• Guestbook
• กิน กิน กิน
• เที่ยวเล่น (ตามใจตัวเอง)
• เที่ยวคุนหมิง
• ของสะสม
• Tag & ETC.

เที่ยวคุนหมิง (5) น้องเบจังตะลุยคุนหมิงค่า สุดท้ายและท้ายสุดของการเที่ยวคุนหมิงตามสัญญาค่ะ ที่สุดท้ายที่จะพาไปก็คือ หมู่บ้านชาวเขา หรือ หมู่บ้านชนกลุ่มน้อยค่ะ ออกเดินทางแต่เช้า แวะซื้อของกินรองท้องก่อนค่ะ ขนมปังหอมอร่อย ต้องร้านนี้เลยค่ะ Just Hot เราชอบมากเลย เค้าห้ามถ่ายรูปค่ะ เลยถ่ายมาได้แค่หน้าร้าน หลังจากนั้นก็ออกเดินทาง นั่งรถเมล์กันสุดสายเลย ในที่สุดก็ถึงซะที ถึงแล้วค่า ด้านหน้ามีดอกไม้สวยๆ ให้ดูอีกตามเคย สาวจีนในชุดพื้นเมืองออกมายืนด้านหน้า พวกนี้เป็นไกด์ค่ะ เราจ้างเค้านำทางได้ ร้านขายของที่ระลึกสวยๆ เรียงรายระหว่างทางเดินเข้าด้านใน ดูกันใกล้ๆ นี่ขายอะไหร่หว่า พวกยาสูบมั๊งคะ เดินเข้ามาหน่อย เริ่มเห็นทางเข้าของแต่ละหมู่บ้านแล้ว ที่นี่เค้าจะจัดแบ่งไว้ เป็นหมู่บ้านต่างๆ แยกกันแต่ละยุค แต่ละชนเผ่าค่ะ จากที่ทราบมา ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในยูนนานมีหลายเผ่าพันธุ์ อาทิ เช่น อี๋ ไป๋ ฮานี จ้วง ไท และแม้ว ชาวเขาหลายเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในยูนนาน เป็นเผ่าเดียวกับชาวเขาที่อาศัยอยู่ในไทยปัจจุบันนี้ เช่น แม้ว อาข่า นี่ก็ทางเข้าอีกหมู่บ้านนึงค่ะ ด้านหน้าก็จะมีป้ายอธิบายไว้ด้วย แต่เราอ่านไม่ค่อยออกค่ะ แหะๆ ด้านในของบ้านชนพื้นเมืองหลังนึงค่ะ มีรูปภาพเก่าๆ แสดงวิถีชีวิตของคนยุคก่อนๆ สังเกตดีๆ จะเห็นว่า คล้ายกับชาวเขาบ้านเรามากๆ เลยค่ะ บรรดาชนเผ่า ที่อพยพเข้ามาในยูนนานสร้างอาณาจักรเล็กๆ ของตนเอง แต่ละอาณาจักร ก็มีสังคมวัฒนธรรมประเพณีเฉพาะตัวที่ไม่มีอิทธิพลจากโลกภายนอก เข้ามาแทรกแซงมากนัก วัฒนธรรมและศิลปะของชนเผ่าเหล่านี้มักเป็น ศิลปวัฒนธรรมแบบยุคดั้งเดิมค่ะ บ้านบางหลังเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริงนะคะ แต่เค้าก็เปิดให้เราเข้าชม พี่ชายคนนี้นั่งอยู่หน้าเตาตรงกลางบ้านเลยค่ะ เค้าให้เราถ่ายรูปด้วย จตุรัสกลางหมู่บ้านค่ะ เป็นสัญลักษณ์อะไรซักอย่าง พี่ชายคนนี้นั่งเพ้นท์สีบนขวดน้ำเต้าค่ะ มีที่ทำเสร็จแล้วแขวนโชว์ไว้และขายด้วย ด้านในกว้างมากค่ะ เดินเข้า เดินออกแต่ละหมู่บ้านจนเริ่มงงแล้ว มาถึงอีกหมู่บ้านแล้วค่ะ เหนื่อยก็หาที่นั่งพักค่ะ ระหว่างทางก็มีวิวสวยๆ แบบนี้ให้ดูตลอดเลย ด้านใน บางส่วนกำลังขยายและสร้างเพิ่มเติมด้วยค่ะ มีหมู่บ้าน วัด เจดีย์ ที่ดูแล้วรู้เลยว่ายังใหม่มากๆ บางส่วนยังสร้างไม่เรียบร้อยเลย ที่เห็นนี่เป็นกำแพงหิน แกะสลัก ใหญ่มากๆ อันนี้จำลองศาลเจ้าแบบจีน บ้านแบบจีนยุคเก่า เหมือนอยู่ในหนังจีนเลยอ่ะ หน้ากากอันใหญ่ยักาแขวนโชว์อยู่ค่ะ มีบ้านหลังนึงแขวนหน้ากากแบบนี้ ไว้ทั่วบ้านเลย สีสันแปลกตาดี มีโชว์ช้างด้วยค่ะ กำลังเมื่อยพอดี เลยแวะนั่งดูซะหน่อย เค้ากำลังเปิดรอบ โชว์ช้างพอดี แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ยังสู้โชว์ที่บ้านเราไม่ได้ ช้างบ้านเราเก่งกว่าค่ะ ส่วนครูฝึกช้างที่โน่นก็ดูใจร้ายจัง เอาขอสับมันอยู่เรื่อยเลย น่าสงสารค่ะ นี่ก้อเป็นส่วนที่สร้างเพิ่มใหม่เหมือนกัน เป็นสิ่งก่อสร้างของศาสนาอิสลามค่ะ แสดงให้เห็นว่า คนจีนก็นับถือศาสนาอื่นๆ นอกจากศาสนาพุทธด้วยนะ วิวสวยๆ อีกแล้ว เจดีย์กลางน้ำ เห็นได้จากระยะไกล แต่ไม่เห็นทางให้เดินข้ามไปค่ะ เริ่มเย็นแล้ว สงสัยต้องกลับก่อนแล้วค่ะ จบทริปนี้ด้วยของกินอร่อยๆ ยั่วน้ำลายกันหน่อย ร้านอาหารตามสั่ง หลังมหาวิทยาลัยยูนนานจ้า ซุปหมูรสเด็ด และแกงจืดแตงกวากับไข่ ไก่ผัดกับผักเครื่องเทศ กับ ข้าวโพดผัดไข่กลิ่นหอมฉุยค่ะ หุหุ อร่อยมากมาย ไปละค่า ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่านนะคะ   Create Date : 25 กรกฎาคม 2551     Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 19:44:28 น. Counter : 2034 Pageviews.   5 comment Share Tweet

เที่ยวคุนหมิง (4) น้องเบจังตะลุยคุนหมิงค่า แหะๆ หลังจากหายหน้าไปจาก Blog ซะนาน ได้ฤกษ์อัพกันซะที วันนี้จะพาไปป่าหินค่ะ ตื่นสายกว่าเดิมนิดหน่อย แต่วันนี้ไปป่าหินแค่ที่เดียวค่ะ เพราะว่าต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน คงไปเที่ยวที่อื่นกันต่อไม่ได้ เรานั่งรถเมล์จากที่พัก ไปสุดสายที่สถานีรถไฟ (และรถทัวร์) ต้องต่อรถทัวร์ออกไปนอกเมืองกัน มองจากด้านนอก ดูกว้างและคนเยอะมากๆ ค่ะ ส่วนข้างในก็เป็นแบบนี้ พออยู่ข้างในแล้ว ไม่ค่อยรู้สึกว่ามันกว้างเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าคนเยอะมากๆ ด้วย โอ๊ะๆ มี Red Bull ขายด้วย แต่ไม่ซื้อค่ะ แอบถ่ายรูปเค้ามา คนขายก็ไม่ได้ว่าอะไร นี่เลย รถทัวร์ที่เราจะนั่งกัน เป็นรถแอร์นะคะ (มาคุนหมิง เพิ่งได้นั่งรถแอร์ก็คราวนี้) นั่งยาวเลยค่ะ หลับไปสองตื่นเห็นจะได้ ดูนาฬิกาอีกที อืม ชั่วโมงกว่าๆ แล้ว ถึงแล้วค่า ป่าหิน เสียค่าเข้าชมอีกแร้ว แพงจังเลย ด้านหน้าทางเข้า มีห้องน้ำค่ะ ต้องขอบอกว่าห้องน้ำที่นี่ดีมากๆ จริงๆ ใครเคยกลัวห้องน้ำที่จีน มาที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย 555 ด้านในกว้างมากๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเดินกันได้ทั้งวัน เดินจนปวดขากันไปเลย ที่นี่มีไกด์ท้องถิ่นคอยนำทางด้วย (ต้องจ้างนะคะ) แต่เราเดินกันเองดีกว่า มีแผนที่ตลอดทางค่ะ ไม่หลงง่ายๆ หรอก (เวลาหลงก็แอบเดินตามคนอื่นๆ เค้าไป) 555 สมเป็นป่าหินจริงๆ ค่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่หินสูงท่วมหัวไปหมดเลย แถมเวลาเดินอยู่ระหว่างซอกหิน อากาศตรงแถวนั้นจะเย็นสบายมากๆ เด็กน้อยในชุดชนพื้นเมือง กับ ที่นั่งพักในป่าหิน (แอบฟัง) ไกด์คนจีนที่เดินผ่านมา บรรยายให้ลูกทัวร์ฟังว่า ตรงนี้เป็นที่พักผ่อนที่สบายที่สุด เพราะมีเตียงและหมอนด้วย (แต่เป็นหินนะ) ลองสังเกตเตียงและหมอนด้านหลังเด็กน้อยนะคะ มุมสวยๆ อีกมุมนึงค่ะ บนพื้นหญ้าของที่นี่ จะมีป้ายข้อความน่ารักๆ แบบนี้ตลอดทาง อ่านภาษาอังกฤษอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่เพื่อนที่อ่านภาษาจีนออก เค้าบอกว่า เขียนเหมือนต้นหญ้าวิงวอนว่าอย่าเหยียบชั้นเลย อะไรประมาณนั้น น่ารักดี หินช้างค่ะ เหมือนช้างจริงๆ ด้วยนะ วิวสวยๆ จากจุดชมวิวด้านบน ปิดท้ายก่อนกลับด้วยร้านขายของที่ระลึกแบบจีนๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับด้วยความเหนื่อย (และเมื่อยขามากมาย) หลับบนรถอีกแล้ว 555+ ก่อนกลับที่พัก เลยแวะซื้อขนมเติมพลังซะหน่อย หนมไรหว่า เป็นแป้งข้างในมีใส้หลายแบบ เช่นใส้ถั่วเขียว อ่ะค่ะ นี่ก็กลิ่นหอมมากๆ ขายดีสุดๆ ของปิ้งย่างแบบจีน ทาด้วยซอส ควันฉุยๆ เหนื่อยแล้วค่ะ คราวนี้จบด้วยของกินแค่นี้ก่อน ครั้งหน้าบล็อคสุดท้ายของคุนหมิงแล้ว จะพาไปหมู่บ้านชาวเขานะคะ   Create Date : 29 มิถุนายน 2551     Last Update : 2 กรกฎาคม 2551 17:16:57 น. Counter : 1080 Pageviews.   12 comment Share Tweet

เที่ยวคุนหมิง (3) น้องเบจังตะลุยคุนหมิงค่า ต่อกันจากคราวที่แล้วค่ะ วันนี้เราออกเดินทางกันแต่เช้าเพื่อมาที่ วัดจินเตี้ยน จ่ายค่าเข้าชม 20 หยวน วัดจินเตี้ยน หรือตามรายการทัวร์ทั้งหลายเรียกว่า วัดทองคำ (ที่จริงแล้วเป็นทองแดงไม่ใช่ทองคำ) ตั้งอยู่บนเขาเตี้ย เป็นสถานที่เที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจอย่างดี ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว แต่คนที่คุนหมิงก็นิยมมาเที่ยวกันค่ะ เดินเข้ามาหน่อย ก็จะเจอร้านขายของด้านหน้าทางเข้า ผู้หญิงคนนี้ขายมันฝรั่งทอดบนกะทะร้อนๆ เจ้าตัวนี้ยืนคอยคนมาจ่ายเงินเพื่อถ่ายรูปด้วย ประตูที่สามของวัดจินเตี้ยน สังเกตดีๆ จะเห็นว่า ทางเข้าวัด เป็นบันไดเดินขึ้นตลอดเลย ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ วัดนี้อยู่บนเขา มาเที่ยววัดด้วย แถมยังได้เดินขึ้นเขาด้วย ได้สุขภาพกันดีจริงๆ ดีที่ว่าอากาศไม่ร้อน แต่คนไทยอย่างเราเดินซักพักก็หอบแฮ่กๆ แล้ว เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ผิดกับคนแก่ที่นี่ เดินกันหน้าตาเฉย แอบเห็นอากงอาม่าบางคน เดินตามทางดินเลาะเขาขึ้นไปซึ่งอันตราย และเดินยากกว่ามาก ไม่ได้เดินทางบันไดอย่างเราด้วย นับถือจริงๆ บรรยากาศสวยๆ ในวัด มีบ่อน้ำและต้นไม้มากมาย ร่มรื่นมากๆ นี่อะไหร่หว่า เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนกระถางใหญ่ๆ พันด้วยด้ายสีแดง น้องคนนี้ยืนถือปืนฉีดน้ำเล่นอยู่คนเดียวหน้าพิพิธภัณฑ์ ด้านในมีพิพิธภัณฑ์ให้ชมด้วย เป็นเครื่องใช้สมัยก่อนและวิธีการทำ แต่ห้องค่อนข้างมืด เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา น้องแมวเหมียวเดินเล่นอยู่ในวัด เดินจนทั่ววัดแล้ว เราไม่ได้เดินกลับลงเขาค่ะ แต่จะนั่งกระเช้าไป ที่อื่นต่อเลย ค่ากระเช้าก็แพงอยู่เหมือนกัน หลังจากยืนลังเล ต่อราคากันอยู่ซักพัก เลยได้ราคานักศึกษามา คือ คนละ 30 หยวน (ก็ยังแพงอยู่ดีแหละ) เรานั่งกระเช้าลงมาที่งานพืชสวนโลกค่ะ ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่ใช้ จัดงานพืชสวนโลกเมื่อปี พ.ศ.2542 หรือ ค.ศ.1999 ซึ่งก็น่าจะคล้าย งานที่จัดที่เชียงใหม่ หลังจัดงานพืชสวนโลกจบแล้ว ก็ดัดแปลงพื้นที่ ให้เป็นนิทรรศการถาวรชื่อ Expo’99 ค่าเข้าชม 100 หยวน โอ้ว! แพงอะไรเช่นนี้ ที่นี่กว้างมากๆ สิ่งก่อสร้างเดิมๆ ก็ยังคงไว้ ต้นไม้ใหญ่ๆ ยังอยู่ดี แต่พวกดอกไม้แปลกๆ ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีก็แต่ดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในคุนหมิง บ้านเรือนไทยของประเทศไทยค่ะ แต่ด้านในไม่มีอะไรแล้ว ด้านหน้าบ้านเรือนไทย มีเจ้าหน้าที่ของงานมายืนให้นักท่องเที่ยว ถ่ายรูปด้วย (แน่นอนว่าเสียตังค์นะคะ) แต่ เฮ้ย! นั่นชุดอะไรกันหว่า ไม่ใช่ชุดไทยแน่ๆ นี่ชาวจีนเข้าใจอะไรผิดกันรึป่าวคะเนี่ย บ้านของเวียดนามค่ะ แต่ด้านในกลายเป็นร้านขายชาไปซะแล้ว ภาพบนกำแพงของประเทศอียิปต์ เหลือแต่สิ่งก่อสร้าง ส่วนต้นไม้ในซุ้มนี้คงขาดคนดูแล เหี่ยวเฉาเกือบหมดแล้ว น่าเสียดาย อลังการงานสร้างกับประเทศศรีลังกา สร้างไว้ใหญ่โตเชียว ดอกไม้สวยๆ ในงานพืชสวนโลก ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้แหละ อากาศไม่ร้อน แต่แดดแรงมากๆ ถ่านรูปออกมาสีสันสดใสดีค่ะ บรรยากาศแบบจีนๆ ด้านใน น้ำตก กับบ้านแบบจีน ในบ้านกลายเป็นร้านขายเครื่องประดับค่ะ เนื่องจากเรานั่งกระเช้ามาลงที่ด้านหลังของงาน จึงเท่ากับเดินจาก ด้านในสุดออกมาด้านหน้าค่ะ นี่ก็ใกล้จะถึงด้านหน้าประตูทางเข้าแล้ว ลานกว้างมีดอกไม้สีสวยเต็มไปหมด ด้านหน้าสุดมีนาฬิกาดอกไม้สวยๆ ที่ทุกคนต้องแวะถ่ายรูป และแล้วเราก็เดินออกมาจนถึงด้านหน้าประตูทางเข้า (และทางออก) จนได้ กว่าจะเดินทั่วเล่นเอาปวดขาไปหมดเลย จบแค่นี้ก่อน ต่อกันครั้งหน้า จะพาไปป่าหิน และหมู่บ้านชาวเขาค่ะ   Create Date : 18 พฤษภาคม 2551     Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 21:50:28 น. Counter : 1132 Pageviews.   12 comment Share Tweet

เที่ยวคุนหมิง (2) น้องเบจังตะลุยคุนหมิงค่า หลังจากเยี่ยมชมวัดหยวนทงกันแล้ว เวลายังเหลือนิดหน่อยก่อนฟ้าจะมืด เราเลยแวะเดินเล่นสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยยูนนานกันก่อนค่ะ พอเริ่มเดินเข้าเขตที่เป็นสวนสาธารณะ ก็จะเจอป้ายหินสลักแบบนี้อยู่หลายแห่งเลย สังเกตได้ว่าที่จีนชอบสร้างพวกรูปปั้น หรืออนุเสาวรีย์ต่างๆ ไว้เต็มไปหมด เดินไปทางไหนก็เจอ ในสวนสาธารณะนี้ก็มีรูปปั้นสวยๆ อยู่หลายที่เลยค่ะ รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ริมสระน้ำ น้ำในสระไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ มีเรือให้ถีบด้วยค่ะ แต่ไม่เห็นมีใครสนใจแฮะ บรรยากาศภายในสวนสาธารณะค่ะ สวนสาธารณะที่เราไปเดินเล่นนี้เข้าฟรีค่ะ แต่ได้ยินว่าบางแห่งก็ต้อง จ่ายเงินค่าเข้าด้วย เรานั่งเล่นชมวิว พร้อมกับถ่ายรูปวิวสวยๆ กันอยู่พักใหญ่ ชอบมุมนี้ที่สุดเลยค่ะ ดอกไม้พร้อมใจกันบาน สวยมากๆ ร้านขายขนม ด้านหน้าสวนสาธารณะมีร้านขายขนมปัง และขนมอื่นๆ ด้วยค่ะ แต่เรากำลังจะไปทานมื้อเย็นกันแล้ว เลยไม่ได้แวะซื้ออะไร ออกจากสวนสาธารณะแล้ว ปรึกษากันว่าวันนี้จะไปทานหม้อไฟแบบจีนกันค่ะ ว่าแล้วก้อให้น้องชายที่เป็นเจ้าถิ่นนำทางไป คุณน้องบอกว่า ไม่ไกลเท่าไหร่ เดินไปก็ได้ ถ้าไม่ไกลเกิน 2 ป้ายรถเมล์ คนที่นี่นิยมขี่จักรยาน หรือไม่ก็เดินเท้าค่ะ เดินไปซักพักเริ่มสงสัยกันว่า มันไกลเกิน 2 ป้ายรถเมล์รึเปล่าหว่า? อาจเป็นเพราะเราไม่ชินกับการเดินไกลๆ ซักเท่าไหร่ กว่าจะเดินมาถึงที่ร้าน ก็เหนื่อยและหิวกันมากมายเลยค่ะ ถึงจุดหมายของเราแล้ว เห็นร้านนี้ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อย ร้านอยู่ตรงข้ามทางรถไฟ รอบๆ ร้านก็ค่อนข้างมืด ดูน่ากลัวเชียว มองเข้าไปจะเห็นได้ว่า ร้านมีขนาดประมาณตึกแถวหน้ากว้าง 2 ห้อง โต๊ะที่นั่นทางจะเป็นโต๊ะไม้เตี้ยๆ สูงกว่าหัวเข่าเรานิดนึงได้มั๊ง มีสายแก๊สและหลุมสำหรับวางหม้อไฟอยู่กลางโต๊ะ หม้อไฟที่นี่เรียกเป็นภาษาจีนว่า หั่วกัว หรือ ชวนชวน (ถ้าออกเสียงผิดก็ขออภัยนะคะ) ในหม้อจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ครึ่งนึงใส่น้ำซุปธรรมดา อีกครึ่งเป็นน้ำซุปแบบเผ็ด น้ำมันลอยเต็มเลยค่ะ น้ำจิ้มก็มี 2 แบบ คือแบบน้ำมันงา (ก้นถ้วยเป็นเกลือกับผงชูรสในปริมาณที่น่ากลัว) ส่วนอีกแบบเป็นแบบเผ็ด หน้าตาเหมือนพริกป่น ผงชูรส ราดด้วยน้ำมันพริกเผา วิธีกินก็ง่ายแสนง่าย เค้าจะมีอาหารต่างๆ เสียบไม้วางไว้ที่ชั้นวางของ ติดกับผนังฝั่งซ้ายของร้าน อยากกินอะไร ก็ไปหยิบมาจุ่มลงหม้อได้เลย เราก็ไปยืนเลือกๆ กันทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า บางไม้ที่หยิบมามันคืออะไรหว่า กินไปลุ้นไป สนุกดีค่ะ ร้านอาหารในจีน มักจะขายอาหารอย่างเดียว ไม่ขายน้ำ เราต้องซื้อน้ำดื่มจากร้านข้างนอกมาเอง อิ่มแล้วจ้า สี่คน กินไปเกือบ 300 ไม้ได้มั๊งเนี่ย โฮะๆ น่าตกใจจริงๆ ราคาเค้าจะนับจำนวนไม้เอาค่ะ คิดเป็นเงินไทยแล้วไม่แพงเลย รับรองว่าถูกกว่ากินสุกี้ที่บ้านเรากว่าครึ่ง อิ่มอร่อย หลังจากนั้นก็เดินกลับที่พักค่ะ พอท้องอิ่มแล้ว เดินไกลหน่อยก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ 555 วันรุ่งขึ้น ทานอาหารเช้าแบบจีนเป็นมื้อแรก เนื่องจากโรงแรมที่เราพักนั้น คิดราคารวมอาหารเช้าไว้แล้ว เช้านี้เป็นมื้อเช้ามื้อแรกที่คุนหมิงค่ะ ระหว่างเดินไปกินมื้อเช้าก็ลุ้นนิดหน่อยว่าจะเป็นยังไง พอไปถึงห้องอาหารก็ตกใจเล็กน้อยค่ะ ใครที่นึกถึงอาหารเช้า ABF แบบในโรงแรมที่บ้านเราขอให้ลืมภาพนั้นไปให้หมดแล้วจินตนาการตามนี้แทนนะคะ เรายื่นคูปองสำหรับทานอาหารเช้าที่เคาท์เตอร์ด้านหน้า พอเดินเข้ามาที่ห้องอาหารก็เป็นเคาท์เตอร์ยาวรูปตัวแอลอยู่มุมนึงค่ะ มีพ่อครัวยืนอยู่ 2 คน ทำหน้าที่ทอดไข่ดาว และทำก๋วยเตี๋ยว ข้างๆ คุณพ่อครัวก็จะมีอาหารที่ปรุงไว้แล้วใส่ถาดอุ่นไว้ อยู่ประมาณ 4 อย่าง เป็นผัดผัก 2 อย่าง ไข่ต้ม และอะไรก็ไม่รู้ดูไม่ออกอีกอย่างนึง มีหม้อข้าวต้มร้อนๆ สีขาวใสแจ๋ววางอยู่ข้างๆ กระติดสแตนเลสใบใหญ่อุ่นม และ น้ำเต้าหู้อยู่ถัดจากหม้อข้าวต้ม ส่วนอีกด้านึงเป็นพวกผักดอง มีประมาณ 3-4 อย่าง นอกจากกระเทียมดองแล้ว ก็ดูไม่ออกเลยว่าจานอื่นๆ นั้นเป็นผักอะไร หลังจากยืนอึ้งกันอยู่ซักพัก เพราะไม่รู้จะกินอะไรดี เลยตัดสินใจตักมาทุกอย่างเลย อย่างละนิดอย่างละหน่อนแหละค่ะ อย่างน้อยอาหารจีน น่าจะคาดหวังได้เรื่องรสชาติ สั่งไข่ดาว กับบะหมีน้ำมาด้วยค่ะ แต่สงสัยจะคาดหวังมากเกินไป เพราะไม่อร่อยเลยค่ะ ผักดองก็กลิ่นแปลกๆ ไม่เหมือนที่บ้านเรานะคะ ส่วนบะหมี่น้ำ หน้าตาน่ากิน แต่ มัน มากๆ กินยากค่ะ ทานข้าวเช้ารองท้องกันไปได้นิดหน่อย วันนี้เราจะไปช้อปปิ้งกันเพราะคุณน้องชายติดเรียน ไม่ว่างมานำเที่ยวค่ะ พวกเราเลยคิดว่า เดี๋ยวไปย่านช้อปปิ้ง ค่อยไปหาอะไรกินเพิ่มก็แล้วกัน เดินออกจากที่พักไปขึ้นรถเมล์ค่ะ คราวนี้ขึ้นเองโดยไม่มีคนนำทางแล้ว รถเมล์ที่เราขึ้น หน้าตาเป็นหยั่งงี้ สุดท้ายเราก็มาถึงย่านช้อปปิ้งกันจนได้ ลงถูกป้ายซะด้วยนะ ห้างใหญ่ที่มองเห็นตั้งแต่ลงรถ ลานด้านหน้าห้างมีกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มเล่นกีฬาอะไรซักอย่างอยู่ (ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะคะ) โดดไปโดดมากันใหญ่เลย ดูเค้าชอบใจนะที่เห็นเราถ่ายรูปเค้าอ่ะ ย่านช้อปปิ้ง คนเดินซื้อของกันเยอะแยะเลยค่ะ นี่ก็ห้างใหญ่อีกห้างนึง ตั้งอยู่ในแถบเดียวกัน ร้านขายของที่ระลึก สัญลักษณ์กีฬาโอลิมปิค ที่ปีนี้จีนเป็นเจ้าภาพ ร้านแบบนี้มีอยู่ทั่วเลย ของในร้านราคาค่อนข้างแพงเชียวแหละ ร้านกาแฟน่านั่งอยู่กลางลานกว้างของย่านช้อปปิ้ง ท้องเริ่มร้องแล้ว เราเลยข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม หาของกิน หลังจากเดินๆ ดูร้านขายอาหารแล้ว ยังหาร้านถูกใจไม่ได้ ลองเสี่ยงเข้าไปกินร้านนึง เป็นบะหมี่แบบจีน กับเกี๊ยวซ่า ปรากฏว่าไม่ค่อยอร่อยค่ะ ท้องยังไม่อิ่ม เลยข้ามกลับมาที่ฝั่งย่านช้อปปิ้งอีกครั้ง เจอร้านน่านั่ง แต่ท่าทางราคาจะแพงพอตัว สั่งข้าวชามใหญ่มาแบ่งกันกินค่ะ หน้าตาคล้ายๆ ข้าวอบหม้อดิน จานใหญ่มากๆ ตามด้วยเค้กช็อคโกแล็ตมูสหน้าตาน่ากิน ชิ้นนี้คิดเป็นเงินไทย ราคาเกือบร้อยแหนะ ช้อปปิ้งกันจนเย็น เลยว่าจะกลับที่พักเพราะเมื่อยขาแล้ว ระหว่างทางผ่านโรงหนัง เลยเก็บบรรยากาศหน้าโรงหนังแบบจีนๆ มาฝากค่ะ แอบสังเกตเห็นว่า หนังที่นี่ ถ้าเป็นหนังต่างประเทศ จะเข้าช้ากว่าบ้านเราหลายเดือนเลย ขอแถมท้ายด้วยเมนูอร่อยมื้อเย็นค่ะ มื้อนี้กินที่ร้านอาหารจีนตามสั่ง อยู่หลังมหาวิทยาลัยยูนนาน กุ้งผัดซ้อส ต้มจืดผัก ใส่ไข่ ข้าวโพดผัดไข่แดง อีกจานเป็นไก่ผัดกับผักและเครื่องเทศของจีน จานสุดท้ายเป็น เต้าหู้ผัด ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ เสียอย่างเดียวตรงที่ในร้าน ควันบุหรี่เยอะมากๆ เพราะคนจีนสูบบุหรี่กันทุกที่จริงๆ ครั้งหน้าจะมาต่อกันที่วัดสวยๆ และงานพืชสวนโลกของจีนนะคะ   Create Date : 03 พฤษภาคม 2551     Last Update : 3 พฤษภาคม 2551 14:40:30 น. Counter : 1471 Pageviews.   3 comment Share Tweet

เที่ยวคุนหมิง (1) น้องเบจังตะลุยคุนหมิงค่า ทริปนี้ 6 วัน 5 คืน เอ...ทำไมไปหลายวันจังหว่า ปกติเที่ยวเมืองจีน เค้าไปกัน 4 วันเองนะ แต่ไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ง้อทัวร์ค่ะ เนื่องจากน้องเบจัง มีน้องชายเรียนภาษาจีนอยู่ที่คุนหมิง เลยมีไกด์ส่วนตัวแบบไม่ต้องจ้าง วันแรกหมดไปกับการเดินทางค่ะ กว่าจะไปถึงที่โน่นก็บ่ายสองกว่าๆ แล้ว ที่จีนเวลาเร็วกกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง สนามบินคุนหมิงเล็กนิดเดียวเองค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ และไม่ให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ พอเดินผ่านด่านตรวจพาสปอร์ตแล้ว ด้านนอกแทบไม่มีอะไรเลย มัวแต่ห่วงกระเป๋า เลยไม่ได้ถ่ายรูปด้านนอกมา ระหว่างรอเรียก Taxi เพื่อไปที่โรงแรม ก็มีบรรดาคนจีนเอานามบัตรมายัดใส่มือเต็มไปหมดเลยค่ะ คงเป็นพวกทัวร์มั๊ง แปลกดี เพราะถ้าเป็นทัวร์ ทำไมมีแต่ภาษาจีนหว่า ที่อ่านรู้เรื่องก็มีแค่เบอร์โทรศัพท์ แหะๆๆ Taxi ที่นี่ไม่เปิดแอร์ค่ะ จะว่าไป เท่าที่เห็นรถยนต์ที่นี่ เค้าขับแบบเปิดหน้าต่างกันทั้งนั้นเลย พอขึ้นแท๊กซี่แล้ว บรรดาคนจีนนักแจกใบปลิวบางส่วน ยังไม่ละความพยายามค่ะ ระหว่างที่รถกำลังออก เค้าก็ร่อนนามบัตรเข้ามาในรถเหมือนนินจาปาดาวกระจายเลย เรามานับดูตอนหลัง ได้มา 10 กว่าใบ (อ่านไม่ออกซักใบ) จากสนามบินประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงที่พักแล้วค่า ที่พักก็ได้คุณน้องชายจองให้ค่ะ เป็นโรงแรมของทางมหาวิทยาลัยค่ะ Guesthouse for International Students - Chinese Language Center for International Students Yunnan University หรือ เรียกง่ายๆ ว่า Yunda Hotel มองจากด้านนอก ดูโทรมๆ นิดหน่อย ที่เลือกที่นี่ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ 2 ข้อ คือ ใกล้กับที่พักของน้องชาย และ ราคาไม่แพงค่ะ เราไปกันสามสาว เลยขอเตียงเสริมเพิ่มอีกเตียง เพิ่มตังค์อีกนิดหน่อย ราคา 210 หยวน ต่อคืน (ค่าเงินตอนเราไป ให้คูณด้วย 4.6 นะจ๊ะ) ไม่แพงใช่มั๊ยล่ะ ห้องเรียบร้อยดี แต่ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เก็บกระเป๋าเรียบร้อย พวกเราก็เริ่มรู้สึกว่า เอ ห้องนี้มันยังไงหว่า เงียบๆ ชอบกล ได้ยินแค่เสียงพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำค่ะ เลยเริ่มมองหาช่องแอร์ว่าอยู่ไหน หายังไงก็ไม่เจอ มารู้ตอนหลังว่า ไม่มีแอร์! ก็ตกใจเหมือนกันนะ ไม่ได้กลัวร้อนหรอก เพราะอากาศที่คุนหมิง กะลังเย็นสบายเลย แต่กลัวว่า ถ้าปิดหน้าต่างหมด เราจะหายใจออกรึป่าวหว่า ห้องพักอยู่ชั้น 2 ค่ะ มองจากบนห้องลงมาจะเห็นประตูด้านนึง ของ Yunnan University ด้วย หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็เดินชมมหาวิทยาลัยค่ะ อากาศช่วงนี้ประมาณ 16-25 องศาได้มั๊ง เช้ากับกลางคืนจะหนาว ส่วนตอนกลางวันแดดร้อนมาก สนามบาส กว้างมากๆ ค่ะ ห้องสมุด ใหญ่เบ้อเริ่มเลย มี 4 ชั้น ป้ายบอกทางแบบนี้ มีทั่วมหาวิทยาลัยเลย (ภาษาจีนล้วนๆ อีกแว้ว) ตึกเก่าๆ แต่สวยค่ะ บันไดหน้าตึกนี้ มีคนมานั่งถ่ายรูปกันตลอดเลย ศาลาแบบจีน น่าเข้าไปนั่ง ด้านข้างมีบ่อน้ำด้วย ได้บรรยากาศดีจริงๆ ดอกไม้สวยๆ แบบนี้ปลูกไว้ทั่วมหาวิทยาลัย เวลาดอกไม้บานถนนตรงนั้นจะเป็นสีชมพู น่าอิจฉานักศึกษาที่นี่ค่ะ มหาวิทยาลัยบรรยากาศดีมากๆ มุมสวยๆ ใต้ต้นไม้ให้นั่งอ่านหนังสือเพียบเลย มุมสวยๆ อีกมุมนึงค่ะ ชมมหาวิทยาลัยกันแล้ว เวลายังเหลือก่อนถึงมือ้เย็น เราเลยเลือกไปเที่ยวที่ใกล้ๆ กันก่อน จากมหาวิทยาลัยยูนนาน นั่งรถไปประมาณ 15 นาที เราจะเจอวัดที่อยู่กลางเมืองเลยค่ะ วัดนี้ชื่อวัดหยวนทง - YuanTong Temple ซื้อบัตรเข้าชมแล้ว เดินเข้ามาด้านใน จะเห็นประตูวัดจากด้านในเป็นแบบนี้ วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี วัดหยวนทงจะต่างกับวัดอื่นๆ ในจีน ที่มักจะสร้างบนเขา แต่วัดนี้สร้างต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน ดังนั้นคำว่า “หยวนทง” จึงเป็นชื่อที่ปรากฏในคัมภีร์ของเจ้าแม่กวนอิม รูปข้างบนนี้ พอเดินเข้าประตูวัดมาก็จะเห็นเลยค่ะ แต่อันนี้ เราก็ไม่รู้ความหมายเหมือนกันว่าเป็นเสาอะไร มองตรงเข้าไปตามทางเดินเข้าวัดค่ะ สวยมากๆ บริเวณวัดด้านใน กับสระน้ำนิ่งๆ สีเขียว เลยเรียกว่าสระมรกตค่ะ ศาลาแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่กลางสระมรกต เดินผ่านศาลาแปดเหลี่ยมเข้าไปอีก เราเห็นคนจีนยืนอยู่ห่างจากกระถางนี้ประมาณ 5-6 ก้าวค่ะ เค้าหลับตา แล้วเดินตางเข้าไปแตะกระถาง น้องชายเราบอกว่า คนที่นี่เชื่อกันว่า ถ้าหลับตาเดินไปแตะถูกกึ่งกลางกระถางตรงจุดระหว่างรูปมังกร 2 ตัวบนกระถางได้ล่ะก็ จะโชคดี พอคนน้อย เราก็ไปลองบ้างค่ะ เห็นบอกว่าจะลองทำกี่ครั้งก็ได้ ไม่ผิดกติกา 555 มารู้ทีหลังว่า ถ้าหลับตาเดินแล้วทำไม่ได้ล่ะก็ ให้เอามือลูบวนรอบกระถาง 3 ครั้งแทนก็ได้ (มิน่า กระถางเงาแว้ปเลย วันนึง คนมาลูบกันกี่ครั้งล่ะเนี่ย) ตามประวัติบอกไว้ว่า วัดนี้เป็นผสมทั้งวัดไทย พม่า และธิเบต เพราะภายในวัดที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาถึง 3 นิกาย ได้แก่นิกายมหาญาณของพม่า นิกายหินญาณของคนไทย และนิกายลามะของธิเบต พระพุทธชินราชองค์แรกในจีนที่วัดหยวนทง ไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลค่ะ สิงห์น้าโบสถ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมลูบ แน่นอนว่า เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกนั่นแหละ ทิวทัศน์ด้านหลังวัด ไม่น่าเชื่อว่าวัดกลางเมืองจะมีผาหิน ใหญ่ๆ อย่างนี้ด้วย ออกจากวัดแล้วเราจะไปเดินชมสวนสาธารณะใกล้ๆ กันต่อค่ะ หลังจากนั้นจะพาไปกินหม้อไฟกัน ยังไงรอต่อคราวหน้านะคะ   Create Date : 17 เมษายน 2551     Last Update : 19 เมษายน 2551 17:54:59 น. Counter : 1711 Pageviews.   16 comment Share Tweet

• toor36
• boPenguin
• Jeban
• ป้ามด
• SunBlog
• fonkoon
• ซอร์บอนน์
• Complicatedgirl
• ปลาทอง9
• ~Baan_Ohana~
• มิสเตอร์ฮอง
• ปั้นเจ้าสำอาง
• แมวหูหงิก
• jaidee.jaidee
• วิสกี้โซดา
• dogamania
• beer87
• หัวหอมน้อย
• Even if i die
• arcoiris
• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com