เยี่ยมเกาะเชจู เกาะสวรรค์แห่งเกาหลีใต้
ถึงเวลาเดินทางอีกครั้งหนึ่งของครูหยีแล้วค่ะ การเดินทางของแต่ละคนอาจจะมีเป้าหมายที่ต่างกัน สำหรับตนเองแล้ว การเดินทางคือการเรียนรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และที่สำคัญเรียนรู้ตนเองค่ะ โดยเลือกใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ อยู่กับธรรมชาติ กินน้อย อยู่ง่าย ลดละตัวตนให้มากที่สุด คราวนี้เลือกไปที่ที่ธรรมชาติสวยงาม สงบและไม่ไกลจากเมืองไทย เลือกไปเกาะสวรรค์ เชจู เกาหลีใต้ และไม่ผิดหวังเลยค่ะ เกาะสวรรค์มีจริง ๆ ด้วยนะ
กาะเชจู หรือ เจจู (Jeju) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองทางใต้ในเขตของประเทศเกาหลีใต้ เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเมืองฮันนีมูนยอดนิยมเพราะมีอากาศกำลังสบายทั้งปี คือ ไม่หนาวเหน็บในฤดูหนาวเช่นเมืองอื่นของเกาหลีใต้ และไม่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ราว 15 องศา และในหน้าร้อนอยู่ที่ 22-26 องศา นอกจากนั้นเกาะเชจูยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกมากมายหลายแห่ง ครูหยีเดินทางคนเดียวเหมือนเคยค่ะ โดยเลือกเดินทางช่วง วันที่ 5-16 เมษายน 2558 พักที่เกาะเชจูทั้งหมด 10 คืน และแวะพักที่ พูซานอีก 1 คืน การเดินทางเริ่มจากกรุงเทพไปพูซานโดยเวียดนามแอร์ และต่อด้วยเครื่องของ เชจูแอร์ไปยังเกาะ ไปถึงช่วงบ่าย ๆ อากาศกำลังดีเลยค่ะ ประมาณ 15 องศา (ในขณะที่เมืองไทยกำลังร้อนสุด ๆ 40 องศา)
เกาะเชจูมีที่ให้เที่ยวทั่วเกาะเลย เมืองหลัก ๆ ก็มี 2 แห่งคือ Jeju และ Seogwipo ทั้งสองแห่งก็ไปถึงกันง่ายโดยรถประจำทาง ครูหยีเลือกพักอยู่เที่ยว Jeju city เพื่อการเดินทางที่สะดวก
เกาะเชจู ถือเป็นเกาะสวรรค์ของชาวเกาหลี ซึ่งจะแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ และอาหารทะเลที่สด ๆ จากทะเล มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่กระจายกันไปทั่วเกาะ
ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเกาะเลยค่ะ ด้วยฟ้าใส ๆ ทะเลสงบ อากาศสดชื่น และหญิงงามแห่งเกาะ จะบอกว่านี่เป็นวิวจากแถว ๆ guesthouse ที่พักค่ะ เดินเพียง 5 นาที
หน้า guest house ที่พักค่ะ location ดีมาก ๆ สามารถนั่งรถประจำทางจากสนามบินมาได้เลย หน้าที่พักเป็น emart (เหมือนห้างโลตัส บ้านเรา) ทะเล ตลาดสด เดินเพียงไม่กี่นาทีเองด้วย ราคาก็ถูกมาก ๆ มีอาหารเช้าด้วย หากสนใจก็เข้าไปดูที่ //www.hkjeju.com/jeju1/
ดาดฟ้าที่พักค่ะ เหมาะมากสำหรับโยคะทุกเช้าเลย มาฝึกด้วยกันมั๊ยค่ะ
หรือมาวิ่งออกกำลังกายรอบชายฝั่งทะเลอันสวยงามแทนดีน้า......(บริเวณชายฝั่งจะเป็นลู่วิ่งอย่างที่เห็นค่ะ ตอนเช้าและเย็นจะมีคนเกาหลีมาวิ่งออกกำลังกายกัน ตอนนี้ก็เพิ่มคนไทยอีก 1 คน)
หนาวมาก
อากาศดีมาก ๆ หายใจเข้าลึก หายใจออกยาวกันหลาย ๆ รอบ
บริเวณในเมือง มีสถานที่สวยงามหลาย ๆ แห่ง สามารถเดินเล่นได้สบายในวันที่อากาศดี ๆ เช่นนี้
เปลี่ยนบรรยกาศมาเที่ยววัดบ้าง วัดยักชอนซา (Yakcheonsa / 약천사) หรือ ยักชุนซา (Yakchunsa) เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี 1990 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดทางพุทธศาสนาในสมัยต้นราชวงศ์โชซอน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,305 ตารางเมตรยก ถือเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก
เพื่อนใหม่ค่ะ "ทอลฮารุบัง" หรือหินปู่ เป็นรูปปั้นทำจากหินลาวาสลัก เป็นรูปคนแก่ใจดี มีให้เห็นอยู่ทั่วเกาะ
เกาะเชจู เป็นเกาะแห่งส้มเลย เกือบทุกแห่งที่ไปจะเห็นต้นส้มและคุณปู่อยู่ทั่วไป
ส้มอร่อยมาก ๆ เลยคะ ราคาประมาณกิโลละ 10000 วอน (ประมาณ 300 บาท/กิโล)
นอกจากส้มแล้ว ก็ยังผลไม้อื่น ๆ อีกค่ะ เช่น สตรเบอรี่ ราคาประมาณ 7000 วอน (ประมาณ 200 กว่าบาท) ไม่รู้อร่อยหรือเปล่านะ เพราะไม่ได้ซื้อค่ะ
กองทัพเดินด้วยท้อง มาถึงอาหารการกินก่อน มื้อแรกลองเลยค่ะ บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี แบบจานร้อน อร่อยมาก (ราคา 65000 วอน ประมาณ 200 บาท)
บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลีแบบธรรมดา ก็อร่อยเหมือนกันนะ แต่ชอบแบบแรกมากกว่า ราคาถูกกว่า ประมาณ 5000 วอน
ิวันหลัง ๆ ลองเปลี่ยนมากินอย่างอื่นบ้าง ไม่รู้ชื่อค่ะ เหมือนต้มยำมาพร้อมข้าว ส่วนอีกชามก็เป็นเส้นข้าวบัควีท ปริมาณอาหารมาเป็นกะละมัง กินมื้อหนึ่งก็อยู่ได้ทั้งวันเลย
ข้าวห่อสาหร่ายคิมบิบ
นอกจากอาหารหลักแล้ว ชาวเกาหลียังชอบทานขนมร้อน ๆ อย่างที่เห็น เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น พอเห็นแล้วก็เข้าไปลองมาเกือบทุกอย่างแล้วเหมือนกัน ราคาก็มีตั้งแต่ 500 - 2000 วอน (ประมาณ 15 - 60 บาท)
แวะตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองค่ะ Dongmun Market เน้นอาหารทะเลสด ๆ นอกจากนั้นก็เป็นผักสด ผลไม้ ขนมและกิมจิ
ประเดิมเดินขึ้นเขาวันแรกที่ ซองซานอิลชุงบง (Seongsan Ilchulbong) หรือยอดเขาตะวันรุ่ง คือปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะที่เป็นรูปกรวยคว่ำมองคล้ายมงกุฎ และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากที่สุดในเชจู ใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 45 นาที
บันทึกภาพก่อนขึ้นค่ะ เขาด้านหลังนั้นแหละค่ะที่ต้องพิชิต
นักท่องเที่ยวมากจริง ๆ ตอนเดินต้องเรียงหนึ่ง แต่ก็ดีมีเวลาชมวิวนาน ๆ ในแต่ละจุด
อีกหลาย ๆ วัน ใช้เวลาส่วนใหญ่เดินขึ้นเขาฮัลลา (Hallasan) เนื่องจากมีทางขึ้นหลายทาง ก็เลยลองขึ้นเกือบทุกทาง ซึ่งก็มีวิวที่สวยงามแตกต่างกัน
ภาพบางส่วนจากแต่ละจุดที่ได้เดินขึ้น สีสันอยู่ที่แฟชั่นชุดเดินเขาของชาวเกาหลี ซึ่งแต่ละคนจะมาแบบครบชุดตั้งแต่หัวถึงเท้า ถึงแม้การเดินขึ้นจะเดินนานแต่ก็เดินแบบสบาย ๆ
แต่ละจุดมีฐานให้พัก มีห้องน้ำ น้ำดื่มบริการด้วย
ยืนยันว่ามาถึงฐานด้วยนะ
ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ และอย่างมีความสุขที่สุดที่เกาะเชจู เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง กินอาหารท้องถิ่น สัมผัสอากาศที่แปรเปลี่ยนทุกวัน ได้เจอทั้งร้อน หนาวและฝน ได้เจอคนมากมายทั้งคนเกาหลี จีน ฝรั่ง ถึงแม้วัฒนธรรมและภาษาจะแตกต่างกัน แต่เราทุกคนก็กำลังแสวงหาความสุข ตามแต่คำนิยามของแต่ละคนว่าสุขของตนนั้นคืออะไร บางคนก็วิ่งตามอัตตตัวตนที่สร้างขึ้นมา ยิ่งอยากมากก็ต้องดิ้นรนหามามาก ๆ โลกกำลังบอกเราว่าสนองความยากซิแล้วเราจะสุข แต่พระพุทธองค์ตรัสว่าลดความอยากซิแล้วเจ้าจะสุขยิ่งๆ ขึ้น ชีวิตเป็นของเราและทุกคนก็มีสิทธิเลือก จงเลือกแนวทางที่เหมาะของตนเถอะค่ะ เพราะชีวิตนี้น้อยนัก ขอขอบคุณกับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่ทำให้ตนเข้มแข็งและพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณมากขึ้น..... ขอขอบคุณชีวิตที่ยังเหลืออยู่ เพื่อสร้างคุณค่าทั้งต่อตนและผู้อื่นให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น
หวังว่าการเดินทางในแต่ละเที่ยวจะนำพาให้ตนลดละในตัวตนให้มีอยู่น้อยลง น้อยลง มีความสุขอยู่กับทุกลมหายใจเข้า-ออก แด่นี้เองมิใช่หรือที่เราต้องการจริง ๆ
Create Date : 18 เมษายน 2558 |
Last Update : 26 เมษายน 2558 10:12:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2357 Pageviews. |
|
|