Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

สีสันบำบัดความรู้สึก

เรามักคุ้นเคยกับการใช้สีในการแต่งเติมเพื่อประโยชน์ทางศิลปะและความงาม

เราใช้สีเป็นตัวแทนของความรู้สึกหลายๆ อย่าง เช่น สีชมพูเป็นตัวแทนของความรัก สีดำเป็นตัวแทนของความโศกเศร้า นั่นอาจเป็นเพราะว่า สี เป็นภาษาสากลที่คนทั่วโลกรู้จักได้ตรงกัน และยังใช้สื่อถึงความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ซึ่งในทางการแพทย์แล้ว สีสันต่างๆ ยังสามารถนำมาใช้ในการบำบัดได้อีกด้วย เพราะสีสามารถส่งผลถึงจิตใจ และความรู้สึกผ่านทางประสาทสัมผัสของเรา

พ.ญ.เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์ ร.พ.กล้วยน้ำไท ได้เล่าถึงอิทธิพลของสีที่มีผลต่อความรู้สึกและการบำบัดโรคทางจิตใจว่า สีแต่ละสีมีความยาวคลื่น (wave length) และความถี่ (frequency) แตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลผ่านทางสายตาเข้าสู่ต่อมไพเนียลในสมอง (ต่อมควบคุมจังหวะการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน) จึงทำให้สีแต่ละสีนั้นส่งผลต่อความรู้สึกและจิตใจแตกต่างกันออกไปด้วย เราจึงสามารถใช้ประโยชน์ของสีในการปรับสมดุลของสภาวะทางร่างกายและจิตใจได้ในหลายๆ โอกาส

โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งสีในโลกนี้ ออกเป็นสองโทนสีด้วยกัน คือสีโทนร้อน และสีโทนเย็น ซึ่งสีโทนร้อนจะให้ความรู้สึกทางอารมณ์มากกว่า ส่วนสีโทนเย็นนั้นจะให้ความรู้สึกที่สบาย

คราวนี้เรามาดูกันว่า เมื่อเกิดความเครียด ความเครียดกลายเป็นปัญหาใหญ่ของคนในสังคมอย่างมาก หลายคนที่ประสบกับสภาวะความเครียด จึงพยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้เครียดน้อยลง บางคนอาจหาทางออกด้วยการตกแต่งห้องนอนด้วยสีสันสบายตาใช้สีโทนอ่อน อย่างเช่น สีฟ้า และสีเขียว เพราะสีทั้งสองนี้สามารถช่วยให้เกิดความรู้สึกสมดุล สงบ และผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เราจึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่า ทำไมเวลาที่เราอยู่ในสวนสาธารณะ เราจึงรู้สึกปลอดโปร่ง เพราะนอกจากการได้สูดอากาศดีๆ แล้ว สายตาเรายังได้มองเห็นสีเขียวของต้นไม้ที่อยู่รอบตัว เราจึงรู้สึกสดชื่น สบาย จะถือว่าทั้งสองสีนี้เป็นตัวแทนของธรรมชาติเลยก็ว่าได้

เมื่อความเศร้าเข้าครอบงำ หากคุณต้องการขจัดอาการซึมเศร้า เพื่อเรียกพลังความกระตือรือร้นให้กลับคืนมา สีส้มเป็นสีที่คุณควรมองหามากที่สุด เพราะพลังของสีส้มจะทำให้เกิดความรู้สึกสนุกสนาน ร่าเริง มีพลัง มีชีวิตชีวาได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว นอกจากนี้สีส้มยังเป็นสีแห่งความสุข เพราะคนที่ชอบสีนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนที่ขี้เล่น เข้าสังคมง่าย และน่าคบหาเป็นอย่างยิ่ง

อยากปิ๊งไอเดียใหม่ๆ จากการวิจัยพบว่า สีม่วง สามารถก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในด้านต่างๆ และก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ รวมถึงเมื่อต้องการแก้ปัญหาที่ไม่สามารถหาทางออกได้ เพราะสีม่วงนั้นเป็นสีที่มีพลังทางสารเคมีมากที่สุด นักวิจัยทั้งหลาย จึงยกให้สีม่วงเป็นสีแห่งความรู้และการตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกัน สีม่วงก็แฝงความเศร้าไว้ในตัวเอง จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงจากสีม่วงเมื่อคุณรู้สึกหดหู่

เรียกความมั่นใจ สีที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือสีแดง สัญลักษณ์สากลแห่งความรัก อันเป็นสีแห่งพลังความเร่าร้อน ความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก ความตื่นเต้น และความรัก เนื่องจากสีแดงเป็นสีโทนร้อนที่ส่งผลต่ออารมณ์สูง สามารถสร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองได้เป็นอย่างดี
ลองเลือกใช้สีที่เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญ บางทีสีสันสวยงามใกล้ตัวก็อาจช่วยจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของคุณได้ไม่มากก็น้อย

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today โดย ตวงพร เครือวัฒนกุล




 

Create Date : 26 มกราคม 2552    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 10:04:08 น.
Counter : 711 Pageviews.  

กินผลไม้เวลาไหนดีที่สุด

กินผลไม้ตอนท้องว่าง...ได้ประโยชน์สูงสุด

ไดมอนด์เสนอแนวความคิดว่าน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกายจะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้อย่างถูกวิธี คือการกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่

การห้ามกินผลไม้หลังอาหารนั้นเพราะเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหารและผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้ ทั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่าคุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กินผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นหากใครที่กินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้ หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย

ตามแนวคิดนี้ เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน ดังนั้นเวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุด จึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่าของวันนี้ไปเปล่าๆ กับการย่อยอาหารนานๆ แต่การกินผลไม้ที่ใช้พลังงานในการย่อยต่ำจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ ของชีวิต และดูดซึมสารอาหารที่ควรจะได้รับอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้กากใยช่วยชับของเสียที่สะสมมาจากวันก่อน ทั้งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเราสามารถกินผลไม้ได้มากเท่าที่อยากกิน และเว้นระยะประมาณสักครึ่งชั่วโมงจึงค่อยกินอาหารมื้อกลางวัน หากทำแบบนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะได้รับสารอาหารสำคัญจากผลไม้เต็มที่ ช่วยให้เราคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ดี มีอายุยืน สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 11:48:36 น.
Counter : 1481 Pageviews.  

20 ไอเดียเผาผลาญแคลอรี่

1.อย่าปล่อยให้ปริมาณอาหารกำหนดการกินของคุณ เพราะปริมาณอาหารไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายต้องการ ทุกมื้ออาหารควรทานให้อิ่มพอดีๆ อย่าให้ถึงกับรู้สึกอึดอัด และไม่ต้องเสียดายอาหารที่เหลือในจาน แต่ให้คิดเสียว่าอาหารที่เหลือต่อวัน คือแคลอรีที่คุณสามารถลดได้

2.หาน้ำดื่มทุกครั้งก่อนที่คุณจะหาขนมนมเนยเข้าปาก ถ้าทำได้ วิธีนี้จะช่วยคุณได้มากทีเดียว ทั้งลดความอ้วนและประหยัดค่าขนมไปในตัวด้วย

3.กฎเหล็กของการลดความอ้วน คือ การตัด ABC ออก A หมายถึง Alcohol (แอลกอฮอร์), B หมายถึง Bread (ขนมปัง) และ C carbohydrates (คาร์โบไฮเดรต)

4.ปล่อยให้ตู้เย็นโล่งสะอาดตา โดยหาเพียงสิ่งที่ทานแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือทานแล้วช่วยให้คุณดูสวยขึ้น เช่น หาผลไม้หรือน้ำผลไม้ประดับตู้เย็นแทนขนมเค๊ก นมพร่องไขมันเนย และน้ำแร่แช่แทนน้ำอัดลม และที่สำคัญ ควรหาภาพนางแบบหุ่นดีๆ ใส่เสื้อผ้าโชว์สัดส่วนโค้งเว้า มาติดตู้เย็นแทนแม่เหล็กที่แถมจากร้านอาหาร

5.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะอาหารเช้าสามารถช่วยให้คุณทานอาหารมื้ออื่นๆ ได้น้อยลง

6. ฟังดนตรีเพลงโปรด (ต้องเพลงช้าๆ นะ) นั้นเปรียบเสมือนได้รับประทานอาหารรสเยี่ยม ทีนี้เมื่อคุณเกิดอาการอยากอาหาร ให้ลองเปลี่ยนมาฟังเพลงเพราะๆ แทน

7.เตือนความจำตัวเองด้วยการนำชุดตัวเก่ง ที่คุณใส่ได้เมื่อครั้งยังผอม แขวนในตู้เสื้อผ้าที่คุณสามารถเห็นได้ชัดทุกวัน เพื่อเตือนความจำให้คุณอยากกลับมาใส่ชุดนี้อีกครั้ง

8.เมื่ออยู่ห้องแอร์เย็นๆ ให้หาน้ำขิงหรือชาเขียวดื่ม แทน กาแฟ กาแฟหนึ่งถ้วย เปรียบเสมือนทานข้าวไปสองจาน น่าตกใจไหมล่ะ

9.นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่และเต็มตา เพราะผู้หญิงเรา หากได้นอนหลับเพียงพอ ร่างกายจะสามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้มากขึ้นจากปกติถึง 40% เชียวนะ

10.ก่อนเข้าซุปเปอร์มาเก็ตทุกครั้ง ควรจดรายการที่ต้องการ และซื้อตามรายการที่จด แทนการเลือกซื้อแบบตามใจฉันจะนึกออก ณ ตอนนั้น หากตั้งใจช้อปของไม่มาก แนะนำให้ถือตระกร้าแทนรถเข็น เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณได้ออกแรงแล้ว ยังช่วยไม่ให้คุณเลือกซื้อของเกินรายการที่ต้องการอีกด้วย

11.หลีกเลี่ยงการอยู่หรือทำงานในเวลากลางคืน เนื่องจาก แสงของยามค่ำคืนและการนอนดึกจะยิ่งทำให้คุณอยากทานของจุกจิก หรือหิวระหว่างคืนได้ แต่หากคุณต้องการดูหนังในเวลากลางคืนก็สามารถทำได้ด้วยการเปิดไฟดวงน้อย เมื่อหนังจบก็สามารถดับไฟนอนได้เลย

12.เปลี่ยนขนมจุกจิกเป็นลูกอม เพราะลูกอมมีแคลอรีเพียง 20 แคลอรี และสามารถช่วยให้คุณหายหิวได้ถึง 20 นาที

13.เติมความสดชื่นด้วยชาเขียว เพราะชาเขียวสามารถทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น ควรหาชาเขียวมาดื่มร้อนๆ สักสามถ้วยต่อวัน

14.ทำเรื่องกินให้เป็นเรื่องใหญ่ โดยไม่ทานอาหารในขณะที่กำลังทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูทีวี อ่านหนังสือ หรือเล่นอินเทอร์เน็ต หากต้องการกิน ก็ควรนั่งกินบนโต๊ะอาหารอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

15.หาเวลาสัก 20 นาทีต่อวัน สำหรับการเดินเล่น ชมสวน หรือนั่งเล่นท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ วิธีนอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว ยังช่วยเผาผลาญแคลอรีต่อวันได้อีกด้วย

16.ฝึกที่จะใช้บันไดแทนลิฟ หากคุณทำงานหรือเรียนอยู่บนชั้นสูงๆ ให้ขึ้นลิฟไปถึงก่อนชั้นทำงานหรือชั้นเรียนอย่างน้อย 2 ชั้นที่เหลือให้ใช้บันไดแทน

17.ปลดปล่อยอารมณ์ให้สุดเหวี่ยงขณะขับรถ โดยการฟังเพลงแดนซ์เพลงโปรดของคุณ ร้องออกมาดังๆ แล้วขยับร่างกายตามจังหวะเพลง ไม่ต้องไปสนใจใครหรอก โดยเฉพาะหากรถยังแล่นอยู่

18. ยุ่งนัก หาเวลาออกกำลังไม่ได้ ให้หาถุงเท้าสบายๆ แล้วใส่อยู่บ้านแล้วโลดแล่นให้ทั่วพื้นบ้าน จินตนาการว่ากำลังเล่นสเก็ตอยู่ เพียง 10 นาทีก็ช่วยคุณเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 150 แคลอรีเชียวนะ

19.หาวีดีโอหรือวีซีดีออกกำลังกายสักหนึ่งชุด แล้วเปลี่ยนห้องของคุณให้กลายเป็นเฮ็ลท์คลับส่วนตัว เปิดแอร์ได้ไม่ว่ากันค่ะ

20.เปลี่ยนนิสัยขี้เกียจ แล้วเริ่มหัดทำงานบ้านเสียบ้าง เพราะทุกสิ่งที่คุณทำล้วนเปรียบเสมือนได้ออกกำลังกายและเผาผลาญแคลอรีในตัว

ที่มา : teenee.com




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 11:53:57 น.
Counter : 406 Pageviews.  

ลิสต์เสื้อผ้า 12 รายการที่สาวชิคควรมีติดตู้ไว้

1. กางเกงสีดำ



ข้อดี คือสาวๆส่วนใหญ่คุ้นเคยกับกางเกงสีดำเป็นอย่างดี แต่สำหรับสาวที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาตามเทรนด์แฟชั่น กางเกงดำเหมาะสำหรับทุกโอกาส และไม่เคยเอาท์ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เลือกแบบกางเกงที่ใส่ทำงานก็ได้ ใส่เที่ยวก็ดี แบบที่ใส่กับเข็มขัดจะช่วยให้สาวๆสนุกกับการเลือกใช้แอคเซสซอรี่ และให้ชัวร์ว่ากระเป๋ากางเกงเรียบติดตัวเพื่อช่วยให้คุณดูผอมบาง

2. เชิ้ตขาว



เสื้อเชิ้ตขาว เป็นอีกหนึ่งลิสต์ที่หญิงสาวต้องมีติดตู้เสื้อผ้าไว้ เลือกแบบที่เหมาะกับรูปร่างและยาวพอที่จะสอดชายเสื้อไว้ในกางเกงหรือกระโปรงได้ หากพบแบบที่โดนใจแล้ว ซื้อเก็บไว้ซัก 2 ตัวในคราวเดียวกัน และจำเป็นต้องซื้อใหม่ทุกปี เพราะรอยเครื่องสำอางค์ และคราบเหลือที่ซักไม่ออก

ส่วนสไตล์ที่แนะนำ ไล่มาตั้งแต่เสื้อเชิ้ตสไตล์ผู้ชายแบบคลาสสิคจนมาถึงเชิ้ตจับจีบ อัดพลีท และแขนยาวบ้าง สั้นบ้างสไตล์หญิงจ๋า สวมคู่กับกางเกง กระโปรง กางเกงยีนส์ หรือสวมทับด้วยสเวตเตอร์ และเดรส

3. กางเกงยีนส์สีเข้ม



กางเกงยีนส์สีเข้มจะเอาท์ยากกว่าสีอ่อน จะใส่คู่กับที-เชิ้ตเป็นชุดกลางวัน หรือจะจับคู่กับเสื้อดีไซน์เนี๊ยบและรองเท้าส้นสูงออกงานกลางคืนก็เก๋

ด้วยเพราะมีหลากแบบหลายสไตล์ให้เลือก สำหรับหญิงสาวส่วนใหญ่ กูรูแฟชั่นแนะนำรุ่นเอวต่ำ (Low rise) หรือ เอวกลางๆ (Mid rise) ที่มีกระเป๋าหลัง ขณะที่แบบ บูท คัท จะได้รับความนิยมสูงสุด แต่ถ้าต้องการสไตล์คลาสสิก เลี่ยงยีนส์ที่ตกแต่งด้วยตะเข็บ หรือด้ายสีสันสดใส

คำแนะนำ คือ ลองให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็นกระทั่งเจอตัวที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

4. เสื้อสเวตเตอร์คอเต่า



เสื้อสเวตเตอร์คอเต่าคัตติ้งเนี๊ยบสามารถใส่เป็นเสื้อเดี่ยวๆหรือสวบทับด้วยสเวตเตอร์ แจ็คเก็ต หรือชุดก็ได้ เสื้อคอเต่าที่ดี ควรจะบางและทำจากแคชเมียร์ หรือเมริโน วูล

5. สูทคัตติ้งดีๆ



สูทอาจจะไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของทุกคน แต่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวที่จะมีติดตู้ไว้ซักตัว เผื่อกรณีฉุกเฉิน อย่าง การไปสัมภาษณ์งาน เป็นต้น

แม้ว่าทุกคนอาจจะไม่มีเหตุผลที่จะสวมชุดสูทได้บ่อย แต่คุณสามารถสวมแบบแยกชิ้นได้อย่างง่ายดาย แจ็คเก็ตสูทสามารถเพิ่มความเรียบร้อย และทันสมัยให้กับเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ และยังใช้สวมแทนแจ็คเก็ตยีนในยามที่คุณต้องการลุคที่หรูขึ้น คุณสามารถเลือกจับคู่แจ็คเก็ตกับเสื้อผ้าได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น แจ็คเก็ตกับกางเกง หรือสวมแจ็คเก็ตกับกางเกง คู่กับเสื้อเชิ้ต เสื้อสไตล์หญิงจ๋า เสื้อชั้นในสตรี สเวตเตอร์ หรือแม้แต่ ที-เชิ้ต

เลือกแบบสีกลางๆคลาสสิค และผ้าที่สวมใส่ได้ทุกฤดูกาล ถ้าให้ชัวร์ไปให้ช่างที่คุณไว้ใจตัดให้

6. ลิตเติล แบล็ค เดรส



ลิตเติล แบล็ค เดรส มีความหมายเหมือนกับสไตล์ หลัง โคโค ชาแนล ทำให้มีชื่อเสียงขึ้นเมื่อ 80 ปีก่อน และออเดรย์ เฮปเบิร์น ช่วยทำให้คลาสสิคมากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นตัวเลือกของเธอใน Breakfast at Tiffany's (คาดว่าจะเป็นชื่อหนัง) ทุกวันนี้ ชุดของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นสีดำ เพื่อให้สามารถใช้ได้หลากหลายโอกาส แต่ยังคงความชิคไว้ แนะนำสีกลางๆ และลายเล็กๆ ที่สำคัญ ต้องแน่ใจว่าเลือกสไตล์ที่หรูหรา และสวยจับใจ เพื่อให้สามารถจับคู่กับแอคเซสซอรี่ที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็นบูท รองเท้าส้นสูง เข็มขัด ผ้าพันคอ และจิวเวลลี่

7. กระโปรงความยาวแค่เข่า



กระโปรงทรงดินสอ ไม่เหมาะกับรูปร่างของทุกคน แต่เมื่อคุณพบซักตัวที่เหมาะกับคุณ กระโปรงแบบนี้จะทำให้คุณดูทันสมัย เซ็กซี่ มีเสน่ห์ และคลาสสิค

กระโปรงทรงดินสอ ควรเป็นทรงเอความยาวแค่เข่า ซึ่งเป็นทรงที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ กระโปรงทรงนี้ช่วยเน้นเอว และซ่อนบริเวณปัญหาได้อย่างง่ายดาย (ก้น, สะโพก และต้นขา) ผู้หญิงร่างเล็กควรเลี่ยงกระโปรงทรงเอง เพราะเนื้อผ้าเยอะเกินไป เลือกซื้อทรงเอที่ไม่บานจนเกินไปแทน

8. คาร์ดิแกนพอดีตัว



คาร์ดิแกน ซึ่งเป็นชิ้นที่เหมาะกับการสวมทับมากที่สุด สามารถใช้แทนแจ็คเก็ตได้ เมื่อต้องสวมคู่กับเดรส เพิ่มสีสันยามผูกไว้บนไหล่ หรือสร้างหุ่นสะโอดสะองเมื่อจับคู่กับเสื้อเชิ้ต สวมคาร์ดิแกนเดี่ยวๆ กับผ้าพันคอ หรือสวมทับที-เชิ้ต เพิ่มเข็มขัดเส้นเล็กตรงเอวทับคาร์ดิแกนเพิ่มความมีไสตล์ เพื่อเน้นเอว และรูปร่าง

9. เสื้อที-เชิ้ตแขนยาว



เสื้อที-เชิ้ตแขนยาวสไตล์เฮน-ลิ หรือคอวี เหมาะมากสำหรับสวมไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์ หรือแจ็คเก็ต ลองสวมเสื้อแบบนี้ทับด้วยซันเดรส หรือเสื้อแขนสั้นสไตล์หญิงจ๋า เพื่อสร้างทางเลือกใหม่เอาไว้สวมใส่ตอนหน้าหนาว และหากต้องไปพักร้อน เสื้อสไตล์นี้เหมาะอย่างยิ่งที่แพ็คใส่กระเป๋าไปด้วย เผื่ออากาศหนาวยามเย็น

10. เสื้อยืดแขนสั้น



แนะนำให้ติดเสื้อยืดสีขาว และอีก 2-3 สีไว้ในตู้เสื้อผ้า เอาไว้เผื่อมิกซ์แอนด์แมทซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือกซื้อแบบตัวยาว เพราะสาวๆส่วนใหญ่นิยมกางเกงยีนส์และกางเกงเอวต่ำ และพบว่าอึดอัดพอสมควรเมื่อจะลุกจะนั้ง ซื้อในหลากสไตล์ อย่าง คอวี คอกลม คอปาด เป็นต้น

11. เชิ้ตโปโลพอดีตัว



แม้โดยทั่วไปจะถูกมองว่าเป็นเสื้อของนักเรียนเตรียม แต่เสื้อโปโล ยังคงดูดีกว่าเสื้อที-เชิ้ตธรรมดา เสื้อโปโลที่ทำจากผ้าคอตตอน ผ้าพีเค และสามารถยืดได้เล็กน้อย จะเพิ่มความเก๋ให้แก่กระโปรง กางเกง และกางเกงขาสั้นแบบเรียบง่าย

12. แจ็คเก็ต หรือ blazer



แจ็คเก็ตหรือblazer เก๋ๆ นอกจากจะใส่คู่กับเดรส ทำให้ยีนส์ดูโก้หรูขึ้นแล้ว ยังเป็นทางเลือกสุดชิคที่จะแต่งชุดสูทเต็มรูปแบบ

ปล. เอามาฝากพอเป็นไอเดีย จขบ.แปลจากบทความภาษาอังกฤษ ลองปรับให้เข้ากับสภาพอากาศของไทยดูนะคะ

ที่มา : เอามาจากเวบ แต่จำไม่ได้ว่าเวบไหนค่ะ




 

Create Date : 24 กันยายน 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:26:59 น.
Counter : 3595 Pageviews.  

Celeb Style : แต่งสวยตามรูปร่าง

มาดูกันค่ะ ว่าเซเลบที่มีรูปร่างต่างกัน เค้าแต่งตัวกันอย่างไร เพื่อเป็นไกด์ให้สาวๆได้เลือกชุดสวยตามรูปร่างของตัวเอง



เดรสและกระโปรงยาวแค่เข่าสไตล์ยุค 60 ช่วยให้รูปร่างแลดูเพรียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจับคู่กับรองเท้าส้นสูง
ตัวอย่างเช่น อเมริกา เฟอเรร่า



แต่ถ้าอยากเพิ่มส่วนเว้าส่วนโค้งให้กับรูปร่างที่ไร้ซึ่งส่วนเว้าส่วนโค้ง
แต่งตามตัวอย่างของ คริสเตน เบลล์ (Kristen Bell)



แฟชั่นยุค 20 กลับมาอีกครั้ง หากคุณเป็นสาวร่างเล็ก เพิ่มความหวานให้กับตัวเอง
ด้วยการเลือกเดรสเอวปล่อยเหมือน เคิร์สเตน ดันสท์



ชุดสูทงานตัดแบบ 2 ชิ้น อย่างที่ซัลมา ฮาแยค ใส่ ให้ลุคเพรียว และเนียบ



เพิ่มขนาด และส่วนสูง ให้กับสาวร่างเล็ก ด้วยการเลือกใส่แจ็กเก็ต
ดูอย่าง ราเชล บิลสัน โดยสวมคู่กับเดรสเอวปล่อย



แต่ถ้าคุณเป็นคนรูปร่างท้วมแบบ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน
ลองกระโปรงทรงดินสอเอวสูงทับด้วยเข็มขัดเส้นใหญ่
ที่ช่วยให้ขาดูเพรียว และยาวขึ้น



เดรสทรงดอกทิวลิปที่สอบเข้าหัวเข่า ช่วยให้สาวรูปร่างตรง
อย่าง เคท บอสเวิร์ธ มีรูปมีทรงอย่างหญิงสาว



ขณะที่หญิงสาวสะโพกดินระเบิด อย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ
ด้วยเดรสยาวแค่เข่า ทับด้วยเข็มขัดเส้นเล็ก สไตล์ฮิตของซีซันนี้
ทำให้สะโพกเล็กลง และยังคงเน้นลุคสาวเซ็กซี่

ที่มา : glamour.com




 

Create Date : 07 กันยายน 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:27:20 น.
Counter : 1005 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.