A balanced state of mind is YOGA 
 
โครงการธรรมยาตรา เดินทางไกลไหว้พระธาตุขุนวาง

นำบุญมาฝากอีกแล้วค่ะ ครูหยีพร้อมด้วยเพื่อน ๆ ได้เข้าร่วม โครงการธรรมยาตราไหว้พระธาตุขุนวางกับวัดถ้ำดอยโตน เชียงใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2555 หลายท่านอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับคำว่า "ธรรมยาตรา" ซึ่งครูหยีให้ความหมายว่าการเดินอย่างสงบ โดยพร้อมที่จะเผชิญกับความยากลำบาก และด้วยใจที่เชื่อมั่นในอานุภาพแห่งธรรม โดยการเดินในครั้งนี้ เราจะขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนความสูงที่สุดของสยามประเทศ(2,300 เมตร จากระดับน้ำทะเลฯ) โดยเริ่มออกเดินทางโดยรถยนต์จากวัดถ่ำดอยโตน เวลา 06.00 น. เพื่อไป สล.เกษตรหลวงขุนวาง และ 09.00 น.ออกเดินทาง(เดินเท้า) จากจุดจอดรถขึ้นพิชิตความสูงยอดดอยอินทนนท์เพื่อไหว้สักการะบูชาพระบรมธาตุขุนวาง ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงในการเดินเท้าค่ะ และทางมีแต่ขึ้น ๆ อย่างเดียวเลย ดูจากภาพ ขอบอกว่าระหว่างทางขึ้นสวยจริง ๆ มีดอกซากุระ และดอกกุหลาบพันปีให้ชมเป็นระยะ ๆ ตอนที่ขึ้นดอกซากุระยังไม่ค่อยบานค่ะ เลยได้ขอยืมรูปของปีที่แล้ว มาลงให้ดูบ้างเพื่อให้เห็นว่าสวยแค่ไหน

มีหลายเสียงถามมาว่า ทำไมครูหยีชอบทำอะไรลำบากอยู่เรื่อย ๆ ปฏิบัติธรรมที่วัดก็ได้สบาย สบาย ก็จริงเน้อ .............แต่ขณะเดียวกันหยีกลับคิดว่าจิตเราต้องฝึกค่ะ และบารมีก็ต้องสร้างด้วยตนเองเช่นกัน การเดินขึ้นดอยในครั้งนี้ได้สร้างบารมีหลายข้อเลยค่ะ ตั้งแต่ทานบารมี อธิฐานบารมี ขันติบารมี และอีกหลาย ๆ ข้อ ส่วนจิตของเราโดยธรรมชาติแล้วชอบไหลลงต่ำ ชอบสบาย ๆ ชอบกินของอร่อย เพราะฉนั้นเรามาฝึกไม่ตามใจ "ใจ"ของเราบ้างเถิดค่ะ   และที่สำคัญได้อยู่กับธรรมชาติค่ะ ธรรมชาติก็คือธรรมะ ก่อนที่จะเริ่มเดินได้มองไปที่ยอดเขาที่เป็นจุดหมายได้ถามตนเองว่า จะใช้วิธีเดินแบบไหน จะก้มหน้าก้มตาเดินโดยใช้เวลาเดินเพียง 3 ชั่วโมง หรือเดินแบบสบาย ๆ มีความสุขกับวิวและดอกไม้ข้างทาง สนทนากับเพื่อนร่วมทาง แบ่งปันขนม อาหาร เหนื่อยก็พักเป็นระยะ ๆ หยีเลือกทางเดินที่สอง ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง แต่เป็น 5 ชั่วโมงที่มีความสุขทุกนาทีเลยค่ะ การเดินทางในครั้งนี้ก็เปรียบกับการเลือกการดำเนินชีวิตในประจำวันของเรา เรามุ่งให้ถึงจุดหมายมากจนเกินไป จนลืมปัจจุบันขณะไปหรือเปล่าค่ะ ลองใช้ชีวิตให้ช้าลง สนใจสิ่งรอบข้าง คนข้างเคียงให้มากขึ้น เรามามีความสุขกับทุกลมหายใจกันเถอะค่ะ

เช่นเคยค่ะ ขอส่วนบุญส่วนกุศลที่เกิดขึ้นจากการแสวงบุญในครั้งนี้ ขอมอบให้สมาชิกบ้านหยีโยคะทุกคน และสรรพสัตว์ทั้งหมดไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณด้วยเทอญ สาธุ




มองไปที่ยอดเขาเลยค่ะ เห็นพระเจดีย์มั๊ยค่ะ นั้นแหละค่ะ พระธาตุขุนวาง ยอดเขาที่พวกเราจะเดินขึ้นไป







หลังจากที่ออกเดินทางจากที่วัดถ่ำดอยโตน จุดแวะพักแรกเพื่อเข้าห้องน้ำที่ โครงการเกษตรหลวงบขนวาง เป็นจุดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมาพักแรม เพื่อมาชมดอกซากุระกันค่ะ ช่วงที่ไปดอกยังไม่บานค่ะ แต่ก็แอบเอารูปของปีที่แล้วในช่วงเดียวกันมาฝาก ดูดอกไม้ซิค่ะ ไม่น่าเชื่อว่านี่เมืองไทย และอยู่ใกล้ ๆ เราด้วย




พี่แดง กัลยาณมิตรที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวของหยีค่ะ ได้ร่วมกันไปทำบุญ ปฏิบัติธรรมมาด้วยกันหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ ได้รับการกรุณาจากพี่แดงเป็นธุระในการจอง มารับ-ส่งถึงบ้าน และดูแลตลอดการแสวงบุญในครั้งนี้ ขอขอบพระคุณ และบุญใด ๆ ของหยีที่เกิดขึ้นจากการทำบุญในครั้งนี้ ขอพี่แดงจงได้รับเช่นกันค่ะ






ดอกซากุระ เมืองไทย สวยจริง ๆ ดอกซากุระปกติจะบานช่วงธันวาคม - มกราคม



ระหว่างทางจะไปที่ฐานจอดรถค่ะ เห็นเขายอดที่มีมือชี้มั๊ยค่ะ นั้นแหล่ะค่ะ ยอกเขาที่พวกเราจะเดินขึ้นไปค่ะ





ถึงฐานแล้วค่ะ กำลังเตรียมตัวก่อนขึ้น ซึ่งทางวัดได้จัดเตรียมอาหารกลางวัน ผลไม้ น้ำดื่ม ไว้ให้พร้อม ใครถือได้แค่ไหนก็เอาไปเลยค่ะ (ของใครก็แบกเองนะคะ เพราะงานนี้ไม่มีใครช่วยใครได้จริง ๆ) คณะทั้งหมดประมาณ 100 กว่าชีวิต มีทั้งพระสงฆ์ แม่ชี แม่เฒ่า ผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็กเล็ก และทุกคนสู้ด้วยใจจริง ๆ เลยค่ะ



เริ่มเดินกันแล้วค่ะ ทริปนี้มีคนแก่ที่มีอายุมากที่สุดคือ 75 ปี และเด็กที่สุดคือ 3 ขวบค่ะ ทางขึ้นถือว่าโหดมาก ขึ้นเขาอย่างเดียวตลอด 4 ชั่วโมง







สู้ ๆๆ ค่ะ เดินอย่างมีสติและมีความสุขกับทุกลมหายใจ




พักรับประทานอาหารกลางวันกันค่ะ (เที่ยงแล้วก็ยังไม่ถึงไหนกันเลยค่ะ) หลังทานข้าวก็เดินอีกค่ะ ยอดสุดท้ายแล้วค่ะ แต่โหดที่สุด





ทางโหดค่ะ แต่ก็มีสิ่งสวยงามให้ชมตลอดทางที่ขึ้นยอดสุดโหดค่ะ กุหลาบพันปี มีอยู่ตลอดทางเลย





ในที่สุด หลังจาก 5 ชั่วโมงผ่านไป ก็เดินถึงที่พระธาตุขุนวางค่ะ   หลังจากที่มาครบกันแล้ว พระอาจารย์นาวี ปิยทัสสี ภิกขุซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดถ่ำดอยโตนได้นำสวดมนต์ นั่งสมาธิและแผ่เมตตา



นั่งสมาธิ (ไม่กล้าไปไกลจากเจดีย์ค่ะ กลัวตกเขาที่สูงที่สุดในสยาม)


ที่นั่งสมาธิ สำหรับผู้กล้าเท่านั้นค่ะ อยู่ข้าง ๆ กับพระธาตุขุนวาง




กำลังแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ในโลกนี้ค่ะ ขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด...............





Create Date : 31 ธันวาคม 2555
Last Update : 3 มกราคม 2556 20:08:52 น. 0 comments
Counter : 3155 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ดอยวาวี
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ชื่อจริง บุษรา รัตนวาวี ชื่อเล่น ลูกหยี ค่ะ เป็นคนเหนือโดยกำเนิด ศึกษาและทำงานที่เชียงใหม่ จนอายุเกือบ 30 ปี จึงได้ตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนที่เรียนที่ประเทศอังกฤษ ได้มีโอกาสรู้จักโยคะเป็นครั้งแรกและได้ฝึกมาตลอด ถึงแม้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาและได้งานประจำที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งโยคะเลย ได้ศึกษโยคะหลาย ๆ แบบ ได้เข้าฝึกกับผู้ฝึกทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จนค้นพบว่าโยคะที่เหมาะกับตนเองและคิดว่าจะฝึกไปตลอดชีวิตเลยคือ หะฐะโยคะ ซึ่งถือเป็นโยคะดั้งเดิมจากอินเดีย จึงได้ฝึกเฉพาะหะฐะโยคะตั้งแต่นั้นมา และมีโอกาสที่เข้าฝึกเป็นครูโยคะ ที่สุนีย์โยคะ กรุงเทพ เป็นเวลา 100 ชั่วโมง และได้สอนในโอกาสต่าง ๆ ในวันที่ว่างเว้นจากงานประจำ จนกระทั่งสิ้นปี 2009 จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เดินทางไปศึกษาโยคะและอายุรเวทที่อินเดียอย่างจริงจัง เป็นเวลา 3 เดือน (หลักสูตรครูโยคะ 1000 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเวลา 3 เดือนที่ได้ใช้โยคะเป็นวิถีแห่งชีวิต ได้มีโอกาสสอนคนทั้งคนแก่ คนท้อง เด็ก ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง จึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบมาจากการรู้จักโยคะ และได้ใช้โยคะเป็นวิถึชีวิต กับชาวเชียงใหม่ค่ะ

มารู้จัก บ้านหยีโยคะ ด้วยนะคะ
**ปัจจุบันนี้ ปี 2561 บ้านหยีโยคะ ได้เปิดมาครบ 7 ปีแล้วค่ะ
.....................................................................

บ้านหยีโยคะ ถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ในเดือนธันวาคม 2553 ด้วยความรักบวกกับความตั้งใจของครูหยีเพื่อโยคะโดยเฉพาะ และเน้นนโยบายของครูหยีเองว่า เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยใช้ประสบการณ์ ความรู้ของตน พร้อมแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชุก ที่สำคัญสุดรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมาชิกจะใช้เพื่อการกุศล ตลอดเวลา 1 ปีที่ครูหยีได้เปิดสอนมานั้น ได้รับการต้อนรับจากชาวเชียงใหม่หรือแม้แต่คนต่างจังหวัดเป็นอย่างดีมาก ถึงแม้ครูหยีจะเปิดสอนเพียง 3 วันต่ออาทิตย์ก็ตาม รายได้ได้ถูกนำไปสร้างบุญสร้างกุศลอย่างมากมาย ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ จนถึงร่วมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด ช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา ค่าอาหารต่อเด็กยากจน ตลอดจนเป็นปัจจัยสำหรับอาหารสำหรับผู้ปฏิบัตธรรมตามสถานที่ปฏิบัติธรรมต่าง ๆ แต่สิ่งที่ครูหยีประทับใจที่สุดคือสมาชิกหลายท่านมีสุขภาพทั้งกายและใจดีขึ้นมาก มีสติ หันมาศึกษาธรรมะ ดูแลสุขภาพของตนจากภายใน รักตนเองมีความมั่นใจในตนเอง พร้อมสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ครูหยีทำอยู่อาจจะไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่ แต่ตนเองก็ภูมิใจที่ได้ทำและจะทำไปเรื่อย ๆ เท่าที่เหตุปัจจัยจะนำพาไป ครูหยีขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณสมาชิกทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนบ้านหยีโยคะ และให้กำลังใจครูหยีในการทำความดีตลอดมา (ไป) ค่ะ
------------------------------------------------------------
update มกราคม 2556

ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะก็เปิดมาแล้วครบ 2 ปี และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 3 ในปีที่สองที่ผานมาบ้านหยีโยคะได้มีกิจกรรมทำร่วมกับสมาชิกมากขึ้น ไม่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน ร่วมออกโรงทาน หรือไปแสวงบุญไกลถึงอินเดียร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมดี ๆ หลายอย่างก็ยังจะทำต่อเนื่องกันไปต่อไปค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างก็คือบ้านหยีโยคะได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้นคือจะเน้นรับสมาชิกที่เป็นวัยทำงาน ตั้งแต่ 30 ปีขั้นไป และในช่วงเช้าจะเน้นวัยผู้ใหญ่ที่ 40 ปีขึ้นไป เพราะครูหยีเห็นว่าผู้หญิงในแต่ละวัยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจที่ต่างกัน ควรจะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ ครูหยีได้เพิ่มและเน้นเรื่องของโภชนาการมากขึ้น แบ่งปันความรู้ในด้านของอายุรเวทมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนเลยค่ะ คือให้สมาชิกของเรานั้นได้มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ฝึกเป็นหมอของตนเองค่ะ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ปรับธาตุด้วยอาหาร ด้วยอารมณ์ ซึ่งได้รับความสนใจนำไปปฏิบัติจากสมาชิก เช่น การรับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ลดกินแป้ง ลดน้ำตาล ลดชา ลดกาแฟ ล้างพิษ ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างผู้ฉลาด อย่างมีสติเป็นต้น และสมาชิกหลาย ๆ ท่านก็ได้นำความรู้ด้านอื่น ๆ มาแบ่งปันกันในกลุ่มสมาชิกด้วย ซึ่งครูหยีจะเน้นให้สมาชิกให้ดูแลร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นองค์รวม ให้รักตนเองและดูแลตนเองให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้มัพลัง มีแรงที่จะไปรักและดูแลตนอื่นได้ค่ะ

แน่นอนว่าการที่บ้านหยีโยคะได้อยู่จนครบ 2 ปี และยังก้าวต่อไปพร้อมทั้งกิจกรรมมากมายที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นนั้น ได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากสมาชิกทุก ๆ ท่านและร่วมถึงครอบครัวของสมาชิกด้วย ครูหยีขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ขอความดีทั้งหลายที่ท่านทั้งหลายได้ทำและสะสมมาจงคุ้มครองให้ท่านได้พบเจอแต่สิ่งดีงามและพบทางพ้นทุกข์ด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเองก็ยังดำเนินชีวิตตามอุดมการณ์เดิมค่ะ ขอใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แบ่งปันให้มากที่สุด มีความสุขกับทุกลมหายใจ ปฏิบัติธรรมเพื่อศึกษาจิตตนให้ละเลิกกิเลสให้มากที่สุดและพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้เห็นทุกข์และมีโอากาสได้ออกจากทุกข์ในเร็ววันค่ะ
--------------------------------------------------------------
update มกราคม 2557

ผ่านไปอีกปีแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะได้อยู่ครบ 3 ปีแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ตลอด 2556 ที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้มีโอกาสต้อนรับพี่ ๆ น้อง ๆ อา ๆ ป้า ๆ กว่าร้อยท่าน หลาย ๆ ท่านอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นถึงสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ๆ ของสมาชิก เป็นความรู้สึกปลาบปลื้มปิติจริง ๆ ค่ะ ขอขอบคุณที่รักตัวท่านเอง ขอขอบคุณที่ท่านได้ให้โอกาสกับบ้านหยีโยคะได้สร้างสิ่งดี ๆ ร่วมกันกับท่าน การพบแล้วจากเป็นธรรมดาของโลก แต่การเจอของเราในครั้งนี้ ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเราได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันและต่างก็เป็นเนื้อนาบุญของกันและกัน ของบุญรักษาท่านด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเอง เป็นปีที่เดินทางบ่อยถึงบ่อยมาก อย่างที่ครูหยีชอบพูดอยู่เสมอว่าการเดินทางเป็นการเรียนรู้ค่ะ ระหว่างทางเราอาจจะเจอคนมากมาย ได้พบและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือเรียนรู้ตนเองค่ะ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็เรียน เรียนกันมาตลอด เราติดตามข่าว รู้เรื่องชาวบ้าน เพื่อนบ้าน แต่คนที่เรารู้จักน้อยที่สุดกลับเป็นตนเราเอง ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้ตนเองมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้วค่ะ มีชิวิตที่เป็นอิสระ เบา สบายมากขึ้น ทรัพสินภายนอกอาจจะไม่เพิ่ม แต่อริยทรัพย์ภายในเริ่มมีบ้างแล้ว ก็เป็นกำลังใจที่จะเดินเส้นทางนี้ต่อไปอีก ครูหยีซาบซึ้งใจอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้นกับครูหยีนั้นต้องขอบคุณครอบครัวที่ประกอบด้วยน้องชายทั้งสอง น้องสาว น้องสะใภ้ทั้งสองและหลาน ๆ ที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ สมาชิกบ้านหยีโยคะทุก ๆ ท่าน และกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่เสมอมา ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

----------------------------------------------------------------
update เมษายน 2558

ผ่านไปแล้วอีก 1 ปี บ้านหยีโยคะอยู่อย่างมั่นคงครบ 4 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วค่ะ ตลอดปีที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้ต้อนรับสมาชิกมากมาย บางท่านอยู่กันหลายเดือน บางท่านก็ฝึกด้วยกันเพียงเดือนเดียว ซึ่งดิฉันเชื่อเสมอค่ะ พวกเราได้มาเจอกันก็ด้วยบุญ -กุศลที่ได้ร่วมสร้างกันมา ทุกคนที่เข้าสู่บ้านหยีโยคะจึงเสมอเหมือนญาติพี่น้องที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และพวกเราก็หนี้สัจธรรมไม่พ้นค่ะ ทุกอย่างคือความไม่แน่นอน ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีพบย่อมมีจากเป็นธรรมดาของโลกจริง ๆ นะคะ อย่างไรก็ตาม ก็ขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่ได้แวะเวียนเข้าสู่ครอบครัวบ้านหยีโยคะ ท่านมาเราดีใจ ท่านจากเราคิดถึงนะคะ

ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังมุ่งในการสร้างบุญสร้างกุศลมิได้ขาด โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างมากมาย ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ได้แบ่งปันไปยังผู้ประสบภัยเหล่านั้นด้วยค่ะ ยิ่งอยู่นาน คงทำให้ประจักษ์ว่า ชีวิตนี้เหลือน้อยแล้ว ก็จำต้องเร่งสร้างบุญสร้างกุศล ฝึกจิตให้สูงขึ้น ลด ละ เลิก ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้ได้มากขึ้น

ขอบุญรักษา
----------------------------------------------------------------
ประวัติโดยย่อ ของครูหยี

ปัจจุบัน
เจ้าของและครูสอนโยคะที่บ้านหยีโยคะเชียงใหม่
ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง สงบ และมีความสุขกับทุกลมหายใจ
* ศึกษาและปฏิบัติธรรม
* ทำความดี
* นักเดินทาง

**สนใจและศึกษาเกี่ยวกับ

* จิต
* ธรรมชาติบำบัด
* อาหารบำบัดโรด
* สมาธิกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
* เข้าอบรม และศึกษาโยคะอยู่สม่ำเสมอตั้งในประเทศและ
ต่างประทศ


ประวัติด้านโยคะ

- หลักสูตร Yoga Teacher training course จำนวน 1 ,000 ชั่วโมง ณ Yoga Institute, Mumbai อินเดีย (ปี2010)
- หลักสูตร ครูผู้นำโยคะ โดย โรงเรียนสุนีย์ โยคะ กรุงเทพ จำนวน 100 ชั่วโมง
- ฝึกและสอนโยคะมามากกว่า 10 ปี ทั้งในประเทศอินเดีย และไทย

** สำเร็จหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 29 กับสถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล ปี 2555

ประวัติการศึกษา
- ปริญญาโท ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว Bournemouth University ณ ประเทศ อังกฤษ (ปี 2000)
- ปริญญาตรี ด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย พายัพ เชียงใหม่


ประวัติการทำงาน

- ผู้จัดการแผนกการศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ บริษัท Planit Consultants Bangkok กรุงเทพฯ (ปี2001-2009)
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่
- หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์โรงพยาบาลราชเวช อุมลราชธานี
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมสุริวงค์เชียงใหม่
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า เชียงใหม่
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

[Add ดอยวาวี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com