Group Blog
 
All blogs
 
คดีซุกหุ้น "ต้นเหตุ" สังคมแหก โดย เปลว สีเงิน จาก ไทยโพสต์



เอาล่ะ..."เสาร์เล็งลัคน์" เริ่มสะสมเงื่อนไขสงครามเบ็ดเสร็จแล้ว

เพื่อไทยประกาศ "เขียนรัฐธรรมนูญฉบับทักษิณ"

พ่วงแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

ขณะเดียวกัน ทักษิณแบไพ่ "๖ เงื่อนไขปรองดอง"

คืนเงิน-คืนอำนาจ-ยกเลิกคดีทั้งหมด แล้วจบกัน

แต่...หอกนั้นคืนสนอง เมื่อคณิต ณ นคร ออกผลงาน คอป.

ล่าสุด...ที่บ้านเมืองวุ่นวายมาตลอดนี้ ต้นเหตุจาก "คดีซุกหุ้น"

ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติผิดหลักกฎหมาย!

สะเทือนครับ...สะเทือน เรียกว่าสะเทือนทั้งมาตรฐานยุติธรรมไทย

และมาตรฐานยุติธรรมทักษิณ

สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ เหมือนคนน้ำเหลืองไม่ดี

หัวฝีผุดขึ้นตามแก้มก้นพร้อมๆ กันหลายหัว ชนิดต้องตะแคงตูดนั่ง

ขึ้นชื่อว่าหัวฝี มันเกิดจากข้างใน

แล้วมาแตกข้างนอก ทางรักษามีทางเดียวคือ ต้องปล่อยให้มัน

"กลัดหนอง" จนสุกแล้วแตกหนองไหลของมันเอง ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนรักษา

คือเค้นเอาหัว-เอาหนองออกให้หมดจนเห็นเนื้อแดงโบ๋

ขั้นตอนนี้ มันทั้งเจ็บ-ทั้งมัน-ทั้งคัน ดิ้นเชียวล่ะ

เห็นเนื้อแดง แสดงว่า "หมดเชื้อ" เหลือแต่แผล

รักษาง่าย เพราะเนื้อร้ายหมดแล้ว!

ขณะนี้ประเด็นปัญหา ประดัง-ประเดมาพร้อมๆ กัน

เราก็จัดลำดับ แล้วค่อยๆ คุยกันไปทีละเรื่อง

จะได้ไม่สับสน และลงท้าย ทั้งหลาย-ทั้งปวง

ก็จะไปสรุปรวมอยู่ที่ "เรื่องเดียวกัน"

ทักษิณน่ะ อ้างเพื่อให้ตัวเอง "พ้นความผิดทั้งปวง"

อยู่ข้ออ้างเดียวคือ กฎหมายผลพวงรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙

เป็นกฎหมายไม่เป็นธรรม แต่ตรงไหนที่ตัวเอง

ได้ประโยชน์จากกฎหมายนั้น...ก็เป็นธรรม และทำเฉย

อย่างเช่น ตอนนี้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง

จากกฎหมายเผด็จการ ได้เป็นรัฐบาล

ไม่ปฏิเสธการกะซวก "อำนาจรัฐ" ซักคำ!

ผมฟัง ๖ ข้อเสนอปรองดองทักษิณ ที่ "ข้ารับใช้" นำมาบอก

ไม่อยากจะสน เพราะนั่นมันเป็นข้อเสนอซะที่ไหน

มันเป็นเงื่อนไข "เค้นคอประเทศไทย"

ชัดๆ ว่า...พวกมึงต้องให้ และพวกกูต้องได้ อย่างที่พวกกูต้องการ

ทักษิณและพวกจะยืนยันอยู่ประเด็นเดียวว่า

กฎหมายและอำนาจใดก็ตามที่เกิดหลัง ๑๙ ก.ย.๔๙

ถือว่าโมฆะ แล้วย้อนกลับไปก่อนวันที่ ๑๙ ก.ย.๔๙

คืนสถานภาพเดิม ณ ความเป็น "

รัฐบาลทักษิณ-นายกฯ ทักษิณ" ให้เขาทั้งหมด!

เอาล่ะ...เมื่อยึดจุด ๑๙ ก.ย. เป็นตัวชี้ความถูก-ความไม่ถูกของทักษิณ

นั่นก็ควรยึดก่อน ๓ ส.ค.๔๔ อันเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีซุกหุ้น

เป็นตัวชี้ความถูก-ความไม่ถูกของสังคมประเทศด้วย

เพราะวันนี้ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบ

และค้นหาความเป็นจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)

ของนายคณิต ณ นคร ที่รัฐบาลทักษิณหวังใช้

"ต่อยอด" กับขบวนการรวบอำนาจกฎหมายประเทศ

รายงานผลรอบ ๖ เดือนออกมาแล้ว สรุปว่า


"การละเมิดหลักนิติธรรมโดยกระบวนการยุติธรรม

อันเป็นรากเหง้าของปัญหา เกิดจากกรณีของคำวินิจฉัย

ของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2544 ในคดี "ซุกหุ้น"

ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด

เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 2 คน

ที่เคยลงมติว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

ไม่ได้ลงไปวินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหาของคดี

ซ้ำศาลรัฐธรรมนูญยังนำเอาคะแนนเสียง 2 เสียงหลังนี้ไ

ปรวมกับคะแนนเสียงจำนวน 6 เสียง

ที่วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดในข้อกล่าวหาว่า "ซุกหุ้น"

แล้วศาลรัฐธรรมนูญได้สรุปเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดยกฟ้อง

ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ผิดหลักกฎหมายโดยแท้

และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง

ในหลักนิติธรรมของประเทศไทย

แต่ที่ผ่านมารัฐยังละเลยและไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ

ถึงรากเหง้าของความไม่ชอบมาพากล

หรือความที่น่ากังขาของเรื่องนี้ ดังนั้น คอป.จึงขอเสนอแนะให้รัฐ

และสังคมได้ตรวจสอบการยึดถือปฏิบัติตามหลักนิติธรรมอย่างจริงจัง.

นี่ไงล่ะ...ทักษิณขออำนาจและความไม่มีคดีความคืน

ก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙

ประชาชนก็ขอคดีซุกหุ้นคืน

ก่อนตุลาการวินิจฉัยผิดหลักกฎหมาย ๓ สิงหา ๔๔!!!

อย่างนี้แฟร์มั้ย หรือถูกมาตรฐานสังคมไทย

แต่ผิดมาตรฐานสังคมทักษิณ สรุปว่าไม่แฟร์

เพราะอะไรที่ทักษิณเป็นฝ่ายเสียเปรียบ-เสียประโยชน์

ไม่เป็นโอกาสเพื่อเปลี่ยนประเทศให้แดงทั้งแผ่นดิน

แล้วล่ะก็ ถือว่าไม่เป็นธรรมกับทักษิณทั้งนั้น?

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ๒ คนตามที่ คอป.

กล่าวในบทสรุปนั้นก็คือ นายผัน จันทรปาน

และนายจุมพล ณ สงขลา ถ้ายึดตามหลักที่ คอป.

สรุป คดีซุกหุ้น ผลจะออกมา ทักษิณผิดตามข้อกล่าวหาด้วยเสียง ๗:๖

ไม่ใช่เอา ๒ เสียงที่ไม่ได้วินิจฉัยคดีไปนับรวมเป็น "วินิจฉัยชี้ขาดยกฟ้อง"

จนกลายเป็นทักษิณไม่ผิด ๘:๗!!! และความบิดเบี้ยวตรงนั้น จากวันนั้น

มันเป็นหัวฝีฝังเนื้อจนสังคมกลัดหนองอยู่ข้างใน มาแตกเอาในปี ๒๕๔๙

และละเลงหนอง-ละเลงเลือดเรื่อยมาจนถึง

ณ วันนี้ ก็ยังซึมไหลปรี่ เพราะหัวฝียังไม่ได้บ่งออก

เอามั้ยล่ะ...จะนับจุดเริ่มต้น "ความเป็นธรรม" ตรงที่ ๑๙ กันยา

ทำไม จะรักความเป็นธรรมกันจริงๆ ล่ะก็ ย้อนไปเริ่มกันที่ต้นเหตุ

คือการวินิจฉัยคดีซุกหุ้น ๓ สิงหา ๔๔ โน่นเลย ไม่โสภากว่าหรือ?

พระท่านว่า สิ่งใดเกิดแต่เหตุ ถ้าต้องการดับสิ่งนั้น

ก็จงดับที่เหตุ ก็ในเมื่อ คอป.สรุปว่า

เหตุที่สังคมแตกแยกวันนี้มาจากการตัดสินคดีซุกหุ้น

เราก็ดับความแตกแยกสังคมโดยย้อนกลับไปที่คดีซุกหุ้นดีมั้ย

นายคณิต ณ นคร เคยเขียนบทความ "การบิดเบือนหรือหักดิบกฎหมาย"

ไว้ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อ ต.ค.๔๙ หลายตอน

ผู้สนใจหาอ่านไม่ยาก และท่านสรุปไว้ดังนี้

..........."คดีซุกหุ้น" ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น

ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติขึ้นอย่างน้อยสองประการ

คือ เกิดการกระทำที่เป็นการบิดเบือน

หรือหักดิบกฎหมายอยู่หลายการกระทำ

และเกิดอิทธิพลของกระแสทางสังคมและของกระแสทางการเมือง

ในคดีที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการคู่ประวัติศาสตร์โลก

ตกเป็นจำเลยในข้อหากบฏนั้น ได้มีการกระทำความผิด

ฐานบิดเบือนกฎหมาย (Rechtsbeugung)

เกิดขึ้น และไม่มีการลงโทษผู้พิพากษา ผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด

จนกล่าวกันว่าการบิดเบือน หรือหักดิบกฎหมายในคดีดังกล่าว

เป็นการบิดเบือน หรือหักดิบกฎหมายครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทีเดียว

เพราะหากผู้พิพากษาใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลี่ยงบาลีแล้ว

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็จะถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดินเยอรมัน

หลังจากพ้นโทษ ซึ่งจะทำให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

ไม่มีโอกาสที่จะฉีกรัฐธรรมนูญขึ้นเป็นใหญ่

และเมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ไม่อาจฉีกรัฐธรรมนูญขึ้นเป็นใหญ่ได้

สงครามโลกครั้งที่สองก็จะไม่เกิดขึ้น

และเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองไม่เกิดขึ้นแล้ว

ผู้คนก็จะไม่ล้มตายกันจำนวนมาก

และที่สำคัญคนยิวก็จะไม่ถูกฆ่าทิ้งเป็นล้านๆ คน

(ดู คณิต ณ นคร "ศาลรัฐธรรมนูญกับการตีความกฎหมาย"

นิติธรรมอำพรางในนิติศาสตร์ไทย

สำนักพิมพ์วิญญูชน กันยายน 2548 หน้า 49 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้า 51)

สำหรับ "คดีซุกหุ้น" อันมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น

หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้นทุกคนยึดหลักกฎหมายแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา

-"พตท.43" และ "ศอ.บต." ก็คงจะไม่ถูกยุบ

-การฆ่าคนทิ้งเป็นพันๆ คน โดยอ้างเรื่องยาเสพติด

ก็คงจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งการตายที่กรือเซะ และตากใบด้วย

-การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่ชัดเจนจนเกิดทางตัน

ทำท่าว่าจะเกิดการฆ่ากันอีกครั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็คงจะไม่เกิดขึ้น

-"ซีอีโอ" ซึ่งเป็นเรื่องของการบริหารธุรกิจ

ก็คงไม่เกิดขึ้นในระบบราชการไทย

-ระบบราชการที่พังพินาศที่กระทรวงกลาโหม

และที่อื่นๆ ก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

(ดู วสิษฐ เดชกุญชร "สัญญาณอันตราย

ที่กระทรวงกลาโหม" มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 22 กันยายน 2549)

-รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนก็คงจะใช้ได้ต่อไปอีกนานหรือตลอดไป

แม้อาจจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกันบ้างก็ตามที

-หลังจากการปฏิรูปการเมืองนั้น กติกาของสังคมได้เปลี่ยนไปมากแล้ว

หากแต่ความคิดของคนในสังคมไม่ได้เปลี่ยนไปตามการปฏิรูปการเมือง

สภาวะที่เหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้

หลังจากการปฏิรูปการเมืองที่เรียกกันทั่วไปว่า

"ระบอบทักษิณ" ก็คงจะไม่เกิดขึ้นจนส่งผลให้

ต้องมีการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

การบิดเบือนหรือหักดิบกฎหมายนั้น

ไม่ได้เป็นภัยใหญ่หลวงต่อสังคมโลกเท่านั้น

แต่เป็นภัยที่ใหญ่หลวงต่อสังคมไทยเราด้วย

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องบัญญัติ

ให้การบิดเบือนหรือหักดิบกฎหมายเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอาญา

เพื่อที่จะได้กำราบปราบปรามนักกฎหมายที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยกันได้บ้าง

การที่จะเป็นนักกฎหมายสายวิชาชีพ เป็นพนักงานอัยการ

หรือเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการนั้น

ผู้เขียนเห็นว่าไม่ได้มีความยากเย็นแต่ประการใด

นักกฎหมายเพียงแต่ทำตนเองให้ผ่านตามขั้นตอนให้ได้

เท่านั้นก็เป็นได้สมใจอยาก

แต่การเป็นนักกฎหมายสายวิชาชีพ

เป็นพนักงานอัยการ หรือเป็นผู้พิพากษา

หรือตุลาการที่ดีต่างหากที่ดูจะเป็นยากอยู่ไม่น้อย

ยิ่งการเป็นครูกฎหมายด้วยแล้วยิ่งจะยากกว่า

การเป็นนักกฎหมายสายวิชาชีพ เป็นพนักงานอัยการ

หรือเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการอีกหลายเท่านัก

เพราะครูกฎหมายต้องถ่ายทอดวิชาการ

ที่ถูกต้องแก่ศิษย์ และต้องวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์

(ดู คณิต ณ นคร "ครูกฎหมาย"

นิติธรรมอำพรางในนิติศาสตร์ไทย

สำนักพิมพ์วิญญูชน กันยายน 2548 หน้า 35)

ในขณะที่เรายังไม่มีความผิดฐานบิดเบือนกฎหมายนั้น

นอกจาก "เนติบริกร" แล้ว "นักกฎหมายนาซี"

ก็เป็นนักกฎหมายที่สถาบันการเรียนการสอนกฎหมาย

ชอบที่จะต้องตั้งข้อรังเกียจเช่นเดียวกัน

(ดู คณิต ณ นคร "กฎหมายราชภัฏกับนักบัญญัตินิยม"

นิติธรรมอำพรางในนิติศาสตร์ไทย

สำนักพิมพ์วิญญูชน กันยายน 2548 หน้า 41)

อนึ่ง ผู้เขียนใคร่ขอกล่าวส่งท้ายด้วยว่า........

กระแสสังคมในบ้านเมืองเราในระหว่างการดำเนิน "คดีซุกหุ้น" นั้น

เป็นไปในทิศทางที่มีการคาดหวังในตัวบุคคลอย่างรุนแรงมาก

จนทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดความหวั่นไหวเลยทีเดียว

ท่านผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของบ้านเมืองบางท่าน

และเป็นที่เคารพนับถือของคนในสังคม

ก็เข้าใจผิดในพฤติกรรมของบุคคล และให้การสนับสนุนบุคคล

โดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมายอันเป็นหลักของบ้านเมือง

บัดนี้ ท่านผู้ใหญ่ดังกล่าวน่าจะมีความเสียใจอยู่ไม่น้อยเลย.


อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันอังคาร ที่ 13 ธันวาคม 2554

"//www.thaipost.net/news/131211/49575"


Create Date : 14 ธันวาคม 2554
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 15:08:57 น. 0 comments
Counter : 1077 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ART19
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





ความเสมอภาคที่แท้จริง คือ
การที่ทุกคนต้องมีหน้าที่
การทำหน้าที่ของตนเอง
จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า
เราควรได้รับอะไร แค่ไหน
Friends' blogs
[Add ART19's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.