Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket i live for music and what about you?
Group Blog
 
All blogs
 
เซ็งเป็ด ตอนที่15

"น้องนุ่น(น้องผมเอง น่ารักนะ แต่ไม่ตลก เล่นมุขไปทีไรมันไม่ค่อยขำ แม่บอกว่า ผมติดตลกเหมือนพ่อ น้องติดเรียบร้อยเหมือนแม่....ดีใจจังที่ไม่ติดเรียบร้อยเหมือนแม่ เพราะไม่งั้นมาเจอไอ่นี่มีหวังร้องแน่) โทรมาบอกว่าให้แวะบอกน้อง....(เพื่อนน้องอยู่หน้าปากซอย)ด้วยว่าไม่ได้ไปหานะ ไม่ต้องรอให้ไปกันก่อนเลย" ผมก็อืมมม
"นั่นหนังสือไรอ่ะ" มันชี้ไปที่สนธิสัญญาสารภาพที่ผมปริ๊นไว้ มันเดินปรี่ไปจะไปหยิบ
"เฮ้ยยย" ผมรั้งมือมันไว้ "หนังสือน้องกรู กรูเอามาอ่านเล่น" ผมคว้าสนธิสัญญาไว้ทัน.....
"เมิงก็ปล่อยมือกรูสิ จับอยู่ได้ เห็นกรูใจง่ายแล้วจะเกาะแกะเหรอ" อ่าวววแป่วววลืมไป อารามตื่นเต้นกลัวมันอ่าน ..
"เออ โทดที เดี๋ยวกรูไปล้างมือก่อน กลัวติดขี้กลากเมิงลงไปก่อน ปิดหน้าต่าง แล้วก็ประตูหลังดู เดี๋ยวกรูลงไป" มันหายไป ผมรีบเอาสนธิสัญญาสารภาพซ่อนไว้ในลิ้นชักใส่กุญแจ
..................ยังหรอกไอ่อ้อย ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอให้เมิงมีความสุขไปก่อน แล้วพรุ่งนี้(วันเสาร์) กรูจะได้ไม่เสียใจมากหากทำเมิงร้องไห้..................................................................................................................T_T


ผมสะพายเป้เตรียมพร้อม มีกันแดดอยู่ข้างในเป้
"เมิงจะกลัวดำไปทำไม ดูอย่างกรูดิ ดำไม่กลัวกลัวไม่ดำ" มันแซว เราแวะซื้อแซนวิสร้านเพื่อนน้องผม พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องรอน้องผมแล้ว ป่านนี้บรรลุแล้วมั้ง (สงสัยชาติหน้าคงไม่ได้เกิดเป็นลูกแม่แล้วมั้งเรา ไม่เคยไปวัดกับแม่เลย)
ออกมายืนรอรถ 10.30 จนผ่านไป 11.00 จนใกล้ 11.30
" กรูบอกแล้วว่าให้เอารถไป...ร้อนจะตายเห็นป่าว ควันก็เยอะ รถก็ติด หงุดหงิดโว้ยยย" มันบ่น
" อ้าวไหนว่าไม่กลัวดำ ไม่กลัวร้อนไง"
"ดำไม่กลัวหรอกเว้ย แต่กรูกลัวประสาทแดก ตายไปพร้อมๆกะเป็นมะเร็งอะดิ"
เห็นมันหงุดหงิดแล้วก็หงุดหงิดไปด้วย รอรถนานมาก
"ไป.....ไปยืนบนสะพานลอยกะกรูดีกว่า ควันไม่เยอะ ไม่ร้อน แล้วก็เห็นรถแต่ไกลด้วย" สรุปเราทั้งคู่ไปยืนชมวิว ถ.วิภาวดีรังสิต ยามเที่ยงวัน ตดยังไม่ทันหายเหม็น(หมายความว่าเร็วมากกก) รถสายไปสุวรรณภูมิมา เรารีบวิ่งลงไป ผมไปถึงก่อนหันไป อ่าว "ไอ่อ้อย เมิงทำเอี๊ยไรอยู่ เดี๋ยวแมร่งตกรถ รอกันอีก ชม ครึ่งพอดี"
"เออ โทดที สายกระเป๋าเป้กรูไปพันกับร่มยายแก เกือบตกสะพานลอย " เกือบซวยมั๊ยหล่ะเมิง
ผมนั่งรถได้รีบหันแอร์มาตรงหัวอันนึงอีกอันนึงหันให้มัน
"เมิงเอาไปเหอะ กรูไม่ร้อนหรอก ขอแค่ให้เมิงเย็น ถึงกรูจะร้อนตับแลบแค่ไหนกรูก็ทนได้" มันร่ายยาว
"เมิงอย่ามาลิเกกับกรู ความเย็นมันออกเท่ากันสองรู ต่อให้เมิงเอามาจ่อที่กรูคนเดียวกรูก็เย็นเท่ากันเอาไป กรูไม่อยากฟังหมาบ่น".....................สุดท้ายมันก็ยอม เพราะมันก็คงร้อนเหมือนกัน ผมหยิบโทรศัพท์มาหยิบหูฟังเสียบหู "เมิงทำอะไรอ่ะ"
"ทอดแหอยู่มั่ง ฟังวิทยุดิสาดด"
"ไม่อาวววเมิงฟังแล้วกรูจะคุยกับใคร เมิงก็อยู่โลกของเมิง กูก็เซ็งดิ" มันดึงหูฟังไป "อะไรเมิงนักหนานิห่า เดี๋ยวแมร่งกรูปล่อยให้ไปคนเดียวเลย เม่งเรื่องมากสาดดด" ผมดึงหูฟังกลับมา ยืนหูข้างขวาให้มัน " เอา เอาไป" แล้วก็หุบปาก อย่าโวยวายโหวกเหวก อย่าเล่น อย่ายื่นมือหรือหัวออกนอกหน้าต่าง" ผมแซว
"ครับคุณครู" มันทำเสียงเด็กได้กวนประสาทมากกกกกกก

.........จะบอกว่าผมนั่งฟัง seed ไปตลอดทางก็นะ เดี๋ยวจะหาว่าโฆษณาให้เค้า คนวัยเดียวกันมันก็ต้องฟังแนวๆหน่อย นั่งผ่านไปพอดีเจเปิดเพลงเพราะแมร่งสะกิดอีกและ แล้วก็ทำตาเยิ้มมมม ผมก็เลยแกล้งหลับ สะกิดให้ตายก็ไม่ฟื้น....................
...........ผมหลับจนมาถึงสุวรรณภูมิ อืมมม สวยดีนะเนี๊ยะ เคยเห็นแต่ในทีวี รถมาจอดเทียบที่ชานชาลารถโดยสาร เราลงรถ นั่งรอรถอีกสายไปกิ่งแก้ว เพื่อนแนะนำว่าหอเยอะ........สุดท้ายเรามาถึงกิ่งแก้วด้วยความลำบาก ร้อนโคตรๆ มันเป็น ถนนสายใหญ่ มีแต่โรงงานแล้วก็รถบันทึก แล้วก็ฝุ่น เราลงตรงกลางกิ่งแก้วหน้าโรงบาลจุฬารัตน์ แต่ทีนี้หิวครับ แซนวิสเอาไม่อยู่ เลยต้องข้ามถนน ข้ามครั้งแรกผมไม่รอมัน วิ่งออกมาก่อน หันไปอีกทีเห็นมันยืนชี้หน้าด่าอะไรสักอย่างไม่ได้ยิน มันวิ่งมาถึงผม เรารอข้ามต่อที่เกาะกลางถนน รถวิ่งเร็วโคตรๆ ผมเห็นจังหวะ จะข้าม ก็เลยพล่อยปาก
"อ้าวไป" พอพูดเสร็จผมทำท่าจะออกวิ่ง แต่เกิดเปลี่ยนใจถอยกลับเพราะมีรถวิ่งมาเร็ว หันไปอีกทีไอ่นี่วิ่งไปก่อนไปเบรคอยู่เกือบกลางถนน แล้ววิ่งกลับมาหาผมใหม่
"ไอ่เอี๊ยะ ไหนเมิงบอกไป กรูก็ไป แมร่งเกือบตายอ่ากลางถนนแล้วมั๊ยหล่ะ" มันด่า
" ฮือๆกรูขอโทษก็รถมันเร็วนิหว่าแล้วเมิงเชื่อกรูทำไมหล่ะสาดดด" ผมกลั้นหัวเราะ คนร้านข้าวฝั่งตรงห้ามก็มอง
"อ่าวสาดดด มานิมา" มันจับมือผมแน่น
"เมิงทำอะไรของเมิง กรูข้ามเองได้ ปล่อยเว้ย กรูอายคน" ผมไม่รู้ว่าหน้าแดงรึปล่าว รู้แต่ว่าอาย
"เมิงอายกับตายเมิงเลือกเอาจะเอาแบบไหน" สุดท้ายผมก็ยอมให้มันลากวิ่งข้ามถนน .....
"กรูว่าเมิงอยู่แถวนี้ก็ดีนะ เห็นป่าวสะดวกออก ข้างโน่นก็มีโรงบาล ข้างนี้ก็มีโรงบาล เวลาเมิงข้ามถนนโดนรถชน ปัง เดินเข้า โรงบาลต่อได้เลย สะดวกจะตาย" ผมแซวเพราะว่ามันอันตรายจริงๆแถวนั้น
..........................................................................


เราเดินหาหอเกือบ 5 กิโล ร้อนมากครับ แสบผิวเลยฝุ่นด้วยหายใจไม่ถนัด หอส่วนใหญ่มีแต่พี่ๆชาวโรงงาน เพราะฉะนั้นสภาพหอจึง.............
"โห แมร่งกรูจะอยู่เข้าไปได้ไง แมร่ง แค่เดินผ่านมันยังทะเลาะกันโหวกเหวก กรูอยู่นี่วันดีคืนดี มันทะเลาะกับผัววิ่งเข้าห้องกรู กรูไม่โดนสปาต้ารึว่ะ"
"อืม กรูอยู่ได้ก็เก่งแล้วเมิง แค่กรูเห็นเสาทีวีก็สยองแล้ว วันไหนไม้ไผ่ผุขึ้นมามีหวังหล่นใส่หัวกรูแน่"
"ไม่เอาอ่ะ อย่างกะหอผีสิงกรูกลัว"
.......................................................
"โอ้ยยยยแมร่งเมิงเลือกซะทีสิวะ กรูร้อนโคตรๆ แมร่ง เดี๋ยวไม่สบายกันพอดี" ผมไม่ไหว
"ก็กรุไม่ถูกใจนี่หว่า หน่านะ ทนหน่อย เป็นเมียพี่ต้องอดทนนะจ๊ะ" ตอนนั้นยอมรับว่าหงุดหงิดมาก เพราะมันเลือกโคตรๆ เกือบระเบิดอารมณ์ใส่ไปแล้วดีที่ว่า.....
"เอ้ยยย ๆๆๆเมิง หนูๆ"ผมเหลือบไปเห็นหนูนอนตายข้างกองขยะใกล้ทีน ด้วยความตกใจกระโดดขี่หลังทันควัน มือก็ตีหัวมันรัวยิกๆ มันคงตกใจ
"โอยแล้วเมิงมาตีกรูทำไม สาดดด กรูเจ็บ ลงไป" ผมได้สติ แต่ขนยังลุกเกลียว สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตคือ อะไรก็ได้ที่ตาย หนูเป็นไม่กลัว หมาเป็นไม่กลัว กระต่ายเป็นไม่กลัว (แต่ถ้านกเป็น ไก่เป็น เป็ดเป็น สัตว์ปีกเป็น กลัว หรือตายก็กลัว เพราะตอนเด็กๆเคยดูหนังจนที่มีนกอินทรีตัวใหญ่ๆ ไม่รู้ใช่เอี๊ยก๊วยรึป่าว เลยฝังใจ อิๆ เป็นคนกลัวอะไรที่มีขนๆ) ถ้าทุกอย่างนอนตายกลัวหมด แม้แต่มด
"เมิงมันตายแล้วจะกลัวทำซากอะไร" ผมหันหลังไปมอง เห็นพวกวัยรุ่นเดินตามหลังมา ท่าทางก็นะ น่ากลัวหน่อยนึงเดินหัวเราะตามหลัง มันเลยคว้าคอผมกอดแน่น
"เมิงจะกอดคอกรูทำไม กรูเหนียว "ผมพยายามแกะมือมันออก
" เหอะหน่า" ยอมกรูไปเหอะ"
.................T-T


"โอย อ้อย กรูเมื่อยแล้วว่ะเมิง พากรูออกไปจากที่นี่เหอะ เมิงดูน้ำมูกกรูไหลเป็นทางแล้ว" ผมเงยหน้าให้มันดู เนื่องจากเป็นโรคภูมิแพ้
"มา" มาเอาทิชชู เยินๆมาซับจมูก
"ไปก็ไป เดี๋ยวนั่งรถไปลงตลาดหัวตะเข้ หาแถวนั้นอีกที่เดียวแล้วกลับก็ได้ กรูก็เมื่อยสาดดเหมือนกัน"
เราข้ามถนนอีกแล้ว กลัวจริงๆถนนแถวนั้น คราวนี้ผมไม่ยอมให้มันจับมือแล้ว
"เอาจับสายสะพายกระเป๋ากรูแทน"
..........................................................................
เรานั่งรถ 2 แถวมาลงตลาดหัวตะเข้ หน้าโรงบาลลาดกระบัง
"เดินข้ามไปซอยนี้ดีกว่ากรูชอบ มันร่มรื่นดี" มันเดินนำผม หน้าดำยังกะโดนของ
" เฮ้ยกรูปวดเยี่ยวเมิงรอตรงนี้ก่อนนะ" ผมบอก พลางวิ่งเข้าไปในที่ว่าการฯ เยี่ยวเสร็จออกมา มันหายไปไหนไม่รู้ เดินหันไปหันมา ตาเหลือบไปเห็นท่าน้ำเลยเดินไป เห็นมันนั่งจ่อมอยู่ตรงนั้น
"กรูชอบตรงนี้ว่ะเมิง ทำให้กรูคิดถึงบ้าน " ผมก็ชอบนะ มันร่มรื่นมาก มีสะพานข้ามไปอีกฝั่ง อีกฝั่งน่าจะเป็นเทคโนฯ
"กรูจะเอาแถวนี้แหละ" มันลุกพรวด เดินไปหอเพิ่งสร้างซอยข้างๆทันที
"อะไรของมันวะ" นึกจะไปก็ไป ผมเกาหัวหยิกๆ
..........................................................................
สรุปมันเลือกหอ......ที่อยู่ติดคลองตรงนั้น ผมล่ะโล่งอกซะทีที่มันหาได้ซะที
"วันไหนเมิงเข้ากะดึก เมิงมานอนกับกรูนะ เดี๋ยวกรูจะจัดห้องไม่ให้รก ตอนค่ำ เราก็มานั่งเล่นตรงนี้กัน เฮ้อออออ นึกแล้วก็อยากจะย้ายมาไวๆ........ว่าแต่เมิงไม่อยู่กับกรูจริงเหรอ"
ผมฟังแล้วร้าวๆในใจยังไม่รู้ครับ บอกไม่ถูก นี่ผมทำผิดไปรึปล่าวที่ไม่บอกมันตั้งแต่วันแรกที่รู้ ผมทำผิดไปแน่ๆ



"เมิงจะไปเดินดูในแอร์พอร์ตอีกป่าว" มันถามขณะอยู่ในแท๊กซี่
"เมิงดูสภาพกรู ไหวอีกก็บร้าแล้ว กรูอยากกลับบ้านนนนน"
สุดท้ายเราทั้งคู่ก็นั่งรถสายเดิมกลับบ้านด้วยความเหนื่อยเพลีย ผมนั่งริมหน้าต่างตามเคยด้วยความเหนื่อย ผมจึงผล๋อยหลับ อ้าปากหวอ
.................................
.......................
..................
.............
........ ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงโทรศัพท์ ผงกหัวขึ้นมา อ้าว ไอ่อ้อย มันไมหัวเมิงมาอยู่บนบ่ากรู มิน่า กรูถึง เมื่อยๆ...ผมยักไหล่ให้มันตื่น 2ครั้งก็แล้ว 3ครั้งก็แล้ว ยังไม่ตื่นนะเมิง ตามแผนที่คิดทันที ผมใช้ดรรชนีนิ้วชี้ของผมนี้ปาด ปราดดดดดดดดด ไปที่ปากมัน
"ทุ้ยๆ แหวะ" ได้ผลครับ แสดงว่าแกล้งหลับ
"แมร่ง มือเค็มสาดดด" มันเอามือเช็ดปาก
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อ้าว พี่โบ้นิ
"ดีเพ่" ทักไปงั้นๆแหละ
"ดี ตกลงวันเสาร์เอาไง"
"โห เจ๊ จะไม่ถามสารทุกข์สุขดิบหน่อยเหรอ" ผมแหย่แกเล่น
"ไม่หล่ะ ชั้นรู้อยู่แล้วว่าแก สบายดี ว่าไง ชั้นอยากรู้"
"เออ ผมกล่อมมันได้แล้วหล่ะ หลอกว่าไปดูคอนเสิร์ต หนุ่มบาว-สาวปาน"
"เยี่ยมจริงๆ น้องร๊ากกก แล้วนี่อยู่ไหนเนี๊ยะ"
"อยู่บนรถ กลับมาจากหาหอกับไอ่อ้อย"
"เค้าอยู่กับแกเหรอ"
"อืม"
"ขอชั้นคุยหน่อยดินะ" ผมหันไปมองหน้ามัน เฮ้ออ ไร้เดียงสาเจงๆ ไอ่อ้อยเอ้ยยยยยย
...............................................


ผมยื่นโทรศัพท์ให้มัน มันทำหน้างงๆ ผมเลยยัดใส่มือมันเลย พลางเมินหน้าหันไปทางอื่น เพราะไม่อยากได้ยินที่เค้าพูดกัน มันยังไงไม่รู้ แต่มันก็ดั้นได้ยิน
"อะโหล"
"................."
"ดีครับ ใครอ่ะ"
"................."
"จำไม่ได้อ่ะ ความจำสั้น"
"....................."
"ไม่รู้ ไม่รู้จัก"
".................."
"ขอบใจ ว่าแต่มาทำไม"
"................."
"ไม่ว่าง มีนัดกับเป็ดแล้ว"
"..............."
"อะไร พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง"
".................."
"รู้ได้ไง"
"......................"
"เฮ้ยพูดอะไรวะ ไม่เห็นรู้เรื่อง ไม่คุยแล้ว "
มันยื่นโทรศัพท์ให้ผมหน้าตาบูดบึ้ง
"เป็นไงพี่" ผมถาม
"มันด่าชั้นว่ะ มันด่าว่าชั้นพูดไม่รู้เรื่อง แต่ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้แหละชอบ ซาดิสซ์ดี ตบจูบๆ"
"พอเหอะเจ๊ เป็นว่าแค่นี้นะ"
ผมวางสาย หันไปมองหน้ามัน
"ใคร" มันจ้องหน้าคาดคั้นความจริง
"เพื่อนน่ะ "
"แล้วมารู้จักกรูได้ไง" ตามันจะหลุดออกมาแล้ว ดูดิ ผมหลบตา
"กรูเล่าให้มันฟัง มันก็แค่อยากรู้จัก กรูบอกว่าเมิงนะหล่อ นิสัยดี น่าร๊ากกกก" พยายามทำตัวให้ตลกสุดชีวิต
"ทีหลังไม่ต้องนะ ยุ่งเรื่องของกรูระวังเหอะเมิง กรุจะปล้ำไม่ทันให้เมิงหรอก แมร่งสาดดดด เจือกจริงๆ"
โดนไปชุดใหญ่ จ๋อยไปเลยผม คิดในใจจะรอดมั๊ยเนี๊ยะ คู่เนี๊ยะ (จริงๆวันที่ไปดูหอ ถ่ายรูปกันไว้หลายรูป อยากเอามาลง แต่ว่าลงไม่เป็น อิๆ)
.........................................................................
ผมลงรถหน้าซอยบ้าน มันนั่งต่อไปลงที่หอมัน ฝนตกปรอยๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย
ผมเดินก้มหน้า คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วมันก็วกกลับมาเรื่องมันอีกอยู่ดี ผมถามตัวเองว่า นี่มันเข้ามาอยู่ในสมองจนแคะไม่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมแปลกใจที่เมื่อก่อน แม้แต่หน้ามันผมยังนึกไม่ค่อยออก แต่ตอนนี้มันชัดเจนทุกอย่าง มันค่อยๆซึมเข้ามาในชีวิตผม เหมือนส้วมซึม แล้วในที่สุด มันก็มาครอบงำความคิดผม เข้ามาทำให้ผมคิดแต่เรื่องมัน
"อืม เมิงเก่ง" ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
.......................................................................
***วันนี้เศร้าครับ มากๆๆ แต่จะพยายามเขียนให้ตลกนะครับ(ฝืดหน่อยก็ทนๆไปก่อนนะ)


เช้าวันเสาร์ผมเข้ากะเช้า มันหยุด เลิกงานบ่าย 2 โทรหาพี่โบ๊ พี่โบ๊บอกว่าให้ผมเอารถไป อย่าให้มันเอารถไป แล้วทีนี้พี่โบ๊จะจัดการให้มันไปนั่งรถพี่โบ๊เอง ผมฟังแล้วก็ อือๆตาม แต่ในใจนึกโกรธตัวเองจริงๆ ผมไม่ได้อยากให้มันมีอะไรกับพี่โบ๊ ไม่ได้อยากให้เค้าทั้งคู่เป็นแฟนกัน ผมไม่ได้อยากยกมันให้ใคร เพราะมันไม่ใช่สิ่งของ มันมีค่ากว่านั้น............................... ผมแค่อยากให้มันมีใครสักคน ตอนที่ผมไม่อยู่ อยากให้มันคิดว่าชีวิตนี้ยังมีคนที่มันน่าจะลองคบหาดูอีกมากมาย แต่พอเหตุการณ์มันยิ่งกลายเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนผมยิ่งผลักไสมันให้ออกไปจากชีวิตผม..............................................................................กรูขอโทษเมิงว่ะ ...อ้อย T_T


"ออดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงออดยาวเหมือนคนกดออดไม่เป็นแบบนี้ ผมแทบจะไม่ต้องชะโงกหน้าไปดูเลยว่าเป็นใคร
"เฮ้ยยย แต่งตัวดีๆกับเค้าก็เป็นนิ" ผมมองมันแปลกตาไป เพราะปกติมันแนวซกมก
"อ้าวว เดทครั้งแรกกรูก็ต้องหล่อเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เมิงจะได้ไม่อายใคร" เฮ้อออออออ อ้อยยย เอ้ยยย กรูไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วว่ะ
"เออ เมิงรอก่อนกรูอาบน้ำแป๊บนึง จะแต่งตัวให้หล่อไม่แพ้เมิง เมิงจะได้ไม่อายใครเหมือนกัน" ผมพูดไปเพราะอยากเอาใจมัน
"เฮ้ยยยๆ จริงเหรอๆ วิ้วๆ" อืมมม ชาติที่แล้วมันเคยเป็นนก
ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัว ด้วยใจหดหูกว่าทุกวัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเศร้า อาจเป็นเพราะ
- ผมใกล้จะต้องไปทำงานแล้ว
- ผมจะต้องจากแม่ จากน้อง จากที่ที่เคยคุ้นตา
-ผมจะต้องจากคนที่ผมรู้สึกดีๆด้วยหลายคน โดยเฉพาะมัน ผมเศร้ากว่าที่ต้องจากกับแฟนเก่าผมแน่นอน เพราะครั้งนั้น เราจากกันโดยที่อีกคนหมดรัก แต่ครั้งนี้ เราต่างจากกันทั้งที่ยังเป็นห่วง ยังรู้สึกดีๆต่อกัน
- ผมอาจทำร้ายจิตใจอ้อยมากว่าที่ควรจะรู้ว่าผมจะไม่อยู่กับมันแล้ว ผมมันเลวชาติ ผมเลวจริง ผมควรจะบอกเรื่องที่ผมจะต้องไปตั้งแต่แรก อย่างน้อยมันจะได้ทำใจ.........ผมควรจะทำดีกับมันให้มากๆตอนที่เรายังเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน..........ผมไม่ควรพยายามยกมันให้กับใครทั้งที่มันอาจไม่เต็มใจ ถ้ามันรู้มันจะว่าไง ทั้งหมดนี้จะเกิดกับมันในไม่ช้านี้ ผมหนักไปสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ถ้าเกิดกับผม .............แมร่ง กรูทำอะไรลงไปว่ะ


" อ้อย มานี่หน่อย มาช่วยเลือกเสื้อหน่อย" ผมตะโกนเรียก
"ตัวนี้เป็นไง กรูซื้อมาจากจตุจักร" มันส่ายหน้า
"ตัวนี้อ่ะ" ส่ายหน้า
"นี้หล่ะ" ยังไม่ถูกใจอีก
มันลุกขึ้นมาเปิดตู้ เลือกเสื้อในตู้ทีละตัว
"เอาตัวนี้แหละ กรูชอบ" มันยื่นให้ผม ผมก็แค่อยากให้มันมีความรู้สึกดีๆแค่นั้นเอง
เสื้อสีชมพูตัวเดิมที่เคยใส่ กางเกงยีนก็เดิมๆ รองเท้าผ้าใบ adidas คู่320 คู่เดิม ต่างกันตรงหัวใจมันไม่ใช่หัวใจดวงเดิมอีกต่อไป ถ้าอ้อยกับพี่โบ้เข้ากันได้ดี ผมจะดีใจแต่ส่วนลึกผมเสียใจ เสียใจที่ต้องยกคนที่ดีๆ เพื่อนดีๆให้คนอื่นเหมือนไม่รู้ค่า แต่ถ้าเค้าทั้งคู่เข้ากันไม่ได้ ผมก็คงต้องเสียใจ เสียใจที่ทำร้ายจิตใจเพื่อนคนนี้ แต่ในส่วนลึกๆผมก็ยังแอบดีใจ ที่อย่างน้อย ผมก็ยังสามารถเก็บมันไว้ในใจลึกๆได้ แต่แล้วไงหล่ะ ในเมื่อวันนึงผมก็ต้องจากมันไปอยู่ดี สับสนโว้ยยยยยย
เราขับรถมาถึงตึกชาแลนเจอร์ ธันเดอร์โดม เจอพี่โบ๊อยู่ในที่ตามที่บอก
"อ้าว หวัดดี " พี่โบ้ทำเนียน
ผมหันหน้าไปมองมัน หน้ามันเจื่อนๆ งงๆ
"เอาพี่ได้บัตรนั่งมา 3 ใบ เป็ดใบนึง พี่ใบนึง อ้อยนี่ของอ้อย" พี่โบ้ยื่นบัตรให้มัน มันหันมามองหน้าผม เหมือนขอความเห็นแบบงงๆ ผมพยักหน้าให้มันรับไป
"จะหาอะไรกินก่อนมั๊ย" พี่โบ๊หันมาถาม
"ไม่หล่ะครับ ไม่หิว" ผมตอบด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หน้าไอ่อ้อย เหมือนผิดหวัง ที่แทนจะไปกัน 2คน กลับมีใครที่มันไม่สนิทมาอีกคน
"งั้นเราเข้ากันเลยไป" ผมเดินเข้าไปพร้อมมัน พี่โบ้ ดึงมือผม แล้วขยิบตา...................ผมพอจะเข้าใจ ถอยออกมา 2-3ก้าวเพื่อให้พี่โบ๊เดินไปข้างๆมัน ผมมองตามหลังด้วยใจหวิวๆ หรือว่ากรูเป็นส่วนเกิน.
......................................................................


ผู้คนเดินกรูเข้าไปในโดมมากมาย ผมเริ่มถูกเบียดออกห่างจากมันทุกที ทุกที ผมหน้าชา เหมือนโดนทิ้ง แต่จริงๆผมเองเป็นฝ่ายทิ้งมัน ผมชะเง้อหน้ามองหามัน ผู้คนยังคงเบียดเสียดกันเข้ามา แล้วผมก็เจอสายตาคู่นึง มันเองก็กำลังมองหาผม มันยกมือเรียก..........................น้ำตาผมแทบไหล มันยังคงต้องการผมแม้แต่ตอนนั้น ....ขอบใจเมิงว่ะอ้อย.............ขอบใจที่ยังเห็นกรู
.......................................
.................................
.......................
.............
.........
.........
.ผมตัดสินใจเดินเบียดฝูงคนเข้าไปให้ถึงมัน เบียดเข้าไป จนในที่สุดผมก็ถึงที่มันยืนอยู่
"แมร่งเดินช้าๆแบบนี้ เดี๋ยวก็หลงกันหรอก ฟายเจงๆ มา" มันยื่นมาจูงมือผมอีกครั้ง ผมอุ่นใจอย่างประหลาดเลยครับตอนนั้น

พี่โบ้เป็นคนเดินหาเก้าอี้ เราเจอที่ที่เราได้นั่ง พี่โบ้ขยับเก้าอี้ตัวแรกให้ไอ่อ้อยนั่ง
"ขอบคุณครับ" มันขอบคุณพี่โบ๊เบาๆ พลางเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง ตอนนั้นผมยังไม่ทันคิดทำท่าจะนั่ง แต่พี่โบ๊ดึงมือไว้บอกว่า
"นี่เก้าอี้แกอยู่ตัวนี้ " แล้วแกก็นั่งที่ที่ผมถูกร้องขอให้นั่ง
ผมโกรธมากครับตอนนั้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า เราอยากให้เค้ารู้จักกันไม่ใช่เหรอ เราเป็นคนทำเรื่องนี้เองไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปโกรธใคร
มันหันมามองผม แล้วหันไปมองพี่โบ๊ เหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่โบ๊กับผมทำ
.................ผมปล่อยให้การแสดงผ่านไป (ต้องขอโทษสาวก af3 ด้วยนะครับ หากคำพูดบางคำพูดต่อนี้จะไปลบหลู่แฟนคลับเข้า) โดยที่ไม่ได้สนใจเลย แต่รู้สึกว่า เรามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ เสียงของนักร้องแต่ละคนที่ร้องออกมาไม่ได้ทำให้ผมตื่นจากภวังส์มาสนใจสิ่งที่อยู่บนเวทีเลยสักคน ผมยังคงต้องทนกับเสียงกรี๊ด 8 หลอดของพี่โบ๊ และเหล่าสาวกข้างหลัง ลำพังเรื่องของไอ่อ้อยก็แทบจะทำให้หัวระเบิดแล้ว ยังต้องโดนคนกรี๊ดกรอกหู ตอนนั้นมันวุ่นวายไปหมดทั้งในใจ และรอบข้าง...
............ผมเหลือบหางตาไปมองมัน นึกสงสารจับใจ ดูมันอึดอัด และไม่มีความสุขเอาเลย พี่โบ๊ก็นะ เอาแต่กรี๊ดๆนักร้องไม่สนใจไอ่อ้อยเลย ผมหันสายตากลับทันทีเมื่อเห็นว่ามันหันมามอง........................


สนธิสัญญาสารภาพที่ผมเตรียมไว้ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายมันตอนที่อยู่ในรถก่อนเข้าโดม ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะได้อ่านเมื่อไหร่ แต่หวังไว้ว่าถ้ามันได้อ่านมันจะเข้าใจทุกอย่างที่ผมทำ.................................................
ผมเงยหน้าขึ้นมองว่านักร้องที่ร้องเพลงสัญญาเมื่อสายัญเป็นใคร เพราะรู้สึกว่าจะร้องดีกว่าทุกคนที่ผ่านมา ผมหันไปมองมัน มันก็ชะเง้อดูอยู่เหมือนกัน ค่อยยังชั่ว
ตุ้ย มั้งชื่อตุ้ยน่ะครับที่ร้อง ผมว่าเค้าร้องเพราะที่สุดนะ น่าจะชนะ เมื่อตุ้ยร้องจบทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม
อยู่ดีๆ มันก็ลุกพรวดขึ้นมา
"โทดครับ" มันขอทางพี่โบ้
"กรูจะกลับแล้ว ง่วงนอน" แล้วมันก็เดินไปเลย ผมหันไปมองหน้าพี่โบ้ แล้วรีบลุกตามออกไป
"เดี๋ยวสิวะ มันยังไม่จบเลย ใกล้แล้ว" ผมเดินตามหลังมันไป แมร่งเดินเร็วโคตร
"กรูเบื่อ แมร่งเซ็ง เมิงจะดูก็ดูไป กรูเรียกแท๊กซี่กลับเอง ไปเถอะ" ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดิน
"โอเค กลับก็กลับ แต่เดี๋ยวกรูไปบอกพี่โบ้ก่อน ผมหันหลังไปมองหาพี่โบ้ เห็นเดินตามมาไวๆ
"พี่เรากลับก่อนนะ" ผมบอก
"เดี๋ยวสิ ไปหาไรกินก่อน พี่เลี้ยงเอง ไปที่ร้าน...นะ"
"อ่ะ เป็ดขับรถเป็ดไปนะ ไปก่อนเลย เดี๋ยวอ้อยมากับพี่ก็ได้นะ" พี่โบ้จัดการเสร็จสรรพ โดยที่ผมยัง งงๆ อยู่ มันมองหน้าผมอีกแล้ว ผมพยักหน้า บอกให้ไปกับเค้าเถอะ แล้วผมก็เดินออกมา
.....................
..........................
..".........เดี๋ยวโว้ย กรูไปด้วย............. แมร่งทิ้งกรูสาด เดี๋ยวป๊าดดดเหนี่ยวเลย" มันทำท่ายกศอก ผมแปลกใจ
"อ้าว ไมไม่ไปกับเค้าอ่ะ" ผมถาม
"กรูไม่กล้าว่ะ ท่าทางไม่ใช่ผู้ชาย เมิงนี่จะให้กรูไปกับเค้าได้ไง ไว้ใจได้รึป่าวไม่รู้ กรูยิ่งหล่อๆอยู่" มันยิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่น
....................................................


"เมิงว่าพี่โบ้เป็นไงมั่ง" ผมลองแย๊บๆถามดู
"เป็นยังไง กรูจะไปรู้เหรอ กรูไม่สนิทกับเค้าเหมือนเมิงนิ"
"อ้าว...เมิงไม่ได้อยากได้เค้าเป็นเมียแทนกรูเหรอ" ผมแหย่
"บร้าสาดดด เค้าเป็นผู้ชายนะโว้ย กรูจะไปเอาทำเมียได้ไง"
"อ้าว ไอ่เอี๊ย กรูก็ผู้ชายนะเฟ้ย ไมเมิงยังอยากให้กรูเป็นเมียเมิงเลยอ่ะ" ผมสงสัย มองตัวเองกรูไม่ใช่ผู้ชายตรงไหนหว่า
"มันไม่เหมือนกานนน กรูบอกไม่ถูกหรอก ของงี้เมิงต้องลองเอง"
"เอ้ย อย่ามาทะลึ่ง เอามือเมิงออกไป กรูขับรถอยู่ เดี๋ยวได้ตายห่ากันทั้งคู่หรอก" มันค่อยๆเอามืออกไปจากขาอ่อนผม
"นี่เมิงว่า ถ้ากรูสมัคร AF มั่ง เค้าจะเอากรูไม่วะ ถึงกรูไม่หล่อเท่าพวกนั้นนะเว้ย แต่เสียงกรูดี.................จากปากช่องมาเจ้าลื้มสั่นย่าข่องเร้าเมือส่ายานนน"
"พอเหอะเมิง ร้องให้ตรงวรรณยุกต์ก่อนนะ แล้วค่อยคิดจะไปสมัคร กรูว่าอยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว"
มันหัวเราะ พลางหยิบกระเป๋าสะพายจะเปิดออก
"จะทำอะไร" ผมตวาดลั่นกลัวมันเจอสนธิสัญญา มันสะดุ้ง
"กรูจะเอาทิชชู ทำไมต้องตวาดกรูด้วยว่ะ ไอ่เอี๊ย .....ตกใจหมดกรู"
"เอานี้ไป" ผมดึงทิชชูที่รถให้มันไป
..............................................................
รถจอดเลียบถนน ผมเห็นพี่โบ้ยืนคุยโทรศัพย์อยู่ที่รถแก............คิดในใจ ไม่อยากลงจากรถเลย อยู่ในรถก็มีความสุขดีอยู่แล้ว........
...............



แต่ก็ต้องลง

"สั่งเต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยง " พี่โบ้ใจใหญ่ขึ้นมาทันที
"อ้อย อยากกินอะไร สั่งเลยนะ" พี่โบ้ส่งตาหวานให้อ้อย...อ้อยมันก็ยิ้มๆ คงอารมณ์ดีขึ้นแล้วมั้ง ผมนั่งมอง เท้ากระดิก
"กินหอยลายผัดฉ่ามั๊ยร้านนี้อร่อย" พี่โบ้ยังคงค่อยๆตะล่อม
"ไม่หรอกครับผมแพ้หอย " อืม ไอ่อ้อย เข้าทางพี่เค้ามั๊ยหล่ะเมิง
"อูยย จริงเหรอ เหมือนพี่เลย แพ้หอยเหมือนกัน กินแล้วคันคอ ดูสิๆ" พลางถลกคอเสื้อ ไอ่อ้อยหัวเราะ ผมนั่งมองไม่พูดอะไร
"แกจะสั่งอะไรกินเต็มที่เลยนะเป็ด ถือว่าชั้นเลี้ยง" พี่โบ้ ส่งซิกส์
"ไอ่เป็ดมันไม่กินอะไรหรอกพี่ มันกลัวอ้วน พุงออกมาหน่อยนึง มันก็แทบบร้าแล้ว 555" อืม หัวเราะกันใหญ่เห็นกรูเป็นตัวตลก
"อ้อย นี่ตลกนะ พี่ชอบคนตลก" อืม แหวะ ชอบคนตลกแล้วไม ไม่ไปเอาตลกหล่ะ ผมคิดในใจ
"ไม่ตลกหรอกพี่ เป็นงี้มาแต่เด็ก" ตลกแ**กอะดิเมิง ถุยยย
"อืมมม แล้วหล่ออย่างงี้มีแฟนยัง" พี่โบ้ถามเข้าประเด็น
ผมนั่งลุ้น..........ว่ามันจะพูดอะไร
"ยังหรอกพี่ หน้าตา นิสัยห่วยๆแบบนี้ใครจะมาเอาผม" พูดเสร็จมันหันมายักคิ้วให้ผม
" โกหก สิ....พี่ว่าอย่างงี้ขี้คร้านสาวๆหลงคารมตึม" ใครจะเอามัน...โรคจิตแบบนี้ ผมคิด
"หลงทางเสียเวลา หลงรัชดากลับบ้านไม่ถูก" อ้าวเฮ..............หัวเราะแมร่งกันอยู่ 2 คน
ผมอยากตะโกนออกไปว่า
" กรูนั่งอยู่กับพวกเมิงอีกคนนะเว้ยยย กรูอยู่นี่"


........คนบางคนเข้ามาในชีวิตเรา ไม่เหลือไว้เพียงแต่รอยเท้า.............................
เพลงใครไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้กำลังฟังเพลงนี้อยู่ แล้วก็ขนลุก น้ำตามันก็เอ่อ ทันที เปลี่ยนเพลงดีก่า..........ไม่งั้นพิมพ์ต่อไม่ได้แน่...................................................
.........................................................................
ผมนั่งมองพวกเค้าทั้งคู่ กระเป๋าสนธิสัญญาสารภาพก็ถูกวางบนเก้าอี้อีกตัว มันยังคงนอนนิ่งอยู่ในเป้ของเจ้าของที่กำลังจะอ่านมันในไม่ช้า ดูมันเข้ากับพี่โบ้ได้ดี ผมคิดในใจ ผมควรจะสบายใจสิถึงจะถูกที่สิ่งที่ผมคิดเป็นไปอย่างที่หวัง แต่ทำไมผมกลับไม่สบายใจเลยก็ไม่รู้เหมือนกัน.....
...........อาหารถูกยกมาเสริฟ จานแล้วจานเล่า ผมนั่งมองพี่โบ้ ตักอาหารให้มัน ยิ้ม..หัวเราะกัน ทำไมมันเสียวแปล๊บที่ใจ ผมรู้สึกเหมือนโดนแย่งของรักไปต่อหน้าต่อตา
"อ้อย ถ้าพี่จะจีบอ้อย อ้อยจะว่าไง" พี่โบ้พูด ทำผมหลุดจากภวังค์ พี่โบ้กล้าพูดแบบนี้ตอนที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง .........................
"ถ้าพี่กล้าก็ลองดิ" นั่นคือคำพูดของมันที่ทำให้สติผมหลุด ผมทนนั่งอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว ผมลุกพรวดขึ้นมา
"พี่โบ้ ผมเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ผมบอกเสร็จหยิบกระเป๋าตัวเองไปด้วย เดินออกมา หันหลังไปมอง ไม่มีใครมองตามผมเลย เฮ้ออ....................................................
ผมเดินอ้อมมาข้างหลังร้าน สตาร์ทรถ ออกไป ขับรถด้วยความเร็ว ในหัวมันสับสนไปหมด อาจเป็นเพราะรู้สึกเป็นไข้ด้วย เมื่อวานเดินตากแดดตากฝนทั้งวันเลยทำให้รู้สึกอย่างงี้...................................................
...........สติผมค่อยๆกลับมา ตอนที่จะถึงบ้าน ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาพี่โบ้ หน้าจอมีเบอร์มันโชว์อยู่นับ 10 ครั้ง
"พี่โบ้ ผมไม่สบายนะกลับบ้านก่อน" ผมบอกพี่โบ้
"เออ ตามใจแก ชั้นไม่สนแล้ว บอกเพื่อนแกด้วยนะ ว่าชั้นก็ไม่เอามันเหมือนกันแหละ " อะไรของพี่โบ้
"อะไรพี่เกิดอะไรขึ้น" พี่โบ้เล่าให้ฟังว่า พอผมหายไปนานมันก็เลยโทรหาผม โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด พี่โบ้เลยบอกว่า สงสัยกลับบ้านไปแล้วมั้ง เค้าคงอยากให้เราอยู่กัน 2 คน พี่โบ้เลยบอกว่าชอบมัน.....มันลุกขึ้น บอกพี่โบ้ว่า ผมไม่ใช่เกย์ แล้วถึงผมจะเป็นผมก็จะเป็นกับไอ่เป็ดคนเดียว แล้วมันก็เดินออกไป........................ผมฟังแล้วขนลุก ความรู้สึกผิดมันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาจุกอยู่ที่ลูกกระเดือก ผมสมควรตายจริงๆ
ผมหยุดรถ คิดว่าป่านนี้เที่ยงคืนมันจะกลับยังไง มันก็ไม่คุ้นทาง ถ้ามันหลงไปทำไง คิดเสร็จผม ถอยรถยาวจากท้ายซอย ชนหมาชนแมว เหยียบหนู ไม่สนแล้วตอนนั้น ผมจะไปหามัน กรูจะไปหาเมิงอ้อย ...........


ผมขับรถมาทางเดิม แต่คนละอารมณ์ ความโกรธเมื่อกี้หายไปหมด เหลือแต่ความรู้สึกผิด..........
..........และเป็นห่วง
ผมรีบบึ่งมาหน้าร้านข้าวต้มเมื่อกี้ แต่ไม่มีใครอยู่ ผมเลยขับรถออกไปทางเดิม ผ่านหน้าปากซอยม.สุโขทัย เห็นป้ายรถเมล์ สลัวๆ พร้อมชายคนนึง...............
นั่งกุมขมับ.....................................................................................................


ผมจอดรถทันที..

มันเงยหน้าขึ้นมามอง................แล้วก้มหน้าลงต่อ ผมนั่งใกล้มัน
"อ้อย กรูขอโทษนะ" มันยังไม่พูด
"ผมหันไปหามัน เอามือแตะบ่า "อ้อย กรูขอโทษ ขอโทษ ได้ยินมั้ยอ้อย" เมื่อคืนผมร้องไห้ครับ สารภาพ เพราะสงสารมันจับใจ น้ำตาผมไหลหยด
"กรูไม่รู้ ไม่รู้ว่าเมิงจะทำแบบนี้ กรูขอโทษ" ผมสะอื้น
มันเงยหน้าขึ้นมา ผมต้องตะลึงกับสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า ไอ่อ้อย ร้องไห้น้ำตาเต็มหน้า ผมปล่อยโฮ เลยครับตอนนั้น ปากบอก"กรูขอโทษๆๆๆๆๆ" ซ้ำ มือก็ลูบบ่ามัน
ผมทำร้ายคนที่ดีกับผมได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมทำร้ายมัน




Create Date : 23 เมษายน 2550
Last Update : 23 เมษายน 2550 22:07:34 น. 1 comments
Counter : 398 Pageviews.

 
ตัวหนังสืออ่ะ เปลี่ยนสีเถอะงับ


โดย: คุวางะซัง (ku-wa-ga ) วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:2:07:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

deffyduck
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
Friends' blogs
[Add deffyduck's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.