เธอ เขา และแมงเม่าอีกหนึ่งฝูง

ฝูงแมงเม่าที่เคยล้อแสงไฟ จากไปก่อนรุ่งสาง

ทิ้งเหลือไว้แต่เพียงปีกบางกองใหญ่

น่าแปลกใจที่ร่างกายอันไร้ปีกของพวกมันไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย

ผมไม่รู้ว่าพวกมันหายไปไหน

หรือวงจรชีวิตที่แสนสั้นของพวกมัน จะจบลงเพียงแค่นั้น

แต่ทำไม เรากลับไม่พบแม้แต่ซากของมันสักตัว



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



คำถามหนึ่งซึ่งเกิดขึ้น ยามที่ได้ไปร่วมงานแต่งงาน ไม่ว่าจะของใครก็ตาม

ก็คือ ณ ห้วงเวลาใด ที่จะทำให้คนเรารู้สึกได้ว่า ควรหยุดความรักลงไว้กับใครสักคน

และยอมที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตในส่วนที่เหลือ เป็นอีกวิถีที่เราไม่คุ้นเคย

ผมยังคงเชื่ออยู่เสมอว่า ไม่ว่ารักแรกของใครจะสวยงามเพียงใด

แต่สิ่งสำคัญที่สุด กลับอยู่ที่การได้รู้จักกับความรักครั้งสุดท้ายของตัวเองนั่นเอง



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



สัตว์โลกทั่วไปมีพฤติกรรมในเรื่องของความรักหรือไม่ ไม่มีใครรู้

สัตว์สองขาผู้เจริญกว่าสัตว์ใด

อาจนิยามความรักของสัตว์อื่นที่ไม่ใช่พวกพ้องของตน

ว่าเป็นเพียงพฤติกรรมของความต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่

สะท้อนออกมาเป็นกระบวนการที่แฝงอยู่ในส่วนย่อยของสัญชาตญาณ

ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยแน่ใจกับบางพฤติกรรม และส่วนลึกของจิตใจตัวเองสักเท่าใด



หากมองมนุษย์เป็นเพียงสัตว์ประเภทหนึ่ง

มิต้องเอ่ยถึงศีลธรรมอันดีงามที่พึงมีพึงจะเป็น

หลายสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้เราเป็น

ก็น่าจะให้คำตอบอะไรเราได้บางอย่าง



สมัยหลายพันหลายหมื่นปีก่อน โอกาสของการรอดของตัวอ่อนของมนุษย์

น่าจะน้อยกว่าในปัจจุบันอย่างมหาศาล เพราะมนุษย์ยังเป็นเพียงสัตว์โลกที่อ่อนแอ

ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม โรคภัยไข้เจ็บ ความเปราะบางของร่างกาย

และการถูกไล่ล่าตามวัฏจักรของห่วงโซ่อาหาร



การที่มนุษย์เพศเมียตกลูกได้เพียงครั้งละ 1 ตัว

(ขออนุญาตใช้คำว่า "ตัว" แทน "คน" เพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นสัตว์โลกธรรมดา)

แถมยังต้องใช้เวลาในการตั้งท้อง และการปรนนิบัติเลี้ยงดูตัวอ่อน เป็นเวลานานกว่าสัตว์ประเภทอื่นๆ

(ปัจจุบัน กว่าตัวอ่อนจะดูแลหาเลี้ยงตัวเองได้ ต้องใช้เวลานับสิบๆปี!!! ช่างเป็นวิวัฒนาการที่ดีอย่างยิ่งยวด!!!)

ยิ่งไปกว่านั้นระยะเวลาการเจริญพันธุ์ของเพศเมีย ยังถูกจำกัดให้น้อยกว่าเพศผู้อีกเกือบเท่าตัว

ทำให้เกิดคำถามต่อมา แล้วธรรมชาติจะสร้างสัญชาตญาณใดมาทดแทนข้อด้อยดังกล่าว

เพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์



(คำคอบที่ดูจะไม่ค่อยน่ายอมรับของคุณผู้หญิงยุคนี้

ก็คงปรากฎให้เห็นได้ไม่ยากในวิถีของคุณผู้ชายบางคน)



ธรรมชาติจึงได้สร้างให้มนุษย์เพศผู้

ไม่ได้เป็นสัตว์ผัวเดียวเมียเดียว

มีความต้องการทางเพศ

และสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอด อย่างไม่จำกัดช่วงเวลา

ผิดกับสัตว์ประเภทอื่น

ที่หลายชนิดยังต้องรอคอยฤดูกาล



สัญชาตญาณเหล่านี้ยังรวมไปถึงพฤติกรรมการเลือกคู่ครอง

(ซึ่งปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เรียกว่ารสนิยมของคนบางคน)

เป็นต้นว่า การที่ผู้ชายบางคน ชอบผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่

และก่อให้เกิดการกระตุ้นความต้องการทางเพศได้มากกว่า

สามารถมองไปถึง สิ่งที่ธรรมชาติได้แฝงไว้

ถึงความเป็นไปได้ของการมีชีวิตรอดของตัวอ่อน

ในแง่ของปริมาณอาหารที่พึงจะได้รับ



หรือผู้หญิงที่มีเอวคอดกิ่ว สะโพกผาย

อาจจะดึงดูดผู้ชายได้มากกว่า

แต่แท้ที่จริง อาจจะเป็นเพียงเพราะธรรมชาติมองว่า

เป็นสรีระที่เหมาะสมแก่การตั้งครรภ์

และโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการแท้งของตัวอ่อนมีอัตราลดต่ำลง เป็นต้น



ศีลธรรมและความเจริญ(ก็เขาเรียกกันว่าอย่างนั้น!!!) ทางด้านจิตใจ

ปรับเปลี่ยนให้สิ่งเหล่านี้ กลายเป็นสิ่งที่แฝงอยู่ที่ไหนสักแห่งในใจคน

รอวันที่จะกลับมาทำร้ายจิตใจของคนใกล้ชิดอีกครั้งในสักวันหนึ่ง

จนบางครั้งความรักของมนุษย์เพศหญิงที่มีต่อมนุษย์เพศชายบางคน

ก็ควรจะปันไว้สำหรับการให้อภัย สำหรับการเป็น"สัตว์เพศผู้"ของเขาในบางเวลา



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะภาวนาให้กับเจ้าบ่าวในงาน

(หรืออาจจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ผมพยายามจะสื่อสารกับตัวเอง)

ในยามที่เขาเหล่านั้นเกาะกุมมือกับเจ้าสาว ท่ามกลางเสียงอวยพรยินดีของแขกเหรื่อ

ก็คือ ขอให้เขาควบคุมดูแล"สัตว์"ในใจของเขาให้สงบลง

กลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ และพร้อมที่จะเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่างง่ายดาย



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



แมงเม่าที่เคยหลงไหลกับแสงไฟมาตลอดทั้งคืนอันยาวนานและหนาวเหน็บ

อาจพร้อมที่จะยุติชีวิตเชกเช่นดั่งเคย ด้วยการยอมสลัดปีกทิ้ง

กลับกลายสู่อีกช่วงหนึ่งของชีวิต พร้อมกับสิ่งใหม่ที่จะเข้ามา

การมีปีกอาจจะดูอิสระ และทำอะไรได้ดั่งใจอย่างมากมาย

แต่ชีวิตใหม่ที่ไร้ปีก ก็อาจจะมีสิ่งอื่นที่มาทดแทน และมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้

ไม่มีใครล่วงรู้ความลับข้อนี้


นอกเสียจาก จะมาลองเป็นแมงเม่าดูเสียเอง




 

Create Date : 12 มกราคม 2552    
Last Update : 13 มกราคม 2552 22:50:00 น.
Counter : 329 Pageviews.  

จักรยานสีแดง



ตอนเด็กๆ ผมเคยอยากได้รถจักรยานอยู่คันหนึ่ง



มันถูกตั้งโชว์อยู่ในแผนกกีฬาของห้างสรรพสินค้าแถวบ้าน

มันเป็นจักรยานที่สวยมากในสายตาของเด็กสิบขวบขณะนั้น

ผมมักจะต้องหาโอกาสแวะเวียนไปชื่นชมอยู่หลายต่อหลายครั้ง

ทั้งในยามที่ติดตามแม่ไปซื้อของ

หรือบางวันที่แอบไปกับเพื่อนหลังเลิกเรียนตามประสา



ผมแอบชอบอยู่นานจนทนไม่ไหว

และที่บ้านก็คงทนเสียงรบเร้าของผมไม่ไหวเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายจึงต้องตกลงกัน จนเกิดเป็นสัญญาข้อหนึ่งขึ้นมา

นั่นคือผมจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี และพ่อจะยอมซื้อจักรยานคันนี้ให้



จำได้ว่าตอนนั้น ผมได้แต่นั่งนับวันนับคืนรอให้ถึงวันสอบไล่ไวๆ

พลางจินตนาการถึงชีวิตช่วงปิดเทอมกับเจ้าจักรยานคันนั้น

ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำคะแนนได้ดีแค่ไหน

สิ่งเดียวที่ทำได้ คือตั้งใจอ่านหนังสือ และขยันเรียนอย่างผิดหูผิดตา



จนถึงวันประการผลสอบ

ผมกลับบ้านพร้อมกับสมุดรายงานผล

ที่ระบุเกรดสี่ครบทุกวิชาเป็นเทอมแรก

และอีกสองชั่วโมงต่อมา

ผมก็ได้อยู่บนรถจักรยานสีแดงคันนั้นสมใจ



ผมใช้ชีวิตอยู่กับมัน จนแทบจะลืมกินข้าวกินปลาตลอดปิดเทอม

ตั้งแต่เช้าก็จะออกไปขี่เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน

ท่ามกลางสายตาอันชื่นชมของทุกคน

โดยไม่ยอมแม้แต่จะให้ใครมาลองขี่

ตกเย็นก่อนเข้าบ้าน ก็จะต้องเอาผ้าชุบน้ำเช็ดจนสะอาด

แล้วจึงหยิบเอาผ้าพลาสติกผืนยาวมาคลุมเป็นประจำทุกวัน



ผมทำอย่างนั้นอยู่หลายเดือน

จนกระทั่งความสนใจของผมและเพื่อนในกลุ่มเริ่มเปลี่ยนไป

เพื่อนคนหนึ่งของผมได้ของขวัญวันเกิดเป็นวีดีโอเกม

สีสันและความแปลกใหม่ สามารถเรียกร้องให้ทุกคน

ต้องไปรวมตัวอยู่หน้าจอโทรทัศน์เป็นประจำทุกวันหลังเลิกเรียน



ส่วนจักรยานสีแดงคันโปรดของผมจึงถูกละเลยไปตามกาลเวลา

จะขี่เล่นบ้างแต่ก็ไม่ค่อยได้ดูแลรักษาเหมือนก่อน

จนในที่สุดก็ถูกปล่อยทิ้งให้จอดไว้จนยางแบนติดกับพื้นโดยไม่สนใจ

ซึ่งตัวเจ้าของเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเคยชอบจักรยานคันนี้มากเพียงใด



สิบกว่าปีผ่านไป ตอนนี้ผมกำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่...





 

Create Date : 02 มกราคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2552 2:45:50 น.
Counter : 201 Pageviews.  

หนังสือของด้วง



เวลาที่ใครเจอด้วง ก็มักจะเห็นเขาถือหนังสือเล่มนี้ติดตัวอยู่เป็นประจำ

ด้วงเป็นเด็กที่มีนิสัยรักการอ่าน แต่จะผิดแผกไปบ้างก็เพียงว่า

ด้วงวนอ่านหนังสืออยู่เพียงไม่กี่เล่ม

รวมถึงเล่มนี้ที่ด้วงถูกใจมากที่สุด



สำหรับเด็กวัยสิบเอ็ดขวบอย่างด้วง ซึ่งการอ่านควรจะพัฒนาจนสามารถอ่านหนังสือที่หลากหลาย

และมีความยาวมากกว่านี้ได้แล้ว หากไม่นับหนังสือเรียน หรือหนังสือ(บังคับ)อ่านนอกเวลาแล้ว

ด้วงก็จะใช้เวลาที่เหลืออ่านแต่หนังสือที่ตัวเองชอบ จำพวกหนังสือภาพสำหรับเด็ก

ที่มีภาพวาดสวยงาม และเนื้อหาที่สนุกสนานชวนติดตามอย่างเล่มนี้เป็นต้น



บางครั้งที่แม่ลองซื้อหนังสือเล่มใหม่ๆมาให้ หลายเล่มเป็นวรรณกรรมเยาวชนจากต่างประเทศ

ที่มียอดขายมากมายและเป็นที่ถูกใจกับเด็กทั่วโลก แต่เด็กคนหนึ่งในประเทศเล็กๆอย่างด้วง

กลับไม่เคยสนใจ



หลายครั้งที่แม่บ่นซ้ำๆ ในยามที่ด้วงไม่ยอมอ่านหนังสือที่ซื้อมาให้

ด้วงก็จะแสร้งทำเป็นหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน

สายตาที่ดูเหมือนจับจ้องอยู่กับบรรดาตัวหนังสือเหล่านั้น

แท้ที่จริงกลับกลายเป็นสายตาที่ลอยผ่าน โดยไม่สามารถจับใจความใดๆได้เลย



จนเมื่อแม่คล้อยหลัง หรือด้วงทำให้แม่เข้าใจได้ว่า เขาอ่านหนังสือที่แม่ซื้อมาให้จบแล้ว

ด้วงก็จะคว้าเอาหนังสือเล่มเก่า ออกมาพลิกอ่านไปทีละหน้าช้าๆ อย่างสุขใจ



ด้วงไม่เคยบอกแม่หรอก (จะว่าไปแล้ว แม่ก็ไม่เคยถามด้วงเหมือนกัน)

ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ

ด้วงรู้แต่เพียงว่า เขาเกลียดช่วงเวลาในการเริ่มต้นอ่านหนังสือเล่มใหม่

เขาไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้ความอดทนมากมายแค่ไหน

และนานเท่าไร กว่าที่เขาจะเริ่มคุ้นเคย จนสนุกไปกับมัน

ด้วงกลัว หากเขาต้องทนอ่านต่อไปเรื่อยๆจนจบ

แต่กลับไม่รู้สึกชอบมันเลย

สู้เอาเวลาที่ต้องทนใช้ในตรงนั้น

กลับไปอ่านหนังสือเล่มที่เขาคุ้นเคยมาโดยตลอด

และมั่นใจได้ว่ามันจะสร้างความสุขให้เหมือนกับทุกครั้งที่ได้อ่าน

จะไม่ดีไปกว่าหรือ



แต่หากจะว่าไปแล้ว ไม่แต่เพียงหนังสือหรอกที่ด้วงมีไม่กี่เล่ม

แม้แต่เพื่อนเอง ด้วงก็เลือกคบอยู่เพียงไม่กี่คน

คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงที่ด้วงถูกจับให้นั่งคู่กันตั้งแต่วันแรกของการเข้าโรงเรียน

หลังจากนั้นในแทบทุกที่ที่มีเธอ จะต้องเห็นด้วงอยู่ด้วยไม่ไกล



วาดกับด้วงสนิทกันมาก

อันที่จริงแล้ววาดยังสนิทกับเพื่อนอีกหลายๆคน

อาจจะเป็นเพราะวาดเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก เรียนดี

และดูเก่งไปเสียทุกเรื่อง ตรงกันข้ามกับด้วงอย่างขาวกับดำ



วาดเคยชวนให้ด้วงมาเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่เหมือนกัน

แต่ก็ดูเหมือนว่าด้วงจะปฏิเสธแทบทุกครั้ง

วาดเคยเล่าให้ฟังถึงสุภาษิตอินเดียนแดงอันหนึ่งที่เธอเคยอ่านเจอว่า

คนเราควรจะหัวเราะให้ได้วันละครั้ง ร้องเพลงให้ได้วันละหน

และรู้จักคนเพิ่มขึ้นให้ได้วันละคน

ด้วงก็ได้แต่ยิ้ม และนึกดีใจอยู่เหมือนกัน ที่เขาไม่ได้เป็นอินเดียนแดง



จนเมื่อเปิดเทอมใหม่ในปีนี้

วาดดูเหมือนจะมีอะไรใหม่ๆที่ต้องทำมากมาย

จนเริ่มที่จะไม่มีเวลาคุยเล่นกับด้วงเหมือนเคย

เธอถูกเลือกจากบรรดาครูให้เป็นประธานนักเรียนชั้นป.6

การกวดขันจากทางบ้านให้เรียนพิเศษสำหรับเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมมีชื่อ

ยังไม่นับการฝึกซ้อมสำหรับตัวแทนเขตในกีฬาเยาวชนแห่งชาติตอนปลายปี



เมื่อวาดเริ่มไม่มีเวลาให้

นอกจากในเวลาเรียนแล้ว ด้วงจำต้องเริ่มนั่งอยู่คนเดียว

บ่อยครั้งเข้า เขาจึงเฝ้าติดตามวาดไปตามที่ต่างๆ

วาดก็ทำได้แค่หันมายิ้มให้เขาบ้างเป็นบางที แต่แทบไม่ได้คุยกัน

ด้วงรู้สึกว่า วาดไม่สนิทกับเขาเหมือนเคย



แล้ววันหนึ่งวาดกลับเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหาด้วงหลังเลิกเรียน

ด้วงไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมวาดไม่ไปซ้อมกีฬาเหมือนทุกวัน

วาดยิ้มเหมือนกำลังดีใจกับอะไรอยู่สักอย่าง

ก่อนจะบอกถึงข่าวดี

วาดได้สิทธิ์โควตานักกีฬาในการเข้าเรียนต่อโรงเรียนมัธยมที่เธอใฝ่ฝัน



ด้วงยิ้ม และดีใจกับวาดไปด้วย

ทั้งที่ในใจได้แต่คิดว่า

ทำอย่างไรเสีย เขาก็คงไม่มีความสามารถพอที่จะตามวาด

เข้าไปเรียนในโรงเรียนชื่อดังแห่งนั้นได้อย่างแน่นอน



ด้วงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

หรือบางที อาจจะถึงเวลาแล้ว

ที่เขาควรจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่ๆ ดูบ้าง






 

Create Date : 02 มกราคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2552 2:47:32 น.
Counter : 189 Pageviews.  

...หนาว


หน้าหนาวมาถึงอีกแล้ว รู้หรือยังครับ



ด้วยความที่ระยะหลัง มันมักจะมาไม่ค่อยเป็นเวลาเหมือนแต่ก่อน

หลายคนจึงคงไม่แน่ใจกับการมาของมัน

หลายครั้งที่มันคอยแต่จะเล่นตัวบ้าง แวะโอ้เอ้อยู่กลางทางบ้าง

หรือบางคราวก็โผล่หน้ามาให้เห็น แต่ยังไม่ทันจะเต็มหน้า

กลับพาลหายตัวไปเสียดื้อๆ ดูช่างเอาใจยากเสียจริง



เป็นอันว่าถ้าคุณยังลังเลที่จะเชื่อ ลองสะกิดถามคนใกล้ๆตัวคุณ ดูก็ได้

หรือถ้าชีวิตของคุณมีไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว (แต่ผู้คนยังเข้าไม่ถึง) ก็ลองเปิดวิทยุฟังดูเถอะ

คลื่นไหนก็ได้ สักพักคุณจะได้ยินเสียงพี่ๆ ดีเจ ออดอ้อนกับคุณ

ตามด้วยเพลง ‘ลมหนาว’ จากชาวคณะ tea for three

เป็นสัญลักษณ์ของโมงยามแห่งเหมันตฤดู

ราวกับยามสดับเพลงชาติไทยตอนแปดโมงเช้า และหกโมงเย็น



คล้ายว่าปลายขนตามต้นแขน ก็คอยจ้องที่จะรอคอยหน้าหนาวอยู่เหมือนกัน

เพราะในช่วงที่สายลมยามเช้าอันเป็นพาหนะของความหนาว พัดผ่านมาใกล้จนได้หยอกล้อกันนั้น

เจ้าปลายขนก็จะส่งสัญญาณผ่านไปตามสายความรู้สึกแรงสูงสู่สมองให้รับรู้

ถึงการเยี่ยมเยือนของอาคันตุกะที่คุ้นเคย

ช่วงจังหวะนั้นเองที่ปลายขน จะพลอยรู้สึกสนุกสนานไปกับการทำงานเป็นอย่างมาก

ด้วยที่มันมักจะแอบแฝงส่งสัญญาณที่เกินบทบาทหน้าที่ไปด้วย

ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณความเหงาอย่างสุดแสน

สัญญาณความเศร้าสุดทน หรือกับการปลุกสัญญาณแห่งความรักอันสุดใจ

จนบางครั้งหัวใจก็อดที่จะคอยติเตียนไม่ได้ เพราะมันทำให้เขาต้องทำงานหนักเหลือเกิน



หากเหล่ากบทั้งหลายที่เฝ้ารอคอยสายฝน ได้เริงร่าอีกครา

(ไม่ต่างไปจากตอนที่เจ้าหญิงมาจุมพิตพวกมันทีละตัว) ยามเมฆครึ้มฟ้าคำราม

คนเราก็คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่งที่กลับเฝ้าคอยลมหนาว

กบเบียดเสียดแย่งน้ำฝนกันเท่าใด

คนก็คอยไปเบียดเสียดแย่งเส้นสายแห่งความหนาวอยู่ตามเขาสูงเท่านั้น

แม้พระอาทิตย์บนท้องฟ้ายามเช้า จะต้องใช้เวลานานเลยทีเดียว กว่าจะฟันฝ่าหมอกหนาขึ้นมาได้

แต่ดูเหมือนว่าพระอาทิตย์ในใจของคนเหล่านั้น กลับส่องสว่างขึ้นก่อนหลายเพลา



ตอนเด็กๆ เราก็มักจะอดใจไม่ให้สนุกและตื่นเต้นไปกับหน้าหนาวด้วยไม่ไหว

แม้บางครั้งแค่กลิ่นอายของมัน ก็เร่งเร้าให้เราต้องรีบไปค้นตู้เสื้อผ้า

ควานหาเสื้อแขนยาวตัวนุ่มหนามาใส่กันทั่วหน้า

แล้วยังชีวิตที่หมกตัวอยู่ในผ้าห่มอีกล่ะ

มันทำให้การ์ตูนในโทรทัศน์ยามเช้า ดูสนุกขึ้นทันตา

แต่ทั้งหมดก็ต้องแลกมากับเสียงบ่นของแม่

ยามที่เราเริ่มต่อรอง จะไม่อาบน้ำในยามเช้าที่ยะเยือกไปถึงใจตอนนั้น



ถึงตอนนี้แน่ใจเถอะครับว่าปีนี้ลมหนาวมาเคาะประตูบ้านเราแล้วจริงๆ

แต่จะยาวนานแค่ไหน และแต่ละคนจะรับมือกับมันอย่างไร

ก็สุดแท้แต่จะคาดเดา



จะพึ่งพาผ้าห่มเหมือนทุกปี

หรือจะลองขยับเข้าไปใกล้คนที่เรารัก ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย

ก็ลองเลือกดูนะครับ



สวัสดี หน้าหนาวครับ






 

Create Date : 02 มกราคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2552 2:50:55 น.
Counter : 149 Pageviews.  


คนรักในวันหยุด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...ไม่เพียงแค่มองเครื่องบิน

แต่ยังมองทุกสิ่งบนฟากฟ้า...


Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คนรักในวันหยุด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.