Group Blog
 
All Blogs
 
การเงินโลกสะเทือน หนี้ยุโรปจุกอก ไร้ทางออก

การเงินโลกสะเทือน หนี้ยุโรปจุกอก ไร้ทางออก



ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป
โดยเฉพาะประเทศกรีซที่ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้
ไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศต่างๆ ในยุโรป เจ็บตัวไปตามๆ กันเท่านั้น
แต่ยังจะลากเอาประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้เจ็บหนักตามๆ กันไปด้วย


เพราะทุกประเทศทั่วโลกล้วนเกี่ยวข้องถึงยุโรปกันหมด
โดยมีระบบกลไกหนึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงร้อยเรียงแต่ละประเทศ
เข้าไว้ด้วยกัน


ระบบที่ว่าก็คือ ระบบการเงินการธนาคาร
ที่ขณะนี้กำลังโดนโจมตีอย่างหนักหน่วงจากวิกฤตหนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรโซน
เพราะธนาคารทั่วโลกล้วนไปลงทุนทำกำไรอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู)


เป็นวิกฤตที่ นักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ
และนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักทั่วโลกถึงกับกุมขมับ
และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยากที่จะรับมือเหลือเกิน


แม้กระทั่งสองปรมาจารย์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ประจำปี 2554
นี้ อย่างคริสโตเฟอร์ ซิมส์ และโทมัส ซาร์เจน ยังยอมรับเลยว่า
วิกฤตในครั้งนี้หนักหนาสาหัสอย่างมากจนยากที่จะหาทางออกได้ในเร็ววัน




ขณะที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในแวดวงวอลสตรีตถึงกับตะโกนออกมาแบบสุด
เสียงด้วยความอัดอั้นตันใจว่า ยังไม่เห็นทางออกจากปัญหาในครั้งนี้เลย


สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือว่า ยุโรป
ถือเป็นแหล่งลงทุนทำเงินมหาศาลให้กับนักลงทุน
และนักเก็งกำไรในวอลสตรีตของสหรัฐมาโดยตลอดในช่วงไม่กี่ปีให้หลังที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเกิดวิกฤตการเงินในปี 2551


การที่หนี้สาธารณะของยูโร กำลังลุกลามคุกคามภาคการเงินของภูมิภาค
ทำให้เกิดความเสี่ยงที่นักลงทุนในวอลสตรีตบอกได้คำเดียวว่า “ไม่ขอเสี่ยง”


เมื่อไม่อยากเสี่ยง ก็ต้องถือเงินเก็บไว้รอดูสถานการณ์
ทำให้กลายเป็นผลร้ายต่อระบบทุนนิยม ที่จำเป็นต้องให้มีเงินทุนหมุนเวียน
เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง จนทำให้เศรษฐกิจเดินหน้ามีการเติบโตต่อไป


เท่ากับว่า เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐก็ไม่อาจจะเดินหน้าต่อไปข้างหน้าได้
ถ้าหากว่า หนี้สาธารณะของยุโรป โดยเฉพาะในกรีซ ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย


เพราะมีเงินแต่ไม่มีหนทางลงทุนให้เงินนั้นงอกเงยต่อยอดไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ


ขณะที่ จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีของโลก
ผู้ได้รับฉายาพ่อมดทางการเงินยังต้องออกมายอมรับว่า
การที่ยุโรปยังคงมืดมนไร้ทางออก จนทำให้เงินไม่มีที่ไป
ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่สามารถเขย่าระบบการเงินโลกทั้งระบบให้พังครืนลงมา
ได้อย่างง่ายดาย


ผลกระทบร้ายแรงดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาผู้นำในประเทศต่างๆ
ทั่วโลกต่างส่งเสียงเร่งให้อียูลงมือหาทางแก้ไข หรือทำอะไรสักอย่าง
เดี๋ยวนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


ทั้งนี้ แม้ว่าบรรดาผู้นำในอียูจะตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือกัน
แต่จนแล้วจนรอด พอถึงเวลาเข้าจริงๆ
แต่ละประเทศก็ยังไม่วายคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง


เห็นได้จากการลงมติอนุมัติเพิ่มเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินแห่ง
ยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ)
เพื่อล้อมคอกปกป้องสถาบันทางการเงินและธนาคารของภูมิภาค
ที่กว่าจะลงมติกันได้ก็เล่นเอาหุ้นในตลาดวูบแล้ววูบอีก
ขณะที่ประเทศที่ต้องลงมติเป็นรายล่าสุดอย่างสโลวะเกีย
ก็ยังอุตส่าห์มีเงื่อนไขและผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง


ทว่า
ปัญหาการไขว่คว้าหาประโยชน์เข้าตัวดูจะเทียบไม่ได้กับความจริงที่น่าหวั่นใจ
ที่ว่า ในเวลานี้ อียูมีกลไกหรือเครื่องมือที่จะใช้แก้ปัญหาอยู่ไม่มากนัก
แถมเครื่องมือที่มีอยู่ก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจาก
วิกฤตทางการเงินในครั้งนี้ได้ในสภาพปลอดภัยหรือไม่


เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับวิกฤตการเงินแบบเลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2551
กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
และธนาคารเกือบทุกประเทศทั่วโลก ต่างเร่งเสริมกำแพงป้องกัน
ด้วยการเพิ่มเงินกองทุนช่วยเหลือ สั่งเพิ่มเงินทุนสำรองของธนาคาร พร้อมๆ
กับเพิ่มเงื่อนไขจำกัดการให้กู้ยืม


แม้จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่เมื่อธนาคารปิดประตูแน่น
ก็ทำให้ธุรกิจบริษัทที่ขับเคลื่อนภายใต้ระบอบทุนนิยม
เน้นผลิตเน้นบริโภคก็ไม่มีเงินทุนเข้ามาหมุนเวียนเพื่อประคองธุรกิจ
หรือเพื่อขยายงาน


เท่ากับว่า
เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็จะไม่สามารถเติบโตได้ตามที่ประเทศซึ่งประสบกับ
ปัญหาหนี้สิน
และหวังให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นตัวช่วยนำมาลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสิทธิที่จะเดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย


นอกจากนี้
แม้ว่าจะมีการยอมเพิ่มเงินกองทุนอีเอฟเอสเอฟตามที่ได้ตกลงกันไว้จนค่อยๆ
เรียกความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนให้กลับคืนมาได้บ้าง
แต่การแก้ปัญหาหนี้กรีซที่ให้ธนาคารเจ้าหนี้ต้องยอมลดมูลค่าของสินทรัพย์ที่
ถืออยู่ หรือก็คือ พันธบัตรรัฐบาลกรีซ ลงถึง 50%
ก็ส่งผลกระทบต่อธนาคารอย่างหนักเช่นกัน


เพราะการที่ธนาคารต่างๆ ต้องดำเนินงานอย่างระมัดระวังมากขึ้น
เพื่อรักษาผลกำไรให้ได้มากที่สุด
ธนาคารบางแห่งจำเป็นจะต้องตัดลดค่าใช้จ่ายเพื่อความอยู่รอด
ซึ่งรวมถึงการปลดพนักงานออก


ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐ เช่น
แบงก์ออฟอเมริกา คอร์ป ได้ปลดพนักงานออกถึง 3 หมื่นตำแหน่งเมื่อเดือน
ก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่หลายธนาคารในยุโรปก็เตรียมจะปรับลดคนออกภายในปีนี้เช่นกัน


ผลที่ได้ก็คือ ตัวเลขคนตกงานมากขึ้น เป็นภาระให้กับรัฐบาล
ขณะที่ธุรกิจเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหว เพราะคนไม่ยอมใช้จ่าย
จนซ้ำเติมเศรษฐกิจให้แย่ลงมากกว่าเดิม


ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายต่างพูดกันว่า สิ่งที่ยุโรปต้องทำตอนนี้
ก็คือ จัดตั้งสถาบันเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับยูโรโซนทั้งหมด
เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตลาดการเงิน
และปรับปรุงแก้ไขแผนการเติบโตในระยะยาว


แต่ทว่าพอเอาเข้าจริง
ทุกอย่างที่เกริ่นมาข้างต้นเป็นแนวคิดที่ยังไม่สามารถเคาะในรายละเอียดได้
ว่าจะต้องทำอย่างไร แล้วทำแบบไหนที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอื่นๆ


ด้านที่ปรึกษาทางธุรกิจอีกส่วนหนึ่งก็มองว่า ต้องมีการผสมผสานเครื่องมือหลายประการเข้าไว้ด้วยกันจึงจะประสบผลสำเร็จ


จอร์จ แม็กนัส ที่ปรึกษาอาวุโสของธนาคารเพื่อการลงทุนยูบีเอส เสนอว่า
อียูจำต้องยืดระยะเวลาชำระหนี้กรีซ
ควบคู่ไปกับการให้เงินทุนสนับสนุนธนาคารกรีซและธนาคารประเทศอื่นๆ
ด้วยการซื้อพันธบัตรผ่านอีซีบี


แต่เท่ากับว่า ธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอาจจะต้องยอมเสียสภาพคล่อง
และอาจเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่กับภาคธนาคาร เท่ากับว่า
แม้จะรอดจากการล้มครืนมาได้ แต่ก็อยู่ในอาการปางตาย


เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเลือกไปทางไหนเพื่อใช้เป็นทางออก
ภาคการเงินการธนาคารก็มิวายเจ็บตัวอยู่ดี
เสียแต่ว่าจะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยก็เท่านั้น


หรือพูดให้ง่ายเข้า ยุโรปในวันนี้ ยังคงไร้ทางออก


แต่ในขณะเดียวกัน
การปล่อยให้วิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังลุกลามภาคการเงินในครั้งนี้ยืดเยื้อออก
ไปโดยไม่ยอมหาทางแก้ไขป้องกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย


ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องลองเดินหน้าผ่าทางตันลูกเดียว




Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 12:20:56 น. 0 comments
Counter : 417 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

nucfc
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add nucfc's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.