สวยใส สุขภาพดี ด้วยการกินอย่างสมดุล
การกิน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของคนเราเป็นอย่างมาก ยิ่งได้กินอาหารดี รสชาติถูกปาก และถูกใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นไปด้วย

แต่การกินอย่างฉลาด คือกินอาหารที่อร่อย และดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงกินอย่างพอเหมาะ จะช่วยให้คุณสุขภาพดี จิตใจเบิกบาน และช่วยให้ดูสวยใสจากภายในได้อีกด้วย


กินดีต่อสุขภาพ
การกินให้ดีต่อสุขภาพ
การกินให้ดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่สามารถทานสิ่งที่ชอบได้เลย แต่เป็นการที่คุณรู้จักทานอย่างสมดุล โดยมีหลัก ดังนี้
- ทานให้พอดี คือไม่ทานน้อยจนเกินไป หรือทานจนอิ่มแน่นด้วยความอยาก หรือความเสียดาย
- พยายามทานให้ได้สารอาหารครบ เช่น ถ้าคุณชอบทานแฮมเบอร์เกอร์ แทนที่คุณจะสั่งมาทั้งชุดที่มีเฟรนช์ฟรายด์และน้ำอัดลมด้วย ก็ให้เลือกสั่งแยกเป็นแฮมเบอร์เกอร์และสลัดผักแทน
- หากทานอาหารที่มีไขมัน หรือแป้งมากในมื้อก่อนหน้า ให้เลือกทานอาหารเบาๆ ในมื้อถัดไป
- รู้จักจดบันทึกอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าในหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือน คุณทานอะไรไปบ้าง และควรเสริมสารอาหารใดที่ขาดไปบ้าง
- ทานผักและผลไม้บ่อยๆ เพื่อให้คุณคลายจากความอยากที่จะทานขนมขบเคี้ยวหรือของว่างในระหว่างวัน โดยไม่เลือกทานผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ หรือมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ
- ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกมื้อ เพื่อให้อิ่มเร็ว และทำให้ดื่มน้ำได้มากต่อวันอีกด้วย
- ตามใจปากได้ แต่ต้องแค่พอหายอยาก หรือนานๆ ครั้ง
- หลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง เพราะอาจมีสารก่อให้เกิดมะเร็งได้ และการทานอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง และอบ จะทำให้คุณสามารถทานได้มาขึ้นด้วย เพราะดีต่อสุขภาพ และมีไขมันต่ำ

การทานอย่างสมดุลไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ทำให้คุณต้องหงุดหงิดและเสียสุขภาพจิตจากการอดทานสิ่งที่ชอบ เพราะคุณยังสามารถทานสิ่งต่างๆ ได้ เพียงแต่รู้จักควบคุม และเลือกทานให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน รวมไปถึงรู้จักเลือกสิ่งดีๆ ให้กับตนเอง เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถมีสุขภาพที่แข็งแรง มีหุ่นดีขึ้น และสวยใสจากภายใน เนื่องจากทานดีได้แล้วนะคะ

ที่มา  //www.beautyshopdd.com



Create Date : 10 พฤษภาคม 2558
Last Update : 10 พฤษภาคม 2558 23:58:21 น.
Counter : 632 Pageviews.

0 comment
มุมมองดี ก็ทำงานอย่างมีความสุข
 ในวัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงาน เป็นวัยที่หลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต ทั้งงานที่จำเจ ไม่ชอบ ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดี สไตล์ไม่เข้ากัน เจ้านายที่คุณมองว่าชอบใช้อำนาจมากกว่าเหตุผล หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายตายซากในการไปทำงานแต่ละวัน

ปัญหาทางจิตใจทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะทัศนคติของเรานั่นเอง ถ้าเรามีมุมมองที่ดีต่อการทำงาน ชีวิตอันยาวนานในช่วงวัยทำงานของเราก็จะมีความสุขได้ โดยคุณควรมีมุมมองดังนี้

ความสุขกับการทำงาน

คิดเสมอว่าทุกคนมีปัญหาเหมือนกันหมด
ไม่ใช่คุณคนเดียวที่มีปัญหาในการทำงาน เพราะผลการศึกษาในประเทศเยอรมนีก็พบว่า 90 % ของคนที่ทำงาน ก็ไม่ได้พอใจกับงานที่ทำอยู่ และในประเทศเดียวกัน เอาง่ายๆ แค่ในที่ทำงานของคุณ หากคุณลองสังเกตก็จะพบว่าคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจกับงานของตนเองเช่นกัน

อย่าตั้งใจหรือมุ่งมั่นกับความฝันของตนมากเกินไป
ในที่นี้หมายถึงคุณไม่ควรคาดหวังว่าจะต้องได้งานในสายงานนี้เท่านั้น งานต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้เท่านั้น หรือเงินเดือนต้องได้ตามที่ต้องการเท่านั้น จึงจะเรียกว่ามีความสุขในชีวิตการทำงาน เพราะบางครั้ง สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคิดของคุณ อาจจะดีและมีความสุขมากกว่าที่คุณคิดก็ได้

คุณจะมีความสุขได้ ถ้ารู้จักเป็นผู้ให้
แม้คุณจะทำงานเพื่อเงินเดือนเลี้ยงปากท้องเท่านั้น แต่คุณก็ควรทำงานนั้นอย่างเต็มที่ในเวลางานของคุณ เป็นการทำงานร่วมกับเจ้านายที่ทำให้มีน้ำใจต่อกันและกัน นอกจากเจ้านายแล้ว กับเพื่อนร่วมงานคุณก็ควรมีน้ำใจต่อเขาด้วย ไม่ใช่อยู่เพื่อทำงานในวันนั้นให้หมดๆ เวลาไป หรือแอบทำงานอื่นในเวลางาน หรือทำอย่างไรก็ได้ให้รู้สึกว่าได้ผลประโยชน์จากที่ทำงานมากที่สุด พึงเข้าใจว่า บริษัทไม่ได้อยู่ได้เพราะคุณ แต่คุณอยู่ได้เพราะบริษัทหยิบยื่นโอกาสในการทำงานให้

เข้าใจชีวิต
เข้าใจว่า “เงิน” เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ได้สำคัญกว่าสุขภาพหรือความสุขบางอย่าง ดังนั้นอย่าแลกความสุขกับการหาเงิน เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้ยุติธรรม อย่ามองหาความยุติธรรม แต่ควรเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ชีวิตก็จะเป็นสุขกว่า เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ แม้จะดูฝืนใจ แต่ทุกก้าวก็เป็นประสบการณ์ที่จะพาให้เราไปเจอสิ่งที่ดีกว่าภายภาคหน้าเสมอ เข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลกนี้ ดังนั้น หัดมองคนรอบข้างบ้าง อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว

ชีวิตของคุณจะมีความสุขได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณมีมุมมองที่ดีต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน อย่าให้ความคิดในแง่ลบมาทำให้ความสุขของคุณหายไปเป็น 30-40 ปี หรือเกือบครึ่งชีวิต ลองปรับมุมมองเสียแต่วันนี้ ความคิดดีๆ จะพาคุณไปสู่สิ่งดีๆ ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

ที่มา  //www.beautyshopdd.com



Create Date : 02 พฤษภาคม 2558
Last Update : 2 พฤษภาคม 2558 22:09:30 น.
Counter : 500 Pageviews.

0 comment
ดูแลสุขภาพ ด้วยอาหารกากใยสูง


อาหารที่มีกากใยสูง หรือมีไฟเบอร์สูง มีประโยชน์มากมาย เปรียบได้กับยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว โดยผู้หญิงควรได้รับไฟเบอร์อย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน และผู้ชายควรได้รับไฟเบอร์อย่างน้อย 35-40 กรัม

แม้ว่าร่างกายจะต้องการไฟเบอร์มาก แต่ในปกติชีวิตประจำวัน คนเรามักกินเข้าไปเพียง 15 กรัม เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

อาหารที่มีกากใยสูง
อาหารที่มีกากใยสูง ได้แก่  
- ถั่วขาว ถั่วดำ ถั่วแระถั่วแดง
- ข้าวโพด ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ตข้าวบาร์เลย์
-  ขนมปังโฮลวีต
- สาลี่ แอปเปิล ราสเบอร์รี่
- บร็อกโคลี
- อะโวคาโด
- อัลมอนด์
แม้ว่าน้ำผลไม้จะมีกากใยอยู่ แต่ผลไม้สดนั้นย่อมดีกว่า เพราะให้พลังงานน้อยกว่า และอิ่มนานกว่าด้วย

ประโยชน์ของอาหารกากใยสูง
- ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ทำให้อุจจาระนุ่มและมากขึ้น
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- ลดความเสี่ยงในโรคที่เกี่ยวกับลำไส้
- ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะกากใยชนิดละลายน้ำ ช่วยลดความเร็วในการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย
- ช่วย ลดน้ำหนัก ได้ เพราะอาหารที่มีกากใยสูง ต้องใช้เวลาในการเคี้ยวนาน ช่วยให้อิ่มเร็ว และอยู่ท้องได้นาน จึงทำให้ไม่ทานจุบจิบตลอดวันได้

อาหารที่มีกากใยสูง มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยในเรื่องการขับถ่าย และส่งผลระดับน้ำตาลในเลือด และคอเลสเตอรอล ซึ่งในปัจจุบันนี้เรามักทานไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในหนึ่งวัน ดังนั้น เราจึงควรหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ลดความอ้วน ด้วยการทานอาหารที่มีกากใยสูงให้เพียงพอนะคะ จะได้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า



Create Date : 19 เมษายน 2558
Last Update : 19 เมษายน 2558 0:29:54 น.
Counter : 2115 Pageviews.

0 comment
อาการกระตุกของเปลือกตาและมุมปาก




หากคุณมีอาการกระตุกของเปลือกตาและมุมปาก โดยเป็นๆ หายๆ อยู่บ่อยๆ และเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรค “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก” และแนะนำให้ผ่าตัดจึงจะหายขาดได้ คุณคงกังวลใจเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้ว โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกคือโรคอะไร และรักษาอย่างไรวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ

ลักษณะและอาการสำคัญ
โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกหมายถึง โรคที่มีอาการกระตุกขึ้นเองที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งมีอาการดังนี้
- มีการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง อย่างไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นจังหวะ
- เป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ไม่หายขาด บางรายอาจได้ยินเสียงดังกึกในหูเมื่อใบหน้ากระตุก
- อาการจะเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนบางรายอาจตาปิดสนิทเมื่อกล้ามเนื้อจากระตุกรุนแรง

สาเหตุของการเกิดโรค
สาเหตุการเกิดโรค มีทั้งที่ทราบสาเหตุและไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งผู้ป่วยทั่วไปจะไม่ทราบสาเหตุ ส่วนในรายที่ทราบสาเหตุจะเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด เนื้องอก และก้อนต่างๆ ในสมองไปกดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งมีปัจจัยดังนี้
- ภาวะความเครียดทางจิตใจ
- ความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การยิ้ม การพูด มากเกินไป เป็นต้น
เมื่อเกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกขึ้นแล้ว ทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็น และการได้ยินด้อยลง และอาจอายคนจนไม่กล้าเข้าสังคม

การรักษา
โรคนี้หากไม่รักษา อาการจะทรุดลงเรื่อยๆ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ซึ่งโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยา และฉีดยา หากอยากรักษาให้ได้ผล 90 % ขึ้นไป จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดสมองเพียงทางเดียวเท่านั้น

แม้ว่าโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกจะไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติที่เคยมา และไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ แต่การไม่เครียด มีสภาวะอารมณ์ที่คงที่ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา และมีจิตใจที่ผ่องใส ก็ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกได้

ที่มา  www.thaiseniormarket.com



Create Date : 18 เมษายน 2558
Last Update : 10 ตุลาคม 2561 12:29:23 น.
Counter : 2032 Pageviews.

0 comment
เช็คตัวเองกันหน่อย ว่าคุณเริ่มแก่แล้วหรือยัง
สาวๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะในวัยทำงาน มักไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเอง หรือไม่ได้ใส่ใจถึงร่างกายที่เปลี่ยนไปสักเท่าใด ยิ่งสาวๆ ที่มักถูกชมจากคนรอบข้างว่าหน้าอ่อนกว่าวัย คุณยิ่งไม่สังเกตตนเองมากขึ้น เพราะคิดว่าตนยังไม่แก่ง่ายๆ แท้จริงแล้ว คุณอาจจะมีส่วนที่ต้องเร่งดูแลแล้วก็ได้

6 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเริ่มแก่แล้ว และควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน คือ


1. คอเหี่ยวย่น
แม้ว่าหน้าของคุณจะตึงเป๊ะ แต่ถ้าคอของคุณเหี่ยวย่น ก็แสดงว่าคุณละเลยการดูแลผิวคอ ซึ่งหากหน้าตึงแต่คอย่นก็คงไม่ใช่ภาพที่น่ามองเช่นกัน เมื่อผิวหย่อนคล้อยเพราะคอลลาเจนผลิตได้ช้าลง


2. ผิวไม่กระชับ และหย่อนคล้อย
ผิวไม่กระชับ และหย่อนคล้อย เกิดจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาด้วย เช่น เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวเหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียน


3. มีรอยตีนกา
สัญญาณเตือนอันดับแรกของร่างกายที่คุณสามารถสังเกตเห็นและเป็นกังวลที่สุด คือการเห็นรอยตีนกาปรากฏอยู่บนใบหน้าของคุณ ซึ่งเกิดมาจาก วัย มลภาวะ การไม่ถนอมผิวหน้า และการผลิตคอลลาเจนที่น้อยลง


4. หน้าอกหย่อนยาน
เพราะไขมันบริเวณหน้าอกลดน้อยลง หรือฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตได้น้อยลง รวมถึงการใส่ชั้นในที่ไม่เข้ากับขนาด และไม่มีโครงช่วยพยุง


5. ขนคิ้ว ขนตา และผมเริ่มบางลง
เป็นผลมาจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลง ซึ่งนอกจากการพึ่งเทคโนโลยีทางความงามแล้ว การเลือกอาหารการกินที่ดีก็ช่วยยืดอายุให้กับเส้นผมและเส้นขนบนร่างกายของคุณได้ด้วย


6. ข้อศอก หัวเข่า และมือเริ่มเหี่ยวย่น
ข้อศอก หัวเข่า และมือ เป็นส่วนที่มักสัมผัสสิ่งอื่นได้ง่าย และบ่อยที่สุด จึงเหี่ยวย่นได้ง่าย และช่วยชี้วัดอายุที่ร่วงเลยไปตามวัยได้เป็นอย่างดี

หากคุณสำรวจตนเองแล้วว่าเริ่มมีอาการซึ่งเป็นสัญญาณเตือนทั้ง 6 ข้อนี้ หรือข้อใดข้อหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่คุณจะหันมาดูแลเอาใจใส่ตนเองอย่างจริงจังแล้วนะคะ การดูแลตนเองอย่างง่ายๆ คือการมีอารมณ์แจ่มใส หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยชะลอวัยให้คุณได้ค่ะ

ติดตามสาระดีๆ  //www.beautyshopdd.com


Tag :  ครีมหน้าใสไฟโตเอสซี




Create Date : 05 เมษายน 2558
Last Update : 5 เมษายน 2558 17:37:28 น.
Counter : 581 Pageviews.

0 comment
1  2  

pongpun143
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับสู่สาระบทความน่ารู้ทั้งเรื่อง ความงาม สุขภาพ แฟชั่น และเรื่องเกี่ยวกับ ผู้สูงอายุ เพื่อความเข้าใจในครอบครัวครับ