Part8ของเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร(น้ำเน่า)
พอมาถึงกรุงเทพฯฉันตัดสินใจกลับมาบ้านหาแม่อีกครั้ง แม่เห็นลูกของฉันจึงใจอ่อนยอมให้ฉันกับลูกและผู้ชายคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ในบ้านตอนนี้มีน้องสาวย้ายออกมาจากบ้านตาเพื่อมาอยู่กับแม่ด้วย ฉันอยู่ได้แค่ไม่นานก็มีปัญหากับน้องสาวและแม่อีก ฉันฝากลูกชายไว้กับแม่แล้วก็ไปหางานทำกับผู้ชายคนนี้ ฉันได้เจอเพื่อนของเขาซึ่งเพื่อนของเขาก็พาฉันและผู้ชายคนนี้ไปรู้จักกับพี่ชายของเพื่อน พี่ชายของเพื่อนเขาดีมากๆ เขาขายของที่สะพานพุทธเขาช่วยฉันโดยการให้ฉันได้ดูแลร้านของเขาที่สะพานพุทธหนึ่งร้านให้ค่าจ้างวันละ300-350บ.ต่อวัน ส่วนผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกฉันได้ค่าจ้างวันละ300บ.มันน่าจะไปได้ดี แต่ว่าเพื่อนของเขาเป็นคนขี้เกียจมีนิสัยชอบเอาเปรียบฉันและคนอื่นๆเราได้ค่าจ้างเท่าๆกันทุกคนซึ่งตอนนั้นมีคนทำงานในร้านประมาณ5-6คน ทุกคนโดนเพื่อนเขาเอาเปรียบจนไม่มีใครชอบ ต่างพากันรังเกียจเขาโดยเฉพาะฉันเกลียดมันมากๆ ฉันต้องอาศัยอยู่ร่วมบ้านกันทั้งหมด5-6คน ตั้งแต่ผู้ชายคนที่เป็นพ่อของลูกฉันเจอกับเพื่อนเขาคนนี้ รวมทั้งคนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในบ้านพฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์ร้อนมากขึ้น เป็นคนไม่มีเหตุผล พูดจาอะไรก็ไม่เข้าใจ อธิบายให้ตายยังไงก็ไม่ยอมฟัง ฉันทะเลาะกับเขาหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งฉันจับได้ว่าพวกมันทั้ง5-6คนนั้น ติดยาเสพติด ฉันจึงตัดสินใจหนีพวกมันออกมา วันที่ฉันออกมาฉันจำได้ว่าฉันทะเลาะกับผู้ชายคนนี้อยู่ริมถนนหน้าร้านขายของที่สะพานพุทธ มันพูดจาด่าทอฉัน ฉันรู้สึกเกลียดมันมากและคิดอย่างเดียวว่าเลิกกับมันไปเลยดีกว่าถ้าจะต้องอยู่กับมันไปอย่างนี้ ฉันตัดสินใจทิ้งร้านนั่นแล้วก็กลับบ้านไปหาลูกของฉันที่ฝากไว้กับแม่ ฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้แม่และคนอื่นๆฟังเพราะไม่อยากให้แม่ต้องเครียดไปกับฉัน ฉันบอกกับแม่ว่าฉันจะไม่กลับไปขายของที่นั่นอีก แม่บอกให้ฉันหางานทำที่มันเป็นหลักอีกหน่อยลูกต้องเข้าโรงเรียนต้องใช้เงิน ฉันเชื่อแม่และตัดสินใจหางานทำโดยไม่กลับไปที่นั่นอีก แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้ก็ยังหน้าด้านหน้าทนกลับมาบ้านฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่บ้านฉันไม่มีใครรู้เรื่องเพราะฉันไม่ได้เล่าให้ฟัง มันขอโอกาสกับฉันกลับตัวกลับใจจะหางานใหม่ทำและจะไม่กลับไปพบกับคนพวกนั้นอีก ฉันมองหน้าลูกหลายๆครั้งแล้วก็สงสารลูกไม่อยากให้ลูกมีปมด้อยว่าไม่มีพ่อ ฉันจึงให้โอกาสมันได้แก้ตัวอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ยังหางานทำไม่ได้ ส่วนฉันได้งานทำที่บริษัทแห่งหนึ่ง ฉันทำงานในตำแหน่งฝ่ายบัญชี ซึ่งเป็นที่ทำงานที่ฉันทำมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนผู้ชายคนนี้เขาก็ขับแท๊กซี่ไปก่อนเพื่อรองานที่สมัครไว้ จนสุดท้ายเขาได้งานทำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ยานพาหนะ แต่สันดานก็ไม่เปลี่ยนความที่เขาเป็นคนขี้เกียจ ชอบโกหก ชอบเกี่ยงงาน ทำให้เขาเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องออกจากงานอีก เป็นอย่างนี้ตลอดเวลาเขาเปลี่ยนงานมาเกือบ10ที่ เขาให้เหตุผลสารพัดว่างานไม่ดีบ้าง เพื่อนร่วมงานไม่เข้าใจบ้าง 108พันปัญหา สารพัดเหตุผลที่เขาเอามาอ้าง ทุกครั้งที่เขาลาออกจากงานฉันต้องรับภาระหนักมากๆ ฉันกลายเป็นคนมีหนี้สินเยอะแยะรัดตัวเพราะต้องหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว ไหนลูกจะเรียนหนังสือแล้ว ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายทุกอย่างฉันต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้โดยที่ไม่เคยปริปากบอกใครๆเลยในครอบครัว ว่าตลอดเวลาฉันกล้ำกลืนฝืนทนกับคนๆนี้แค่ไหน ฉันเบื่อกับมันเต็มที ตอนนี้ฉันพร้อมแล้วกับการที่จะไม่มีมันอีกในชีวิต ฉันเริ่มสงสารลูกอีกว่าถ้าขืนเขามีพ่ออย่างนี้ต่อไปเขายิ่งเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เพราะพ่อของเขาไม่เคยให้ความรักหรือความอบอุ่นกับเขาเลย ตรงกันข้ามเป็นคนเกรี้ยวกราด โมโหร้าย ไร้เหตุผล ขี้เกียจ และชอบเอารัดเอาเปรียบฉันกับลูกเสมอ ไม่มีความรับผิดชอบหรือความเป็นผู้นำเลย
Create Date : 18 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2555 15:01:40 น. |
|
2 comments
|
Counter : 565 Pageviews. |
|
|