Group Blog
 
All blogs
 

การอยู่ร่วมกันคงไม่มีความหมาย ถ้าเราต่างไม่ "ยอม" กัน

~ไม่มีคู่รักคู่ไหน "ไปกันรอด" หรอก ถ้าไม่รู้จักยอมกันและกัน
การอยู่ร่วมกันก็จะเป็นได้แค่ความฝันที่ "เคยสวยงาม" เท่านั้น
พอถึงวันหนึ่งที่เราไม่ทันระวังตัว
ความจริงที่โหดร้ายก็จะมา กระชากความฝันของเราจนขาดวิ่น
"อนาคต" ของการอยู่ร่วมกันเท่าที่เห็น
ดูจะมีแต่ความทุกข์นี่ละมั้ง ที่ชัดเจนกว่าเรื่องอื่นๆ
มีคนไหนบ้างที่กล้าบอกว่า "ฉันจะขอเจ็บปวดแบบนี้ไปเรื่อยๆ"
ฉันคิดว่าคงไม่มีหรอก

~~ผู้ชายบางคนบอกว่าเขาจะ "ยอม" ทำทุกอย่างให้ "ดีที่สุด"
ก็ต่อเมื่อเขาแต่งงาน หรือได้อยู่กินกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น เขาสัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเลย
เท่ากับว่า...ตอนนี้เขาต้องการที่จะมีชีวิตอิสระ
ถึงเขาจะมีแฟนอยู่แล้ว...ก็ยังต้องการ "ช่องว่าง" สำหรับตัวเองอยู่ดี
ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกนะ ที่ผู้ชายที่มีแฟนแล้วยังคงชอบ "ทำตัวโสด"
มันเหมือนกับว่าเขาเอาแต่ใจตัวเอง (โดยที่เขาไม่รู้ตัว)
และไม่ห่วงความรู้สึกตัวเองเลย
~~~ผู้ชายอาจจะลืมคิดไปว่า
ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะทนพฤติกรรมเฉยชาของเขาได้ จนถึงวันแต่งงาน
มันต้องมีผู้หญิงบางกลุ่มที่ไม่แคร์ และบอกตัวเองว่า "ฉันหาได้ดีกว่านี้อีก"
เรื่องอะไรจะต้องมาอดทนกับความฝันลมๆ แล้งๆ
ที่ไม่มีวันสัมผัสได้จริงๆ แบบนี้อีกล่ะ เหนื่อยก็เหนื่อย ท้อก็ท้อ
ความมั่นใจก็ไม่มี จะไว้ใจแต่ละที ก็แสนจะทำใจลำบาก
~~~~ถ้าเราเข้าใจตรงกันได้ว่า การอยู่ร่วมกัน
ไม่ได้ต้องการแค่ "มองเห็น" ความสำคัญของคนรัก
แต่ต้องทำให้เห็นด้วยว่าเขาสามารถ "ให้ความสำคัญ" กับคนรักได้จริงๆ
อย่าปล่อยปละละเลย อย่าทำให้คนรักของเราต้องมีความรู้สึกขึ้นมาเองว่า
"ทุกอย่างกำลังดิ่งลงเหว" ไม่อย่างนั้นคงอยู่ร่วมกัน "ลำบาก"
ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีผลร้ายแรง ไม่ต่างจากมะเร็งร้าย
ที่ค่อยๆ ทำลายชีวิตของเราทีละน้อยๆ ถ้าไม่ตัดก้อนเนื้อร้ายนั่นออก
แน่นอนว่าทุกอย่างพัง...ความรักก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีก
~~~~~การเข้าใจทำได้ ทำได้ไม่ยาก
แต่ต้องอาศัยความหนักแน่น จริงจัง จริงใจ
ที่จะบอกความต้องการของตัวเองออกไป
ไม่บังคับ ไม่ฝืนความรู้สึกของกัน ชัดเจนกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
แชร์ปัญหาให้ตรงจุด ว่าต้นเหตุและทางแก้มีวิธีไหนบ้าง
ที่ทั้ง 2 คนพอจะทำกันได้ แล้วทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดี
~~~~~~พอไม่มีใคร "ต่อต้าน" ใคร ความสงบสุขก็บังเกิด
ถ้ายอมเสียสละให้กันได้ มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
การให้ บางทีก็มีความสุขกว่าการได้รับ
ต้องลองเป็นฝ่ายให้บ่อยๆ แล้วจะชินกับการเป็นผู้ให้
จะได้รู้ว่ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่คนรักกัน "ยอม" ทำให้กันได้
ผลตอบแทนที่ได้รับกลับมามันไม่ใชแค่ความสุข
แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการ "อยู่ร่วมกัน" ที่ดูมีความหมาย และจริงจังมากขึ้น
~~~~~~~ลำพังตอนนี้...
ถ้าไม่สามารถทำให้การอยู่ร่วมกันมัน "ดีขึ้นกว่าที่เป็น" ได้
ก็อย่าฝืนต่อไปอีกเลย
เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหน "กล้า" ฝากชีวิตไว้กับ
คนที่อยู่ด้วย แต่ไม่มีความสุข




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2553 4:20:16 น.
Counter : 912 Pageviews.  

ฉันไม่ใช่ของตาย ที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ

กว่าจะจีบผู้หญิงสำเร็จ ผู้ชายก็แทบจะก้มกราบเท้า อ้อนวอน งอนง้อ
ขอให้ผู้หญิง "ยอมมาเป็นแฟนของผมด้วยเถิด"
เขาทำได้สารพัดเพื่อเอาใจ
ต่อให้การกระทำเหล่านั้น "ไม่ใช่ตัวตน" ของเขาจริงๆ
เขาก็ยอมเป็น ยอมเปลี่ยน เพราะอยากให้ผู้หญิงรับรัก
แต่พอได้มาแล้วแทนที่จะมองเห็น "คุณค่า"
กลับมองว่าเป็น "ของตาย" ที่หันกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอ


 

ผู้หญิง...ถ้าได้รักใครแล้ว ก็มักจะ "ฝังใจ" อยู่กับคนนั้น
ความรักของเธอจะเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว(ไม่มีใครมาห้ามได้ด้วย)
ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งแสดงออกถึงพลังแห่งความรัก
มีเท่าไหร่ก็จะทุ่มเทไปหมดเท่านั้น
พอผู้ชายได้ความรักมากๆ ก็ "ได้ใจ"
และคิดว่าตัวเองมีความสำคัญมากที่สุด
ถึงเวลานั้นจะทำอะไรผู้หญิงก็ได้..จะใส่ใจ หรือไม่ใส่ใจวันไหนก็ไม่เป็นไร
เพราะเขารู้ว่ายังไงๆ เราก็ยัง "รัก" และ "ซื่อสัตย์" กับเขาเหมือนเดิม


 

ทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ
ถ้าวันหนึ่งผู้ชายเริ่มออกนอกลู่นอกทาง
แม้ต้องเจอกับเรื่องหนักใจ
แต่เมื่อ "รักไปแล้ว" ผู้หญิงก็ต้องอดทดและยอมรับ
โดยไม่รู้ตัวว่าบัดนี้ได้ครองตำแหน่ง "ของตาย" ไปโดยปริยาย
แม้จะไม่เต็มใจ แต่ผู้ชายก็เข้าใจว่าผู้หญิงเป็นอย่างนั้นไปแล้ว
จะมาเรียกร้องอะไรจากเขาตอนนี้ ก็จะโดนหาว่าทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญซะอีก


 

หากมาถึงขั้นนี้แล้ว..จะปล่อยให้แย่ลงก็คงไม่ได้แล้ว
ถึงเวลาที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ต้องออกมาปกป้องตัวเอง
และแสดงพลัง "สวยเลือกได้" ให้ผู้ชายได้ประจักษ์
อย่าทำให้เขามองเราเป็นแค่ "ตัวเลือก" ที่นับวันจะเก่าและเริ่มขึ้นสนิม
คำว่า "ของตาย" กับคำว่า "คนรัก" ไม่ควรมีความหมายเดียวกัน
ถ้าเขารักเราจริงๆ เขาจำไม่มองเราเป็นของตายแบบนี้หรอก
ลองคิดว่าเป็นตัวเราเอง หากเรารักใครสักคนจริงๆ
เราก็ไม่ยอมเสียเขาไปง่ายๆ หรอกจริงไหม
เราจะเอาใจเขา จะรักเขา จะใส่ใจดูแลเขาเป็นอย่างดี
เชื่อว่าเราต้องทำทุกวันให้มีความหมาย
เพราะเรารู้ว่า ถ้าปล่อยให้เขากลายเป็นคน "ไร้ค่า" เมื่อไหร่
เขาก็คงไม่เลือกที่จะอยู่กับเราแน่นอน
คนที่ "ใส่ใจ" เขาได้ "ดีกว่า" ย่อมน่าสนใจและอยากอยู่ใกล้
มากกว่าคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นกัน


 

หากตอนนี้เขากำลังทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นอยู่
ถามว่า "มีความสุขไหม" ถามว่า "รับได้ไหม"
ถ้ารับได้...ถามว่าจะรับได้ "อีกนานแค่ไหน"
การที่คนเราจะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่น มันทำได้ยาก
แต่ถ้าหันมาเปลี่ยนมุมมองและเปลี่ยนความคิดตัวเอง "ง่ายกว่า" ตั้งเยอะ
การยอมเป็น "ของตาย" ให้คนที่ล้อเล่นกับความรัก มันเสียเวลาเปล่า
ไม่มีประโยชน์สักนิดที่จะซื่อสัตย์ กับคนที่ไม่ยอมแลกความซื่อสัตย์คืนกลับมาให้เรา
คนรักกัน...แม้แต่นาทีเดียวที่ห่างกัน เขาก็สามารถทำให้เรารู้สึกว่าเรา "มีค่า" ได้
แต่หากทุกวันที่คบกัน แล้วยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้มองเห็นความสำคัญของเราเลย
ก็ต้องกลับมาคิดใหม่ว่าเราจะยอมทำตัวเป็น "ของตาย" ของเขาต่อไปเพื่ออะไร


 

หากบวก ลบ คูณ หาร แล้วมันไม่คุ้ม กับความรักดีๆ ที่เราให้ไป
ก็ทวงมันคืนกลับมาดีกว่า
จะทำอะไรก็ทำให้ "ชัดเจน" และ "จริงจัง" ไปเลย
บอกให้ผู้ชายได้รู้ว่าบนโลกใบนี้ก็ยังมีผู้หญิงที่ไม่ไร้สติ
ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงก็ "ฉลาดพอ"
ท่าอ่านออกว่า คนไหนดี คนไหนเลว
ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศให้ใครต่อใครได้รู้ว่า
"ฉันไม่ใช่ของตาย"
คราวนี้ไม่ว่าผู้ชายจะหันกลับมารอบที่เท่าไหร่ ก็คงไม่เจอ




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2553    
Last Update : 18 สิงหาคม 2553 20:10:49 น.
Counter : 14030 Pageviews.  

ฉันให้ไม่พอ...หรือเธอขอมากไป

     คนที่คบกันมานาน ย่อมมีมุมมองและประสบการณ์ที่กว้างกว่าคนที่เพิ่งคบกัน
เรื่องที่จะมา "ใจแคบ" กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ะไม่มีทางซะหรอก
เพราะเมื่อผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก็รู้ด้วยประสบการณ์ว่า ถ้าไม่ "มองผ่าน" เลย ไปเสียบ้าง
มันก็จะกลายเป็นปัญหาที่ลงเอยด้วยการเลิกรากัน ยกเว้นว่า...
การทำใจกว้างๆ ไม่ได้ทำให้อีกคน "สำนึก" ว่ามีลิมิตได้แค่ไหน ก็คงต้อง ออกมา "วีน" กันซะบ้าน
เพื่อให้คนที่ไม่เคยพอทั้งหลาย ได้ตื่นมาพบกับความจริงเสียที
     เรื่องที่เคยเอาหูไปนา เอาตาไปไร่น่ะ ทำมาจนชินแล้ว
แม้จะแอบระแคะระคายมานิดๆ หน่อยๆ ว่าแฟนเรามันเข้าข่ายไม่น่าไว้วางใจก็เถอะ
มีตำแหน่งเป็น "แฟนเบอร์หนึ่ง" ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไร ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมา
เราก็จะเป็น "ฝ่ายถูกเสมอ" ด้วยเหตุนี้จึงดำเนินชีวิตอยู่อย่างสงบ ไม่ไประรานใคร


     แต่ถ้าอยู่ดีๆ ดันมี "มือที่ 3" โผล่เข้ามาในชีวิตของเรากับแฟน
***ไม่แนะนำให้อยู่เฉยๆ แล้วทำเป็นทองไม่รู้ร้อนหรอกนะ ถ้าเข้าขั้นนี้มันเหมือนการดูถูกกัน
ถือว่าที่ผ่านมาเรา "ใจกว้างมากพอ" แล้วนะ เรา "เต็มที่" และแฟร์กับเขาสุดๆ แล้วนะ
แล้วทำไมเราต้องมารับชะตากรรมที่น่าสมเพชแบบนี้ด้วย
     มันเเหนื่อยนะ ถ้าการที่เราทุ่มเทเพื่อใครสักคนด้วยความจริงใจ
แต่กลับได้รับการตอบแทนที่ "เลวร้าย" กลับมา
เราเองก็ไม่คิดหรอกนะว่ามันจะยากขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังต้องมาเจอเรื่องมือที่สาม
มีการแก่งแย่งกันอีก ยิ่งรัก ก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งต่อสู้ ก็ยิ่งอ่อนแรง
หรือว่าทุกอย่างกำลังดำดิ่งลงสู่ก้นเหวที่ไม่มีวันสงบสุขได้อีก ตราบใดที่ยังคบกับคนที่ไม่รู้จักคำว่า "พอ"


     ไม่มีใครอยากเป็นคนที่ล้มเหลวเรื่องความรักหรอก ทุกคนล้วนอยากประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น
บางคนจึงยอมที่จะ "อดทน" อย่างใจเย็น
บางคนจึงกล้าที่จะทำเป็นไม่รู้ เพื่อไม่ให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
แต่ความพยายามจะไม่มีค่าอะไรเลย หากคนที่เราพยายามเข้าใจ
เป็นคนที่มีแต่คำว่า "แสวงหา" อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
     การปรากฎตัวของหญิงสาวคนที่หนึ่ง สอง สาม และคนอื่นๆ ที่ตามมา
เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่มัดตัวผู้ชายได้ดีที่สุด
"คนดี" โดยความเป็นจริงแล้วต้องเป็นคนที่คิดดี และทำดี
เขาคงไม่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองรักแน่ๆ
***ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว...คงเป็นหน้าที่ของเราที่จะตัดสินใจอย่างไร
ความรักที่ล้มเหลว บางทีมันก็เป็นจุดเริ่มใหม่ๆ ที่จะนำเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ก็ได้
แค่อย่ากลัวว่าการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น มันจะทำให้เราสูญเสียความมั่นใจไปทั้งหมด
เพราะสุดท้าย...ชีวิตเราก็เป็นของเรา เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของตายให้ใครมาย่ำยี
และศักดิ์ศรีก็ไม่ควรถูกโยนทิ้งเพื่อคนที่ไม่เห็นค่า
     หากเขาไม่ "เปลี่ยน" ตัวเอง เพื่อจะลอง "ปรับ" เข้าหาเราบ้าง เราก็ไม่จำเป็นต้องไป "ใจกว้าง" เพื่อใครอีก
อย่าลืมว่าสุดท้าย ชีวิตเราก็เป็นของเรา
"ถ้าเขาไม่พอ คงต้องเป็นเราเอง ที่บอกตัวเองให้พอได้แล้ว"




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2553    
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 8:25:52 น.
Counter : 781 Pageviews.  

เหนื่อยมั้ย?.....สิ่งที่เธอทำอยู่




บางที "ความไว้ใจ" ก็เป็นเรื่องที่ "น่าอันตราย" สำหรับผู้หญิง
คนที่มองอะไรๆ ในแง่ "ดี" นี่แหละ ที่มักตกเป็นเหยื่อของคน "ร้ายๆ" โดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงที่ "ไว้ใจแฟน" และไม่เคยคิดทางลบว่าแฟนจะแอบนอกใจ มักเจ็บปวดเสมอ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง และมันก็จะ "เหนื่อย" ถ้าเราไม่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรง
พอจะต่อสู้กับความ "ร้ายกาจ" ของผู้ชายได้
ในความเป็นจริง...มันไม่ได้เหนื่อยแค่คนเดียว
คนที่ได้รับผลกระทบก็เหนื่อย คนที่ลงมือสร้างผลกระทบก็เหนื่อย
คิดง่ายๆ ถ้าผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็น "ของตาย" เมื่อไร
เขาก็จะยิ่ง "ได้ใจ" คิดว่าเราอยู่ในกำมือ
ต่อให้เขาหายไป 3 วัน 7 วัน เขาก็มั่นใจว่า พอกลับมา เราก็จะยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
ผู้ชายที่เจ้าชู้แบบเปิดเผย มักจะชอบมองว่าแฟนตัวเองเป็นของตาย
ยิ่งเขาเป็นคนหล่อ หน้าตาดี ไปไหนก้อมี่แต่คนมอง มีแต่คนให้ความสนใจมากกว่าคนอื่นๆ
เขาก็ยิ่ง "สนุก" กับการผจญภัยในโลกที่มีแต่เพศตรงข้ามล้อมรอบ
แม้ว่าเขาจะรู้ตัวเขาเองว่า "มีเราอยู่" ในใจก็ตาม แต่การที่เรามีคุณค่าอยู่แค่ในใจของเขา
ก็ไม่สามารถห้าให้เขา "หยุด" อยู่ที่เราได้ ตราบใดที่เขายังออกตามล่าต่อไป
เราก็จะค่อยๆ ตายไปจากความรู้สึกของเขา ทีละน้อยๆ
คนรักกันถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วมอบความสุขให้กันบ้าง มันก็ไม่ต่างอะไรกับความรัก
ที่เป็นได้แค่ "คำๆ หนึ่ง" ถ้ามันไม่ได้มีอยู่จริงๆ มันก็ยิ่งสร้างบาดแผลให้กับคนที่ "รอคอย" อย่างมีไม่วันจบสิ้น
ที่เขาว่ากันว่าผู้ชายเหมือนสัตว์ป่า ที่รักการไล่ล่าเป็นชีวิตจิตใจเห็นทีจะเป็นเรื่องจริง
แม้บางคนจะไม่ได้ไล่ล่าเพื่อเอามาครอบครอง แต่มันก็เป็นการทำลายความรู้สึก
ของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอยู่ดี จะมีใคร "ปลี้มใจ" ได้บ้าง ถ้าต้องยืนดูแฟนตัวเองออกไล่ล่า "คนอื่น" อยู่ตลอดเวลา
.....อยากให้ผู้ชายรู้ว่า.....
อย่าปฎิเสธเลยว่าตัวเองไม่ "เหนื่อย" กับการออกไล่ล่า
แม้มันจะ "สนุก" และเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นขนาดไหนก็ตาม
เมื่อกลับมาแล้วเจอคนที่ตัวเองรัก ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำลงไป จะยังรู้สึกสนุกอยู่อีกหรือป่าว
หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะ
ถ้าคนที่ถูกมองว่า "เป็นของตาย" กลายเป็นตัวเอง จะรู้สึกยังไง
คนรัก...ควรเป็นคนที่เรามองเห็นคุณค่ามากกว่านั้น ถ้าเมื่อไรที่เรามองไม่เห็นความสำคัญ
ของคนที่เรารัก เราก็ไม่มีวันมองเห็นหัวใจของตัวเอง อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไป
แล้วค่อยนึกขึ้นได้ ควร "ทำดี" กับคนรัก ในทุกวินาทีที่มีโอกาส แล้วความรักที่มีอยู่
จะเป็นความรักที่แข็งแรง และไม่มีใครต้อง "เหนื่อยใจ" อีกต่อไป...





 

Create Date : 08 สิงหาคม 2553    
Last Update : 8 สิงหาคม 2553 0:15:40 น.
Counter : 780 Pageviews.  

ความรักของเรา...อยู่ได้ด้วย"ความรัก" หรือ "ความอดทน"

อดไม่ได้จริงๆ ที่จะ "สงสัย" ในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนรัก
ว่าตกลงตอนนี้เรา 2 คนอยู่กันด้วย "ความรัก" จริงๆ หรือเปล่า
เพราะเอาเข้าจริงๆ น้ำหนักระหว่างความรักกับ "ความอดทน" มันฉิวเฉียดกันแบบตัดสินไม่ได้
บทจะรักก็รัก แต่บทจะต้องเจ็บปวดเพื่อที่จะทนอยู่ต่อไปมันก็คล้ายจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
จะให้ไว้ใจความสัมพันธ์ที่แสนจะคลุมเครือแบบนี้ก็คงทำใจไม่ไหว
ในเมื่อ "ไว้ใจ" ไม่ได้ ก็ต้องหาทางไขข้อสงสัยให้มันรู้กันไปเลย


การที่ใครคนหนึ่งยอม "ทน" อยู่เพื่อใครอีกคนหนึ่ง
แน่นอนว่าย่อมมีความรักเป็นพื้นฐาน ถ้าไม่รัก ก็คงไม่มานั่งทนรับมือกับสารพัดปัญหาแบบนี้หรอก
สู้ไปเดินสวยๆ เริดๆ เชิ่ดๆ หยิ่งๆ ไม่ดีกว่าหรอ
ไม่ใช่ว่าไม่เห็นค่าของความรักนะ แต่ก็เพราะฟุ้งซ่านกับมันมากไปนี่สิ
ทำให้ต้องมาปวดหัวกับพฤติกรรมของแฟน ที่เดี๋ยวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างเช่นทุกวันนี้
จนเราเองก็ตามไม่ทัน แถมพ่อตัวดียังทำให้เรารู้สึก "ไม่ค่อยมั่นใจ" อยู่เรื่อยว่าความรักของเรามันจะไปรอดไหม


ในมุมของผู้หญิง เรามีเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนกับผู้ชายหลายอย่าง
ทั้งเรื่อง ความติสต์แตก เดาอารมณ์ไม่ถูก นิสัยเจ้าชู้ กะล่อนปลิ้นปล้อน ชอบมีลับลมคมใน
ไม่โรแมนติก ทำตัวไว้ใจไม่ได้ เอะอะก็หาว่าผู้หญิงจู้จี้ ทำตัวน่ารำคาญ ฯลฯ
ทำให้ผู้หญิงอย่างเราถึงกับรู้สึกน้อยใจ บางคนทนไม่ไหวก็แอบไปร้องไห้คนเดียวเงียบๆ
เสร็จแล้วก็เช็ดน้ำตา กลับมาตั้งหน้าตั้งตา "อดทน" ใหม่อีกรอบ


ในมุมของผู้ชาย ก็มีนิสัยของผู้หญิงที่เขาไม่ชอบ และตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับผู้หญิงอย่างเราๆ เหมือนกัน
เช่น ความเจ้ากี้เจ้าการของผู้หญิง ชอบจับผิด ชอบทำตัวเป็นนักสืบ ถนัดในการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
เวลามีปัญหาอะไรก็ร้องไห้ และชอบคิดมากเกินไปเสมอๆ (แบบว่ามีจินตนาการสูงอะนะ)

พอต่างคนต่างมีเรื่องที่ต้อง "อดทน" แต่ไม่พยายามที่จะทำความ "เข้าใจ" กัน
ความรักก็เลยไม่ชัดเจนอย่างที่เคยเป็นในตอนแรก
เหมือนกับว่ายิ่งเราพยายามมองหา "ข้อเสีย" ของอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ทำให้เราลืมมองเห็น "ข้อดี" ที่เขามี
กลายเป็นว่าเราเริ่มไม่เชื่อใน "ส่วนดี" ของคนที่เรารัก แต่เรายอมเชื่อในสิ่งที่เรา "คิดว่าเขาจะเป็น"
จนทำให้เราไม่สบายใจเสียเอง


ไม่ว่าความรักของเราจะอยู่ได้ด้วย "ความรัก" หรือ "ความอดทน" ก็ตาม
อย่าลืมว่าองค์ประกอบของความรัก มันก็ต้องมีความอดทนรวมไว้ด้วยอยู่แล้ว
เราจึงควรมองไปข้างหน้า มองออกไปไกลๆ แล้วจะรู้ว่าอนาคตมันยังอยู่อีกไกล
จะเดินไปถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แต่อย่าทอดทิ้ง "ความหวัง" อย่าลืมพก "กำลังใจ" ติดกระเป๋าไปด้วยทุกที่
ในการเดินทางบนเส้นทางแห่งความรัก มันมีบททดสอบยากๆ เกิดขึ้นเสมอแหละ
ถ้าเรารู้จักทบทวนอดีตที่ผ่านมาของเรา เราจะรู้ว่าบางคนที่เราเคยสูญเสียเขาไปมันก็เพราะเรา "อดทน" ไม่มากพอ
ความรักต้องใช้ความอดทนสูงมากในบางครั้ง หากเรา "ใจเสาะ" เกินไป
มันก็ยากที่เราจะอยู่ในสนามแห่งความรักนี้ได้อย่างมีความสุข


เราเท่านั้นที่จะตอบตัวเองได้ดีที่สุดว่า
เรามีแค่ความรักให้กัน หรือเรามีแค่ความอดทนให้กัน
แต่ไม่ว่าจะรักด้วยความรัก หรือรักด้วยความอดทน
ถ้ามันทำให้เรามีความสุข...นั่นก็อาจเป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2553    
Last Update : 7 สิงหาคม 2553 13:56:27 น.
Counter : 11421 Pageviews.  

1  2  

konmeechai
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ถ้าชีวิต ได้ทุกอย่าง ดั่งที่หวัง
สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน
ได้บ้าง เสียบ้าง ช่างประไร
ได้แค่ไหน เอาแค่นั้น แลท่านเอย.

Blog นี้ทำขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราว
ของน้องเนี๊ยบกับน้องนิ้ง ลูกๆ สุดที่รัก
ของพ่อชัยกะแม่หนู รวมทั้งเป็นการแชร์ประสบการณ์
ที่ผ่านมาของเจ้าของ Blog เอง

เจ้าของ Blog ขอขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม ไม่เม้นส์ ไม่เป็นไร
แต่ขอให้ผู้ที่เข้ามาอ่าน ทำใจให้เป็นกลาง
เพราะบางเรื่อง-บางครั้งสิ่งที่เล่าลงไป
อาจจะไม่ถูกใจใครเท่าไหร่นัก

และสุดท้ายเจ้าของ Blog ขอขอบคุณ
ทุกๆ ของแต่ง Blog ที่ได้ไปหยิบยืมมาใช้
Blog ของเราคงเป็น Blog ที่ถูกใจไปไม่ได้
หากไม่ได้โค๊ด หรือ ของแต่งจากพวกคุณ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ




New Comments
Friends' blogs
[Add konmeechai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.