A balanced state of mind is YOGA 
 
ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

ถึงเวลาเดินทางของครูหยีอีกครั้งหนึ่งแล้วค่ะ  คราวนี้เลือกไปญี่ปุ่น ช่วง ตุลาคม จะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และเคยได้ยินถึงความเจริญของญี่ปุ่น ทั้งทางด้านวัตถุและคุณภาพของคน อยากรู้อยากสัมผัสค่ะว่าเป็นอย่างไร การเดินทางในแต่ละครั้งของครูหยีถือเป็นการเรียนรู้ เรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ วัฒนธรรมใหม่ ๆ เจอเพื่อนใหม่ ๆ ไม่เน้นช๊อปปิ้ง ไม่เน้นเที่ยวกิน (แล้วจะไปทำไมหนอ Smiley )  ไปเพื่อเรียนรู้ชีวิตของคนญี่ปุ่นจริง ๆ เลยค่ะ ใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ เช้าโยคะ นั่งสมาธิ แล้วก็ไปจ่ายตลาดที่คนท้องถิ่นไปกัน กลับมาทำกับข้าวกับคนที่พักโรงแรมเดียวกันบางครั้งเจ้าของโรงแรมก็มาร่วมด้วย สาย ๆ ก็นั่งรถใต้ดินบ้าง รถไฟบ้างไปเที่ยวตามเขาหรือชนบท ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ไกลมาก นั่งรถไฟ 1-2 ชั่วโมง และรถไฟส่งถึงตีนเขาเลย อากาศดีสุดยอด แค่มาหายใจเข้าลึก ออกยาว ก็คุ้มแล้วค่ะ เย็น ๆ กลับมาก็แวะอาบน้ำที่โรงอาบน้ำบ้าง ไปร้านหนังสือบ้าง สนุกค่ะ และไม่เหนื่อยด้วย คราวนี้ก็เดินทางคนเดียวเหมือนที่ผ่านมาค่ะ เลือกไปภูมิภาคคันไซ หรือภาคกลางตอนใต้ของญี่ปุ่น เมืองหลัก ๆ ก็เช่น โอซาก้า เกียวโต นาระ โกเบ แต่ละเมืองเชื่อมต่อกันด้วยรถไฟ เดินทางสะดวกสบายมาก หลาย ๆ คนฝากถามมาว่า ญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว ตอนเข้า ตมจะเรื่องมากหรือเปล่า โดยเฉพาะสาวสวยและโสดอย่างพวกเรา ๆ  ขอบอกว่าไม่เลยค่ะ เตรียมเอกสารให้ครบ กรอกเอกสารให้ละเอียดก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ผ่านได้เลย 

มีรูปมาฝากเล็ก ๆ น้อยค่ะ เผื่อทำให้หลาย ๆ คนอยากไปบ้าง



สนามบินคันไซ ก็ใหญ่โตทันสมัย และมีทางเชื่อมต่อกับรถไฟเข้าเมือง โอซาก้า หรือเกียวโตได้เลยค่ะ ในสนามบินมี tourist information center ติดต่อซื้อตั๋วให้เรียบร้อยเลยค่ะ เที่ยวเองต้องทำการบ้านให้มาก ๆ ไว้เลยค่ะ เพราะค่าเดินทางที่ญี่ปุ่นแพงมาก ขึ้นที่ก็ 220 เยนแล้ว หากวางแผนดี ๆ ก็สามารถใชับัตรแบบ 1 วันในเมือง หรือ 3 วันไปได้ทัวคันไซก็มี ครูหยีเองเลือกใช้แบบ Kansai thru pass 3 วัน 5000 เยน ไปได้ทุกเมืองในคันไซ แล้วใช้รถไฟ รถใต้ดิน รถเมลได้หมด ก็สะดวกดีค่ะ หากสนใจก็ลองหารายละเอียดเพิ่มได้ที่ //www.surutto.com/tickets/kansai_thru_english.html


//media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-s/03/c6/72/2d/hotel-raizan-south.jpg
โรงแรมที่พักค่ะ ราคาห้องเดี่ยวคืนละ 1800 เยน (ประมาณ 500 กว่าบาท) เป็นส่วนตัวและสบายดีมากเลย มีแอร์และทีวีให้ด้วย ห้องน้ำรวมค่ะ มี wifi ในห้องนอน มีคอมให้ใช้ในบริเวณล๊อบบี้ มีห้องครัวเล็ก ๆ ไว้ให้ด้วยนะ เดินทางสะดวกอยู่ใกล้กับรถใต้ดิน และรถไฟ หากสนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ //www.chuogroup.jp/minami/raizan-english/main.html



เกียวโต เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น มีวัดวาอารามและศาลเจ้าอยู่เกือบทุกหัวมุมเมือง สำหรับครูหยีเองขอเลือกวัดเด่น ๆ สัก 2 แห่ง และศาลเจ้าอีก 1-2 แห่งก็พอค่ะ ที่ได้ไปเยี่ยมก็เช่น วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิสึเดระ เดินนับเสา เข้าอุโมงค์ที่พูชิมิ อินาริ แวะที่วัด โทฟุคุจิ เดินเที่ยวริมคลองเส้นทางสายปรัชญา แล้วก็ขึ้นเข้าไปที่ ย่านอะราชิยามะ สุดท้ายสุดเลยก็แวะที่ kyoto station ลืมไปแวะตลาดสดด้วย





ทางเดินขึ้นไปที่วัดน้ำใส คนมากมาย ร้านค้าก็มากมายจริง ๆ ค่ะ



ทางเข้าวัด


ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีนิดหนึ่งแล้ว หากมาช้าอีกสักเดือนก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเขาเลยค่ะ ไม่เป็นไรไปใหม่ปีหน้า



ใบไม้เปลี่ยนสีมีให้เห็นเรื่อย ๆ





สวนไผ่ทางขึ้นไปวัดค่ะ สงบมาก


//japanphotojournal.com/wp-content/uploads/2010/08/kimono-togetsukyo-bridge-arashiyama-kyoto.jpg
ระหว่างทางขึ้นไปที่วัด จะเห็นสาว ๆ แต่งชุดประจำชาติมาเดินด้วยค่ะ ผู้ชายก็เห็นอยู่เลยคน ส่วนใหญ่จะเป้นวัยรุ่น ดูแล้วน่ารักกันจัง


ขึ้นเขาอีกแล้วค่ะ เดินนับเสา เข้าอุโมงค์ที่ฟูชิมิ อินาริ  เสาสีแดงมีชื่อเรียกว่า ประตูโทริอิ ทางเดินเป็นอุโมงเป็นกิโล ๆ เลยคะ สวยงามและอากาศดีอีกแล้ว


รถใต้ดินค่ะ มีแบ่งโบกี้สำหรับผู้หญิงด้วย

นี่แหล่ะค่ะ kyoto station ภายในสเตชั่นอันโอ่โถงอลังการในแแบบทันสมัยสุด ๆ มีบันไดกว้างเป็นอัฒจรรย์สูงเท่าตึก 15 ชึ้นกว่า ๆ ซึ่งประกอบด้วยห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ ร้านอาหาร ภัตตาคาร และหอศิลป์ โรงแรมระดับ 5 ดาวด้วยค่ะ


ลองเปลี่ยนไปเมือง Kobe บ้าง ไม่ได้ไปตัวเมืองค่ะ ขึ้นเขาเลย ด้านหลังเป็นประสาท Himeji อยู่บนเขาอีกแล้วค่ะ เดินไกลมาก ระหว่างทางส่วนใหญ่ก็จะเป็นต้นไม้เป็นธรรมชาติ  อากาศดีสุด ๆ





เมืองนี้ชื่อเมือง Uji ไปทาง Nara เป็นเมืองอยู่ในหุบเข้า ล้อมรอบด้วยน้ำ เป็นเมืองแบบชนบท ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเทียวกัน หากฝนไม่ตกจะสวยมากว่านี้ค่ะ



กลับมาที่ Osaka เร่ิมจากประสาทเลยค่ะ อยู่ในเมือง ขึ้นจากรถไพใต้ดินก็เห็นเลยค่ะ ไม่ได้เข้าไปชมเพราะคนมาก บริเวณด้านนอกประสาทจะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่โตพอสมควร แค่เดินรอบ ๆ ก็เหนื่อยแล้ว



หนุ่ม กูลิโกะ ตึ้งโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ย่านบันเทิง "Dotonbori" ในเมือง โอซาก้า  บริเวณนี้เป็นแหล่ง shopping ที่ใหญ่ที่สุด ถนนคนเดินเป็นกิโล กิโลเลค่ะ ทั้งบนเดิน ใต้เดิน ขอบอกว่าของถูกกว่าเมืองไทยด้วยนะ ขนาดว่าไม่เน้นshopping ยังอดใจไม่ได้ต้องซื้อสักหน่อย



กลัวว่าจะมาไม่ถึง โอซาก้า ขณะฝนตกยังไม่ยอมแพ้เลยค่ะ สงสารก็แต่คนถูกขอให้ถ่ายรูปให้แหละ เปียกหมดแล้วค่ะ



ใต้รูปกูลิโก้จะเป็นร้านอาหารและคลองไหลผ่านกลางเมือง คลองสะอาดน้ำใสมาก



นี่เลยค่ะ มาถึง osaka ต้องชิมค่ะ  Takoyaki ขนมครกญี่ปุ่น
อาหารญี่ปุ่นตามรถไฟใต้ดิน หรือใน supermaket ราคาประมาณนี้เลยค่ะ (380 เยน ประมาณ 100 กว่าบาท)



ผลไม้สดจากไร่ ราคาก็พอ ๆ กับเมืองไทยนะคะ









Create Date : 27 ตุลาคม 2556
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 11:56:38 น. 0 comments
Counter : 2762 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ดอยวาวี
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ชื่อจริง บุษรา รัตนวาวี ชื่อเล่น ลูกหยี ค่ะ เป็นคนเหนือโดยกำเนิด ศึกษาและทำงานที่เชียงใหม่ จนอายุเกือบ 30 ปี จึงได้ตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนที่เรียนที่ประเทศอังกฤษ ได้มีโอกาสรู้จักโยคะเป็นครั้งแรกและได้ฝึกมาตลอด ถึงแม้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาและได้งานประจำที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งโยคะเลย ได้ศึกษโยคะหลาย ๆ แบบ ได้เข้าฝึกกับผู้ฝึกทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จนค้นพบว่าโยคะที่เหมาะกับตนเองและคิดว่าจะฝึกไปตลอดชีวิตเลยคือ หะฐะโยคะ ซึ่งถือเป็นโยคะดั้งเดิมจากอินเดีย จึงได้ฝึกเฉพาะหะฐะโยคะตั้งแต่นั้นมา และมีโอกาสที่เข้าฝึกเป็นครูโยคะ ที่สุนีย์โยคะ กรุงเทพ เป็นเวลา 100 ชั่วโมง และได้สอนในโอกาสต่าง ๆ ในวันที่ว่างเว้นจากงานประจำ จนกระทั่งสิ้นปี 2009 จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เดินทางไปศึกษาโยคะและอายุรเวทที่อินเดียอย่างจริงจัง เป็นเวลา 3 เดือน (หลักสูตรครูโยคะ 1000 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเวลา 3 เดือนที่ได้ใช้โยคะเป็นวิถีแห่งชีวิต ได้มีโอกาสสอนคนทั้งคนแก่ คนท้อง เด็ก ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง จึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบมาจากการรู้จักโยคะ และได้ใช้โยคะเป็นวิถึชีวิต กับชาวเชียงใหม่ค่ะ

มารู้จัก บ้านหยีโยคะ ด้วยนะคะ
**ปัจจุบันนี้ ปี 2561 บ้านหยีโยคะ ได้เปิดมาครบ 7 ปีแล้วค่ะ
.....................................................................

บ้านหยีโยคะ ถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ในเดือนธันวาคม 2553 ด้วยความรักบวกกับความตั้งใจของครูหยีเพื่อโยคะโดยเฉพาะ และเน้นนโยบายของครูหยีเองว่า เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยใช้ประสบการณ์ ความรู้ของตน พร้อมแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชุก ที่สำคัญสุดรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมาชิกจะใช้เพื่อการกุศล ตลอดเวลา 1 ปีที่ครูหยีได้เปิดสอนมานั้น ได้รับการต้อนรับจากชาวเชียงใหม่หรือแม้แต่คนต่างจังหวัดเป็นอย่างดีมาก ถึงแม้ครูหยีจะเปิดสอนเพียง 3 วันต่ออาทิตย์ก็ตาม รายได้ได้ถูกนำไปสร้างบุญสร้างกุศลอย่างมากมาย ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ จนถึงร่วมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด ช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา ค่าอาหารต่อเด็กยากจน ตลอดจนเป็นปัจจัยสำหรับอาหารสำหรับผู้ปฏิบัตธรรมตามสถานที่ปฏิบัติธรรมต่าง ๆ แต่สิ่งที่ครูหยีประทับใจที่สุดคือสมาชิกหลายท่านมีสุขภาพทั้งกายและใจดีขึ้นมาก มีสติ หันมาศึกษาธรรมะ ดูแลสุขภาพของตนจากภายใน รักตนเองมีความมั่นใจในตนเอง พร้อมสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ครูหยีทำอยู่อาจจะไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่ แต่ตนเองก็ภูมิใจที่ได้ทำและจะทำไปเรื่อย ๆ เท่าที่เหตุปัจจัยจะนำพาไป ครูหยีขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณสมาชิกทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนบ้านหยีโยคะ และให้กำลังใจครูหยีในการทำความดีตลอดมา (ไป) ค่ะ
------------------------------------------------------------
update มกราคม 2556

ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะก็เปิดมาแล้วครบ 2 ปี และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 3 ในปีที่สองที่ผานมาบ้านหยีโยคะได้มีกิจกรรมทำร่วมกับสมาชิกมากขึ้น ไม่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน ร่วมออกโรงทาน หรือไปแสวงบุญไกลถึงอินเดียร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมดี ๆ หลายอย่างก็ยังจะทำต่อเนื่องกันไปต่อไปค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างก็คือบ้านหยีโยคะได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้นคือจะเน้นรับสมาชิกที่เป็นวัยทำงาน ตั้งแต่ 30 ปีขั้นไป และในช่วงเช้าจะเน้นวัยผู้ใหญ่ที่ 40 ปีขึ้นไป เพราะครูหยีเห็นว่าผู้หญิงในแต่ละวัยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจที่ต่างกัน ควรจะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ ครูหยีได้เพิ่มและเน้นเรื่องของโภชนาการมากขึ้น แบ่งปันความรู้ในด้านของอายุรเวทมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนเลยค่ะ คือให้สมาชิกของเรานั้นได้มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ฝึกเป็นหมอของตนเองค่ะ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ปรับธาตุด้วยอาหาร ด้วยอารมณ์ ซึ่งได้รับความสนใจนำไปปฏิบัติจากสมาชิก เช่น การรับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ลดกินแป้ง ลดน้ำตาล ลดชา ลดกาแฟ ล้างพิษ ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างผู้ฉลาด อย่างมีสติเป็นต้น และสมาชิกหลาย ๆ ท่านก็ได้นำความรู้ด้านอื่น ๆ มาแบ่งปันกันในกลุ่มสมาชิกด้วย ซึ่งครูหยีจะเน้นให้สมาชิกให้ดูแลร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นองค์รวม ให้รักตนเองและดูแลตนเองให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้มัพลัง มีแรงที่จะไปรักและดูแลตนอื่นได้ค่ะ

แน่นอนว่าการที่บ้านหยีโยคะได้อยู่จนครบ 2 ปี และยังก้าวต่อไปพร้อมทั้งกิจกรรมมากมายที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นนั้น ได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากสมาชิกทุก ๆ ท่านและร่วมถึงครอบครัวของสมาชิกด้วย ครูหยีขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ขอความดีทั้งหลายที่ท่านทั้งหลายได้ทำและสะสมมาจงคุ้มครองให้ท่านได้พบเจอแต่สิ่งดีงามและพบทางพ้นทุกข์ด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเองก็ยังดำเนินชีวิตตามอุดมการณ์เดิมค่ะ ขอใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แบ่งปันให้มากที่สุด มีความสุขกับทุกลมหายใจ ปฏิบัติธรรมเพื่อศึกษาจิตตนให้ละเลิกกิเลสให้มากที่สุดและพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้เห็นทุกข์และมีโอากาสได้ออกจากทุกข์ในเร็ววันค่ะ
--------------------------------------------------------------
update มกราคม 2557

ผ่านไปอีกปีแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะได้อยู่ครบ 3 ปีแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ตลอด 2556 ที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้มีโอกาสต้อนรับพี่ ๆ น้อง ๆ อา ๆ ป้า ๆ กว่าร้อยท่าน หลาย ๆ ท่านอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นถึงสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ๆ ของสมาชิก เป็นความรู้สึกปลาบปลื้มปิติจริง ๆ ค่ะ ขอขอบคุณที่รักตัวท่านเอง ขอขอบคุณที่ท่านได้ให้โอกาสกับบ้านหยีโยคะได้สร้างสิ่งดี ๆ ร่วมกันกับท่าน การพบแล้วจากเป็นธรรมดาของโลก แต่การเจอของเราในครั้งนี้ ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเราได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันและต่างก็เป็นเนื้อนาบุญของกันและกัน ของบุญรักษาท่านด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเอง เป็นปีที่เดินทางบ่อยถึงบ่อยมาก อย่างที่ครูหยีชอบพูดอยู่เสมอว่าการเดินทางเป็นการเรียนรู้ค่ะ ระหว่างทางเราอาจจะเจอคนมากมาย ได้พบและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือเรียนรู้ตนเองค่ะ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็เรียน เรียนกันมาตลอด เราติดตามข่าว รู้เรื่องชาวบ้าน เพื่อนบ้าน แต่คนที่เรารู้จักน้อยที่สุดกลับเป็นตนเราเอง ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้ตนเองมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้วค่ะ มีชิวิตที่เป็นอิสระ เบา สบายมากขึ้น ทรัพสินภายนอกอาจจะไม่เพิ่ม แต่อริยทรัพย์ภายในเริ่มมีบ้างแล้ว ก็เป็นกำลังใจที่จะเดินเส้นทางนี้ต่อไปอีก ครูหยีซาบซึ้งใจอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้นกับครูหยีนั้นต้องขอบคุณครอบครัวที่ประกอบด้วยน้องชายทั้งสอง น้องสาว น้องสะใภ้ทั้งสองและหลาน ๆ ที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ สมาชิกบ้านหยีโยคะทุก ๆ ท่าน และกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่เสมอมา ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

----------------------------------------------------------------
update เมษายน 2558

ผ่านไปแล้วอีก 1 ปี บ้านหยีโยคะอยู่อย่างมั่นคงครบ 4 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วค่ะ ตลอดปีที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้ต้อนรับสมาชิกมากมาย บางท่านอยู่กันหลายเดือน บางท่านก็ฝึกด้วยกันเพียงเดือนเดียว ซึ่งดิฉันเชื่อเสมอค่ะ พวกเราได้มาเจอกันก็ด้วยบุญ -กุศลที่ได้ร่วมสร้างกันมา ทุกคนที่เข้าสู่บ้านหยีโยคะจึงเสมอเหมือนญาติพี่น้องที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และพวกเราก็หนี้สัจธรรมไม่พ้นค่ะ ทุกอย่างคือความไม่แน่นอน ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีพบย่อมมีจากเป็นธรรมดาของโลกจริง ๆ นะคะ อย่างไรก็ตาม ก็ขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่ได้แวะเวียนเข้าสู่ครอบครัวบ้านหยีโยคะ ท่านมาเราดีใจ ท่านจากเราคิดถึงนะคะ

ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังมุ่งในการสร้างบุญสร้างกุศลมิได้ขาด โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างมากมาย ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ได้แบ่งปันไปยังผู้ประสบภัยเหล่านั้นด้วยค่ะ ยิ่งอยู่นาน คงทำให้ประจักษ์ว่า ชีวิตนี้เหลือน้อยแล้ว ก็จำต้องเร่งสร้างบุญสร้างกุศล ฝึกจิตให้สูงขึ้น ลด ละ เลิก ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้ได้มากขึ้น

ขอบุญรักษา
----------------------------------------------------------------
ประวัติโดยย่อ ของครูหยี

ปัจจุบัน
เจ้าของและครูสอนโยคะที่บ้านหยีโยคะเชียงใหม่
ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง สงบ และมีความสุขกับทุกลมหายใจ
* ศึกษาและปฏิบัติธรรม
* ทำความดี
* นักเดินทาง

**สนใจและศึกษาเกี่ยวกับ

* จิต
* ธรรมชาติบำบัด
* อาหารบำบัดโรด
* สมาธิกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
* เข้าอบรม และศึกษาโยคะอยู่สม่ำเสมอตั้งในประเทศและ
ต่างประทศ


ประวัติด้านโยคะ

- หลักสูตร Yoga Teacher training course จำนวน 1 ,000 ชั่วโมง ณ Yoga Institute, Mumbai อินเดีย (ปี2010)
- หลักสูตร ครูผู้นำโยคะ โดย โรงเรียนสุนีย์ โยคะ กรุงเทพ จำนวน 100 ชั่วโมง
- ฝึกและสอนโยคะมามากกว่า 10 ปี ทั้งในประเทศอินเดีย และไทย

** สำเร็จหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 29 กับสถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล ปี 2555

ประวัติการศึกษา
- ปริญญาโท ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว Bournemouth University ณ ประเทศ อังกฤษ (ปี 2000)
- ปริญญาตรี ด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย พายัพ เชียงใหม่


ประวัติการทำงาน

- ผู้จัดการแผนกการศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ บริษัท Planit Consultants Bangkok กรุงเทพฯ (ปี2001-2009)
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่
- หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์โรงพยาบาลราชเวช อุมลราชธานี
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมสุริวงค์เชียงใหม่
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า เชียงใหม่
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

[Add ดอยวาวี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com