กิเลสๆๆๆ มาดูตัวกิเลสกัน
กรรมกิเลส 4 (กรรมเครื่องเศร้าหมอง, ข้อเสื่อมเสียของความประพฤติ - defiling actions; contaminating acts; vices of conduct) 1. ปาณาติบาต (การตัดรอนชีวิต - destruction of life) 2. อทินนาทาน (ถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้, ลักขโมย - taking what is not given) 3. กาเมสุมิจฉาจาร (ประพฤติผิดในกาม - sexual misconduct) 4. มุสาวาท (พูดเท็จ - false speech)
กิเลส 10 (สภาพที่ทำให้จิตเศร้าหมอง — defilements) 1. โลภะ (ความอยากได้ — greed) 2. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย — hatred) 3. โมหะ (ความหลง, ความไม่รู้, ความเขลา — delusion) 4. มานะ (ความถือตัว — conceit) 5. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด — wrong view) 6. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย, ความเคลือบแคลง — doubt; uncertainty) 7. ถีนะ (ความหดหู่, ความท้อแท้ถดถอย — sloth) 8. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน — restlessness) 9. อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อความชั่ว — shamelessness) 10. อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อความชั่ว — lack of moral dread)
อุปกิเลส หรือ จิตตอุปกิเลส 16 (ธรรมเครื่องเศร้าหมอง, สิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัว รับคุณธรรมได้ยาก ดุจผ้าเปรอะเปื้อนสกปรก ย้อมไม่ได้ดี — mental defilements) 1. อภิชฌาวิสมโลภะ (คิดเพ่งเล็งอยากได้ โลภไม่สมควร, โลภกล้า จ้องจะเอาไม่เลือกควรไม่ควร — greed and covetousness; covetousness and unrighteous greed) 2. พยาบาท (คิดร้ายเขา — malevolence; illwill) 3. โกธะ (ความโกรธ — anger) 4. อุปนาหะ (ความผูกโกรธ — grudge; spite) 5. มักขะ (ความลบหลู่คุณท่าน, ความหลู่ความดีของผู้อื่น, การลบล้างปิดซ่อนคุณค่าความดีของผู้อื่น — detraction; depreciation; denigration) 6. ปลาสะ (ความตีเสมอ, ยกตัวเทียมท่าน, เอาตัวขึ้นตั้งขวางไว้ ไม่ยอมยกให้ใครดีกว่าตน — domineering; rivalry; envious rivalry) 7. อิสสา (ความริษยา — envy; jealousy) 8. มัจฉริยะ (ความตระหนี่ — stinginess; meanness) 9. มายา (มารยา — deceit) 10. สาเถยยะ (ความโอ้อวดหลอกเขา, หลอกด้วยคำโอ้อวด — hypocrisy) 11. ถัมภะ (ความหัวดื้อ, กระด้าง — obstinacy; rigidity) 12. สารัมภะ (ความแข่งดี, ไม่ยอมลดละ มุ่งแต่จะเอาชนะกัน — presumption; competing contention; contentiousness; contentious rivalry; vying; strife) 13. มานะ (ความถือตัว, ทะนงตน — conceit) 14. อติมานะ (ความถือตัวว่ายิ่งกว่าเขา, ดูหมิ่นเขา — excessive conceit; contempt) 15. มทะ (ความมัวเมา — vanity) 16. ปมาทะ (ความประมาท, ละเลย, เลินเล่อ — heedlessness; negligence; indolence)
กิเลสวัตถุ (สิ่งก่อความเศร้าหมอง) 10 วิปัสสนูปกิเลส 10 (อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา, ธรรมารมณ์ที่เกิดแก่ผู้ได้ตรุณวิปัสสนา หรือวิปัสสนาอ่อนๆ ทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว เป็นเหตุขัดขวางให้ไม่ก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ — im-perfection or defilements of insight) 1. โอภาส (แสงสว่าง — illumination; luminous aura) 2. ญาณ (ความหยั่งรู้ — knowledge) 3. ปีติ (ความอิ่มใจ — rapture; unprecedented joy) 4. ปัสสัทธิ (ความสงบเย็น — tranquillity) 5. สุข (ความสุขสบายใจ — bliss; pleasure) 6. อธิโมกข์ (ความน้อมใจเชื่อ, ศรัทธาแก่กล้า, ความปลงใจ — favor; resolution; determination) 7. ปัคคาหะ (ความเพียรที่พอดี — exertion; strenuousness) 8. อุปัฏฐาน (สติแก่กล้า, สติชัด — established mindfulness) 9. อุเบกขา (ความมีจิตเป็นกลาง — equanimity) 10. นิกันติ (ความพอใจ, ติดใจ — delight)
สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่ ๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต ๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ ๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่ ๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม ๘. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ ๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน ๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง;
พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นได้, พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงด้วย, พระอนาคามี ละสังโยชน์ ๕ ข้อต้นได้หมด, พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ; ในพระอภิธรรมท่านแสดงสังโยชน์อีกหมวดหนึ่ง คือ ๑. กามราคะ ๒. ปฏิฆะ ๓. มานะ ๔. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ๕. วิจิกิจฉา ๖. สีลัพพตปรามาส ๗. ภวราคะ (ความติดใจในภพ) ๘. อิสสา (ความริษยา) ๙. มัจฉริยะ (ความตระหนี่) ๑๐. อวิชชา
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2554 | | |
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 0:49:30 น. |
Counter : 636 Pageviews. |
| |
|
|
|