Say "La ilaha ill Allah"
Group Blog
 
All Blogs
 
เส้นทางแห่งศรัทธา ตอนที่ ๕ (อำลา อัล-ฮะรอม)

ผมใช้เวลาอยู่ที่มักกะฮ์เป็นเวลา 14 วัน ช่วงเวลานี้ผมประกอบอิบาดะฮฺและหาความรู้ควบรู้กันไป

ที่ต่อไปที่ไปทัศนศึกษาคือโรงงานทอกิสวะฮ์ หรือผ้าคลุมกะอฺบะฮฺ ซึ่งแต่ละปี จะเปลี่ยนผ้าคลุมครั้งนึง โรงงานนี้อยู่ไม่ไกลจากมักกะฮ์มากนัก ผ้ากิสวะฮ์นั้นมีลักษณะคล้ายผ้าไหมสีดำ ส่วนลายนั้นช่างจะลงด้วยด้ายสีเหลืองก่อน ซึ่งลายนั้นเป็นถ้อยคำจากพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน



ที่นี่จะให้ช่างที่เป็นผู้ชายทั้งหมด...




หลังจากที่ลงลายด้วยด้ายสีเหลืองเสร็จ...ก็ถึงขั้นตอนของการลงเส้นทอง...




เมื่อเสร็จจะออกมาในลักษณะนี้ ซึ่งจะนูนและแข็ง เนื่องจากใช้ทองจริงๆ...ราคาในการทำจึงมหาศาล...




เครื่องทอผ้า


กิสวะฮ์นั้นเมื่อมองไกลๆจะเห็นเป็นสีดำ แต่เมื่อเดินเข้าไปมองใกล้ จะเป็นลวดลายสีดำอยู่บนเนื้อผ้าด้วย เป็นลายถ้อยคำจากอัล-กุรอานเช่นกัน




หลังจากชมโรงงานทอผ้าเสร็จแล้ว จึงเดินทางต่อไปยังฮุดัยบิยะฮ์ ซึ่งเป็นตำบลทางตอนใต้ของมักกะฮ์ ที่นั่นเมื่อไปถึงจะพบกับมัสญิดหลังหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญคือ เป็นจุดที่ท่านนบีมุฮัมมัดทำสัญญาสันติภาพกับชาวมักกะฮ์ผู้ปรารถนาที่จะเอาชีวิตของท่านนบี ชื่อว่า"สนธิสัญญาฮุดัยบิยะฮ์" โดยเนื้อความของสนธิสัญญาคือ

1.นี่เป็นสัญญาที่มุฮัมมัด บุตรของอับดุลลอฮฺ ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นการประนีประนอมกับสุฮัยลฺ อิบนุ อุมัร
2.ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะไม่ทำสงครามกันเป็นเวลา 10 ปี
3.ในช่วงนี้คนทั้งสองฝายจะได้รับความปลอดภัยไม่มีการต่อสู้กัน
4.หากใครคนหนึ่งจากเผ่ากุเรซไปยังมาดินะฮ์ ผู้นั้นต้องถูกส่งตัวกลับ แต่ถ้ามุสลิมคนได้ไปยังมักกะฮ์ ผู้นั้นจะไม่ถูกส่งตัวกลับ
5.เผ่าต่างๆในอาระเบียมีอิสระที่จะเข้ามาทำสัญญาเป็นพันธมิตรได้ทั้งสองฝ่าย
6.ในปีนี้ มุสลิมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอุมเราะฮ์ แต่มาทำได้ในปีหน้า และจะพักอยู่ในมักกะฮ์ได้แค่ 3 วัน
7.มุสลิมจะต้องไม่พกอาวุธเข้ามาในเมือง

สนธิสัญญานี้ แม้มุสลิมจะเสียเปรียบแต่ท่านนบีก็ทำ เพราะต้องการรักษาสันติภาพไว้ให้มากที่สุดที่ท่านจะทำได้ เพื่อปกป้องประชาชาติมุสลิมของท่าน



หลังจากที่ฮุดัยบิยะฮ์แล้วจึงเดินทางไปที่ฟาร์มอูฐใกล้ๆกัน ตลอดข้างทางจะมองเห็นแต่ทะเลทราย...




ฟาร์มอูฐ ต้องนั่งรถออกมาในทะเลทราย




นมอูฐ.....รสชาติมันๆและหวานกว่านมวัว อร่อยดี




หลังเล่นกะอูฐมาพักนึง ผมจึงเดินมางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์จัดแสดงสถาปัตยกรรมและของจาก 2 มัสญิดศักดิ์สิทธิ์



ทางเข้า........




กรอบเงินเก่าของ อัลฮัญรัล อัสวัด หรือ หินดำนั้นเอง




มิมบัร หรือ แท่นบรรยายศาสนธรรม.....




เสาค้ำหลังคาภายในกะอฺบะฮฺ เก่าแก่มาก ตอนนี้เหลือแต่ตอแล้ว




ชิ้นส่วนผ้ากิสวะฮ์(ผ้าคลุมกะอฺบะฮฺ) สมัยเคาะลีฟะฮฺ อัล-มะมูน อัรฺรอชีด แห่งราชวงศ์อับบาสิยะฮ์แห่งแบกแดด เป็นสีแดง!!....น่าแปลกใจว่าเมื่อก่อนคลุมผ้ากิสวะฮ์สีแดง




สีเขียว!




ในสมัยของเคาะลีฟะฮฺมะมูน อัรฺรอชีด นั้นเคยมีการเปลี่ยนผ้ากิสวะฮ์ถึง 3 ครั้งใน 1 ปี โดยใช้กิสวะฮ์สีแดง สีขาว และ เขียวตามลำดับ แต่สรุปสุดท้ายท่านสั่งให้ใช้สีดำ หลังจากนั้นเลยใช้สีดำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้




ขอบบ่อน้ำซัมซัมในมัสญิดอัล-ฮะรอม ในสมัยที่ยังใช้รอกหย่อนถังลงไปตัก(เดี๋ยวนี้ปิดปากบ่อไปแล้ว ใช้วิธีการสูบขึ้นมาจากบ่อแทน)




ภายในตัวเมืองมักกะฮ์...




โรงแรมและร้านขายของต่างๆ...




ท่าจอดรถ ในภาพจะเห็นหออะซาน ของมัสญิดอัล-ฮะรอม




ด้านข้างมัสญิดนี้ตรงกับด้านที่เป็นทางสะอีย์...




ทางเข้าอีกด้านนึง ประตูนี้ชื่อประตูฟาฮัด(Fahd's Gate)




รั้วสีดำด้านล่างคือห้องน้ำ จะเข้าต้องลงบันไดเลื่อน เมื่อลงไปจะเจอกับห้องน้ำขนาดใหญ่ด้านล่าง...




ด้านที่ผมยืนอยู่จะเป็นด้านที่มีศูนย์การค้าใหญ่ นั่นคือห้าง Bin Dawood ช่วงเย็นๆคนจะเริ่มทยอยกันมาเพื่อเตรียมตัวละหมาดมักริบ(ตอนพระอาทิตย์ตก)




วังของกษัตริย์ซาอุฯ...




ตอนเย็นคนที่ลานเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ...ผมเลยต้องไปขึ้นชั้นสอง




เวลาละหมาดเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกดีมาก เราพี่น้องมุสลิมได้สักการะอัลลอฮฺพร้อมๆกัน เป็นหมื่นๆคน(ช่วงฮัจญ์นี่เป็นล้าน) คำถามที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ "Where're you come from?" ส่วนมากเขาจะนึกว่าน่าตาเอเชียๆ แบบนี้มาเลเซียแหงๆ ผมก็ตอบกลับไปว่า"I'm from Thailand" เขาก็ตกใจร้อง"Oh! Thailandi Alhamdulillah welcome to Makkah my brother " รู้สึกเป็นกันเองมาก ไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา นี่แหละคือภราดรภาพแห่งอิสลาม




หลังจากละหมาดเสร็จก็แวะกินอาหารข้างทางซักหน่อย...ร้านเนื้อหมุน(เรียกชื่อไม่ถูก)




นี่ร้านประจำผม มาซื้อจนเขาจำได้ ผมว่าเขาเรียกว่าเนื้อกะบาบ นะ วิธีทำคือเขาจะสไลด์เนื้อ(มีเนื้อกับไก่) ลงมาในกะทะผัด ผัดกับหอมใหญ่แตงกวามะเขือเทศ เสร็จก็ห่อด้วยขนมปังหรือไม่ก็แป้งนาน แล้วราดซอสแล้วก็เดินถือกินสบายใจ...(กินไปนั่งมองฮะรอมไป)



แมว...เจอประจำที่ประตูทางเดินสะอีย์ด้านเนินเขามัรวะฮฺ ตัวนี้เจอแทบทุกคืนเลย...




สถาปัตยกรรมเพดานมัสญิดชั้นสอง(ที่ประจำ)




วันนี้จะต้องไปละหมาดให้ชิดกะอฺบะฮฺซักหน่อย เผอิญเป็นช่วงสายๆคนไม่เยอะ




พอไปถึงก็สามารถเข้าไปละหมาดซุนนะฮฺ 2 รอกาอัต ในโค้งหินอิสมาอีล หลังจากนั้นจึงเดินเลาะขอบกะอฺบะฮฺไปจูบที่อัลฮัญรัล อัสวัด หรือ หินดำได้(อัลฮัญรัล อัสวัด หรือหินดำนั้นเป็นหินขนาดประมาณลูกฟุตบอล เป็นจุดเริ่มต้นและกำหนดรอบของการเดินตอวาฟ)...(แดดร้อนจริงๆครับ)

วันศุกร์ก่อนกลับ ได้ละหมาดญุมอะฮฺวันศุกร์ครั้งสุดท้าย วันศุกร์มีการคุตบะฮฺ(บรรยายศาสนธรรม) ซึ่งผมอยากเข้าใจภาษาอาหรับมาก เพราะวันนี้คอเฏ็บถึงกับร้องไห้ รวมถึงอิมาม(ผู้นำละหมาด)ก็ร้องไห้(อ่านไปร้องไห้ไป)



และแล้ว.....วันสุดท้ายก็มาถึง
เป็นความรู้สึกเสียใจปนเสียดายที่จะต้องจากมหานครแห่งนี้ไปแล้ว หลังจากละหมาดปกติเสร็จ ณ เวลา 5 ทุ่มกว่าๆ ผมได้ออกจากที่พักตรงไปยังมัสญิดอัล-ฮะรอม เพื่อไปทำการตอวาฟวิดะอฺ หรือตอวาฟอำลา เป็นการเดินวนรอบกะอฺบะฮฺ 7 รอบ เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องไม่มีการปฏิบัติศาสนกิจใดๆอีกและจะไม่กลับเข้ามัสญิดอีกหลังจากเสร็จ ระหว่างเดินวนอยู่นั้นผมรู้สึกถึงความเป็นเอกภาพและภราดรภาพเดียวกันของพี่น้องมุสลิมจากทั่วโลก ที่พร้อมรำลึกความยิ่งใหญ่ของเอกองค์อัลลอฮฺ ณ ที่นั่นคุณจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นมดตัวเล็กๆท่ามกลางผู้ชนหลายร้อยที่เดินก้าวไปพร้อมกับผมซึ่งต่างเผ่าพันธุ์ ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา และไม่รู้จักกัน และสายสัมพันธ์แห่งอิสลามทำให้เข้าใกล้ชิดกัน เป็นอุมมะฮฺ(ประชาชาติ)ของท่านนบี...ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นแขกของอัลลอฮฺ ที่พระองค์ได้เชื้อเชิญผมมาที่นี่ หลังจากตอวาฟเสร็จ และละหมาดซุนนะฮฺหลังมะกอมอิบราฮีม ผมได้ขอดุอาไว้ว่า "อินชาอัลลอฮฺ ผมอยากมีโอกาสได้กลับมายังมหานครที่แห่งนี่อีก มหานครมักกะฮฺ มหานครแห่งศรัทธา....อามีน"

ผมขอขอบคุณอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณาเสมอ ที่ทำให้ผมได้ปฏิบัติภารกิจลุล่วงไปด้วยดี เสร็จแล้วผมเดินออกจากมัสญิดโดยที่ผมเหลียวมองอัลกะอฺบะฮฺจนลับตา ลาก่อนอัล-ฮะรอม อินชาอัลลอฮฺ สักวันผมจะกลับไปอีก..........




สุดท้ายผมอยากให้พี่น้องได้รับรู้ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆจากผม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอขอบคุณที่อุตส่าห์ติดตามชมนะครับ

วัสสลาม




Create Date : 21 สิงหาคม 2549
Last Update : 4 มิถุนายน 2550 18:07:30 น. 15 comments
Counter : 3536 Pageviews.

 
อ่านแล้วคิดถึง
อยากกลับไปใหม่
อยู่แล้วใจสงบสุข
วันๆทำแต่อิบาดะห์ อ่านกรุอาน
ได้ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมด้วยกัน

ได้เพื่อนต่างชาติ ได้พบชาติต่างๆทั่วโลก

อินชาอัลลอฮฺ ถ้ามีโอกาสจะกลับไปใหม่

ขอบคุณทำให้ระลึกถึง สิ่งที่ดีที่นั่นค่ะ


โดย: นะ(รก) วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:8:21:37 น.  

 
อยากกินนมอูฐ


โดย: mysweethome วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:20:43:43 น.  

 
ภาพแบบนี้ไม่เคยได้เห็น ขอบคุณครับ


โดย: canx วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:21:11:04 น.  

 
ขอบคุณมาก ทำให้ได้รู้ลึกจริง ๆ อยากให้พ่อไปมากเลย แต่ท่านก็ไม่มีโอกาสซะแล้ว แต่จะพยายามให้พี่ชายไปทำแทนท่านให้ได้ค่ะ


โดย: ......... IP: 58.136.135.35 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:11:30:56 น.  

 
Masha'Allah

Subahan'Allah

Allahuakbar

Allahamdulillah


โดย: Fay (ibafay ) วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:0:56:38 น.  

 
อิ่มบุญ จริง ๆ อ่านแล้ว ตื้นตันใจ อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์


โดย: ไฟซ้อล IP: 125.24.138.124 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:15:39:33 น.  

 
อยากไปจังเลยค่ะ ดูบรรยากาศแล้วอยากไป


โดย: นานา IP: 124.157.216.216 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:14:25 น.  

 
อยู่ที่นี้มีความสุข จิตใจสงบสุข


โดย: นานา IP: 124.157.216.216 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:16:20 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับ 5 ตอนที่มีค่า ทั้งข้อความบรรยาย และภาพประกอบ สวยงามมากค่ะ ได้ความรู้มากมายที่อยากรู้เกี่ยวกับศาสนกิจของอิสลาม มานานแล้วค่ะ..

คิดว่าคุณคงจะได้กลับไปอีกครั้ง..
และกลับมาเล่าประสบการณ์ให้เราได้รับทราบอีกในครั้งหน้านะคะ...


โดย: รินทร IP: 125.27.233.165 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:0:48:57 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพสวยๆ


โดย: yarona IP: 203.170.236.195 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:13:16:41 น.  

 
อัลฮัมดุลิ้ลละ

อ่านแล้วรู้สึกดีจัง ทำให้อยากไปทำฮัจย์บางแล้ว รูปแต่ละรูปช่างทำให้จิตใจสงบมากๆ

ขอบคุณที่ทำ blog ดีๆนะค่ะ


โดย: jairuck IP: 110.164.75.115 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:22:31:12 น.  

 
ดีมากเลยครับ ทำให้คนที่ไม่เคยไป ได้เห็นภาพ ได้ความรู้มากเลย อินฉาอัลเลาะห์ ตั้งใจว่าจะต้องไปให้ได้ครับ


โดย: ดีมากเลย IP: 203.158.176.223 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:10:18:47 น.  

 
Thailand เมี้ยวๆ พวกพ่อค้าที่มักกะฮ์ชอบพูดกันเวลาเห็นคนไทยไปซื้อของ.....มันแปลว่า ไม่เอาๆๆ(เวลาเค้าชวนดูของ) อัลฮัมดุอัลฮัมดุลิ้ลละ กับประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้รับจากการไปทำฮัจย์


โดย: Nariza IP: 125.27.247.253 วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:5:54:18 น.  

 
เราไปมาแล้ว(อัลฮัมดุลิ้ลลา)ดีใจมากเลยแล้วก็ตอนตอวาฟลาเราร้องให้เลยอยากไปอีกจังเลย


โดย: Nadia IP: 182.53.31.232 วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:16:44:01 น.  

 
วันหนึ่งยืนละหมาดบริเวณหน้ากะบะห์ชั้น 1 เจอคนประเทศอาฟริกาผิวดำ 2 คน ยืนละหมาดข้างๆ ต่อมาคนผิวขาวเข้ามาแทรกและให้คนผิวดำออกไปที่อื่น คนผิวดำรู้สึกไม่ดีที่ถูกคนผิวขาวขับไล่ทั้งที่เขามาละหมาดตรงนั้นก่อน และเขาทั้งสองได้หันมามองหน้าเรา เราตอบและชี้ไปที่กะบะห์ว่า "ที่นี่บ้านของอัลเลาะห์ ที่ของอัลเลาะห์ จงอย่าไปไหน ท่านจงนั่งอยู่ตรงนี้เถิด" แล้วเราก็บอกคนผิวขาวให้ไปข้างหลัง คนผิวดำทั้งสอง ดีใจมากและขอญาบะห์กับเราแล้วกูจุฟมือเรา เราก็กูจุฟมือเขาตอบ เขาถามว่ามาจากไหนเราบอกว่า ไทยแลนด์ เขาดีใจและเราก็ดีใจเช่นกัน


โดย: nannapat hasan IP: 172.18.60.161, 203.155.220.236 วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:16:17:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

GHANZI
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add GHANZI's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.