Orange : ต้นที่ 1 : New Natural
......นานแค่ไหนแล้วนะที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วรู้สึก ไม่ชอบเสียงในตอนเช้าเสียเลย.....
เสียงเพลงจากมือถือดังขึ้นแผ่ว เบา มือยาวเรียวควานหาทั้งที่ยังลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นกว่าจะเจอว่ามันร้องประท้วงอยู่ตรงไหนก็แทบจะรื้อทั้งเตียงกว่าจะรู้ว่ามันซุกอยู่ซอกใต้กองผ้าห่มคนปลายสายก็หมดความอดทนจะรอเขากดดูเบอร์แล้วก็ทิ้งหัวลงบนหมอนอีกรอบ ไอ้หมอนั่นมันตื่นเต้นหรือไรนะถึงได้ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก...ร่างสูงนอนแผ่กลางเตียงอีกครั้ง เมื่อวานพ่อกับแม่แวะมาที่นี่ขนเสบียงมาจนล้นตู้เย็นยังชั้นเก็บของอีก อย่างกับว่าเขาจะออกไปอยู่บ้านนอกงั้นแหละกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปเกือบค่อนคืน
คุณแม่ผู้งดงามจูบแก้มซ้ายขวาส่วนคุณพ่อที่นิ่งขรึมงามสง่า ไม่พูดไม่จาเหมือนเคยบัตรเครดิตหลายใบอยู่ในกระเป๋าสตางค์ราคาแพงคุณแม่แอบเอาธนบัตรมูลค่ามากโขใส่ไว้ให้มันอัดแน่นอยู่ในนั้น ความสะดวกสบายที่คุณแม่ขอร้องก็คือเขาต้องอยู่ที่คอนโดหรูแห่งนี้แทนที่จะไปแชร์ห้องอยู่กับไอ้คนที่เพิ่งโทรมาปลุกเขาตั้งแต่ไก่โห่หากเขาขัดขืนก็ต้องกลับไปอยู่ในคฤหาสห์ใหญ่โตสมฐานะลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจพันล้านที่มีสาขามากมาย ยังไม่หมด รถราคาแพงที่วัยรุ่นนิยมใช้กันตอนนี้มันจอดอยู่ชั้นจอดส่วนตัว เขาเกิดมาพร้อมความสุขสบาย ไม่ต้องลำบาก เท้าแทบจะไม่ติดดินมีคนรองมือรองเท้า ทำโน่นนี่ให้ตลอด เขาถูกเลี้ยงมาแบบคุณชายทำอะไรแทบจะไม่เป็น ลักษณะนิสัยที่ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเขาได้รับมาจากคุณปู่เต็มๆ บ้านสวนเรือนไม้แบบโบราณที่ ปลูกต้นไม้รกครึ้มจัดหมวดหมู่งดงาม คุณปู่สอนเสมอว่าเกิดมาแล้วต้องรู้จักพึ่งพาตัวเอง อย่าไปหวังพึ่งคนอื่น
ความสนิทสนมระหว่างปู่หลานที่ขุดดิน ตัดแต่งต้นไม้ ความสมถะทำให้ เขาไม่ค่อยมีเพื่อนในฐานะเดียวกันมากนักแต่กลับมีเพื่อนเล่นในสวนซะเป็นส่วนใหญ่ คุณแม่ที่มาจากตระกูลร่ำรวย จัดตารางการเป็นคุณชายให้เขาเต็มแน่นทั้งเรียนเปียโน กิตาร์ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีทั้งสองอย่าง จนเมื่ออยู่มัธยมเขาก็แอบไปเรียนเทควันโดกีฬาทุกชนิดก็ว่าได้ แต่ที่ฝึกจนได้ดี กลับเป็นบาสเกตบอล มันทำให้เขาได้เข้ามาสู่โลกของคนชนชั้นกลางที่เขารู้สึกอิสระที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ นอกขอบเขตที่คุณแม่ได้จัดวางไว้ให้....แต่ยังไงเขาก็ยังมีมาดคุณชายผู้งามสง่าสมใจคุณแม่ ซึ่งไอ้หมอนั่นรู้ดีมันเป็นคนที่กุมความลับของเขาเลยทีเดียวแหละ
ชายหนุ่มบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ อ้าปากหาวอีกยาวยืด...เสียงเพลงดังแว่ว ๆ มาอีก ชายหนุ่มคว้ามือถือมาดูอีกครั้ง
ว่าไงวะ ...โทรมาแต่เช้า
นึกว่านายยังไม่ตื่น...วันนี้เปิดเรียนวันแรกรีบหน่อยนะเว้ย แล้ว เจอกัน มันพูดเป็นรถด่วน แล้วมันก็วางไปซะงั้นแหละไม่มีวี่แววว่าจะขอโทษขอโพยที่โทรมาปลุกเขาแต่ไก่โห่เลยด้วยซ้ำ
ร่างสูงเหวี่ยงขาลงจากเตียงมีเวลาเหลือเฟือสำหรับเตรียมตัวในเช้าวันนี้ ชายหนุ่มเปิดตู้เย็นหยิบอาหารแช่เข็งยัดเข้าไมโครเวฟ เสียบปลั๊กกาน้ำร้อน ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ...
แม้เป็นคุณชายแต่ก็พอจะทำอะไรเป็นหรอกน่า กะอีแค่ชงกาแฟกับอุ่นอาหารง่าย ๆ กินง่ายเข้าไว้..แต่กินได้ไม่กี่คำก็ต้องทิ้งถังขยะ..รสชาตไม่ได้เรื่องชายหนุ่มคว้ากระเป๋าเป้ใบหรู ตาเหลือบมองกุญแจรถที่วางอยู่คู่กับกระเป๋าสตางค์เขาชั่งใจอยู่ครู่มือเรียวคว้ากระเป๋าสตางค์ยัดใส่กระเป๋าพร้อมกับคีย์การ์ดก้าวยาวๆตรงไปยังประตูห้องไม่แยแสกุญแจรถคันหรูที่วางอยู่ตรงนั้นแม้แต่น้อย
รถเมล์เช้านี้แน่นพอสมควร ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโหนรถเมล์เขาฝึกใช้เส้นทางเหมือนคนทั่วๆไปมาหลายปีแล้ว มันสนุกดีเสียอีกได้พบเจออะไรแปลก ๆ เขาผู้ซึ่งมีใบหน้าเรียวขาวสะอาดตาเล็กเรียวจมูกโด่งเป็นสันได้รูปสวย ปากอิ่มสีแดงจัด ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยเข้ารูปกับศีรษะร่างสูงโปร่งเพรียว แต่ก็ไม่ได้ดูอ้อนแอ้น สาว ๆ แอบมอง แล้วก็หันไปยิ้มเอียงอายเมื่อเขาหันมาเจอกับเจ้าหล่อน รวมทั้งผู้ชายบางคนที่นิยมชมชอบเพศเดียวกันใบหน้าที่แตะรอยยิ้มบาง ๆ มันทำให้เขาดูหล่อเหลือเกินเมื่อแลสบตากับผู้หญิงที่หลบตาไม่ทันเล่นเอาเขินอายไปหลายคน ใช่แล้วนี่แหละ เขาล่ะ ชเว จงฮุน ผู้งามสง่า มีหน้าตาเป็นอาวุธ
ร่างสูงเดินเอื่อยๆไปยังคณะที่เขาเรียน ไม่รู้ว่าซึงฮยอนมันมาถึงหรือยัง ลืมบอกไป ซึงฮยอนมันโทรมาเมื่อเช้า เพื่อนที่เขาสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมโรงเรียนหรูค่าเทอมแพงเอาเรื่องหมอนี่เป็นนายแบบซึ่งมีไม่กี่คนที่รู้ ด้วยมันชอบใส่แว่นทำหัวยุ่งๆแต่กระนั้นก็ยังมีเสน่ห์กับสาวๆ ตบตีแย่งชิงด้วยความที่หมอนี่เป็นคนเฟรนลี่ด้วยความที่เขาเงียบๆขรึมๆไม่ค่อยมีเพื่อนแต่ดันสนิทกับเจ้านี่ทั้งที่ต่างกันสุดขั้ว เขากับหมอนี่แทบจะเป็นเลข 11ไปไหนไปกัน แม้แต่ช่วยตีกะนักเลงที่ซึงฮยอนไป หลีเด็กนักเลงคุมซอย ชวนกันวิ่งร้อยเมตรเอาตัวรอดออกบ่อยแต่ซึงฮยอนไม่เคยเข็ด แต่ใช่ว่าซึงฮยอนเป็นคนขี้หลีไปทั่วหรอกนะ อาจเป็นเพราะ ยิ้มง่าย ร่าเริง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายรอยยิ้มแตะบนเรียวปากเสมอสาวที่ไหนเจอรอยยิ้มของหมอนี่เข้า เป็นอ่อนเป็นขี้ผึ้งเลยทีเดียว
มองหาซึงฮยอนไม่ยากตัวมันสูงโดดเด่น ผมซอยปรกตาข้างข้างนึง อีกข้างไว้ปล่อยวิ้งค์ให้ สาว ๆมันว่าของมันอย่างนั้นนะ คิดไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้ นั่นไงนั่งอยู่กับหนุ่มรุ่นเดียวกันใต้ไม้หน้าตึก กำลังคุยออกรส หน้าระรื่นตาเรียวของหมอนั่นหันมองมาที่เขาพอดี
เฮ้จงฮุน ...มาแล้ว...เฮ้ยแล้วค่อยเจอกัน.. ร่างสูงโปร่งบอกลาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกัน เหวี่ยงกระเป๋าสะพายสีดำคล้องไหล่ ก้าวยาว ๆยิ้มกว้างอวดฟันเรียงเรียบ แขนยาวโอบรอบบ่าเพื่อนหนุ่มอย่างสนิทสนม
นายมาเร็วเหมือนกันนี่..
จะไปไหนวะ.. เขาขืนตัวนิดๆ
กินข้าวดิวะ อย่าบอกนะว่านายกินมาแล้ว
อือ...กินมาแล้ว เขาตอบทันทีเหมือนกัน
เหรอ กินแล้วก็กินอีกได้นั่งเป็นเพื่อนเรา มันสรุปง่าย ๆ ระว่างทางที่เดินไปโรงอาหารซึงฮยอนก็โปรยยิ้มให้เขาไปทั่ว นี่ล่ะเพื่อนของผม ซึงฮยอน ผู้มีรอยยิ้มพิฆาตสาวๆ
สนามบาสขนาดเล็กๆ เด็กวัยรุ่นหลายคนกำลังเล่นกันอยู่..ขายาว ๆ ในกางเกงยีนส์สีซีดขาดรุ่ยแทบทั้งตัว เดินเรื่อยมาถึงในมือมีถุงลูกชิ้นปิ้งหลายไม้ ตากลมโตหยุดมองหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่เล่นบาสแบบแข่ง3 คน ขายาว ๆเข้ามานั่งมองเงียบ ๆ บนอัฒจันท์ข้างสนาม แม้จะเป็นการออกกำลังกายแค่สนุก ๆแต่การเล่นของแต่ละฝ่ายดูเหมือนไม่ใช่ธรรมดาเลย แต่ละคนตัวสูง ๆ กันทั้งนั้นหนุ่มผมสีคาราเมล ที่ส่งบอลให้เพื่อนตัวเล็กที่ชื่อ มินฮวานชู้ทลงห่วงอย่างสวยงาม
เฮ้..ฮงกิ เสียงเรียกดังมาจากอีกฟากของสนาม พร้อมกับร่างเปรียววิ่งตรงมาหาใบหน้าหวานละมุนเหมือนเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะดวงตากลมใสเหมือนแก้ววาววับ ไร้เดียงสา
มานานแล้วเหรอ....ริมฝีปากสีระเรื่อแย้มยิ้มอวดฟันเรียงเรียบขาวสะอาด
เพิ่งมาถึง... เขาตอบเสียงอู้อี้ขณะเคี้ยวลูกชิ้นไปด้วย
เดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว... แจจินมองไปที่สนามที่ยังคงผลัดกันทำแต้มอย่างสนุก
เสียงตะโกนของหนุ่มหน้าหล่อที่ส่งบอลให้หนุ่มร่างหนา ตัวเล็กแต่ทว่าปราดเปรียวลอยตัวขึ้นทำแต้มอย่างสวยงาม ทำคะแนนให้ทีมอีกแต้ม
ในความคิดของฮงกิตอนนี้ เหมือนดูมืออาชีพกำลังเล่นบาสอย่างไรอย่างนั้น ดูคล่องตัวปราดเปรียวเข้าขากันได้ดีมาก อ๊ะ....นั่นอะไรเกิดขึ้นในสนาม หนุ่มร่างโตหลายคนท่าทางจะเป็นลูกครึ่งที่เดินมากระแทกไหล่คนที่เขามองอย่างสนใจอยู่ในลักษณะหาเรื่อง
หมดเวลาแล้วไอ้หนู กลับบ้านไปซะ
หนุ่มหน้าหล่อสะอึก ดวงตาอมโศกฉายประกายกร้าวแต่หนุ่มร่างสูงกว่าล็อคคอไว้กระซิบอะไรบางอย่าง แจจินรีบวิ่งไปที่สนามทันที
ใจเย็น ๆ จงฮุน ซึงฮยอนกระซิบบอกเพื่อนแต่แววตาที่จ้องมองหน่มกลุ่มนั้นกลับแข็งกร้าวไม่แพ้กันสักนิด
ไปกันเหอะ อย่าไปมีเรื่องเลยทั้งหมดเดินออกจากสนาม อันธพาลพวกนั้นก็แค่เบ่ง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นหากจะสู้กันเหรอ จงฮุนไม่เคยถอยอยู่แล้ว
ใบหน้างดงามราวกับเจ้าชายในสายตาของฮงกิ แต่เหตุการณ์เมื่อกี้มันทำให้เขารู้สึกแปลก แล้วตอนนี้ก็กลับเปลี่ยนมาเป็นหนุ่มขี้เล่น ยิ้มง่ายพูดจาหยอกล้อกันถึงเกมส์ที่แข่งเมื่อกี้อย่างสนุกสนาน ช่างเป็นคนที่น่าสนใจอะไรอย่างนี้นะ....
เมื่อกี้...นายไม่พยายามเลยนี่หว่า หนุ่มลูกครึ่งผิวสีตบไหล่หนาของเพื่อนตัวเล็ก
ก็ชู้ทไม่เคยลงนี่.. ไอ้ตัวเล็กมันเถียง
ถ้าไม่ลองด้วยตัวเองจะรู้เหรอ ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มปลอบใจเพื่อนตัวเล็ก
นั่นซินะ...ลูกสุดท้าย นายเป็นคนทำแต้มนี่นา หนุ่มร่างสูงยิ้มพลางบีบที่ไหล่หนาของเพื่อน
หนุ่มร่างหนายิ้มตาหยี...รู้สึกดีที่เพื่อนชม เด็กหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนกระจัดกระจายไม่ห่างนักมองมาที่เขาอย่างเป็นมิตรไอ้คนตัวสูงผมปิดตาข้างหนึ่ง ส่งยิ้มมาให้ด้วย
เฮ้....แจจิน วันนี้เลยไม่ได้เล่นด้วยกันเลย...มานานรึยังหนุ่มร่างสูงทักรอยยิ้มผ่านเลยมาให้เขาด้วย
เพิ่งมา...นึกว่าจะได้บู๊ซะแล้ว เอ่อนี่...ฮันนี่ฮงกิ...เพื่อนเรา แจจินแนะนำง่าย ๆ ทุกคนในกลุ่มหันมายิ้มให้หนุ่มผู้ทำหน้าบี้เมื่อถูกเรียกว่า ฮันนี่ รวมทั้งหนุ่มตาโศกที่ยิ้มซะเขาแทบลืมเคี้ยวลูกชิ้น....หมอนั่นยื่นมือมาให้จับด้วย เอาไงวะมือเปื้อนว่ะ จับมือเจ้าชายจะโดนกริ้วมั้ยวะ เขายื่นมือเลอะ ๆ (นิดนึง)แอบเช็ดกับขากางเกงแบบลวก ๆ เอาน่า ท่าทางเจ้าชายใจดี คงไม่สั่งประหารแค่เอาน้ำจิ้มลูกชิ้นไปแปะมือหรอก...(คึคึ)
ไอ้แพะ อย่าเรียกฮันนี่เว้ยไม่ชอบ หนุ่มตาสวยหันมาชำระคดีกับเพื่อนตัวเล็กซึ่งมันยิ้มกว้าง หัวเราะแบบไม่มีเสียงตามสไตล์มัน แล้วทุกคนก็มือเลอะน้ำจิ้มลูกชิ้นกันถ้วนหน้า...
พรุ่งนี้เอาไง...ยึดสนามคืนมั้ย ซึงฮยอนถูมือกับกางเกงมองหนุ่มหน้าหวานแบบมีคำถาม มันก็คงอยากถามว่า มือมึงทำไมเหนียวจังวะแต่มันก็ไม่ถาม ถึงถามเขาก็ไม่บอกมันหรอกจึงได้แต่ยิ้มประมาณแยกเขี้ยวอย่างจริงใจส่งกลับไป
เฮ้ยไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกแกรี่มันหาสนามใหม่เล่นกัน แต่อาจจะไกลหน่อย จงฮุนยิ้มมุมปากนิดนึง เอ่อ โหมดไหนอีกล่ะเนี่ยอยู่ดี ๆ ก็ หน้าเครียด ท่าที่ ถูฝ่ามือแบบนั้นทำเอารู้สึกผิดอยู่ล่ะ...ไปหาน้ำมาให้เจ้าชายล้างมือดีปะวะ...
พวกแกรี่ ที่จงฮุนพูดถึงเรียนอยู่วิทยาลัยเอกชนมีชื่อ...แต่ละคนสูงใหญ่กันทั้งนั้นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม แต่ก็ไม่ได้รู้มากไปกว่านั้น..ไว้ค่อยรู้ๆไปล่ะมั้งถ้ามีโอกาสได้เจอะเจอกันอีก
มินฮวาน หนุ่มร่างหนา ที่ยิ้มเหมือนเด็กน้อยเป็นเพื่อนกับซึงฮยอน ส่วนแจจินก็เป็นเพื่อนซึงฮยอนเหมือนกันส่วนจะเป็นยังไงนั้นก็ไว้ค่อยรู้ทีหลังอีกล่ะ วันนี้ที่เขามาที่นี่เพราะแจจินมันชวนมา คงจะกลัวเหงา
เขาก็ไม่แน่ใจว่าเหงาจริงหรือเปล่า คือเขาเพิ่งย้ายมาเรียนเมืองหลวง ความจริงก็มาอยู่ได้หลายเดือนแล้วล่ะพอจะรู้จักถนนหนทางเป็นอย่างดี ที่เขารู้จักแจจินเพราะวันนั้นเขาไปเดินเล่นแถวห้างฯ ดังกลางกรุง แล้วหมอนี่มันทะเล่อทะล่าเดินมาชนเข้า ข้าวของที่หอบมากระจาย มันโวยวายเสียจนเขาต้องเก็บของช่วยมันแล้วก็เดินตามหมอนั่นไปที่ร้านกาแฟ...
แล้วหมอนั่นก็ใช้ให้เขาไปเสริฟกาแฟให้แขก...ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องไปทำงานกับมัน เสริฟกาแฟอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะรู้ตัวก็สนิทกับมันไปแล้ว .....
วันนั้นมันชงกาแฟให้เขากินสุดฝีมือ...แถมพาไปส่งบ้านอีกด้วย...นี่ล่ะครับ...เขาใจง่ายรึเปล่า...ที่ดันไปสนิทกับหมอนั่นจนทุกวันนี้ในชีวิตเขามีมันเข้ามาวุ่นวายให้ปวดหัวเล่น...แต่เขาก็รู้สึกชอบนะ เขาชอบมันจริงๆ ล่ะ...