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:9:28:09 น.  

 







โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:12:20:59 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:6:53:55 น.  

 
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วโดนจริงๆด้วย
คงต้องเอาใจใส่กันให้มากขึ้นกว่านี้นะ


โดย: แม่นุช+น้องภู (Pibhu ) วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:10:32:59 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ
ใกล้ถึงเวลาแล้วขวัญเลยแวะมาถามว่าแล้วหลังคลอดจะย้ายเลยหรือป่าวคะ
หรือว่ายังพักหลังคลอดอยู่ที่นี่เหมือนเดิม
ขวัญจะส่งของไปให้น้องแต่กลัวไม่ถึงอีกคราวนี้จะโทรไปถามก่อนท่าจะดีกว่าเนอะ

อยากเห็นหลานสาวแล้วค่ะ
ส่วนพี่ชายฝากจุ๊บเหมือนเดิมนะคะ


โดย: ในความอ่อนไหว วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:10:34:38 น.  

 
พี่กะจะกลับ กลางเดือนมีนาจ้า อยากอยู่สัก สองเดือน แต่อิแฟนจะให้อยู่แค่สองอาทิตย์ อยู่ทำแป๊ะอะดิ สองอาทิตย์ ตดไม่ทันหายเหม็นเลย (เปรียบเทียบแบบบ้านนอกๆ ) พี่เลยต้องต่อรอง ทั้งออด ทั้งอ้อนสารพัด ไม่รุ้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า ก็ตั๋วเครืองบินสองแม่ลูกก็เกือบเจ็ดหมื่นเข้าไปแล้ว ขออยู่นานๆ จะได้คุ้มกับค่าตั๋วหน่อย
พี่ก็อยากเจอ น้องเนี๊ยบเหมือนกันจ้า ไม่แน่เราอาจนัดพบกันก็ได้เนอะ พี่ว่าจะไปหาเพือนที่ บางพลีด้วย มันเพิ่งคลอดลูกเป็นผู้หญิงเมืออาทิตย์ก่อนนี่เอง แล้วน้องหนคลอดเดือนใหนจ๊ะ


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:10:46:18 น.  

 
น้องหนูทำไมใจดีน่ารัก แบบนี้ พี่อ่านจบถึงตอนที่บอกว่าจะไปรับที่สนามบิน ซึ้งใจมากมายเลยยย อึ้งซึ้ง บอกไม่ถูกตัดสินใจไม่ผิดเลยที่สมัครบล๊อคแก๋ง ได้เจอคนดีดี ใจดีๆ น่ารักๆๆแบบนี้ แต่กว่าพี่จะกลับ น้องหนูคงใก้ลคลอดแล้วแน่ๆเลย หรือ ถ้ากำหนดการเลื่อนเป็นปลายเดือนมีนา น้องหนูคงคลอดก่อนแน่ เลย แต่พี่ต้องขอขอบใจ จากใจจริง มากๆเลยน๊ะจ๊ะ สำหรับน้ำใจที่จะมารับพี่ ที่สนามบิน พี่คิดว่าพี่อยากไปหาน้องหนูหลังจากที่คลอดแล้วดีกว่า จะได้เห็นหน้าหลานสาว ตัวน้อยด้วย ดีใจจ๊ะ เจ้าเนี๊ยบ จะหวงน้องหรือเปล่าหนอ หุ หุ


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:40:00 น.  

 
พี่ว่าน้องหนูคงนิสัยคล้ายๆพี่แหละ พี่ชอบพูดเสียงดัง เสียงห้าวๆ ปนทองแดง(ถ้าแหลงภาษากลางนะ 555) พูดจาตรงๆตรงมา ใครฟังดูเสียงแข็งๆ แต่ความจริงแล้วไม่มีเลย ขำๆ ฮาๆ ตามประสา พี่มีพี่สาวสี่คน แต่บางทีก็รำคาญเหมือนกันแหละ พวกมันชอบยืมตังแล้วไม่คอ่ยคืน เซ็งปน รำคาญ แต่ก็รักนะพี่เรา แต่บางทีโมโห เห็นเงินฉานเป็นกระดาษรึไงฟะ สุดท้ายสายเลือดตัดกันไม่ขาด หนี้ที่ยืมไปก็พยายามลืมๆ แล้วก็คุยกันเหมือนเดิม แต่พอพี่หลายโกรธซักพัก ก็ยืมอีก เฮ้อออ เป็นลูกคนเดียวก็ดีเหมือนกันนะไม่วุ่นวาย คนเราได้อย่างเสียอย่างเนอะ


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:49:36 น.  

 
น้องเนี๊ยบตื่นรึยังน้อ
พี่หมิงหมิงยังสลบเหมือดอยู่เลยครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:55:31 น.  

 







โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:00:49 น.  

 
น้องหนูทายถูกแล่้วจ้า หากกลับไทยก็จะลงเครืองทีสุวรรณภูมิน่ะแหละ

เราคงจะได้เจอกันนะ อยากเห็นน้องเนี๊ยบด้วย น้องนิ๊งด้วย อิอิ

วันนี้มาแบบสั้นๆ ง๊วงง่วง ปรั๋วไม่อยู่นอนซะดึกมาหลายคืนแล้ว


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:28:31 น.  

 
นานแล้วไม่ได้มา

สบายดีนะครับ

ตอนนี้ต่อมือถือมา เน็ตยังเน่าอยู่เลยครับ

เหอๆๆ


โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน.. (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:2:51:02 น.  

 
ชอบจังค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ


โดย: getjibadgirl วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:03:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

konmeechai
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ถ้าชีวิต ได้ทุกอย่าง ดั่งที่หวัง
สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน
ได้บ้าง เสียบ้าง ช่างประไร
ได้แค่ไหน เอาแค่นั้น แลท่านเอย.

Blog นี้ทำขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราว
ของน้องเนี๊ยบกับน้องนิ้ง ลูกๆ สุดที่รัก
ของพ่อชัยกะแม่หนู รวมทั้งเป็นการแชร์ประสบการณ์
ที่ผ่านมาของเจ้าของ Blog เอง

เจ้าของ Blog ขอขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ไม่เม้นส์ ไม่เป็นไร
แต่ขอให้ผู้ที่เข้ามาอ่าน ทำใจให้เป็นกลาง
เพราะบางเรื่อง-บางครั้งสิ่งที่เล่าลงไป
อาจจะไม่ถูกใจใครเท่าไหร่นัก

และสุดท้ายเจ้าของ Blog ขอขอบคุณ
ทุกๆ ของแต่ง Blog ที่ได้ไปหยิบยืมมาใช้
Blog ของเราคงเป็น Blog ที่ถูกใจไปไม่ได้
หากไม่ได้โค๊ด หรือ ของแต่งจากพวกคุณ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ




New Comments
Friends' blogs
[Add konmeechai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.