ทุนเรียนต่อป.ตรีที่อินเดีย MM University


น้องๆที่จบม.6แล้วและกำลังมองหาที่เรียนต่อป.ตรี ภาคอินเตอร์ ราคาไม่แพง เรามีมหาวิทยาลัยเอกชนในอินเดียมาแนะนำนะคะ

Maharishi Markandeshwar University กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก พร้อมทุนการศึกษาส่วนลดค่าเทอมโดยพิจารณาจากผลการเรียนม.ปลาย ใครที่ได้เกรดเฉลี่ยตั้งแต่2.0 ขึ้นไป สมัครขอทุนการศึกษาได้นะคะ ค่าเทอมเริ่มต้นเพียงปีละ 35,000 บาท ถูกกว่าเรียนภาคอินเตอร์ในไทยอีก น้องจะได้ทั้งภาษาอังกฤษและประสบการณ์ใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าใครเรียนจบมหาวิทยาลัยในอินเดียได้ ไม่ตกงานแน่นอน

มหาวิทยาลัยนี้มีชื่อย่อว่า MM University เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทางจันดิการ์ Chandigarh แคมปัสมีพื้นที่กว่า500ไร่ มีโรงพยาบาล โรงเรียนสาธิต ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านฟาสต์ฟู้ด ร้านขายยา สปอร์ตคอมเพล็กซ์ โรงอาหาร และหอพักของนักศึกษาต่างชาติ เป็นแคมปัสมหาวิทยาลัยที่มีความสะดวกสบายมาก ส่วนการเดินทาง ห่างจากสนามบินจันดิการ์เพียง 1 ช.ม. ทางมหาวิทยาลัยจัดรถรับนักศึกษาที่สนามบิน

ปัจจุบันมีนักศึกษาทั้งหมด 13,000 คน และมีนักศึกษาจากต่างชาติกว่า30ประเทศ คณะที่มีชื่อเสียงคือคณะเภสัช วิศวะ กฎหมาย บริหาร และคอมพิวเตอร์ นักศึกษาต่างชาติพักหอพักในแคมปัส มีความปลอดภัย ประหยัด และไม่เสียเวลาเดินทางมาเรียน 

นักศึกษาทุกคนจะได้รับสวัสดิการลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ทั้งการพบแพทย์ เข้ารักษาตัว ทำฟัน โดยจ่ายเพียง1ใน4 ของค่ารักษา

คณะที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยหลักสูตรปริญญาตรี

– เภสัชศาสตร์ หลักสูตร 4 ปี
– พยาบาลศาสตร์ หลักสูตร 4 ปี
– เทคนิคการแพทย์ หลักสูตร 3 ปี + ฝึกงานครึ่งปี
– สถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตร 5 ปี
– วิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตร 4 ปี
– นิติศาสตร์ LLB หลักสูตร 5 ปี
– ไบโอเทคโนโลยี หลักสูตร 3 ปี
– บริหารธุรกิจ หลักสูตร 3 ปี
– การจัดการโรงแรม หลักสูตร 3 และ 4 ปี ฝึกงานใน MM Continental Hotel อยู่ในแคมปัสเดียวกัน
– เกษตรศาสตร์ หลักสูตร 4 ปี
– บริหารธุรกิจด้านการเกษตร หลักสูตร 4 ปี
– Computer Science และ Computer Applications สาขา Software / Networking / Cyber Security / Multimedia & Animation / Web Design หลักสูตร 3 ปี

สำหรับน้องๆที่ภาษาอังกฤษอ่อน ทางMM University ยังมีคอร์สภาษาอังกฤษปูพื้นฐานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมที่พักและอาหารทุกมื้อ ราคาไม่แพง และทุกวันเสาร์นักศึกษาสามารถเรียนเสริมภาษาอังกฤษฟรีอีกด้วย

น้องๆที่สนใจสมัครเรียนและขอทุนการศึกษา สอบถามเพิ่มเติมได้ทุกวันที่ Diya Education โทร 095-8482370 หรือ Line ID: diyaedu

เราเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของ MM University พร้อมดูแลการสมัครเรียน ขอทุนการศึกษา ทำวีซ่านักเรียน และส่งนักเรียนที่มหาวิทยาลัยนะคะ






Create Date : 11 พฤษภาคม 2560
Last Update : 11 พฤษภาคม 2560 21:22:59 น.
Counter : 2324 Pageviews.

0 comment
กว่าจะเป็นนักเรียนทุน ICCR อินเดีย


 ได้ทราบข่าวว่าทุน ICCR กำลังเปิดรับสมัครนักเรียนทุนไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในอินเดีย ก็เห็นมีน้องๆสอบถามการสมัครทุนนี้กันในโลกออนไลน์หลายท่าน ในฐานะอดีตนักเรียนทุน ICCR เลยอยากจะเขียนเล่าเรื่องราวการสมัครทุนเพื่อเป็นข้อมูลให้รุ่นน้องอีกทางหนึ่งละกันนะคะ

ตอนที่สมัครทุน ICCR นั้นก็เมื่อปี 2000 ประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว สมัยนั้นยังไม่มีการสอบข้อเขียน มีเพียงการสอบสัมภาษณ์และพิจารณาบทความในใบสมัคร จริงๆตอนแรกที่สมัครนั้นก็แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพิ่งเรียนจบป.ตรีมาหมาดๆ และอ่านเจอข่าวว่ามีเปิดรับสมัครทุนนี้ ก็เลยเข้าไปขอข้อมูลที่สถานทูตอินเดีย จำได้ว่าเข้าไปหลายรอบมาก ไปขอหนังสือรายชื่อมหาวิทยาลัยและคณะในอินเดียมาดู ไล่หาว่าคณะที่เราต้องการจะไปเรียนต่อเปิดสอนที่ไหนบ้าง ตอนนั้นมีเปิดสอนไม่กี่ที่ เท่าที่จำได้น่าจะเปิดแค่2มหาวิทยาลัย แล้วเขาให้เราเลือก 3 ที่ เราก็เลือกไปแค่ที่เดียว เพราะอีกที่ดูแล้วเมืองนั้นค่อนข้างอันตรายสำหรับผู้หญิง

เลือกมหาวิทยาลัยและคณะได้แล้ว คือ University of Pune, Department of Communication Studies ก็เข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ตอนนั้นข้อมูลมีน้อยมาก โซเชียลมีเดียยังไม่เป็นที่นิยม จะถามข้อมูลจากใครก็ไม่มีเลย แต่ก็เอาละเดินหน้าต่อไป เราไปเตรียมเอกสารต่างๆทั้งของสถาบันเดิมและใบตรวจสุขภาพจนครบเรียบร้อย ก็เหนื่อยพอสมควรเพราะต้องเข้าออกมหาวิทยาลัยหลายแผนกหลายรอบ สุดท้ายก็ได้เอกสารทันก่อนปิดรับสมัคร ได้ยื่นเอกสารและเตรียมตัวไปตามนัดสอบสัมภาษณ์ของทางสถานทูตอินเดีย

ก่อนถึงวันสอบสัมภาษณ์ เราก็ยังไม่มีข้อมูลใดๆทั้งสิ้นว่าเขาจะถามอะไร จะมาแนวไหน แต่ช่วงนั้นพยายามเตรียมตัวเรื่องภาษาอังกฤษ ฝึกการตอบคำถามในการสัมภาษณ์ทุน เราก็เก็งว่าเขาน่าจะถามแนวไหน ในเมื่อไม่มีสอบข้อเขียน สิ่งเดียวที่เขาจะวัดจากเราได้ก็น่าจะเป็นความสามารถในการใช้ภาษาและความตั้งใจที่จะไปเรียนต่อที่นั่น

แล้ววันสอบสัมภาษณ์ก็มาถึง ตอนนั้นทางบ้านก็ไม่อยากให้เราไปอินเดียนะ แต่เราคิดว่าขอลองดูสักครั้งว่าจะทำได้ไหม วันนั้นนั่งรอคิวสัมภาษณ์หลายชั่วโมง ดูคนอื่นเขาเดินขึ้นไปชั้นบนทีละคน พอถึงคิวเรา ขึ้นไปพบผู้สัมภาษณ์3ท่าน ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูตและผู้ที่อยู่ในแวดวงอินเดียศึกษา มีทั้งคนไทยและคนอินเดีย แต่ทุกท่านคุยกับเราเป็นภาษาอังกฤษหมด ท่านถามหลายคำถามแต่ที่จำได้คือคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจไปเรียนต่ออินเดียและความคาดหวังของเรา ตอนนั้นพยายามตอบคำถามอย่างมีสติ ไม่ตื่นเต้น และตอบให้กรรมการเข้าใจสิ่งที่เราตั้งใจไว้ให้ดีที่สุด

จริงๆบรรยากาศตอนสัมภาษณ์ก็ไม่เครียดนะ กรรมการท่านดูใจดี ช่วยให้เราไม่เกร็งในการตอบคำถาม แต่เราก็คิดว่าเราได้อธิบายตัวเราและสิ่งที่ตั้งใจไว้ครบแล้ว พอเดินลงมาข้างล่างก็รู้สึกโล่งใจว่าเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่โชคชะตาว่าจะพาให้เราได้ไปอินเดียหรือไม่

หลังจากนั้นเป็นเดือนหรือสองเดือนกว่านี่ล่ะ จนเราคิดว่าคงไม่ได้ทุนแน่นอนแล้ว โทรไปสอบถามทางสถานทูตก็ได้รับแต่คำตอบว่าผลทางอินเดียยังไม่ตอบมา เราก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง เพราะไม่รู้ขั้นตอนการพิจารณาทุนเลย ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรแล้ว จู่ๆวันนึงในเดือนพฤษภาคม ทางสถานทูตโทรมาบอกว่าได้รับทุนค่ะ ให้มารับเอกสารยืนยัน ทำวีซ่านักเรียน และเดินทางไปมหาวิทยาลัยที่อินเดียต้นเดือนกรกฎาคมนี้ โอ้โฮ เหลือเวลาแค่เดือนกว่าๆ ตั้งตัวไม่ทันค่ะ วิ่งเลยตอนนั้น รีบสุดๆจนไม่มีเวลากังวลว่าจะไปอยู่เมืองนอกครั้งแรกในชีวิต และอินเดียซะด้วยนะ ตอนนั้นพ่อแม่รู้ว่าเราได้ทุน จากที่ไม่อยากให้ไปก็ยอมให้เราไปทันที เพราะท่านคงเห็นว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆในชีวิต

และก็จริงค่ะ จากโอกาสที่ได้รับครั้งนั้น ถึงวันนี้ต้องขอขอบคุณพ่อแม่ที่อนุญาตให้เราไปเรียนต่ออินเดีย และขอบคุณรัฐบาลอินเดียที่ให้โอกาสเราไปเรียนที่นั่น และก็เป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ต่างๆมากมายในชีวิต จนถึงวันนี้อินเดียก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องอินเดียให้คนอื่นฟัง เราจะเล่าถึงแง่มุมต่างๆที่คนไทยอาจไม่เคยรู้จักว่าอินเดียเป็นอย่างไร มีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจมากแค่ไหน เราภูมิใจที่ได้บอกว่าจบมาจากอินเดียและยินดีที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของอินเดียทุกด้านให้กับผู้ที่สนใจประเทศนี้ และสิ่งที่เราได้ทำก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลอินเดียคาดหวังว่านักเรียนต่างชาติที่ได้ทุนไปจะช่วยเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเขาและเรา และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่างๆทั่วโลกต่อไปค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้ น้องๆคงจะรู้แล้วใช่ไหมคะว่าจะเตรียมตัวและเตรียมใจอย่างไรกับการสอบชิงทุน ICCR ปีหน้า สู้สู้ค่ะ อินเดียรอคุณอยู่

#ทุนICCR #ทุนต่างประเทศ #ทุนอินเดีย #เรียนต่ออินเดีย #ไปเรียนอินเดีย #มหาวิทยาลัยอินเดีย #สอบชิงทุน







Create Date : 21 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2558 8:02:34 น.
Counter : 3142 Pageviews.

0 comment
เรียนอินเดียยังไงให้สนุก (ตอน 3)
จะส่งลูกมาโรงเรียนประจำ เริ่มต้นยังไงดี??

เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับผู้ปกครองที่อยากให้ลูกมาเรียนอินเดีย จากที่เคยได้ยินเขาเล่ากันเรื่องส่งลูกไปเรียนอินเดีย ตามเว็บเอย ตามกลุ่มเฟสบุคเอย คงต้องบอกว่าอินเดียมีโรงเรียนจำนวนมากมายหลายเท่ากว่าบ้านเรานัก แค่โรงเรียนที่สอนหลักสูตรนานาชาติ ก็เกือบ 500 โรง ในขณะที่เมืองไทยมีโรงเรียนนานาชาติแค่ 100 กว่าโรง แล้วโรงเรียนในอินเดียก็มีหลักสูตรหลายแบบ มีสภาพแวดล้อมและรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย พอผู้ปกครองเริ่มอ่านและฟังไปสักพัก จะเริ่มมึน ว่าเรียนที่ไหนดีล่ะ หลักสูตรไหนดี จะเชื่อที่เขาเล่ามาได้ไหม ข้อมูลเยอะมาก จนไม่รู้จะเริ่มต้นจากไหน


คงไม่มีโรงเรียนไหนดีพร้อม หรือแย่ไปหมด มีแต่โรงเรียนที่เหมาะสมกับไม่เหมาะสม แต่ก่อนจะรู้ว่าเหมาะไม่เหมาะ ก็ต้องเริ่มต้นจากผู้ปกครองก่อนว่า กำลังมองหาโรงเรียนที่เหมาะกับลูก หรือโรงเรียนที่เหมาะกับใจพ่อแม่ ถ้าบ้านไหนคุยกับลูกก่อนว่าลูกชอบแบบไหน อยากเรียนยังไง พ่อแม่คิดเห็นยังไง แล้วได้ข้อสรุปกัน จากนั้นก็เริ่มหาโรงเรียนที่ตอบความต้องการได้ ซึ่งมันอาจไม่ครบทุกข้อที่ตั้งไว้ แต่ถ้าได้สัก70% ก็น่าจะเป็นโรงเรียนที่ใช่ของครอบครัวนั้น


แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่ได้เริ่มจากการคุยกันในครอบครัวก่อน เมื่อออกมาเก็บข้อมูลจากครอบครัวอื่น ซึ่งอาจมีความต้องการแตกต่างกัน แล้วเขาเล่าว่าที่นั่นดี ที่นี่ไม่ดี แล้วก็ตามเขาไป ความเสี่ยงที่จะเจอโรงเรียนที่ไม่เหมาะสมกับลูกคงจะเยอะหน่อย




เริ่มแรกเมื่อหาข้อมูล เรื่องที่ควรรู้คือหลักสูตรการศึกษาในอินเดียที่หลากหลาย การมาเรียนอินเดีย สิ่งที่เป็นข้อดีคือมาตรฐานการศึกษาของเขาที่รัฐให้ความสำคัญมาก หากจะมาเรียนเพื่อความรู้และพัฒนาภาษาอังกฤษ เด็กก็จะได้กลับไปแน่นอน ส่วนเรื่องระเบียบวินัย เมื่อเด็กมาอยู่หอซึ่งทุกโรงเรียนมีกฎระเบียบมากมายและตารางประจำวันชัดเจน เด็กก็จะต้องปรับตัวและมีความรับผิดชอบมากขึ้นทุกคน ในเรื่องความลำบาก ตรงนี้คงต้องถามลูกด้วยว่าเขารับได้แค่ไหน เพราะคนที่มาเรียนคือลูก เมื่อเขาต้องเรียนหนักและต้องเจอกฎะเบียบมากมายแล้ว เขาคววรจะต้องลำบากเรื่องความเป็นอยู่ การกิน การเดินทางหรือไม่ แต่ละครอบครัวต้องพิจารณาเอง




เมื่อได้ข้อสรุปว่าโจทย์ในการเลือกโรงเรียนมีอะไรบ้าง ก็ตามหาโรงเรียนที่ตอบโจทย์ เช่นถามจากพ่อแม่ที่เคยส่งลูกมาอินเดีย เช็คเว็บไซต์และเฟสบุคโรงเรียน เช็ครีวิวของผู้ปกครองอินเดีย สอบถามจากตัวแทน หรือจากนักเรียนเก่า ถึงตรงนี้จะได้ยินว่าโรงเรียนนี้ดี หรือที่นั้นไม่ดี ก็อย่าลืมว่าโจทย์ของเราคืออะไร ทุกครอบครัวมีโจทย์ไม่เหมือนกัน เราจะได้ไม่หลงทางในข้อมูลเหล่านั้น และถ้าได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ก็เตรียมเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่อาจไม่เคยรู้มาด้วย ที่อินเดียไม่มีโรงเรียนไหนที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย และในปัญหานั้น เด็กทุกคนจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการแก้ปัญหาไปพร้อมกับการเรียนในห้องเรียน เมื่อจบกลับมาก็จะได้ทั้งประกาศนียบัตรและประสบการณ์ชีวิตที่พ่อแม่และลูกจะได้ภูมิใจด้วยกัน


Happiness is not the absence of problems,
But the ability to deal with them.






Create Date : 06 มิถุนายน 2558
Last Update : 6 มิถุนายน 2558 3:53:38 น.
Counter : 2286 Pageviews.

0 comment
เรียนอินเดียยังไงให้สนุก (ตอน 2)
ข่าวเรื่องคลื่นความร้อนในอินเดียมีให้อ่านแทบทุกวัน ทำให้นึกถึงตอนเรียนที่นั่น ช่วงหน้าร้อนเดือนพฤษภาของอินเดียนี่มันสุดๆนะ ขนาดตอนเรียนอยู่เมืองเชิงเขายังร้อนสาหัส แล้วแย่ไปกว่านั้นคือเป็นช่วงสอบไฟนอลด้วย

ชีวิตเด็กหอนี่ลำบากมาก ตอนนั้นหอไม่ติดแอร์ รุ่นพี่ที่พักชั้นบนสุดแย่เลย ตอนกลางวันต้องมาอยู่ข้างล่างห้องเพื่อน ชั้นบนสุดรับแดดตรงๆเลยไง พอกลางคืนต้องขึ้นไปอ่านหนังสือบนดาดฟ้า มีลมพัดผ่านบ้าง ของเราอยู่ห้องชั้นล่าง กลางวันนี่ไม่ร้อนมาก เลยนอนกลางวันแล้วไปอ่านหนังสือตอนกลางคืน แต่มันก็ยังร้อนระอุ ต้องใช้วิธีเอาน้ำราดบนที่นอน สักพักที่นอนหมาดๆก็นั่งอ่านบนที่นอน พอจะเย็นขึ้นบ้าง


เด็กมหาวิทยาลัยนี่อ่านกันดุจริงๆ คืนก่อนสอบอ่านทั้งคืน เช้ามาอาบน้ำแต่งตัวไปเข้าห้องสอบ บ่ายกลับมานอนเอาแรง กลางคืนอ่านต่อ เป็นช่วงทดสอบความอดทนกันเลย เพื่อนคนไทยก็ผลัดกันติวทั้งคืนนะ บางทีดึกๆหิวก็ออกไปกินขนมแล้วกลับมาติวต่อ ช่วงเวลานั้นมันทั้งเหนื่อยทั้งสนุก พอมีเพื่อนติวมันก็ไม่ง่วง อย่างเราเป็นเด็กไทยคนเดียวในคณะ ก็ไม่มีเพื่อนติว แต่ใช้วิธีเข้าหารุ่นพี่ต่างชาติที่เก่งๆ ใจดีมากเลยทั้ง2คนนี้ เป็นเด็กทุนเหมือนกัน ให้เล็คเชอร์เก่ามา เราเลยได้อ่านเล็คเชอร์2แบบ จดกันละเอียดมาก แล้วยังให้เราไปปรึกษาเวลาไม่เข้าใจเนื้อหาด้วย ที่เรียนจบมาได้นี่ก็เป็นเพราะรุ่นพี่ส่วนหนึ่งเลย


ที่อินเดียช่วงหน้าร้อน เขาจะมีน้ำอ้อยมาขาย คั้นกันสดๆเลยริมถนน เอาอ้อยเข้าเครื่องรีด แก้วรองน้ำอ้อยสีเขียว เสร็จแล้วบีบมะนาว กินแล้วมันชื่นใจ น้ำแข็งไม่ต้องนะ หน้าร้อนนี่เลี่ยงน้ำแข็งเลย กลัวเชื้อไทฟอยด์ ราคาน้ำอ้อยแก้วละ20รูปีเท่านั้น อีกอย่างที่คนนิยมดื่มคือน้ำมะนาว ใส่ขวดแก้วเล็กๆ มีน้ำแข็งก้อนใหญ่แช่ให้เย็นนิดนึง ขวดละ10รูปี ขายกันบนรถเข็น อันนี้เราไม่เคยลอง แต่คนอินเดียชอบดื่มกัน มาซื้อแล้วเปิดขวดดื่มตรงนั้นเลย ชื่นใจเขาละ










Create Date : 02 มิถุนายน 2558
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 2:22:40 น.
Counter : 726 Pageviews.

0 comment
เรียนอินเดียยังไงให้สนุก (ตอน 1)
เริ่มจาก15ปีก่อนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลอินเดียไปเรียนต่อปริญญาโท ได้พบเจอเรื่องราวมากมายในวงการการศึกษาของอินเดีย และจากการได้พูดคุยกับนักเรียนและผู้ปกครองที่มีลูกเรียนในอินเดีย เรารู้สึกว่าคนไทยยังรู้จักอินเดียน้อยมาก ตั้งใจไว้ว่าอยากเผยแพร่ข้อมูลและประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆของอินเดีย ให้คนไทยรู้จักและเข้าใจอินเดียมากขึ้น และอาจเป็นประโยชน์ในการมาเรียนหรือท่องเที่ยวอินเดียวันหน้า

ช่วงนี้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิดเทอม เด็กทยอยเดินทางกลับไทยกันหมด อากาศทางนี้ร้อนมาก ร้อนแบบแห้ง แดดแรง คนส่วนใหญ่จะไม่ออกไปข้างนอกช่วงกลางวันเลย สัก5โมงเย็นถึงจะออกมาเดินเล่น ไปตลาด แล้วกลับเข้าที่พักเกือบสองทุ่ม โรงเรียนปิดช่วงนี้เพื่อหลบร้อน ก่อนปิดก็ฟังผลสอบบอร์ดเกรด10และเกรด12กันไป สอบบอร์ดนี่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตนักเรียนอินเดีย เป็นการวัดผลระดับชาติ สอบพร้อมกันทั่วประเทศ ข้อสอบเดียวกันหมด ก่อนสอบ1ปีจะติวกันหนักมาก บางคนถามว่าที่อินเดียมีติวเตอร์ด้วยเหรอ อินเดียนี่ติวกันหนักเหมือนไทยเลย เกรด12 จะเรียนแค่ครึ่งวันเช้า ช่วงบ่ายเด็กจะไปเรียนกับติวเตอร์ ที่ต้องติวเพราะอยากให้คะแนนบอร์ดออกมาสูงๆ เพื่อใช้ยื่นเข้าคณะดีๆในมหาวิทยาลัยต่อไป


หลังรู้ผลสอบบอร์ด ก็ถึงเวลาพักผ่อนละ ช่วงนี้ครอบครัวอินเดียก็จะขึ้นไปเที่ยวบนเขาหนีคลื่นความร้อน เป็นไฮซีซันของเมืองบนเขาเลย ส่วนเด็กไทยก็กลับบ้านกัน กลับไปกินอาหารอร่อยๆ เที่ยวให้เต็มที่ เป็นการชาร์ตแบตก่อนกลับมาลุยอินเดียในอีก6สัปดาห์หน้ากันใหม่








Create Date : 02 มิถุนายน 2558
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 2:23:20 น.
Counter : 1264 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

ลูกม้าสีชมพู
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



แนะแนวเรียนต่ออินเดีย โรงเรียนประจำ มหาวิทยาลัย คอร์สภาษาอังกฤษ คอร์สอบรมครูและบุคลากร

ให้คำปรึกษาการเลือกโรงเรียน สมัครเรียน ย้ายโรงเรียน ขอวีซ่า ความเป็นอยู่ การเดินทางมาอินเดีย จัดหาการ์เดี้ยน และจัดทริปอินเดีย