คุยไปเรื่อย มีเรื่องอยากแชร์
Group Blog
 
All Blogs
 

รีวิว Honda Mobilio

ใครสนใจรถรุ่นนี้อยู่บ้าง Honda Brio ยืดท้ายเพิ่มที่นั่ง รวมๆ ก็ดูสวยดี แต่ไม่ชอบคอนโซลเท่าไร ไม่ชอบมาตั้งแต่ Brio แล้ว ส่วนอื่นๆ ภายนอก ภายใน เบาะนั่ง ก็โอเคอยู่ ใครสนใจรุ่นนี้ก็ลองอ่านรีวิวเพิ่มเติมเป็นข้อมูลกันดู เป็นรีวิวจากเว็บ Carthaimedia.com

---------------------- ->>

เป็นอีกหนึ่งความอเนกประสงค์ที่ Honda นำเสนอให้กับผู้ใช้รถสำหรับ Honda Mobilio รถอเนกประสงค์หรือ MPV ไซส์เล็ก Mobilio ที่จำหน่ายในไทยมีด้วยกัน 4 รุ่นย่อย ในส่วนของเครื่องยนต์มีเพียงเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่ตลาดประเทศอื่นจะมีเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตรให้เลือกด้วย

Mobilio ทั้ง 4 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น S MT เป็นรุ่นเริ่มต้นและเป็นรุ่นเดียวที่เป็นเกียร์ธรรมดา ถัดไปเป็นรุ่น S AT จัดเป็นรุ่นเริ่มต้นเช่นกันออปชั่นต่างๆ เหมือนกับรุ่น S MT เพียงแต่ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ รุ่นกลางหรือรองท็อปเป็นรุ่น V AT และรุ่นท็อปซึ่งเป็นรุ่นที่นำมารีวิวในวันนี้เป็นรุ่น RS AT

Mobilio RS มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน

Honda Mobilio มีพื้นฐานเดียวกับ Honda Brio และ Honda Brio Amaze อย่างที่ทราบกัน โดยขยายตัวถังส่วนท้ายให้ยาวขึ้นตามรูปแบบของรถอเนกประสงค์เพื่อวางเบาะนั่งได้ 3 แถว

ผลจากขยายส่วนท้ายให้ยาวขึ้น Mobilio จึงมีขนาดความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,386 มม. (4,398 ในรุ่น RS) กว้าง 1,683 มม. สูง 1,603 มม. ความยาวฐานล้อ 2,652 มม. ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า/คู่หลัง 1,472/1,475 มม. ความสูงใต้ท้อง 189 มม. น้ำหนักรถอยู่ที่ 1,173 – 1,223 มม.

ล้อและยางทุกรุ่นมีขนาดเดียวกันทั้งหมดคือ ล้อขนาด 15 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 185 / 65 R15 แต่ในรุ่น S จะเป็นล้อกระทะ ส่วนรุ่น V และ RS จะเป็นล้อแม็ก

IMG_6797 copy

โคมไฟหน้าของรุ่น RS เป็นโปรเจ็คเตอร์พร้อมไฟหรี่ LED ส่วนอีก 3 รุ่น ไฟหน้าจะเป็นมัลติรีเฟล็กเตอร์ กระจังหน้าเป็นแบบโครเมียมสปอร์ต กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว Mobilio ทุกรุ่นจะมีที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้ และเสาอากาศเป็นแบบเสาสั้นเหมือนกัน อุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งที่รุ่น RS จะต่างจากรุ่นอื่นๆ สำหรับภายนอกก็คือ มีชุดแต่งให้รอบคันประกอบด้วย ไฟตัดหมอกคู่หน้า กันชนหน้าหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง ปลอกท่อไอเสียสแตนเลส และโลโก้ RS ที่ฝากระโปรงท้าย

เรื่องของดีไซน์และการออกแบบ ด้วยความที่มีพื้นฐานมาจาก Brio และ Amaze ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กที่เน้นความทันสมัยออกไปทางสปอร์ต Mobilio จึงให้ความรู้สึกไปในแนวทางนั้นเช่นกัน สำหรับรุ่น RS ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันอยู่แล้วจึงทำให้ดูลงตัวมากขึ้น น่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบแนวทางการออกแบบของ Honda เป็นทุนเดิม หรือกำลังมองหารถอเนกประสงค์ในพิกัดนี้

ทัศนวิสัยดี วัสดุและอุปกรณ์เป็นไปตามราคา (มั้ง)

ช่วงหน้าตั้งแต่คอนโซลหน้าและเบาะนั่งแถวหน้าต้องบอกว่าถอดแบบมาจาก Brio และ Amaze เป็นดีไซน์ที่คุ้น เรื่องของความสวยคงอยู่ที่รสนิยมของแต่ละคน แต่ในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสารแล้ว โดยเฉพาะกับรุ่น RS ดูเหมือนว่าจะให้มาน้อยและดูจะไม่สมกับความเป็นรุ่นท็อปสักเท่าไร

ถ้าเทียบกับรุ่น V แล้ว ในรุ่น RS ส่วนของระบบปรับอากาศ มาตรวัด หรือกระจกไฟฟ้า นั้นไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใด ระบบปรับอากาศเป็นระบบปรับมือแบบบิดหมุนธรรมดา หน้าปัดเป็นหน้าแบบเรืองแสงสีฟ้าที่ดูเรียบง่ายเหมือนกัน หรือในส่วนของกระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบปรับอัตโนมัติฝั่งคนขับก็เป็นระบบอัตโนมัติเฉพาะการปรับลงเท่านั้น การปรับขึ้นเป็นแบบกดแช่หรืออัตโนมือ หรือแม้แต่ที่ท้าวแขนและกล่องใส่ของระหว่างที่นั่งด้านหน้าก็ไม่มีมาให้

IMG_6729 copy

ด้วยราคาที่ต่างกัน 57,000 บาทระหว่างรุ่น V ซึ่งมีราคา 682,000 บาท กับรุ่น RS ราคา 739,000 บาท สิ่งที่พิเศษกว่าหรือได้เพิ่มขึ้นมาในรุ่น RS ก็คือ ชุดแต่งรอบคันในส่วนของภายนอก ส่วนของภายในสิ่งที่มีเฉพาะรุ่น RS ก็คือ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อสมารืทโฟน บลูทูธ และสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย กับกล้องส่องหลังเท่านั้น ถ้าสนใจรุ่น  RS อยู่ลองเปรียเบทียบอุปกรณ์ที่ได้เพิ่มขึ้นมากับราคาที่ต้องจ่ายดูว่าคุ้มไหม หรือจะเลือกรุ่น V ก็พอ เก็บส่วนต่างไปหาของที่ต้องการเพิ่มเติมเอง น่าจะได้แบบที่ชอบและถูกใจกว่าหรือเปล่า

มาดูเรื่องของการใช้งานกันบ้าง แม้ว่าวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ให้มาดูเหมือนว่าจะไม่เต็มที่สักเท่าไร แต่ในแง่ของการใช้งานแล้ว Mobilio ทำได้น่าพอใจ ในตำแหน่งของผู้ขับ ทัศนวิสัยรอบคันชัดเจนดี กระจกรอบคันบานใหญ่ ให้มุมมองที่ชัดเจน ไม่รู้สึกว่ามีมุมอับ การขับเดินทางไกล (น่าจะ) ขับได้เพลินๆ ไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งคู่หน้ายังคงเป็นแบบชิ้นเดียวเหมือนใน Brio และ Amaze เรื่องของรูปแบบการที่เป็นเบาะชั้นเดียวแบบนี้ดีหรือไม่ไม่แน่ใจ แต่ก็การนั่งถือว่ารับกับหลังได้ดี

IMG_6749 copy

เสียตรงที่ว่าไม่มีท้าวแขนมาให้สักหน่อยก็เท่านั้น ส่วนทางด้านขวากับท้าวแขนที่แผงประตู แม้จะเป็นดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่ก็วางแขนได้สบายและมีระดับที่สูงกำลังพอดี

อ่านต่อที่ Carthaimedia.com





 

Create Date : 03 ตุลาคม 2557    
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 12:30:23 น.
Counter : 3592 Pageviews.  

พรีวิวภายใน All New Mazda 2

ตอนนี้ All New Mazda 2 เริ่มมีข้อมูลเปิดเผยออกมาแล้ว หลายอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น 

มีการพรีวิวภาพภายนอก ภายใน และสเป็คออกมาให้ดูกันแล้ว

ข้อมูลจาก allnewmazda2club.com

ภายในห้องโดยสารสวยไม่เบาเลย ในส่วนของคอนโซลหน้าเป็นดีไซน์ที่ดึงมาจาก Hazumi อย่างเห็นได้ชัด โดยปรับรูปทรงให้เหมาะสมกับเวอร์ชั่นที่จะขายจริง ไม่ดูล้ำยุคเกินไป





ดูจากภาพแล้วรายละเอียดต่างๆ ของห้องโดยสารค่อนข้างดีทีเดียว








โทนสีของห้องโดยสารถ้าเป็นไปตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดก็จะมี 4 โทนให้เลือกคือ โทนสีครีม, โทนสีดำ, โทนสีน้ำเงินเข้มๆ ไม่รู้ชื่อเฉพาะเรียกว่าอะไร และโทนสีเขียว ดูแล้วก็สวยทุกโทน แต่โทนสีครีมกับสีดำน่าจะสวยสุด คงจะเป็นรุ่นท็อปแน่เลย








ข้อมูลจาก : allnewmazda2club.com




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2557    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2557 13:59:43 น.
Counter : 2349 Pageviews.  

Suzuki Celerio หลังจากรู้ราคา คิดว่าไม่น่าสนใจเสียแล้ว

ผมเห็นเจ้ารถเล็กๆ คันใหม่ของค่าย Suzuki ที่ชื่อว่า Celerio ครั้งแรกในงาน บางกอก มอตเรอ์โชว์ 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งหลายๆ คนก็น่าจะเห็นพร้อมกันในงานนี่แหละ 


ครั้งแรกที่เห็นมี 2 คิดเกิดขึ้นคือ หน้าตาดูธรรมดาจัง เรื่องดีไซน์ดูไม่โดนใจเลย เสียดายเมื่อครั้ง Swift ทำออกมาเสียดีเชียว อีกความคิดหนึ่งหลังจากที่เข้าไปลองนั่งและดูข้อมูลคร่าวๆ น่าสนใจแฮะ รถเล็กดี สมราคา ซึ่งตอนนั้นจากที่ได้ข้อมูลมา เข้าใจว่าเจ้า Celerio จะมีราคาประมาณ 350,000 บาท ซึ่งในราคานี้ก็ได้เกียร์ออโต้มาใช้งานแล้ว จึงคิดว่าโอเคเลย น่าสนใจ 



ราคา 350,000 ได้รถใหม่ เกียร์ออโต้อีกต่างหากมาใช้งาน โอเคนะ กันแดดกันฝน เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เล็กแล้วไงล่ะ ก็ประหยัดดีน่ะสิ นี่แหละอีโคคาร์ (Eco Car) แท้ๆ เลย 

ภายในจากที่ลองเข้าไปนั่ง แน่นอนล่ะว่าเล็ก แต่ส่วนตัวแม้จะเป็นคนร่างใหญ่ หนัก 95 กก. สูง 174 ซม. แต่ก็ชอบรถเล็กๆ ขอให้ขับเดินทางไปไหนมาไหนใกล้ๆ ได้ แล้วยิ่งราคาไม่แพงด้วย ยิ่งชอบเลย



แต่ถึงเล็ก แต่ก็รองรับการโดยสาร 4 คนได้แล้วกันน่า ขออย่ามีสัมภาระอะไรเยอะมาก และขอว่าอย่ามีผู้โดยสารที่ตัวขนาดเดียวกันกับผมนั่งไปด้วยกันทั้ง 4 ก็พอ

ผ่านไปประมาณเดือนเศษๆ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง Suzuki ก็เปิดตัวเจ้า Celerio อย่างเป็นทางการ โดยมี 3 รุ่นให้เลือกคือ...

รุ่น GA เป็นเกียร์ธรรมดา ราคา 359,000 บาท
รุ่น GL เป็นเกียร์ CVT ราคา 439,000 บาท
รุ่น GLX เป็นเกียร์ CVT ราคา 488,000 บาท

เมื่อเห็นราคาและพิจารณาดูแล้ว ถ้าจะต้องซื้อจริงๆ คงต้องขอโบกมือลาเจ้า Celerio เสียแล้ว แม้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 359,000 บาท ตามข้อมูลที่ได้มาตอนแรก แต่กลายเป็นว่าราคานี้ได้แค่เกียร์ธรรมดา ถ้าอยากจะได้เกียร์ออโต้ รุ่นเริ่มต้นก็อยู่ที่ 439,000 บาท 

ถ้า 439,000 บาท คงต้องกลับไปมองอีโคคาร์อีกรุ่นหนึ่งที่มองไว้ก่อนหน้าดีกว่าล่ะมั้งคือ New Yaris รุ่นเริ่มต้น ราคา 469,000 บาท ซึ่งเป็นเกียร์ออโต้แล้ว ราคาห่างกัน 3 หมื่น ถ้าคิดสาระตะ ลองนั่งเช็คลิสต์เปรียบเทียบในหลายๆ ด้าน คิดว่ายังไงก็น่าจะคุ้มค่ากับส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ เวลาเห็นรถรุ่นใหม่ๆ ออกมา นอกจากติดตามข้อมูลแล้ว ก็ชวนให้คิดเล่นๆ เพลินๆ ว่าถ้าตัวเองจะเปลี่ยนรถ น่าจะเอารุ่นไหน หรือว่าในเคสนี้จะรออีกสัก 2-3 เดือน รอดูว่า All New Mazda2 จะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งกำลังลุ้นๆ อยู่ว่า Mazda จะจับเครื่อง 1.2 ลิตร ใส่ให้ Mazda2 ตัวใหม่เพื่อให้ไปลงแข่งในตลาดอีโคคาร์ด้วยหรือเปล่า 

ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็คงสนุกแน่ๆ อีกทั้งราคาค่าตัวของ All New Mazda2 ก็คงน่าสนใจไม่น้อย 





 

Create Date : 01 มิถุนายน 2557    
Last Update : 1 มิถุนายน 2557 9:48:48 น.
Counter : 2082 Pageviews.  

แอร์เสียแล้วร้อนใจ อาจเสียเงินหลายพัน

ก่อนหน้านี้แชร์เรื่องการซ่อมเบรคไปแล้ว ไม่ได้แชร์ว่าซ่อมเบรคทำอะไรบ้าง แต่แชร์เรื่องของค่าใช้จ่ายและการซ่อมอย่างมีสติ ค่อยๆ คิดและพิจารณา ไม่หลงเชื่อไปกับคำแนะนำของช่างที่หวังจะเอาเงินจากลูกค้าลูกเดียว


นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้าที่จะซ่อมเบรค เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับซ่อมแบบนี้เหมือนกัน แต่เป็นระบบแอร์ของรถ ที่ว่าเหมือนกันคือ ถ้าแอร์เสีย ใช้รถแบบร้อนๆ แล้วเกิดร้อนรน ร้อนใจ รีบซ่อมคงต้องจ่ายหลายพันเลยคราวนั้น 

แต่จากการที่ตั้งสติได้ จากที่ต้องจ่ายหลายพัน กลายเป็นว่า เอาเข้าจริงจ่ายไปไม่กี่ร้อยแค่นั้นเอง มีความสุขไปตามระเบียบ 

เหตุการณ์ที่ว่าก็คือ ระหว่างที่ขับรถอยู่ จู่ๆ ก็เกิดแอร์ไม่เย็นขึ้นเสียดื้อๆ ทีแรกก็คิดว่าแอร์ตันมั้ง รถอายุกว่า 8 ปีแล้ว ไม่เคยซ่อมไม่เคยล้างเลย คงเริ่มมีอาการแล้วล่ะ เดี๋ยวปิดแอร์สักเดี๋ยว เปิดกระจกขับไปก่อน แล้วเปิดแอร์อีกครั้งก็คงเย็นเหมือนเดิม แต่ที่ไหนได้ ขับจนถึงบ้านแอร์ก็ไม่เย็น  

เอาล่ะสิ เริ่มพะว้าพะวง เพราะรู้สึกว่าจะต้องเสียตังอีกแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นอยู่ๆ แอร์ก็เย็นขึ้นมาเป็นปกติ แอบดีใจแป๊บหนึ่ง แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะคิดว่าลองมีอาการอยู่ๆ แอร์ก็ไม่เย็นขึ้นมาแบบนี้ อาการคงไม่ดีแน่ๆ ต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด อยู่ๆ แอร์ก็ไม่เย็นขึ้นมาอีก

ลองไปถามร้านแอร์อยู่ 2 ร้าน เพื่อเช็คว่าช่างน่าจะวิเคราะห์ปัญหาว่าอย่างไร และค่าซ่อมจะอยู่ที่เท่าไร

ปรากฏว่าทั้ง 2 ร้านต่างก็บอกว่าอาการแบบนี้คอมแอร์น่าจะเสียแล้ว โดยที่ไม่ได้เช็คอะไรมาก ประมาณว่าอาศัยประสบการณ์อันช่ำชอง ร้านแรกบอกว่าเปลี่ยนคอมแอร์ใหม่ พร้อมเติมน้ำยาแอร์ใหม่ก็อยู่ประมาณ 3,500 - 4,000 บาท 

ร้านที่สองตีราคามาว่า เปลี่ยนคอมแอร์ใหม่ เป็นคอมแอร์ญี่ปุ่นมือสอง หรือคอมแอร์ใหม่แต่เป็นของจีน พร้อมเติมน้ำยาแอร์ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 3,000 บาท

ก็ไม่ได้เกี่ยวกับราคาค่าซ่อม ก็เข้าใจว่าถ้าต้องเปลี่ยนคอมแอร์จริงๆ เรตราคาก็จะอยู่ประมาณนั้น แล้วแต่ว่าจะใช้คอมแอร์แบบไหน ถ้าคอมแอร์เสียจริงๆ ก็ยินดีที่จะซ่อม แต่เอะใจว่า คอมแอร์เสียแน่เหรอ ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 

-> รู้สึกว่าช่างทั้ง 2 ร้านสรุปสาเหตุง่ายไปหน่อย ไม่ชงไม่เช็คอะไรให้เลย

-> ตอนที่แอร์เย็นและไม่เย็นอยู่ 2-3 ครั้ง เย็นๆ หายๆ สังเกตุอาการแล้วรู้สึกว่าคอมก็ทำงานปกตินะ เพราะถ้าคอมแอร์เสีย คงไม่กลับมาทำงานได้อีก และจากที่แอร์ไม่เย็น และจังหวะที่แอร์กลับมาเย็น จะได้ยินเสียงตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เป็นจังหวะการตัด-ต่อการทำงานของคอมแอร์ ถ้าให้สันนิษฐานเอง คิดว่าน่าจะเป็นที่คลัทช์คอมแอร์เสียมากกว่า โดยช่วงที่แอร์ไม่ทำงานหรือไม่เย็น อาจจะเป็นเพราะคลัทช์คอมแอร์ไม่จับหรือไม่ทำงาน

ถ้าเป็นคลัทช์คอมแอร์เสียอย่างที่คิด และถ้าเจอช่างที่มีจรรยาบรรณหน่อย จะต้องเช็คและซ่อมเฉพาะจุดให้ได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนคอมแอร์ทั้งลูก 

ตัดสินใจไปร้านแอร์อีกร้าน เป็นร้านที่สามแล้ว เข้าไปรู้สึกว่าโชคดี (อีกแล้ว) ดูลักษณะท่าทาง การพูดคุย การแนะนำ และการวิเคราะห์ปัญหาของช่างแล้วโอเคเลย 

ช่างบอกว่า ไม่คลัทช์คอมแอร์ก็คอมแอร์เลย ต้องลองถอดคลัชท์หน้าคอมแอร์มาเช็คก่อน ถ้าคลัทช์คอมแอร์เสียก็เปลี่ยนเฉพาะคลัทช์ได้ แต่ถ้าคลัทช์คอมแอร์ปกติ ก็เป็นเพราะคอมแอร์แล้วล่ะ 



ได้ยินอย่างนั้น ถ้าสุดท้ายถ้าจะต้องเปลี่ยนคอมแอร์ทั้งลูก ก็ไม่คิดอะไรมากแล้วล่ะ เตรียมใจ เตรียมตังค์ไว้แล้ว

ช่างไปถอดคลัทช์หน้าคอมอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วก็เอามาเช็คให้ดูอยู่ตรงหน้า บอกว่าคลัทช์คอมแอร์เสีย 

ค่าเปลี่ยนคลัทช์คอมแอร์ครั้งนั้นถ้าจำไม่ผิด จ่ายไป 600 บาท ค่าเติมน้ำยาแอร์อีก 400 บาท ขับรถกลับบ้านสบายใจ สบายกระเป๋า (อีกแล้ว)

เรื่องการเปลี่ยนคอมแอร์นี่ผมเห็นมาหลายครั้งแล้ว ถ้ากับคนใกล้ตัวเห็นมา 3 คนแล้ว ที่เอารถไปเช็ค กับศูนย์บริการเองเสียด้วย ช่างบอกให้เปลี่ยนคอมแอร์ สุดท้ายคอมแอร์ยังดีอยู่เลย เสียเงินฟรี พอเจอปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็นกับตัวเอง ก็เลยต้องเช็คดีๆ หน่อย 

ถ้าตั้งแต่ที่แอร์ไม่เย็นตอนแรก แล้วร้อนใจ เพราะอากาศร้อน แล้วรีบเอารถไปซ่อม คงเสียเงิน 4-5 พันโดยไม่ใช่เหตุไปแล้ว








 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2557 15:22:30 น.
Counter : 18663 Pageviews.  

เอารถไปเช็คเบรคที่ 'บีไวไว' เห็นราคาแล้วถอยดีกว่า



https://goo.gl/qKmQBQ

ไม่นานมานี้ (เดือน พ.ค.57) เอารถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่สถานบริการรถยนต์แห่งหนึ่ง ช่างถามว่าจะให้เช็คระบบอื่นด้วยไหม ไม่มีค่าบริการ เลยคิดว่าก็ดีเหมือนกัน กำลังอยากเช็คเบรคพอดี เพราะมีก่อนหน้านี้ไม่นานนัก รู้สึกเบรคมีอาการไม่ค่อยปกติ มีเสียงดังครืดๆ 


แต่ดังอยู่ไม่นานแล้วก็เงียบไปใช้รถได้ตามปกติ แต่ก็อยากรู้ อยากเห็นชัดๆ ว่าตกลงปกติดีหรือว่ามีอะไรที่ควรจะต้องซ่อมหรือเปล่า จะได้รีบทำให้เรียบร้อย

สักเดี๋ยวช่างก็เดินเข้ามาตามในห้องพักลูกค้า เห็นช่างเดินตรงมาหา คิดในใจ รถต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นจริงอย่างนั้น ช่างเชิญให้ไปดูที่รถ พร้อมกับแจกแจงปัญหาต่างทั้งระบบเบรคที่ให้ช่วยเช็ค และช่วงล่างด้วย

สาระสำคัญอยู่ที่ระบบเบรค ช่างบอกว่าเบรคหน้าจานมีรอย จะเจียจานก็คงไม่ได้ เพราะจานบางแล้ว ถ้าเจียแล้วใช้งานต่อจานอาจจะคดได้ ก็โอเค เข้าใจตามคำแนะนำ 

ส่วนเบรคหลัง มีน้ำมันเบรครั่วที่กระบอกเบรค อืม ปัญหานี้สำคัญ เป็นเรื่องของความปลอดภัยชัดเจนเลย



เมื่อช่างแจกแจงปัญหาเสร็จแล้วจึงบอกให้ทำราคามาให้ดูหน่อยว่าต้องเปลี่ยนหรือซ่อมอะไรบ้าง และค่าใช้จ่ายเป็นยังไง

ไม่นานนักช่างก็เดินมาหาอีกพร้อมกับในเสนอราคาค่าซ่อม 2 ใบ ใบหนึ่งเสนอราคาค่าซ่อมช่วงล่าง ไม่ได้ดูรายละเอียดเท่าไร เพราะยังไม่ค่อยสนใจที่จะซ่อม ยังใช้ได้อยู่ จำได้คร่าวๆ ก็จะมีซ่อมลูกหมากปีกนก กับเปลี่ยนโช้ค 4 ต้น ตั้งศูนย์ ฯลฯ รวมราคาค่าซ่อมช่วงล่างอยู่ที่ 15,300 บาท 

ที่ผมสนใจที่สุดคือ ระบบเบรค โดยเฉพาะล้อหลัง เพราะมีน้ำมันรั่วออกมาแล้ว ฝืนใช้ไปคงไม่ดีแน่ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนของการซ่อมเบรคมีรายการและค่าใช้จ่ายคือ...

เบรกหน้า (เป็นดิสก์เบรค) มีรายการซ่อมและค่าใช้จ่ายคือ...

- ผ้าดิสก์เบรคหน้า 1 ชุด 1,990 บาท (ไม่ระบุรุ่นและยี่ห้อ)

- จานดิสก์เบรคหน้า 2 ข้าง 990 บาท

- น้ำมันเบรค 2 กระปุก 400 บาท

- น้ำยาทำความสะอาดเบรค 390 บาท

- ค่าแรง 600 บาท

รวมค่าเสียหายในส่วนของเบรคหน้า 4,370 บาท


เบรกหลัง (เป็นดรัมเบรค) มีรายการซ่อมและค่าใช้จ่ายคือ...

- ก้ามเบรคหลัง 1 ชุด 650 บาท

- กระบอกเบรค 2 ข้าง 2,900 บาท (ข้างละ 1,450 บาท)

- เจียจานดรัมเบรคหลัง 400 บาท (ข้างละ 200 บาท)

- น้ำยาทำความสะอาด 390 บาท

- ค่าแรง 300 บาท

รวมค่าเสียหายในส่วนของเบรคหลัง 4,640 บาท

รวมเบ็ดเสร็จค่าซ่อมเบรคทั้งด้านหน้าและหลังเป็นเงิน 9,010 บาท

เห็นราคาแล้วก็ อืม เอาเรื่องอยู่นะสำหรับรถบ้านๆ อายุจะครบ 10 ปีอีกไม่กี่เดือน รถที่ผมนำไปเช็คเบรคก็คือ Honda City i-DSi ปี 2004 

เห็นราคาแล้ว รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายบางรายการสูงเกินไปหน่อย เช่น ค่าผ้าเบรคหน้า สำหรับรถรุ่นผม เลือกใช้ผ้าเบรคเกรดกลางๆ คุณภาพพอใช้ได้ ราคาประมาณ 900-1,000 บาทก็เบรคได้สบายใจและเพียงพอต่อสมรรถนะของรถเดิมๆ แล้ว 

หรือในส่วนของกระบอกเบรค ถ้าใช้เกรดดีๆ หน่อย เท่าที่เช็คราคากับร้านอะไหล่ตอนหลัง กระบอกเบรคหลังดีๆ สักตัวราคาอยู่ที่ประมาณ 800-900 บาทแค่นั้น ไม่เกินพัน 

ตอนที่ช่างเดินเอาใบเสนอราคามาให้ก็มีการให้คำแนะนำพร้อมกับว่านล้อมกลายๆ ว่าควรที่จะซ่อมนะพี่ ช่วงล่างเอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ระบบเบรคนี่จำเป็นนะ ควรจะรีบทำ เบรคหลังก็รั่วแล้ว 

โอเคครับ เดี๋ยวขอดูรายละเอียดก่อน 

ระหว่างที่รอช่างเติมน้ำมันเครื่องก็พิจารณาอยู่ว่าจะทำอย่างไร ในใจคิดว่าซ่อมน่ะต้องซ่อม แต่คงไม่ซ่อมที่นี่ แล้วก็ค่อยๆ คิดว่าควรทำอะไรอย่างไร

สุดท้ายได้ข้อสรุปว่า...

เบรคหน้า จานเบรคเป็นรอยก็จริง แต่ผ้าเบรคยังเหลืออีกเยอะมาก ค่อนข้างหนาอยู่เลย ไหนๆ จะต้องเปลี่ยนจานเบรคอยู่แล้ว ก็ใช้ให้มันสุดๆ ไปเลย ผ้าเบรคหมดเมื่อไร ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ผ้าเบรคยังหนาอยู่ ใช้ได้อีกหลายเดือน ตัดเรื่องเบรคหน้าไปก่อน 

เบรคหลัง ยังไงก็ต้องซ่อม เพราะมันรั่วนี่ สรุปจะซ่อมเบรคหลังอย่างเดียว แต่จะไปซ่อมกับอู่ข้างนอก แถวๆ บ้าน

วันรุ่งขึ้นก็ขับไปที่อู่แถวบ้านทันที บอกว่าจะเปลี่ยนชุดซ่อมเบรคหลัง น้ำมันเบรคซึมที่กระบอกเบรคหลังขวา แต่หลังซ้ายไม่แน่ใจ

ก็ลองสอบถามราคาก่อน เช็คเสียหน่อย สรุปรายการแบบซ่อมชุดใหญ่ตามที่สถานบริการ 'บีไวไว' เสนอมา ช่างที่อู่แถวบ้านสรุปค่าใช้จ่ายมาให้แบบเต็มแม็กอยู่ที่ 2,500 บาท ไม่เกิน 2,800 บาท พร้อมกับแจกแจงอะไหล่ที่จะนำมาเปลี่ยนให้ชัดเจนว่าเป็นของยี่ห้ออะไร เกรดไหน 

โอเค ถ้าต้องซ่อมชุดใหญ่จริงๆ ยังไงก็ประหยัดไปได้ตั้ง 2 พัน แต่ช่างบอกว่า กระบอกเบรคต้องถอดมาดูก่อน ถ้าไม่เป็นรอยหรือเป็นตามดก็ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งกระบอก เปลี่ยนแค่ชุดซ่อมก็ไม่กี่สิบบาท 

เมื่อช่างถอดล้อหลังทั้ง 2 ข้างออกมาดู สรุปล้อหลังซ้ายไม่ต้องทำอะไรเลย เป่าและล้างทำความสะอาดให้แค่นั้น ผ้าเบรคยังเหลืออีกพอสมควร จานเบรคก็ไม่ต้องเจีย ช่างบอกเป็นรอยนิดหน่อย เล็กน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องเจียหรอก 

ส่วนล้อหลังขวาสรุปแล้วต้องเปลี่ยนกระบอกเบรคเพราะเป็นรอยแล้ว แต่ผ้าเบรคไม่ต้องเปลี่ยน ช่างล้างทำความสะอาด และเอากระดาษทรายมาขัดผิวหน้าให้ ก็ใช้ต่อได้ 

น้ำมันเบรคช่างก็ไม่คิด เพราะเอาที่มีอยู่ที่อู่มาเติมให้ สรุปค่าใช้จ่ายในการซ่อมเบรคครั้งนี้เสียเงินไปเพียง 850 บาท ค่ากระบอกเบรค 1 ข้าง 550 บาท ค่าแรงช่าง 300 บาท

ไม่ได้มีเจตนาจะว่าสถานบริการแห่งนั้นไม่ดี เข้าใจว่าเขาต้องมีกำไรในการประกอบการและค่ามาตรฐานของสถานบริการ แต่ในมุมของคนใช้และคนที่ต้องจ่ายเงิน เราก็ต้องพิจารณาดูความคุ้มค่าและความเหมาะสมกันหน่อย






 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 21 ตุลาคม 2559 20:38:33 น.
Counter : 27256 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

สมาชิกหมายเลข 971259
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มีความสนใจในหลายๆ เรื่อง เวลาที่คิดอะไรได้หรือไปเจออะไรมาก็อยากจะเล่าอยากจะแชร์ อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 971259's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.