คุยไปเรื่อย มีเรื่องอยากแชร์
Group Blog
 
All Blogs
 

ซื้อประกันผ่าน DirectAsia ถูกกว่าจริงหรือ ลองเช็คค่าเบี้ยดูเสียหน่อยดีกว่า

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อสินค้าออนไลน์มากๆ เพราะมีความสะดวกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการได้เลือกสินค้าที่หลากหลายกว่า มีโอกาสเลือกผู้ขายได้หลายเจ้าเพื่อเปรียบเทียบราคาและการบริการ นั่งอยู่หน้าจอสบายๆ ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่หรือร้านค้าให้เหนื่อย หลายครั้งกว่าจะฝ่ารถติดไปได้ พอไปถึงกับไม่เจอของที่ถูกใจเสียนี่ และบ่อยครั้งไปดูของที่หน้าร้านมาแล้ว แต่ได้มาเจอของชิ้นเดียวกันในร้านค้าออนไลน์ที่มีราคาถูกกว่ากันพอสมควรเลย

ก่อนหน้านี้มีของบางประเภทที่ผมยังไม่ค่อยสนใจที่จะซื้อผ่านออนไลน์เท่าไร เช่น พวกเสื้อผ้าหรือรองเท้า เพราะรู้สึกว่าอยากที่จะได้ลองก่อน แต่หลังๆ มานี้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อหรือรองเท้าก็มักจะซื้อผ่านออนไลน์ด้วยเหมือนกัน เพราะคนขายเขาก็มีวิธีวัดไซส์ที่ชัดเจน เสื้อหรือรองเท้าแบบไหนที่อยากได้อยู่แล้ว เป็นแบบที่อยู่ในใจอยู่แล้วก็จะซื้อผ่านออนไลน์เลย

เรื่องความกังวลในการจ่ายเงินหรือบริการหลังการขายของร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ผมว่าก็ไม่น่าห่วงสักเท่าไร ขอเพียงตรวจสอบในเบื้องต้นให้ดีว่าร้านนั้นๆ ดูน่าเชื่อถือ เพราะในโลกออนไลน์หากร้านไหนบริการไม่ดีแล้วล่ะก็ จะถูกเผยแพร่ในวงกว้างบนโซเชียลเน็ตเวิร์กเร็วมาก ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน 

สินค้าอีกประเภทที่ต่อไปผมคงจะต้องซื้อผ่านออนไลน์ด้วยเหมือนกันคงจะเป็นประกันภัยรถยนต์ จะซื้อกับที่ไหนน่ะเหรอ แน่นอนก็ต้อง DirectAsia.com ประเทศไทยน่ะสิ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าตอนนี้มาทำหน้าที่เป็น blogger ให้กับที่นี่หรอก อีกทั้งก็ไม่ได้ส่วนลดอะไรพิเศษด้วย (จะว่าไปเขามีส่วนลดพิเศษให้ไหมนะ ไม่ได้ถามเหมือนกันแฮะ)

ไหนๆ มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยทั้งที ถ้ารถตัวเองต้องต่อประกันก็คงต้องซื้อกับที่นี่แหละ ถึงแม้เบี้ยจะแพงกว่าก็ตาม ว่าไปแล้วก็แนะนำคนอื่นเข้าไปเช็คเบี้ยประกันกับที่นี่อยู่ทุกวัน วันนี้เข้าไปเช็คเบี้ยรถตัวเองดูเสียหน่อยดีกว่า

วิธีการและขั้นตอนในการเช็คเบี้ยประกันนั้นไม่ยุ่งยากเลย กรอกข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีการผูกมัด หรือมัดมือชกใดๆ ทั้งสิ้น และไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ www.directasia.co.th แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิกที่เมนู “ประกันภัยรถยนต์”

2. คลิกปุ่ม “เช็คเบี้ยประกันทันที”

3. คลิกปุ่ม “ยืนยัน”

4. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จะทำประกันภัยและข้อมูลเบื้องต้นของเจ้าของรถตามที่ปรากฏบนหน้าจอให้ครบถ้วน เสร็จแล้วคลิกปุ่ม “เช็คเบี้ยประกันทันที”


เพียงเท่านี้ก็จะทราบแล้วว่าถ้าซื้อประกันภัยผ่าน DirectAsia.com ประเทศไทย รถของเราจะต้องเสียค่าเบี้ยต่อปีเท่าไร โดยมีประเภทให้เลือกทั้งประกันภัยรถยนต์ประเภท 1, ประเภท 2+, ประเภท 3+, ประเภท 2 และประเภท 3 พร้อมมีเงื่อนไขความคุ้มครองของแต่ละประเภทให้ดูอย่างชัดเจน

ในส่วนของประเภท 1 ตรงเงื่อนไขความคุ้มครอง “ค่าความเสียหายส่วนแรก” จะมีให้เลือกว่าหากมีอุบัติเหตุต้องการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกหรือไม่ หรือต้องการเสียเท่าไร การเลือกตรงนี้ก็จะมีผลกับค่าเบี้ยประกันภัยด้วย

ผมเองถ้าซื้อประกันประเภท 1 แล้ว เวลามีอุบัติเหตุก็อยากชิวชิว สบายๆ ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายอะไรอีกลองเลือกที่ (0) คือไม่จ่ายค่าความเสียหายส่วนแรก ค่าเบี้ยจะสูงกว่าเลือกที่จะจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรก แต่ในกรณีของผมก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่าเบี้ยยังถูกกว่าที่เคยซื้อกับที่อื่นนะ

ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องของค่าคอมมิชชั่นตรงนี้แต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะแนะนำให้ผู้ที่เข้ามาอ่านบทความได้รู้จักและลองเช็คเบี้ยประกันกับ DirectAsia.com ประเทศไทยดู ถูกกว่าหรือแพงกว่าคุณย่อมรู้และเห็นด้วยตัวเองอยู่แล้ว หากมีที่อื่นที่ถูกกว่าคุณย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือก ส่วนบริการด้านอื่นๆ เช่น การเคลม หรือการติดต่อกับอู่ประกันในเครือ บริการดีหรือไม่อย่างไร ถ้ามีโอกาสผมจะช่วยตรวจสอบ ทดลองใช้บริการ และมาแนะนำให้ได้ทราบกันต่อไป




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2557 23:06:17 น.
Counter : 5943 Pageviews.  

Rat Look - สนิมสไตล์ เท่จุงเบย

การ Wrap รถเพื่อเปลี่ยนสีรถหรือทำลวดลาย หรือพ่นสีลอกได้ก็ไปเสาะหาถามผู้รู้มาแล้ว ไปขอความรู้ไปดูเขาทำมาแล้ว แต่มีการตกแต่างสีทำลายรถอีกแบบที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ การทำสีสนิม สนิม ใช่แล้ว พิมพ์ไม่ผิด


เห็นการแต่งรถแนวนี้มาสักพักแล้ว ไม่คิดมาก่อนเล้ยจริงๆ ว่าเขาฮิตกันด้วยแฮะแบบนี้

นึกย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้วมีรถเก่าๆ อยู่คันหนึ่ง KE10 รุ่น 4 ประตู สภาพเดิมๆ กริ๊บๆ เลย ชิ้นส่วน คิ้ว อะไหล่ตัวถังอยู่ครบๆ ตอนนั้นราคาค่าตัวไม่กี่บาท คนไม่ค่อยเห็นค่า แต่ความชอบส่วนตัวเห็นแล้วถูกโฉลกก็เลยซื้อมาใช้อยู่พักหนึ่ง แต่มีเหตุให้ต้องขาย 

เวลาผ่านไป ตอนนี้คนหันมาเล่นเรโทรคาร์ KE10 สภาพสวยสู้คันที่ผมเคยมีไม่ได้แต่ราคาแพงกว่า 3 เท่า โอ้แม้เจ้า เซ็งจุงเบย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของเรื่องที่จะคุยในตอนนนี้

เรื่องของเรื่องแค่อยากจะบอกว่า ตอนนั้นที่ใช้ KE10 สภาพสีโทรมๆ ตามอายุ เพราะสีเดิมอายุ ณ ตอนนั้นก็สามสิบปีกว่าแล้ว ดูมันเก่าจัง ดิ้นรนอยากจะทำสี ทำไมสีสนิมสีเก่าๆ แบบนี้ไม่ฮิตตั้งแต่ตอนนั้น ...ขอบ่นหน่อย



เข้าเรื่องดีกว่า 
เกิดสนใจเรื่องสีสนิมขึ้นมา เลยติดต่อผู้รู้เข้าไปนั่งคุยขอความรู้ดูผลงานเสียหน่อย 

ได้ความว่าการแต่งรถแบบเนี้ยฝรั่งเขาทำกันมาก่อน สักสิบกว่าปีแล้ว บ้างก็เรียก Rusty บ้างก็เรียก Rust Look บ้างก็เรียก Rat Look ก็ Rat ที่แปลว่าหนูนั่นล่ะ ประมาณว่าสื่อให้เห็นว่าเป็นการแต่งรถแบบกรังๆ เก่าๆ โทรมๆ อะไรทำนองนั้น แต่จะให้ง่ายก็เรียก "สนิม" นี่แหละ คำเดียวเป็นอันเข้าใจตรงกัน

แต่การแต่งรถสไตล์สนิมมีหลายแบบนะ ไม่ใช่ว่าจะมีแบบสนิมแดงๆ แค่นั้น จะทำให้ออกมาเหมือนสัมฤทธิ์ที่เป็นสนัมเขียวๆ ก็ได้ หรือทำให้สีรถซีดๆ เหมือนจอดตากแดดตากฝนไว้นานจนเป็นคราบสนิมก็ได้

และวิธีการทำจริงๆ มันก็คือการทำสีรถดีๆ เนี่ยแหละ เพียงแต่แต่งแต้มสี ใส่ศิลปะลงไปบนชิ้นงานหรือตัวถังรถ 

บางคนที่ทำแบบว่า ลอกสีออก ให้เห็นเนื้อเหล็ก เอาน้ำเกลือราด ตากแดดไว้ให้สนิมขึ้น จะเรียกว่าสนิมสไตล์ก็คงไม่ผิด แต่มันจะดูผิดวิธีการอันควรไปหน่อย แต่จะทำก็ไม่ว่ากัน รถคุณเองนี่เนอะ

มีรูปตัวอย่างผลงานมาให้ดูเล็กน้อย จะว่าสวยก็สวยแหละ ดูมีเสน่ดี เก๋าๆ แนวๆ แต่แอบคิดในใจ บางคันที่เอามาทำ มันเป็นรถใหม่ๆ ที่สีเดิมสวยๆ เงาๆ ดีๆ อยู่นะ ไม่เสียดายสีรถเดิมเล้ย 

นอกจากรถยนต์ งานสนิมสามารถทำได้ทั้งมอเตอร์ไซด์ หมวกกันน็อค แว่นตา เฟอร์นิเจอร์ เคสโทรศัพท์ก็ทำได้ 

ขอบคุณ rust_master_shop ที่ให้คำแนะนำและให้ภาพสวยๆ มาโชว์ในบล็อก ขอบคุณคร้าบบ!!!









ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ได้ที่ www.roorod.com




 

Create Date : 25 กันยายน 2556    
Last Update : 18 เมษายน 2557 0:16:45 น.
Counter : 10064 Pageviews.  

Nissan March เครื่องสั่น แก้ปัญหาได้หรือยัง (นะ)

Nissan March เป็นรถอีโคคาร์รุ่นหนึ่งที่มียอดขายทล่มทลาย เพราะเป็นรถอีโคคาร์รุ่นแรกๆ จะว่าไปก็น่าจะเป็นรุ่นแรกเลยแหละในเมืองไทย และจัดว่าเป็นรถที่น่าใช้รุ่นหนึ่งตามระดับและราคา 


แต่คงจะเคยได้ยินกันบ้างว่าอย่าเล่นเลยรถรุ่นนี้ เป็นเครื่อง 3 สูบ เครื่อง 3 สูบไม่ดีหรอก รอรุ่นที่เป็นเครื่อง 4 สูบดีกว่า 

หลายคนได้ยินเสียงทักอย่างนั้นก็คงจะกล้าๆ กลัวๆ และชั่งใจอยู่บ้าง แต่คนที่มีใจชื่นชอบ March อยู่แล้วก็อาจจะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง มีคนใช้เยอะแยะ เขาขายไปไม่รู้กี่คันแล้ว ถ้ามันไม่มีคงขายไม่ได้เยอะขนาดนี้ หรือถ้าจะมีปัญหาอะไรก็ไม่ได้มีเพียงเราคนเดียว

ถามผม ผมก็ไม่แน่ใจ บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเครื่อง 3 สูบดีหรือไม่ดี คงต้องรอดูกันนานๆ เคยลองถามผู้รู้กองบรรณาธิการนิตยสารรถยนต์ต่างๆ พี่ๆ ท่านก็ว่า สั่น แต่นิดหน่อย เป็นธรรมดาของเครื่อง 3 สูบ พี่ๆ บางท่านก็บอกว่า เดี๋ยวนี้เครื่อง 3 สูบเขามีการปรับจูนดีขึ้น ไม่สั่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ไม่ได้อธิบายขยายความว่าเขาปรับอะไรยังไง ปรับองศาจุดระเบิดเหรอ หรืออย่างไร เพราะในใจผมเองก็ยังสงสัยๆ อยู่ว่า การสั่นของเครื่อง 3 สูบ มาจากความสมดุลย์ในการหมุนของลูกสูบและข้อเหวี่ยงเป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าเขาปรับเรื่องบาลานซ์ในการหมุนให้ดีขึ้นก็พอจะเข้าใจได้และน่าเชื่อหน่อยว่าเครื่อง 3 สูบมีความเสถียรมากขึ้น

ครั้นเมื่อถามต่อว่าแล้วเครื่อง 3 สูบดีไหม พี่ๆ บก. ก็บอกว่าเครื่องสามสูบก็ดีนะ ประหยัดกว่าเครื่อง 4 สูบ ประหยัดในเรื่องของจำนวนชิ้นส่วนที่ลดลงหรือน้อยกว่า เช่น จำนวนหัวเทียนจากที่ต้องเปลี่ยน 4 หัวก็เหลือแค่ 3 หัว แต่ถ้าถามถึงความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว ส่วนต่างค่าหัวเทียนแค่หัวเดียว หรือในเวลาที่ต้องโอเวอร์ฮอลเครื่องก็เถอะ ถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนลูกสูบและก้านสูบเพิ่มมาอีกอันในกรณีเครื่อง 4 สูบ จ่ายแพงกว่าคงไม่เท่าไร แต่สมรรถนะเครื่อง 4 สูบดีกว่าก็ยอมนะ

สรุปตอนนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตกลงเครื่อง 3 สูบของ March/Almera หรือรุ่นอื่นๆ อย่าง Mirage หรือ Attrage ดีไหม คงต้องรอดูกันนานๆ รอดูกันอีกสักระยะ สำหรับ March ตอนนี้ก็มีอายุของรุ่นรถประมาณ 5 ปีแล้ว ถ้าไม่ดีหรือจะมีปัญหาอะไร อีกไม่กี่ปีก็คงได้เห็นกัน สำหรับใครที่ใช้อยู่ถ้ารู้ปัญหา ไม่ขายทิ้งเมื่อรถเก่าก็หาทางซ่อมและแก้ปัญหากันไปตามประสารถเก่าที่มีการใช้งานมาแล้วหลายปี ถึงตอนนั้นก็คงไม่ซีเรียสอะไรแล้วล่ะ ถ้าใช้งานไปสัก 8-9 ปีขึ้นไปแล้วจะมีปัญหาอะไร ถึงตอนนั้นก็พอทำใจ หรือคุ้มแล้วล่ะ ว่าไหม

แต่สิ่งที่คนใช้ March ไม่น้อยกังวลและหัวเสียอยู่ตอนนี้เห็นจะเป็น ปัญหาเครื่องสั่น (เห็นว่าฝั่ง Mirage ก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ตามข่าว) ปัญหาเครื่องสั่นที่ว่าคือ การสั่นในลักษณะที่สั่นเป็นเจ้าเข้า สั่นผิดปกติ เข้าเกียร์ D เหยียบเบรคแล้วสั่น พั่บ พั่บ พั่บ หรือว่ารอบสวิงขึ้นๆ ลงๆ พรึบพรับๆ 

แน่นอนถ้าสั่นแบบที่ว่ามาไม่ปกติแล้ว ล่าสุดที่เข้าไปอ่านปัญหาของผู้ใช้ March ที่พบปัญหานี้ ต่างก็บอกถึงแนวทางการแก้ไขของศูนย์บริการ Nisaan ในทำนองเดียวกันคือ ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ บ้างก็ว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ซึ่งสุดท้ายแล้วปัญหาก็ยังไม่หายขาด ติดตามอ่านปัญหาและการแก้ไขล่าสุดเมื่อประมาณเดือนก่อนหน้าที่จะเขียนบล็อกนี้เอง 

ใช่สิ ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม Nissan แก้ปัญหาอย่างนั้น เพราะที่เคยเข้าใจ การล้างลิ้นปีกผีเสื้อมักจะทำกับรถที่มีอายุการใช้งานหลายๆ ปี เช่นใน Collora AE101 เมื่อใช้งานไปสัก 7-8 ปี จะมีปัญหาเครื่องสั่น รอบสวิง วิธีแก้เบื้องต้นก็คือ ลองล้างลิ้นปีกผีเสื้อดูก่อน 

ที่บอกว่าล้างลิ้นปีกผีเสื้อก็ไม่ใช่ว่าลิ้นปีกผีเสื้อสกปรกหรอก แต่อุปกรณ์ที่จำเป็นจะต้องล้างคือ ลิ้นควบคุมรอบเดินเบาซึ่งอยู่ที่ลิ้นปีกผีเสื้อต่างหาก เมื่อใช้ไปนานๆ เข้า คราบฝุ่นละอองสะสมมากเข้า มันก็เลยปิดไม่สนิท ก็มักจะลองล้างกันดูก่อน ถ้าใช้ได้ก็โชคดีไป ถ้าเสียก็ต้องเปลี่ยนใหม่

แต่กรณีของ March เป็นรถใหม่ๆ ซิงๆ ปีกผีเสื้อยังสะอาดเอี่ยมอ่อง ไหงต้องล้างซะแล้ว ล้างทำไม ก็เลยงงๆ อยู่ เท่าที่ตรวจสอบระยะเวลาการโพสต์กระทูเกี่ยวกับปัญหานี้ หลายคนก็พบปัญหามาตั้งแต่รุ่นปีแรกๆ ที่ March เปิดตัว จนผ่านไปสามสี่ปีก็ยังมีคนพบปัญหานี้ แต่ยังไม่เคยเจอกระทู้ไหนที่ออกมาบอกว่าได้รับการแก้ปัญหาเรียบร้อยดีแล้วเลยนะ (อาจจะมีแต่ผมหาไม่เจอ)

ไม่เพียงแก้ปัญหาไม่ถูกจุด บางศูนย์ก็มักง่าย ใช้วิธีตั้งรอบให้สูงไว้ซะ เวลาจอดรถนิ่งๆ รอบเดินเบาก็ซัดไปพันกว่า ดังอื้ออึงเชียว 

ที่มาเขียนไม่ได้จะโจมตี Nissan แต่ว่าเป็นผู้ใช้คนหนึ่งที่แอบนอยด์นิดหน่อย เพราะเพิ่งไปถอย March มาเหมือนกัน 555

ไม่ได้จะลองของ แต่ว่าอีกรุ่นที่ไปจองไม่ได้รถเสียนี่ ใจจริงอยากได้เครื่อง 4 สูบมากกว่านะ แต่ด้วยความจำเป็นต้องรีบใช้รถ รู้ทั้งรู้ว่า March มีปัญหานี้ 

เล่นซื้อรถเหมือนเสี่ยงโชคซะยังงั้น 2 คนกับแฟนตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าเราจะเป็นผู้โชคดีไหมนะ ตอนนี้ใช้รถมาเดือนหนึ่งแล้ว ยังไม่เจอปัญหาอะไร ก็ภาวนาว่าอย่าเจอเลย

ใครที่พบข้อมูลว่า March เครื่องสั่นได้รับการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วก็บอกกันบ้างนะครับ จะได้เก็บข้อมูลไว้ก่อน เพื่อว่าแจ็กพอต!

ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ได้ที่ www.roorod.com




 

Create Date : 17 กันยายน 2556    
Last Update : 18 เมษายน 2557 0:17:34 น.
Counter : 21819 Pageviews.  

Plasti DIP สีลอกได้ โดนใจคนชอบเปลี่ยนสี

เห็นขายกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะสีลอกได้หรือ Plasti DIP เนี่ย แต่รู้สึกว่าช่วงสามสี่เดือนนี้จะเป็นกระแสพอสมควร เลยเข้าไปคัยกับคนที่รับพ่นสีลอกได้สักหน่อย ได้ข้อมูลมาพอสมควร


ที่ไปคุยก็ไม่ใช่อะไรอยากเห็นงานพ่อนจริงๆ ว่าเป็นยังไง เปิดดูรูปในเน็ตแล้วมันไม่ชัดเจน


พอเห็นแล้วชอบนะ มันก็คือสี ก็มันเป็นสีนี่เนอะ เมื่อพ่นแล้วก็เรียบเนียนเหมือนกับการพ่นสีรถตามปกติที่เห็นๆ กันนี่แหละ เห็นแล้วก็อยากจะพ่นรถตัวเองบ้างเหมือนกัน แต่ก็นะ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ขับรถสีเดิมๆ ไปอย่างนั้นแหละ


ถ้าจะพ่นทั้งคันราคาก็เอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าพ่นเฉพาะชิ้นส่วนก็พอได้นะ ราคาไม่ได้แพงเว่อ ค่าใช้จ่ายในการทำสีพ่นได้กับการติดหรือ Wrap ด้วยสติ๊กเกอร์มีราคาพอๆ กัน เมื่อเทียบพื้นที่ต่อพื้นที่ แต่สีลอกได้ ก็มันเป็นสีนี่เนอะ มันก็จะเรียบเนียน สม่ำเสมอกว่าโดยเฉพาะจุดที่เป็นพื้นผิวโค้ง


สีพ่นได้ที่มีจำหน่ายมีทั้งแบบกระป๋องพร้อมพ่น, กระป๋องลิตรต้องใส่กาพ่น และแกลลอนใหญ่ๆ ที่เราเห็นขายกันทั่วๆ ไป สำหรับคนมือซนชอบทำชอบเล่นอะไรกับรถตัวเองก็จะเป็นแบบกระป๋องพร้อมพ่น เปิดฝาออกก็สาดใส่รถได้ทันที




สีกระป๋องพร้อมพ่นเหมาะพื้นที่เล็กๆ เช่น กรอบกระจกมองข้าง คิ้ว มือเปิดประตู ฯลฯ ถ้าเป็นพื้นที่ใหญ่ๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไร ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย แต่ถ้าเทียบความเนียนของงานที่ออกมา พ่นแบบกาจะได้พื้นผิวและความสม่ำเสมอของสีที่ดีกว่า


สำหรับสีลอกได้แบบกระป๋องลิตร ก็จะมีทั้งแบบที่ผสมเสร็จแล้วพร้อมใช้ สามารถนำมาเทใส่กาแล้วพ่นได้เลย กับแบบที่ยังไม่ผสม ต้องมาผสมทินเนอร์เอง ราคาต่อกระป๋องไม่ต่างกันมาก แต่ในการใช้งานสีที่ผสมทินเนอร์เอง เมื่อผสมแล้วจะได้ปริมาณสีมากกว่าเกือบสามเท่า


การผสมทินเนอร์ใช่ว่าจะซื้อทินเนอร์อะไรมาใช้ก็ได้นะ ถ้าใช้ทินเนอร์ไม่ดี อาจจะผิดคอนเซ็ปต์และมีร้องไห้กันได้เมือกลอกสีออก


คอนเซ็ปต์ของสีลอกได้ก็คือ ลอกง่าย ไม่ทำลายสีรถ แต่ถ้าใช้ทินเนอร์ไม่ดี เมื่อลอกออกมาอาจจะได้เจอสีรถด่างๆ เป็นดวงๆ ได้ เรื่องนี้คนพ่นที่เล่าให้ฟังเขายืนยันว่าทดลองมาแล้ว


สีลอกได้ที่เห็นจะเป็นสีด้าน พ่นแล้วรถจะดูดิบๆ แนวๆ แต่ถ้าใครอยากได้ความเงา ก็สามารถพ่นเคลือบเงาได้ หรือจะเลือกใช้สีพิเศษก็ได้


การซื้อสีลอกได้มาใช้เอง ควรดูยี่ห้อหรือคุณภาพสีดีๆ ถ้าเป็นสีของอเมริกาหรือเยอรมันคุณภาพของสีจะดีกว่า เมื่อพ่นแล้วผิวหน้าของสีจะเรียบเนียนสม่ำเสมอ และมีการยีดเกาะที่ดี


ถ้าเป็นสีของจีนที่คุณภาพไม่ดี ผิวหน้าของสีจะไม่เรียนเนียนเท่าที่ควร จะเป็นเม็ดๆ ขลุยๆ และการยึดเกาะของสีไม่ดี เวลาที่ลอกจะร่อนออกเป็นชิ้นเล็กๆ ซึ่งสีที่มีคุณภาพ เมื่อลอกออกจะออกมาเป็นแผ่นใหญ่ๆ และลอกออกได้ง่ายๆ


เวลาที่เราต้องการจะลอกก็หามุมหรือขอบของสีแล้วค่อยๆ ลอกแล้วดึงออกจากตัวถังรถ แม้ว่าจะลอกได้ง่ายๆ แต่เวลาที่เราไม่ได้ต้องการจะลอกก็ใช่ว่าสีลอกได้จะหลุดร่อนง่ายๆ นะ มันยึดเกาะได้แน่นหนาพอตัวเชียวล่ะ สามารถอัดฉีดได้ รองรับการข่วนขีดได้ระดับหนึ่ง


สิ่งที่ควรรู้ก่อนพ่อนสีลอกได้โดยเฉพาะการพ่นทั้งคัน ถ้าสีรถคุณเป็นสีโทนอ่อนก็จะพ่นได้ง่ายหน่อย สามารถสีลอกได้ซึ่งเป็นสีที่ต้องการได้ทันที แต่ถ้าสีรถคุณเป็นสีเข้มก็ต้องพ่นสีขาวรองพื้นก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามไปด้วย การพ่นไม่รู้ว่าเจ้าไหนพ่นยังไงบ้าง แต่ช่างพ่นที่ไปคุยด้วยมา เขาบอกเขาจะพ่นสีจริง 5 ชั้นหรือพ่น 5 รอบ ถ้ามีรองพื้นด้วยก็จะรองพื้นก่อนด้วยสีขาวประมาณ 3 รอบ


เหตุผลที่พ่น 5 ชั้น เพราะจะได้สีที่สม่ำเสมอ ปิดสีเดิมได้สนิท และความหนาของสีสามารถปกป้องการขีดข่วนที่จะกิดกับตัวรถได้ระดับหนึ่ง เช่น รอยขีดข่วนจำพวกเศษหิน หรือกิ่งไม้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสีจะหนาเตอะนะ สี 5 ชั้นเมื่อลอกออกมาไม่ได้หนาจนเทอะทะเลย แต่เนื้อสีมีความยืดหยุ่นและความยืดหยุ่นพอสมควร


ไม่เคยถามเหมือนกันนะว่าคนที่เคยหรือสนใจเปลี่ยนสีรถ แล้วเคย Wrap ด้วยสติ๊กเกอร์มาก่อน เมื่อมาเห็นสีลอกได้แบบนี้ มีความเห็นยังไง คิดว่าสติ๊กเกอร์ยังคงดีกว่า หรือว่าสีลอกได้น่าสนใจกว่า ผมลองเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยระหว่างสติ๊กเกอร์กับสีลอกได้ ได้ผลลัพธ์ออกมาประมาณนี้ ไม่รู้ว่าถูกผิด เป็นความเห็นส่วนตัว


สติ๊กเกอร์

ข้อดีคือ ถ้าเป็นงานจำพวกลวดลายต่างๆ สติ๊กเกอร์จะดีกว่า เพราะให้เส้นที่คมกว่า

ข้อด้อน ถ้าเป็นงาน Wrap พื้นที่ใหญ่ๆ เช่น Wrap ทั้งคัน ตรงส่วนที่เป็นพื้นที่โค้ง อาจดูไม่เนียนเท่าที่ควร ยิ่งถ้าช่างฝีมือไม่ดีด้วยแล้วงานยิ่งออกมาไม่สวย ต้องเสี่ยงกับการใช้คัตเตอร์ไปกรีดบนตัวถังหรือชิ้นส่วนของตัวรถ


สีลอกได้

ข้อดี สามารถพ่นพื้นผิวได้ทุกลักษณะทั้งพื้นผิวโค้ง หรือตามซอกตามมุม ทำให้สามารถพ่นได้ทั้งล้อแมก หรือคอนโซล


ข้อด้อย ถ้าเป็นพ่นเพื่อทำลวดลายต่างๆ อาจจะสู้สติ๊กเกอร์ไม่ได้ เส้นของลวดลายอาจไม่คมเท่าสติ๊กเกอร์ ซึ่งงานออกมาแล้วคงดูไม่สวยเนี้ยบเท่าไร


สีลอกได้หลังจากพ่นเสร็จ ทิ้งไว้สักชั่วโมงก็เอารถออกไปขับได้เลย และทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมงก็สามารถล้างได้ แต่ถ้าจะให้ดี ทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืนสักหน่อยให้แห้งสนิทๆ จะดีกว่า แหม ใจคออยากจะล้างรถขึ้นมาเชียวก็เกินไปนะ


การล้างทำความสะอาดสามารถใช้น้ำยาหรือแชมพูทำความสะอาดรถตามปกติ และถ้ามีรอขีดข่วนเกิดขึ้นจนสีลอก ถ้าแผลไม่ใหญ่เกินไปก็สามารถซ่อมได้โดยการพ่นสีทับเก็บงาน แต่ถ้าแผลใหญ่ๆ ก็ลอกแล้วพ่นใหม่จะดีกว่า


ใครอยากพ่นเอง ลงทุนหน่อยหาซื้อกาพ่นไฟฟ้ามาใช้ก็ได้นะ สามารถพ่นได้เลย กาพ่นไฟฟ้าตามคลองถมตัวละไม่กี่พันบาทสองพันกว่าบาทก็พ่นได้แล้ว ลงมือทำเองแบบ DIY ก็ไม่เข้าท่าดีนะ สวยมากไม่มากไม่รู้ แต่ภูมิใจเต็มๆ ถ้าพ่นแล้วผลลัพธ์ออกมารับผลงานตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องกลัว เพราะมัน "ลอกได้" 555


ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ได้ที่ www.roorod.com




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2556    
Last Update : 18 เมษายน 2557 0:15:33 น.
Counter : 6732 Pageviews.  

SUZUKI SJ413 CARIBIAN / SPORTY / SPORT MIND [1]

ย้อนไปเมื่อปี 2553 ช่วงปลายๆ ปี นั่งดูหนังเรื่อง “เรา สอง สามคน” เนื้อเรื่องสนุกสนานดี ถูกใจวัยรุ่น แต่สิ่งที่ถูกใจกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ รถยนต์ที่ใช้ในหนังเรื่องนี้น่ะสิ มันมาสะกิดต่อมความอยากเข้าให้ เพราะสมัยวันรุ่นกระเป๋าแห้ง ฝันอยากจะได้ Suzuki Caribian หรือที่คนในวงการเขาเรียกเจ้าแมงหวี่มาขี่เท่ๆ สักคัน


ผ่านไปหลายปี บร๊ะ หนังเรื่องนี้มาปลุกความอยากครั้งเก่าก่อนให้ตื่นขึ้นมาชนิดที่ว่าคราวนี้ยอมพลาดอีกไม่ได้แล้ว มันต้องโดน นั่งคลุกอยู่หน้าจอคอมเสิร์ชหารถจนมึน ดูแล้วดูอีก นั่งหาข้อมูลนั่นโน่นนี่จิปาถะ แบบว่าข้อมูลก็อยากรู้ แต่รถก็อยากได้วันนี้พรุ่งนี้ ทำอะไรก็รีบๆ เร่งๆ ไปซะหมดเลยมุนๆ เบลอๆ นิดหน่อย

ผ่านไปสักเดือนหนึ่งได้มั้ง คราวนี้นี่เอง ก็ได้คาริเบียนมาครอบครองดังใจฝัน คันแรกที่ครอบครองนี่ได้มาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2553 คันแรกนี่มีเรื่องสนุกๆ อะไรให้กันอีกเหมือนกัน เอาไว้จะมาเขียนแยกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความทรงจำหนึ่งในการเล่นรถเก่าของผมเลย

นึกถึงเรื่องเล่าของการเล่นรถเก่า มีประวัติการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ KE10 ด้วยนะ เดี๋ยวเอามาเล่าอีก น่าเสียดายตอนนั้นการถ่ายรูปอะไรไม่ค่อยสะดวกเหมือนเดี๋ยวนี้ รูปเจ้า KE10 เลยไม่มีมาอวดกัน

มาว่าเรื่องคาริเบียนต่อ การได้คาริเบียนมานี่หวังใจไว้เลยว่าจะเล่นจะขับจะขี่มันด้วยความสนุกสนานเหมือนเมื่อครั้งขับ KE10 ที่ค่อยๆ ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ไม่เน้นฟู่ฟ่า แต่ก็มีแนวทางแต่งคิดๆ ไว้ในใจเหมือนกัน เพราะนั่งดูคาริเบียนของกูรูทั้งหลายอยู่มากมายหลายคน แต่ละคันสวยๆ ทั้งนั้น

ผ่านไป 2 อาทิตย์ ขัดถูกกันจนเป็นรูปเป็นร่าง (คือตอนที่ได้มามันเป็นซาก แฟนผมว่ายังงั้นนะ แบบว่าเห็นแล้วอุทานมาเลยว่า ซื้ออะไรมาเนี่ย เสียดายตังค์อ่ะ) ก็บังเอิญได้เจอะเจอกับรักใหม่ เป็นคาริเบียนอีกคันหนึ่งซึ่งมันโดนจริงๆ จนทนไม่ไหว เลยลงขายคันแรกที่ได้มาซะ แม้ๆ ไม่คิดไม่ฝัน ได้กำไรซะอีกนะ

กำตังไปซื้อคาริเบียนอีกคันมา ชอบมาก สภาพนางฟ้าเลยทีเดียวถ้าเทียบกับคาริเบียนรุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน คันที่ผมได้มานี่มั่นใจเลยว่าเป็นหนึ่งในตองอูเลยเชียว มันย่ามใจ ลงขายอีกเล่นๆ …ชะช่า กำไรอีกแล้วแฮะ

จากนั้นก็เลยซื้อขายคาริเบียนมาระยะหนึ่งเป็นงานอดิเรก ขับไปขายไป สนุกที่ได้จับรถสวยๆ เน้นสภาพเดิมๆ ตัวถังสวยๆ สภาพสมบูรณ์ๆ แบบว่าคัดมาเลย เพราะตอนแรกจะเอามาขับเองก่อน เราก็ต้องเลือกรถที่เราดูแล้วว่าดีว่าชอบ พอเราขาย คนที่มาซื้อก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะพึงพอใจในสภาพกับราคาที่สมเหตุสมผล (คิดว่ายังงั้นนะ เพราะซื้อขายเน้นสบายใจ ไม่ได้เน้นอะไรมาก)

จนผ่านไปปีหนึ่งได้ขับคาริเบียนจนครบทุกรุ่น บางรุ่นขับผ่านมือไปหลายคัน เบ็ดเสร็จตลอดปี 2554 ขับคาริเบียนเล่นๆ ขับไปขายไปกว่า 10 คัน จนมาเมื่อน้ำท่วม แหม เจ้าแมงหวี่โชว์ศักยภาพซะเต็มที่เลย เข้าพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยถึงไหนถึงกัน หลายคนคงจำกันได้ว่ารถเล็กๆ สูงๆ โย่งๆ ออกข่าวไปตามพื้นที่ต่างๆ แทบทุกวัน เท่านั้นแหละ

พอน้ำแห้ง ราคากระโดดสูงขึ้นมากเลย จนรับไม่ไหว เล่นไม่สนุกละ ราคาขึ้นไวมากชนิดที่ตั้งตัวไม่ทัน จนตัวเองยังไม่ทันได้เก็บคาริเบียนสวยๆ เอาไว้เลยสักคัน จะไปมองๆ หาใหม่ก็รับไม่ไหว สภาพกับราคาเดี๋ยวนี้มันต่างกันเกินไป ที่เห็นลงประกาศขายอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นสภาพที่เคยมองข้ามทั้งนั้น ราคาอยู่แค่ไม่กี่หมื่น ไม่เกินแสนแน่นอน แต่ตอนนี้ขายกันแสนกลางๆ สู้ไม่ไหว เลยต้องลาจากคาริเบียนไปในที่สุด ผ่านมาปีหนึ่งตั้งแต่ต้นปี 2555 จนวันนี้ปลายปีแล้ว ยังหาสักคันหนึ่งมาเก็บไว้ยังไม่เจอเลย

เล่ามาเสียยาว ความตั้งใจที่มาเขียนเรื่องคาริเบียนวันนี้ก็คือ อยากเอาข้อมูลจากที่เคยจับคาริเบียนในสภาพเดิมๆ มาแล้วทุกรุ่นมาเล่าสู่กัน เผื่อใครที่เป็นมือใหม่อยากลองเล่นคาริเบียนบ้างจะได้เอาไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการหารถ ก็ลองอ่านดูกันนะครับ คงมีประโยชน์บ้างไม่น้อยก็มาก

ขอออกตัวไว้สักหน่อยว่าผมเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือกูรูเจ้าแมงหวี่เสียทีเดียว ถ้าเทียบกับแฟนพันธ์แท้ตัวจริงซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศและที่มีชื่อเสียงก็หลายท่าน ผมคงไม่อาจเทียบ โดยเฉพาะในแง่ของประสบการณ์การใช้งานในแง่มุมต่างๆ สภาพการณ์ต่างๆ แต่เท่าที่มีโอกาสได้ใช้ เกี่ยวกับข้อมูลตัวรถก็ศึกษามาพอสมควร คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่านบ้าง

รุ่นต่างๆ ของ CARIBIAN

เจ้าแมงหวี่ที่มีรหัสประจำกายว่า SJ413 เริ่มขายในบ้านเราตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 และมาหยุดสายพานการผลิตในรุ่นสุดท้ายในปี ค.ศ.2005 ตลอดระยะเวลา 17 ปี ของการทำการตลาด SUZUKI ได้พัฒนาเจ้าแมงหวี่ออกมาตอบสนองผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กซึ่งมีความสามารถพร้อมตอบสนองการใช้งานได้ทุกสภาพถนนทั้งทางเรียบ ขรุขระและทุรกันดารในราคาที่ไม่สูงเกินไป 3 รุ่นหลักด้วยกันคือ CARIBIAN, CARIBIAN SPORTY และ SPORT MIND และทั้ง 3 รุ่นมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ดังนี้

CARIABIAN เจ้าแมงหวี่รุ่นนี้มีสมยานามว่า “ตู้ปลา” ซึ่งมาจากลักษณะโครงสร้างตัวถังด้านหลังของมันที่เป็นหลังคาครอบเต็มกระบะหลังคล้ายๆ รถแวนโดยมีกระจกบังลมด้านข้างที่ค่อนข้างใหญ่มองแล้วเหมือนตู้ปลา รุ่นนี้ภายในจะมีเบาะนั่งแถวที่สองที่นั่งได้ค่อนข้างสบาย (ไม่พูดถึงความกระด้างของช่วงล่างนะ) เบาะนั่งเป็นแบบ 2 ตัวใหญ่วางคู่ติดกัน ด้านหลังเป็นประตูแบบ 2 ตอนคือส่วนบนต่อเนื่องกับหลังคาเป็นการเปิดแบบยกขึ้นด้านบนด้วยโช้คอับ ด้านล่างเป็นฝาปิดกระบะแบบเปิดออกด้านข้าง

เจ้าแมงหวี่รุ่นตู้ปลานี้แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยตามลักษณะของหลังคาคือ รุ่นปี 1988-1990 หลังคาจะเป็น 2 ตอน หลังคาตรงหัวเก๋งกับหลังคากระบะส่วนที่เป็นตู้ปลาจะแยกกันเป็นคนละชิ้นวางต่อกันและซีลด้วยซิลิโคน รุ่นนี้จึงมักมีปัญหาเรื่องน้ำรั่วซึมเข้าไปในตัวรถ ถ้าผ้าใบหลังคายังเดิมๆ อยู่หรืออาจจะเปลี่ยนแล้วแต่เปลี่ยนมานานแล้ว ถ้ามีปัญหาน้ำรั่วก็จะมีคราบน้ำปรากฏให้เห็น ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่โตอะไร เป็นปัญหากวนใจเสียมากกว่า หลังคารุ่นนี้ผลิตจากไฟเบอร์โดย Star Cab ต่อมาปี 1991-1995 หลังคาจะเป็นตอนเดียวคือตั้งแต่หัวเก๋งจะยาวต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกับส่วนที่ครอบกระบะ ทำจากไฟเบอร์เช่นกันแต่ผลิตโดย Carryboy

รุ่นปี 88-90 หลังคาจะเป็น 2 ตอน

รุ่นปี 91-95 หลังคาจะเป็นตอนเดียว

นอกจากความแตกต่างหลักๆ คือแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยตามลักษณะของหลังคาแล้ว ในรุ่นตู้ปลายังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันอีกคือ เบาะนั่งของรุ่นปี 88-92 จะเป็นเบาะสีเทามีรูปทรงตามภาพ เบาะรุ่นนี้ถ้ายังอยู่ติดรถอยู่ในสภาพเดิมๆ มาถึงตอนนี้จะดูโทรมๆ หน่อย ทรงของเบาะก็จะไม่ค่อยเป็นทรงเท่าไร ดูแล้วอาจจะไม่ค่อยสวย แต่หลังจากที่ลองนั่ง CARIBAIN มาทุกรุ่น ด้านความสบายในการนั่งขับขี่เบาะรุ่นนี้ผมว่านั่งสบายที่สุดนะ เคยนั่งขับจากเชียงรายมากรุงเทพกับเบาะของอีกรุ่นหนึ่ง เบาะของรุ่นปี 88-90 นั่งแล้วไม่ปวดหลังเลย รู้สึกรับกับสรีระของหลังดีจัง

เบาะนั่งคู่หน้าและแถวหลังของรุ่นปี 88-92


เบาะนั่งคู่หน้าและแถวหลังของรุ่นปี 94-95 ถ้ารุ่นปี 93 จะเป็นทรงเดียวกันนี้แต่จะเป็นสีน้ำตาล

ส่วนรุ่นปี 93 จะเป็นเบาะอีกทรงหนึ่ง (ตามภาพ) และเป็นสีน้ำตาล ส่วนรุ่นปี 94-95 ตัวเบาะเป็นทรงเดียวกับรุ่นปี 93 แต่จะเป็นสีทูโทน เทาอ่อน-เทาเข้ม ส่วนอื่น เช่น คอนโซลหน้า, พวงมาลัย, แผงประตู, กระจังหน้าจะเหมือนกัน (อาจจะมีจุดปลีกย่อยที่ต่างกันบ้าง ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเท่าไร เพราะมาเล่นเจ้าแมงหวี่เอาระยะหลังๆ ซึ่งมันก็มีอายุอานามพอสมควรแล้ว หาสภาพเดิมๆ ดูได้ยากอยู่เหมือนกัน) และในปี 1995 ถือเป็นปีสุดท้ายของการผลิตและจำหน่ายรุ่นตู้ปลา

CARIBIAN SPORTY เจ้าแมงหวี่รุ่นนี้มาในลักษณะของกระบะ ตัวถังรถและโครงสร้างหลักเหมือนกับตู้ปลาแต่เปลี่ยนหลังคาจากที่ก่อนหน้านั้นทำเป็นแบบครอบเต็มกระบะแบบแวนก็ยุบลงทำแค่เป็นแค็ปแค่นั้น โฉมกระบะในรุ่น SPORTY นี้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 1996-1999 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รุ่นปี 1996 เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องคาร์บูฯเช่นเดียวกับรุ่นตู้ปลา และรุ่นปี 1997-1999 เครื่องยนต์จะเป็นหัวฉีด และความแตกต่างอีกจุดหนึ่งคือกระจังหน้าจะเป็นแบบ 2 ช่องแนวนอน มีเส้นคาดตรงกลางเส้นเดียวพร้อมกับโลโก้ตัว S อยู่ตรงกลาง (ตามภาพ) ส่วนรุ่นปี 96 กระจังหน้ายังคงเป็นลายซี่แนวนอนเหมือนกับตู้ปลา

รุ่น CARIBIAN SPORTY

กระจังของรุ่นปี 97-99

กระจังของรุ่นปี 88-96

ยังเหลือข้อมูลรุ่น Sport mind อีกตัว และการดูสภาพและตรวจสอบจุดต่างๆ ของคาริเบียน รวมถึงจะแชร์เรื่องประสบการณ์การใช้งานนิดหน่อย เดี๋ยวจะยาวไป ติดตามต่อตอนสองแล้วกันนะครับ

ตอนสองที่นี่เลย…

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=rooroddotcom&month=28-08-2013&group=2&gblog=2

ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ได้ที่ www.roorod.com  / www.facebook.com/RooRodDotCom




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2556    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2557 16:43:14 น.
Counter : 4854 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

สมาชิกหมายเลข 971259
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มีความสนใจในหลายๆ เรื่อง เวลาที่คิดอะไรได้หรือไปเจออะไรมาก็อยากจะเล่าอยากจะแชร์ อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 971259's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.