ใดๆในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมติ
 
บทสรุปจากการเมืองไทยใน 5 ปีทีผ่านมาในมุมมองของผม

รู้จักคำว่า Bandwagon กันไหมครับ


มันคือปรากฎการณ์ทางจิตวิทยา หมายถึงการที่มนุษย์เราชอบเข้าข้างคนที่ได้เปรียบอยู่ หรือไม่ก็มีแนวโน้มหรือความหวังที่จะชนะ 


สังเกตได้จากเวลาเลือกตั้งในแต่ละเขต มีผู้สมัครมากกว่า10พรรค แต่คะแนนของสามอันดับแรกก็ครอบครองเสียงประชาชนในพื้นที่


มากกว่า90%


ถึงจะรู้ว่าผู้สมัครจากพรรคโนเนมอาจจะเป็นคนดี ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ตั้งใจทำเพื่อประชาชนจริงๆ แต่เราก็ไม่เลือก


เพราะรู้ว่าเลือกไปก็ไม่มีโอกาสชนะ 


สู้ไปเลือกจากพรรคที่มีนักการเมืองใหญ่หนุนหนัง ซึ่งมีแนวโน้มจะชนะในเขตนั้นๆ ยังจะดีซะกว่า


ปรากฎการณ์นี้ย้อนรวมมาถึงเหตุการณ์วุ่นวายในประเทศไทยในรอบ 5 ปี หลังสุด นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2548


ผมยังไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 12 - 14 มีนาคม นะครับ


ผมไม่ได้เป็นกลาง แต่ก็ไม่มีสีใดสีหนึ่งถาวรเหมือนกัน แต่อยากถามดูว่าพวกคุณเคยเป็นแบบผมหรือเปล่า


1. ผมไม่เคยเชียร์ทักษิณ เพราะผมเห็นวิธีการสร้างภาพว่าจะแก้ไขการจราจรกรุงเทพได้ภายใน 6 เดือนแล้วว่ามันทำไม่ได้


2. เหตุการณ์ซุกหุ้นภาคแรก แต่ดันทุรังจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็เริ่มทะแม่งๆในจริยธรรมของคนๆนี้


3. ผมไม่เคยใช้AISแม้ว่าจะเปลี่ยนเบอร์มือถือสักกี่ครั้ง


4. ผมเคยติดตามรายการเมืองไทยรายสัปดาห์มาตลอด เพราะคิดว่าได้มุมมองดีๆจากสนธิเยอะ


5. ผมเคยได้ยินสนธิพูดชมรัฐบาลตลอดในช่วงแรกๆ และชื่นชมทักษิณว่า


   "คุณสโรชา คุณเชื่อผม นายกฯคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรีดีที่สุดในประเทศไทยที่เคยมีมา ถ้านายกฯคนนี้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เขาตัดสินใจได้ถูกทุกเรื่อง" 


6. พอสนธิเริ่มออกมาจุดเทียนของเขา ผมก็รู้สึกแปลกๆว่า อ้าวมึงก็ชมเขามาตั้งเป็นปีๆ แล้วมึงอยู่ๆมาด่าเขา


7. แต่ผมก็ไปชุมนุมกับเขาด้วย เพราะผมไม่ชอบทักษิณ ตอนนั้นถือว่าเป็นจุดร่วมเพื่อแสดงพลัง โดยคาดหวังแบบ


   Bandwagon ว่าเรามีโอกาสชนะ อยากให้เกิดการเปลีี่ยนแปลง


8. ตอนเลือกตั้งเดือนเมษาปี  2549 นายบรรหาร เป็นคนร่วมกับประชาธิปัตย์เพื่อบอยคอตการเลือกตั้ง


9. ผมรู้ว่าทักษิณเขาเป็นคนไม่ยอมแพ้ จากการที่ดูประวัติมาตลอด ยกตัวอย่างง่ายๆ เจ๊งหนึ่งล้าน ก็ลงทุนเพิ่มเป็นห้าล้าน


   เจ๊งห้าล้าน ก็ลงทุนเพิ่มเป็นสิบล้าน เจ๊งสิบล้านก็ลงทุนเพิ่มเป็นห้าสิบล้าน เจ๊งห้าสิบล้านก็สู้ต่อเป็นร้อยล้าน


   แม้แต่การเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และลาออกไป ผมรู้เลยว่าเขาไม่อยู่เฉยแน่ๆ จากประวัติของเขา


   เขาจะต้องกลับมาให้ใหญ่ และแรงกว่าเดิม และโดยนิสัยส่วนตัวเขาชอบการผูกขาด(ทางธุรกิจ) และการสั่งการแบบ CEO


10. ตอนทหารมาปฎิวัติ หลายๆคนก็ดีใจเหมือนผม คิดว่าจะมาล้างบางคอรัปชั่นให้มันดีขึ้น ปัญหาที่มันติดDeadlockหลายๆอย่าง


   จะได้เดินหน้าต่อไป


11. ผมเคยชอบสุรยุทธ์ จุลานนท์ เพราะเชื่อถึงภาพความสมถะ เหมือนที่ผมเคยชอบชวน หลีกภัย และชอบในความซื่อสัตย์ สุจริต


   ซึ่งภายหลังหลายคนก็เริ่มรับรู้ว่าการที่คุณขึ้นมาเป็นใหญ่ขนาดนี้ได้ ไม่มีใครมีประวัติเป็นสีขาวบริสุทธิ์แน่นอน


12. ผมสงสัยว่านายจักรภพ เพ็ญแข ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น แต่ก่อนก็เป็นผู้ประกาศดีๆ ทำหน้าที่โฆษกAPECได้อย่างยอดเยี่ยมสุด      พรรณา ไปๆมาๆ ขึ้นเวที นปช ปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย และแนวคิดรุนแรงได้ขนาดนั้น แต่สุดท้ายคุณเธอได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายก แซงหน้าเพื่อนร่วมรุ่นรัฐศาสตร์เฉยเลย เรียกได้ว่ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน จะมีตำแหน่งราชการสัก C11 หรือสะสมบารมีทางการเมืองจนได้เป็นรัฐมนตรีนั้น คงต้องใช้เวลาอีกเป็นสิบปี 


13. วีระ มุกสิกพงษ์ ก็คืออดีตสมาชิกพรรคประชาธิปปัตย์เก่า


14. นายจตุพร ก็รู้จักกับจำลอง ศรีเมืองดี เพราะสู้ด้วยกันสมัยพฤษภาทมิฬ ปี2535


15. ผมตกใจมากที่เลือกสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน


16. พลเอกชวลิต ชอบโผล่มาแวบๆ ตอนปี 51 โผล่มาเป็นโซ่ข้อกลางผุๆ


17. การเลือกตั้งปี 2551 ที่พรรคพลังประชาชนชนะ ทำให้ผมได้เข้าใจสัจธรรมของนักการเมืองจริงๆว่า "ไม่มีสัจจะ"


     แต่ก็ดีการเมืองไทยมันถึงไม่มีทางตัน เพราะนักการเมืองไทยไม่เคยรักษาคำพูด ยกตัวอย่างอย่าง


     เสนาะ "ก็ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ เขาตัดสินใจเลือกพรรคพลังประชาชนแล้วจะให้ผมปฎิเสธได้อย่างไร"


     ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ด่าทักษิณซะเละเทะ ตอนมีเรื่องทั้งบรรหาร สุวัจน์ ฯลฯ รีบชิ่งออกมาทันที


18. ผมเริ่มไม่เห็นด้วยที่พันธมิตรยึดทำเนียบ แต่ผมก็ไปดูว่ามันเป็นอย่างไร


19. ผมเห็นสภาพรัฐมนตรีแต่ละคนของรัฐบาลสมัครแล้ว รู้สึกว่าประเทศไทยไม่มีคนดีกว่านี้มาเป็น "ผู้บริหารประเทศ" แล้วหรือไง


20. ผมไม่เห็นด้วยที่ต้องปลดสมัครออกเพราะรายการทำอาหาร แต่จะว่าไปเขาเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ควรเห็นแก่ความสุขเล็กๆน้อยๆ


     ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ต้องการเงินขนาดนั้น แต่มันคืองานที่เขาทำแล้วมีความสุขที่สุด ผ่อนคลายทีสุด นับตั้งแต่เล่นการเมืองมา


     แต่คนเป็นนายกฯ ก็ควรเอาเวลามาตัดสินใจเรื่องสำคัญๆของประเทศ มากกว่าจะมาคิดเรื่องอาหาร


21. ผมไม่เกลียดสมัครเรื่องบริหาร เพราะผมก็รู้ว่าเขาไม่ได้บริหารอะไรมาก ตั้งแต่เป็นผู้ว่าแล้ว


     พูดอีกก็ถูกอีก ตั้งแต่เป็นผู้ว่ากทม "ถ้าผมไปยืนสั่งการแล้วน้ำท่วมมันลดลง ผมก็จะไป" ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงจริงๆก็มีข้าราชการ        และเจ้าหน้าที่ีรัฐดูแลอยู่แล้ว


22. ผมเกลียดเรื่องเดียวคือ ชอบท้าสาบาน เพราะถ้าสาบานแล้วทำให้ใครตายได้ นักการเมืองไทยคงตายไปเกือบหมดแล้วครับ


     ถ้าผมท้าว่า "เกิดมาผมไม่เคยคอรัปชั่น ไม่เคยโกงภาษีรัฐ ใครโกงชาติบ้านเมืองขอให้มีอันเป็นไปภายใน 3 วัน 7 วัน"


     ผมเชื่อว่าคนเราสาปแช่งได้ ถ้าสร้างความเกลียดแค้นให้เรา เพราะประชาชนอย่างเราก็ไม่มีที่ระบายอย่างอื่นมากนัก


     นอกจากขอให้มันตายเร็วๆเท่านั้นเอง แต่จะให้ตายภายในกี่วันนั้น ว่าที่นายกฯรัฐมนตรีมาท้าแบบนั้นก็เห็นรอยหยักในสมองแล้วครับ


23. สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นคนที่ข้าราชการด้วยกันก็ชื่นชอบว่าเป็นคนสุภาพ และเรียบร้อยมาก ฝ่ายพันธมิตรจึงไม่สามารถยกประเด็นเรื่อง      คอรัปชั่นมาเล่นได้ เนื่องจากพึ่งเป็นนายกฯได้ไม่กี่วัน นอกจากเล่นเรื่องชู้สาว และนอมินีของทักษิณ ถ้าเป็นเรื่องชู้สาวนั้น นักการเมือง        ชายที่มีเงินสดมากกว่า 20 ล้านบาท  99% น่าจะมีกิ๊กจากความคิดเห็นส่วนตัวของผม สนธิ ลิ้ม ยังไม่กล้ายืนยันเลยว่า "ประวัติใน          เรื่องผู้หญิงของผมใสสะอาดบริสุทธิ์"


24. พี่ตั๊ว ศรัญญู เป็นหัวโจกเสื้อเหลืองใครๆเขาก็รู้กัน แต่เขาว่าเมียเขาคือ เปิ้ล หัทยา เป็นเสื้อแดง อันนี้ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน


25. เรื่องปิดสนามบิน เป็นเรื่องที่พันธมิตรเสียแนวร่วมมากที่สุดแล้ว และเป็นตราบาปให้ฝ่ายที่ต่อต้านในอนาคต "ย้อนเกล็ด"ได้แน่นอน


     เขาทำนอง "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย"


26. เมื่อครั้งนายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยมีหนุ่มน้อยอภิสิทธิ์เป็นล่าม จึงต้อง        ไปขออนุญาตป๋าซึ่งเป็นนายกฯในขณะนั้น เนื่องจากละอ่อนมาก  จึงทำให้หนุ่มน้อยอภิสิทธิ์ได้รู้จักกับเปรมตั้งแต่อายุเพียง  17 ปีเท่านั้น


27. คดี "เขายายเที่ยง" ฟื้นขึ้นมา และคราวนี้เสื้อแดงได้ใจผมไปเต็มๆ เพราะทำให้เห็นธาตุแท้ของอภิสิทธิ์ชนในเมืองไทย ผมอยากให้มี          การคานอำนาจกันระหว่างสองฝ่าย ไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีเบ็ดเสร็จ เพราะประชาชนคนไทยมีบทเรียนมาแล้ว ไม่ว่าจะอำมาตย์              ประชาธิปัตย์ เสื้อเหลือง เสื้อแดง เพื่อไทย ไม่มีฝ่ายใดสมบูรณ์แบบ เมื่ออยู่ในอำนาจแล้วแต่ละฝ่ายก็พยายามจะรักษาอำนาจให้นาน        ที่สุด


28. สนธิ ลิ้มเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าวันไหนที่ผมเล่นการเมือง ถ้าพี่น้องเจอผม ให้ถ่มน้ำลายรดหน้าได้เลย" แต่วันนี้เขากลายเป็นหัวหน้า              พรรคการเมืองใหม่ไปแล้ว มิน่าเลยไม่กล้าเดินออกไปในที่สาธารณะง่ายๆ


 29. ตำรวจไทยไม่สามารถจับผู้ร้ายคดีสำคัญๆได้เลย ถือเป็นส่วนหนึ่งที่การเมืองไทยถึงทางตัน เพราะทุกคนก็รับใช้คนที่มีอำนาจด้วยกันทั้งนั้น   คดีคาร์บอมบ์ที่สะพานซังฮี้ คดีปาระเบิดบ้านเปรม คดียึดทำเนียบ คดียึดสนามบิน คดีบุกพัทยา คดียิงสนธิ ฯลฯ ไม่เคยจับได้เลยสักครั้ง  แต่ผมก็มีลุ้นว่าคดี"ปาขี้บ้านอภิสิทธิ์" ตำรวจไทยจะแสดงศักยภาพสามารถจับตัวคนร้ายได้ซะที



30. เปรม อายุ 88 ปีแล้ว ส่วนพลเอกชวลิต 77  บรรหาร 76 เสนาะ 76 โดยประมาณ แต่ยังมีบทบาททางการเมืองไทยอย่างสูง


     ถือเป็นรุ่นคลาสิกที่ยังสามารถรักษาอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองไว้ได้อย่างยาวนานหลายสิบปี


31. ถ้าถามถึงคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดานักการเมืองยุคหลัง ผมยกให้ เนวิน และสมศักดิ์ ตามปรากฎการณ์Bandwagon เขาเลือกข้างที่จะ      ชนะได้อย่างฉลาดมาก เป็นรัฐบาลกับทักษิณมาตั้งแต่ปี 2544 ถ้าไม่นับที่ปฎิวติไปหนึ่งปี สองคนนี้ก็ยังรักษาสภาพความเป็นรัฐบาลได้        ตลอด ตั้งแต่รัฐบาลสมัคร สมชาย อภิสิทธิ์ รวมแล้วถึงเกือบ 9ปีด้วยกันที่กุมอำนาจบริหารไว้ได้ ทักษิณ ยังทำไม่ได้เลย


32. นักการเมือง เวลาเปลี่ยนข้าง เวลาเปลี่ยนคำพูด ก็อ้างประชาชน ดังนั้นอย่าแปลกใจว่าวันหนึ่งเนวินอาจจะไปจูบปากกับทักษิณก็ได้


33. ผมยิ่งติดตามการเมืองไทยแล้วยิ่งรู้ว่าการห่างกับการเมืองไทยได้แค่ไหนก็ยิ่งดี  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้านเมืองไทยจะต้องดำเนินต่อไป


34. ประเทศไทยเราเคยผ่าน สงครามโลก สงครามเย็น สงครามเวียดนาม สงครามเขมร สงครามเกาหลี สงครามคอมมิวนิสต์ 6 และ 14 ตุลาคม พฤษภาทมิฬ ปฎิวัติมาเป็นสิบครั้ง ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน สงครามเศรษฐกิจ ฯลฯ มาตลอด 50 ปีหลัง และผมก็เชื่อว่ายังไงเราก็ต้องผ่านไปได้ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน 12 - 14 มีนาคม ถือเป็นเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทยเท่านั้น



35.  เราไม่เคยได้รับอะไรเป็นรูปธรรมจากการที่ออกเสียงเลือกตั้ง เพราะผมรู้สันดานนักการเมืองดี ไม่ต้องสำแดงทรัพย์สินของนักการเมืองหรอกครับ ไร้สาระ แค่มีกฎหมายว่านักการเมืองทุกคนต้องสำแดงภาษีย้อนหลัง 5 ปี ว่าจ่ายเงินให้แผ่นดินมากน้อยแค่ไหน


"เชื่อไหมครับว่า นักการเมืองมากกว่าครึ่งไม่เสียภาษีให้รัฐเลยสักบาท ถ้าไม่นับเงินเดือน สส และรัฐมนตรีนะครับ"


ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้เมืองไทยผ่านวิกฤตไปได้ด้วยเถิด


ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกคน ขอบคุณมากครับ 







Free TextEditor


Create Date : 11 มีนาคม 2553
Last Update : 11 มีนาคม 2553 18:18:07 น. 4 comments
Counter : 1803 Pageviews.  
 
 
 
 
ข้อมูลครบครันและรู้ลึกเลยค่ะ แต่อย่างว่าทุกเรื่องย่อมมีบริบทของมัน ธรรมชาติของนักการเมืองไทย ก็คือ ธรรมชาติของวัฒนธรรมสังคมไทยล่ะค่ะ ลองย้อนดูตัวเราเอง ถ้าเราได้อะไรพิเศษกว่าคนอื่น เราย่อมภูมิใจ แต่จากนี้ไป ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีแน่นอน
 
 

โดย: b (bee09b ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:22:56:50 น.  

 
 
 
คุณเคยคิดทบทวนไหมสาเหตุที่แท้จริงของการไม่เคารพกฎหมายและกติกาคือใคร เหลืองออกมาได้ถ้าไม่มีเส้นไม่มีทางล้มสมชายได้ ทําไมไม่เคารพเสียงข้างมาก 4 ปีเลือกตั้งใหม่ ไม่ดีเลือกใหม่ แพ้ต้องยอมรับ ประเทศไม่เจริญเพราะคนพวกนี้ คนจนจนต่อไป คนรวยรวยขื้นๆ คนรวยต้องจ่ายภาษีมากขื้นเพื่อสังคมเท่ากัน จบมหาลัยเงินเดือนไม่เหลือเก็บ บางคนไม่พอกิน ไม่มีเส้นงานไม่ก้าวหน้า แม้แต่โรงเรียนเด็กก็ต้องจ้างเข้า เราต้องออกมาสู้ให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เปลี่ยนแปลงไทยให้เหมือนทางยุโรป เปลี่ยนแปลงสังคมให้เท่ากัน นักการเมืองคอรัปชั่นไม่เลือก ซื้อเสียงไม่เลือก เคยคิดไหมทําไมประเทศเราไม่เคยแพ้สงครามแบบญี่ปุ่นแต่ไม่เจริญเท่าเค้า เพราะอะไร
ออกไปเถอะค่ะออกไปสู้ให้ลูกหลานอย่าให้เค้าต้องเกิดมาในสังคมมีแต่เส้นแบบเราเลย
 
 

โดย: คนจน IP: 93.104.167.230 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:7:50:07 น.  

 
 
 
ไม่ว่าจะใครมาเป็นรัฐบาลก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ
เศรษฐกิจมันก็เป็นรอบของมันครับมีขึ้นมีลง
เอกชนก็ต้องแข็งแกร่งเอง ใครเขาจะรอให้รัฐบาลมาช่วยล่ะครับ

FTAทั้งหลาย ที่ทำโดยไม่รอบคอบกับจีน
ทำให้โรงงานไทยเจ๊งไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ของจีนทะลึกเข้ามา

ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็มีคอรัปชั่นไม่ใช่เหรอครับ
ใครจะมาเป็นรัฐบาลผมก็ไม่รู้ ควบคุมไม่ได้
ผมก็แค่พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง
เสียภาษี ทำธุรกิจที่ขาวสะอาด
กำไรได้น้อยมากๆ แค่พออยู่รอด
ไม่สามารถสะสมทรัพย์สินบ้าน รถยนต์ ที่ดิน ฯลฯได้เลย

แต่ก็อยู่อย่างคนจนที่มีศักดิ์ศรีที่ความซื่อสัตย์ครับ
 
 

โดย: assuming (assuming ) วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:16:47:53 น.  

 
 
 
สวัดดีครับชาว bloggang วันนี้ผมมาเนาะนำเว็บไซค์ของผมหน่อยน่ะครับขอไม่ว่าไรกันน่ะครับไทยตาโตฟังเพลงเล่นเกมสอ่านข่าวท่องเที่ยวขอบคุณมากครับ
 
 

โดย: preampcc วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:1:53:53 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

assuming
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add assuming's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com