Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
15 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

ลั่นล่ากัน ณ สังขละบุรี



ช่วงนี้ฝนตกตลอดๆ อากาศเอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยจะได้ เหมือนกับฉันและคนอื่นๆ เลย ที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เหมือนกัน ^_^” คิดมาหลายเดือนคุยกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถ้าจะไปก็ให้โทรไปชวน พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ทำงานเดิมไปทัวร์ถิ่นเราซะหน่อย

สุดท้ายก็ไม่มีใครไปกะเราเลย เป็นอันต้องยกเลิกทริป “สวนผึ้ง ชมเทียน เลี้ยงแกะ แช่น้ำพุร้อน เล่นน้ำตก” ไปแบบไม่เข้าใจว่าฉันชวนผิดจังหวะหรือไง ก็เคยชวนไว้ก่อนหน้านั้นทุกคนก็โอเคๆ ดี เพียงแต่ไม่ได้กำหนดวันก็เท่านั้น โธ่ฟ้าดินช่างโหดร้ายจริงๆ (โทษไปโน้น) ^^”
แต่มี ฤ ที่ฉันจะยอมให้วันหยุดที่มีค่าผ่านไปเฉยๆ พอถึงวันเสาร์ปุ๊บก็ไปปั๊บ แบบไม่ได้คิดไม่ได้เตรียมตัว ไม่ๆๆๆ ทั้งนั้น ก็จะไปนิ ฮ่าๆๆ (ฟังแล้วไม่ค่อยจะดีเลยนะ) แต่ก็สนุกนะ เพียงแต่เปลี่ยนจุดหมายก็เท่านั้น ไปกันเลยเย้ๆๆๆ ออกเดินทาง....

ออกเดินทางจาก กทม. เวลา 14.30 น. แวะกินข้าวที่องค์พระปฐมเจย์ดี จ.นครปฐม ตอน 16.50 น. (ร้านเขายังไม่ได้ตั้งเลย ^^) รอซักแปะ ร้านก็เริ่มทยอยตั้งแล้ว เย้ๆๆๆ ^^ แวะซื้อถั่วปั่น (แปลกแต่ก็อร่อยนะ ^^) แล้วก็นั่งลงสั่งข้าวหมกไก่ เกาเหลาซุปหางวัว กินกันอย่างหิวโซ (มื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลยคร๊า =0=) 17.30 น. ออกเดินทางต่อจุดหมายยังอยู่อีกไกล ไปโลด...^___<


แวะทานข้าวที่ นครปฐม ^^


ถึงตัวเมือง กาญจนบุรีเวลา 18.45 น. (ขับรถเร็วนะเรา) ชะลอรถแวะไหล่ทางเปิดแผนที่กันหน่อย ^^” ไปไม่เถิกๆ ดูเสร็จก็ออกรถไปกันต่อ ขับผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ฝนก็ตกพรำๆ ตลอด ทางก็เริ่มมืดตื๊ดตือ รถก็เริ่มน้อย ดูเกน้ำมันก็เริ่มจะตก ในใจก็ร้องเรียก ป๊าม ปาม ป๊าม ปั๊ม ปั๊มๆๆๆ อยู่หนายยย T^T โผล่มาซะทีนะ อ๊ะ!!! ที่นี่ที่ไหนค่ะ ทำไมมีแต่ป่าทั้งสองข้างทางเลยอะ แง๊ๆๆๆๆ หรือว่าเราจะหลง O0O” เห็นทีว่าไอ้แผนที่คิดปุ๊บมาปั๊บมันจะไม่เวิร์คแล้วละม๊างงเนี๊ย!!!! =*=

เวลา 20.30 น. เห็นป้าย อีก 500 ร้อยเมตรจุดพักรถ ปั๊ม ปตท. ใจชื้นขึ้นมาทันทีทันได้ ขนาดเป็นป้ายเล็กๆ นะเนี๊ยะ ^___^ ขับไปๆ ปั๊มๆ โน้นๆ ปั๊มจริงๆ ไม่ได้ตาฝาด เข้าไปเลย เรารอดแล้ว 555 (ทั้งที่เกน้ำมันยังเหลืออีกสิบลิตรกว่าๆ นะ) ก็มันดึกแล้วนี่ เอาแน่นเอานอนไม่ได้นี่นา แถมตลอดทางที่มาก็ไม่เห็นจะมีปั๊มเลยซักกะปั๊ม มื๊ดก็มืด พอเด็กปั๊มมา ก็เลยบอกไปว่า “น้องๆ เต็มถังเลยจร้า ^^” (กันไว้ดีกว่ามีเหลือดีกว่าขาดนะ ว่าไหม)

เวลา 20.50 น. ขับผ่านเขื่อน..................เอะฉันมาถูกทางเป่าหว่า เดียวๆ ชะลอรถดูหลัก กม. ข้างหน้าทีซิว่ามันที่ไหนหว่า แต่ทว่ามีรถตามมา ทางก็แคบ เลยชะลอไม่ได้ต้องไปต่อ หยิบแผนที่มากาง ดูๆ ไปในแผนที่เขื่อน..........มันอยู่ทางซ้ายนิ แต่นี้อยู่ทางขวา เอ....มาผิดทางเป่าอะ หันไปมองหน้าคนขับ แต่ปากก็บอกว่าถูกๆ ไปโลด จนกระทั้งพบป้ายบอกว่า อีก 1 กม. ถึง บ. ปิล๊อก.....ไอ้หย่า ซี๊เลี้ยวววววว ผิดทางนี่หว่า เราจะไปสังขละบุรีนะ ไม่ใช่ บ.ปิล๊อกนะ!! อ่า กลับๆๆ กลับรถด่วน!!! นี้เราพลาดตรงไหนเนี๊ยะ O0O” ดูแผนที่กันอีกที...แล้วก็ Go!!

หลงมาซะแล้ว มื๊ดตื๊อ



เวลา 21.30 วนกลับมาจนถึงสามแยก (ถ้าขับขึ้นมาจากปั๊มที่แวะเติมน้ำมันก็ประมาณ 200 ม เราต้องเลี้ยวขวา ตรงไฟแดง แต่ทว่าเราดันขับตรงมาซะนิ ^^” (ก็มืดนิ ทางมันไม่เคยมาคะ) วนกลับมาก็เลี้ยวซ้าย ตรงไฟแดงเพื่อไปสังขละบุรี (มาดึกๆ ฝนตกๆ มองไม่เห็นอะไรจริงๆ) ขับๆ ทางที่ไปนี้ก็สุดยอด เจอแต่ป้ายเลข 1 ตลอด (มันหมายความว่ากรุณาใช้เกียร์ต่ำค่ะ ^^) มีทางอยู่ช่วงหนึงที่ ถนนอีกฝั่งทรุดลงไป แต่ป้ายเขียนเตือนว่า “เหตุฉุกเฉินข้างหน้า” ไอ้เราก็คิดว่ามีป้อมให้แจ้งเหตุ ^.O อัตรายจริงๆ ถ้าคนไม่เคยมา (พูดเหมือนเคยมาเลย ฮ่าๆ นี่ครั้งแรกเหมือนกัน แถมไม่ได้ตระเตรียมอะไรเลยนะเธอนะ >”< )

เวลา 22.40 น. ขับรถผ่าสะพาน (ดูเหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่) แต่มีป้อมทหารอยู่หัวสะพาน ฝนยังตกอยู่ หนักเบาสลับกันไป ในใจคิดพรุ่งนี้อากาศต้องดีแน่ๆ ^^ คิดเข้าข้างตัวเอง ทั้งๆ ที่กรมอุตุฯ ก็ประกาศว่าอาทิตย์นี้พายุเข้า ^^” ขับไปเรื่อยๆ ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นทางชันสูงขึ้นๆ มองไม่เห็นเส้นถนนเลยอ่า แย่แล้วๆ จะตกเขาไหมหว่า =”= ภาวนาในใจโอ้ยๆๆ ถึงซะทีๆ ......

เวลา 23.10 น. เหลือบไปเห็นป้ายข้างทาง อีก 5 กม. อ.สังขละบุรี เย้ๆ จะถึงแล้ว ดีใจจังวุ้ย ^0^ หลังจากผ่านเส้นทางแสนทรหด อากาศที่แปรปรวน บรรยากาศที่มืดมิด เงียบสงัด (ถึงแม้ว่าเราจะเปิดเพลงเสียงดังมาตลอดทางก็เถอะ) ในที่สุดก็เห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ข้างหน้ายิ่งเราขับรถเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ดวงไฟก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ และสว่างขึ้นๆ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา (หวังว่าพรุ่งนี้เช้าฟ้าจะสวยใสไร้เม็ดฝนนะ ^^)

เวลา 23.40 น. เข้ามาใน อ.สังขละบุรีเป็นที่เรียบร้อย ขับรถวนหาที่พักกันก่อนนะ (มาซะดึกเลย) วนไปๆ ก็เอาที่นี้ แหละสามประสงค์ รีสอร์ทแต่ทว่าเต็มแล้วจร้า T^T ต้องกลับรถเพื่อหาที่พักต่อ แต่แล้วสายตาดีๆ ของเราก็เหลือบไปเห็นว่ามีรีสอร์ทที่ยังเปิดไฟใกล้ๆ อยู่ ด้วยความขี้เกียจ เหนื่อย เพลีย หิว เลยลองเสี่ยงเลี้ยวรถเข้าไปถาม อะโชคดีจัง >0< พี่เขาบอกว่าเหลืออีกสองห้อง ราคา 800 กับ 1,000 บาท/คืน (พี่ที่รีสอร์ทแอบกระซิบบอกว่านี้ราคาลดแล้ว ถ้าช่วงท่องเที่ยวจริงๆ ก็แพงกว่านี้ 200-400 บาท)
เวลา 24.00 น. หลังจากเช็คอินที่สวนแมกไม้รีสอร์ทแล้ว เราก็ยังไม่ได้ขนของเข้าห้อง แต่เราเดินออกมาแล้วขับรถออกไปเพื่อหาอะไรกิน (ก็มันหิวนิ) วนรถอยู่สองสามรอบ แต่ดูเหมือนว่าร้านค้าจะปิดหมด ยิ่งบรรยากาศฝนพร่ำๆ อีกด้วย ก็เลยตัดสินใจฝากทองไว้กับ 7-eleven ^^ ได้ข้าวผัด เกี๋ยวกุ้ง สปาเก็ตตี๊ผัดขี้เมา ขนมขบเคียวอีกสามสี่อย่าง หอบหิวกลับมานั่งกินกันที่ห้องพัก


บรรยากาศภายในห้องพัก


วันที่ 2 (28-8-2011)
เวลา 00.30 น. อาบน้ำแปรงฟัง เช็คข้อมูลใน E-mail (มี Wi-Fi ฟรีคะ) ดูแผนที่ว่าพรุ่งนี้จะไปที่ไหน อัพรูปการเดินทาง คุยกันเล็กน้อย เดินสำรวจระเบียง อีกแปะ จนเวลาล่วงเลยจนถึง 01.30 น. ก็ได้เวลานอนจริงๆ แล้ว ฝันดีนะคะ .....

เวลา 6.30 น. หมอกสลัวๆ อากาศเย็นสบายๆ รีบอาน้ำ แต่งตัว ออกมานั่งชิวๆ ที่ระเบียงรอสมาชิก วิวตรงระเบียงก็สวยใช้ได้แต่ติดตรงที่มีสายไฟมาบังทิวทัศน์อะ >o< 7.00 น. ออกไปเดินสำรวจข้างนอกเห็นรถหลายคันจอดริมทาง (มะคืนไม่มีเลยนะ) เดินๆ ไป ที่แท้เราก็พักอยู่ใกล้ๆ สะพานไม้นี้เองถึงว่า รถเยอะ ตอนเช้าฝนไม่ตกแล้วคะมีแดดอ่อน กับสายหมอกเย็นๆ ลองเดินสำรวจกันก่อนนะ พอสำรวจทางไปสะพานไม้ ท่าเรือ แล้วก็เดินกลับมาที่รีสอร์ท เพื่อมากินอาหารเช้ากันก่อน (อาหารเช้ามีข้าวต้มหมู อาหารตามสั่ง ชา กาแฟ โอวัลติน ขนมปัง) เวลา 8.00 น. เดินชมสะพานไม้กันต่อ ถ่ายรูป ฟังประวัติสะพานจากมัคคุเทศน์ตัวน้อยๆ ที่คอยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว 8.30 น. เหมาเรือ 250 บาท/ลำ เพื่อไปดูวัดวังวิเวการามหลังเก่าที่จมน้ำเพราะการสร้างเขื่อน


ที่พักมะคืน ^^


บรรยากาศบริเวณห้องอาหารของรีสอร์ทค่ะ


เจอแล้วคร๊า ทางลงสะพานไม้ เย้ๆๆ



แพนอนริมน้ำค่ะ คืนละ 1,000 บาท ต้องจองก่อนล่วงหน้าค่ะ


บรรยากาศบนสะพานไม้ค่ะ


มองจากสะพานลงมาค่ะ คนหาปลากำลังพายเรือผ่านไป


นั่งเรือ ชิวๆ เพื่อไปดูวัดที่จมน้ำค่ะ


วิว ข้างๆ ริมน้ำ


ว๊าวๆๆๆ มันอะเมซิ่งจริงๆ คะ


ประตูทางเข้าแล้วค่ะ ข้างในยังมีพระพุทธรูปนะค่ะ


สุดยอดคะ


เวลา 9.00 น. เรือเทียบท่า เดินชิวๆ กลับที่พัก เก็บของ Check Out ออกเดินทางเพื่อไปดูปราสาทสีทองเหลืองอร่ามตาที่มีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ว่า “เจดีย์แบบพุทธคยา” ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย แวะชมตลาดของฝาก แอบดูการทำบุญของคนที่นี่ (วันนั้นวันพระ) แต่ละคนจะแต่ตัวสวยงามบนหัวเทินของที่จะนำมาทำบุญ ^^ 9.30 น. ขับรถไปชม วัดวังวิเวการามหลังใหม่ ที่สวยงาม ถ่ายรูป ไหว้พระ


แวะอ่านประวัติกันก่อนนะ


สวยงามจริงๆ ค่ะ


สวยจริงๆ เลย


วัดหลังใหม่ ส่วนหลังเดิมก็ที่จมน้ำอยู่อะค่ะ


หลังนี้ห้องน้ำนะค่ะ สะอาดและสวยค่ะ

เวลา 10.00 น. ออกเดินเพื่อจะไปด่านเจย์ดีสามองค์ ชมทิวทัศน์สองข้างทาง จะมีไม้กวาดวางพาดไว้ขายนักท่องเที่ยว 11.20 น. ถึงด่านเจย์ดีสามองค์ ถ่ายรูป เดินชมตลาด แต่ไม่ได้ข้ามไปอีกฝั่งเพรพม่ายังปิดด่านอยู่ (ถึงว่าเงียบเหงาจัง ^^”) แวะหาอะไรกินก่อน กลับ


ถึงแล้วด่านเจดีย์สามองค์ ฟ้าสวยมากๆ


สุดเขตแล้วคะ น่าเสียดายที่พม่าปิดด่าน

เวลา 12.30 น. ออกจากด่านเจย์ดีสามองค์ ถ่ายรูปโค้ง วิว ข้างทางตามประสา มาเรื่อยๆ ชักเริ่มหิวแฮะ 14.50 น. แวะน้ำตก..........ซื้อไก่ย่าง ส้มตำ เขียดป่าทอดกระเทียมพริกไทย ^^” กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ถ่ายภาพน้ำตกสีขุ่นๆ (หน้าฝนก็งี๊) ถ่ายรูปหอยทาก แล้วฝนก็โปรยลงมาอีกแล้ว ^^ เริ่มอิ่ม แล้วจร้า 15.30 น. ออกเดินทางต่อ จุดหมาย อยู่ที่ จ.ราชบุรี แล้วต่อด้วย กทม (เยอะเนาะ)


น้ำตกๆ เย้ๆ

เวลา 16.45 น. เลย อ. เมืองกาญจนบุรี มาแล้ว แวะซื้อของฝาก เราได้สละมา 5 กก. หน่อไม้ไผ่ตรง 4 หัว แคนตาลูป 2 ลูก แล้วก็บึ่งรถ อย่างรวดเร็ว (พอถึงช่วงนี้ฉันก็ขอเป็นคนขับบ้างน่ะ ^__^) ก็ขับอย่างหวาดเสียวเล็กๆ น้อยๆ ตามประสานานๆ ขับรถที แฮะๆๆ ^o^”


ทางเดินไปสะพานไม้ค่ะ


มารอต้อนรับนักท่องเที่ยวเลยนะ


ตามนี้เลยคะ


เดินมาอีกฝั่งแล้ว


ตลาดยามเช้า


เดินกลับมาแล้วนะ เหนื่อยเหมือนกันนะ


ชมบรรยากาศใต้สะพานกันบ้างนะ


วัดสวยๆ


เส้นทางสู่ด่านเจดีย์สามองค์คะ


บรรยากาศในร้านกาแฟ ณ ด่านเจดีย์สามองค์ ชิวมากๆ


ทางที่มามะคืนไง ตอนเช้าถึงมองเห็น ^0^


บ๊าย บาย จร้า


อ๋อ ที่น้ำตกหอยทากเยอะมากคะ

มาถึงบ้านที่ราชบุรี ราวๆ 17.50 น. ไม่มีใครอยู่บ้านซักคน โทรหาพ่อซะหน่อยตั้งว่าจะพาพ่อไปกินข้าวร้านโปรด พ่อบอกไปดูน้ำเข้านา อีกเดี๋ยวจะกลับ ไม่ถึง 10 นาที พ่อขับมอไซต์คันเก่าเข้ามาในบ้าน บอกว่ารอเดี๋ยวนะพ่อไปเปลี่ยนชุดก่อน (ไม่หล่อออกจากบ้านไม่ได้คะ นี่แหละพ่อฉัน ^^”) นั่งรอสมาชิกครบคนก็พร้อมไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าพ่อติดละครเกาหลี ทงอี ไปร้านอาหาร (ร้านอาหารป่าค่ะ) พ่อขอหนั่งโต๊ะใกล้ๆ ทีวี นั่งดูไปพากษ์หนังไป ฮ่าๆๆ ^___^” พออิ่ม ละครจบ มาส่งพ่อที่บ้านยกแคนตาลูปให้พ่อ 1 ลูก สละอีก 3 กก. แต่หน่อไม้พ่อไม่เอาบอกว่าเยอะแยะ เบื่อแล้ว 555 เสร็จสัพก็เดินทางสู่ กทม. พรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว รู้สึกว่าวันหยุดมันช่างผ่านไปไวมากๆ O^O นะ ถึง กทม. ราวๆ 3 ทุ่มครึ่ง กว่าจะได้นอนก็ เกือบๆ ตีหนึ่ง นี้เราทรหดอดทนกันมากๆๆ ไปก่อนนะค่ะ ขอให้สนุกกับการเดินทางในทริปนี้นะค่ะ บ๊าย บาย...ค่ะ ^0^





สังขละบุรี
เป็นอำเภอชายแดนติดต่อกับพม่า ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 220 กม.และอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิ 74 กม. เส้นทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา และตัดผ่านภูเขาเลียบทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม มองเห็นทัศนียภาพที่งดงามอำเภอสังขละบุรี มีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมากตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" คือบริเวณที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่ และห้วยรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย
-----------------------------------------------------------------

วัดวังวิเวการาม
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กม. มีวิหารริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอ้นงดงามและเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกระเหรี่ยงและพม่าที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเคารพนับถือจากบริเวณวัดวังก์วิเวการามไปอีก 1 กม.จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์แบบพุทธคยาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ซึ่งของเดิมอยู่ในน้ำ แต่ได้สร้างใหม่อยู่บนที่สูงวัดและเจดีย์อยู่ห่างกัน1 กม. ควรเที่ยวทั้งของใหม่และของเดิม เจดีย์เป็นแบบพุทธคยาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กม. มีวิหารริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอ้นงดงามและเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกระเหรี่ยงและพม่า น่าเสียดายที่ปัจจุบันท่านมรณะภาพไปแล้ว

ส่วนวัดใต้น้ำต้องนั่งเรือไป ค่าโดยสารเหมาลำ 300 บาท ท่านสามารถติดต่อเรือหางยาวได้ทั่วไปริมสะพานไม้มอญ หรือแพลุงเณร โทร. 034-595360, 09-2212330 บริการดี แกรับพาเที่ยววัดจมน้ำ ตกปลา แพลาก แพล่อง แพเช่า ( เองก็ใช้บริการมาแล้ว) สามประสบเป็นอีกที่ที่น่าสนใจ คือจุดที่ แม่น้ำ สามสายมาประจบกัน คือ แม่น้ำรันตี ต้นกำเนิดจากป่าทุ่งใหญ่นเรศวร, แม่น้ำซองกาเลีย และแม่น้ำบิคลี้ สองแม่น้ำหลังนี้มีต้นกำเนิดจากพม่า น้ำจะมีสีออกแดง

-----------------------------------------------------------------

สะพานไม้มอญ
อยู่ไม่ไกลจากวัดวังก์วิเวการามนัก จะมีแยกทางเข้าเล็กๆ (สังเกตดีๆ นะ ยังหาไม่ค่อยเจอเลย) เมื่อเราเดินทางไปวัดฯ เราสามารถสังเกตเห็นสะพานไม้มอญได้แต่ไกล ลำพังสะพานนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเด่นนัก แต่สิ่งที่ดึงดูดใจ มากที่สุดก็จะเห็นได้แก่ บรรยากาศรอบๆ ซึ่งจริงๆ แล้วอำเภอสังขละนี้อยู่บริเวณที่สูง สภาพอากาศที่นี่จะร่มเย็น และบางทีคลึ้มฟ้าคลึ้มฝนตลอดทั้งวัน ทิวทัศน์โดยรอบเมื่อมองไปก็จะเห็นสีเขียวของทุ่งหญ้าตัดกับพื้นน้ำ และขอบฟ้า สวยงามมาก

-----------------------------------------------------------------
เที่ยวป่าสังขละบุรี
เป็นบริการนำเที่ยวของสถานที่พักในเขตอำเภอสังขละบุรี โดยจัดให้นักท่องเที่ยวล่องเรือไปตามลำน้ำซองกะเลีย
แล้วต่อด้วยการนั่งช้างเที่ยวป่าและล่องแก่ง ผู้สนใจติดต่อล่วงหน้าที่บริษัทนำเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 1 โทร. (034) 511200

จริงๆ แล้วที่ป่าสังขละยังมีน้ำตกลำธารอีกมากมาย ซึ่งยังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว thai-tour.com มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสมาบ้างแล้ว (น้ำตกซึ่งไม่มีใครตั้งชื่อ ดังรูปด้านขวามือ)
-----------------------------------------------------------------

ด่านเจดีย์สามองค์และชายแดนพม่า
ห่างจากตัวเมืองสังขละบุรี 22 กม. เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยในสมัยโบราณก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่เขตพม่า ต่อมาในปี 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้น้ำชาวบ้านสร้างเป็นเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่างทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมตลาดชายแดนในเขตพม่าได้ โดยเสียค่าผ่านด่านชาวไทย 25 บาท ชาวต่างประเทศ 130 บาท ถ้าเราได้ข้ามไปฝั่งพม่า เลยไปตามทางลูกรัง ประมาณ 4-5 กม. เราจะพบ วัดเสาร้อยต้น ห่างจากชายแดนประมาณ 1 กม.จะมีตลาดของฝาก สินค้าส่วนใหญ่เป็น ไม้เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหวาย ผ้า พลอย ของป่า

-----------------------------------------------------------------

น้ำตกตะเคียนทอง
เป็นน้ำตกที่ถูกปกคลุมด้วยป่าไผ่ ดงหวาย ดงเฟิร์นและไม้ใหญ่ยืนต้นนานาพันธุ์บริเวณเทือกเขาตะนาวศรี แนวเขตชายแดนไทย-พม่าในเขตสังขละบุรีตัวน้ำตกมีต้นน้ำอยู่ในเขตประเทศพม่าไหลเลาะเลื้อยมาตามแนวเขาที่กั้นเขตแดน สู่ประเทศไทยที่ห้วยซองกาเลียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นแม่น้ำแควน้อย จากความอุดมสมบูรณ์ของป่า ทำให้เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี แต่ละชั้นมีความงดงามแปลกตา ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นลานกว้าง มีน้ำตกไหลผ่านกระจายกันออกไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินลุยน้ำไปตามน้ำตกเพื่อขึ้นไปชมชั้นสูงๆ ได้

การเดินทาง ขับรถจากทางแยก อ.สังขละบุรี-ด่านเจดีย์สามองค์ไปประมาณ 8 กม. จะมีป้ายบอกทางเข้าน้ำตกอยู่ริมถนนด้านขวาเลี้ยวตามทางแยกไปบนถนนลูกรังอีกประมาณ 12 กม. เส้นทางค่อนข้างแคบและบางช่วงมีเนินสูงชัน และต้องตัดผ่านลำธารเป็นบางช่วง จึงควรใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถกะบะในการเดินทาง เมื่อถึงจุดพักรถจะต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 30 นาที จึงจะถึงตัวน้ำตกชั้นแรก หากต้องการความสะดวกควรติดต่อสอบถามรายละเอียดเส้นทางการเดินทางหรือว่าจ้างผู้นำทางจากชาวบ้านในเขตอำเภอสังขละบุรีหรือติดต่ออำเภอสังขละบุรี หรือติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยว ที่มีการจัดนำเที่ยวในเส้นทางน้ำตกสายนี้

-----------------------------------------------------------------

ถ้ำวังตะเคียน
อยู่ในเขตบ้านวังตะเคียน ห่างจากตัวเมือง 77 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 323 ถึง กม.ที่ 10 แยกซ้ายเข้าทาง หลวงหมายเลข 3229 เป็นทางลูกรัง ภายในถ้ำวังตะเคียนมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก

-----------------------------------------------------------------

น้ำตกกระเต็งเจ็ง
เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี เป็นน้ำตกที่มีความสูงถึง 36 ชั้น นักท่องเที่ยวจะต้องปีนป่ายผ่านสายน้ำขึ้นไปตามชั้นต่างๆ จนถึงชั้นบนสุด เมื่อขึ้นไปถึงแล้วนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางกลับได้ โดยไม่ใช้ทางเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเส้นทางเดินป่าที่ยังคงสภาพป่าดิบอันสมบูรณ์ระหว่างทางจะผ่านดงเฟิร์นที่กว้างใหญ่ตระการตา ผ่านป่ามะไฟป่าและต้นไม้ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 13 คนโอบ ตลอดทางเดินจะได้ยินเสียงน้ำตกกระทบโขดหินดังก้องอยู่ในป่าตลอดเวลา จัดเป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

การเดินทาง ไปน้ำตกกระเจ็งใช้เส้นทางทองผาภูมิ-สังขละบุรีจนถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณขวามือของถนน ก่อนถึง อ.สังขละบุรีประมาณ 30 กม. นำรถจอดที่อุทยาน แล้วเดินทางเท้าต่อไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะถึงตัวน้ำตก การเดินทางควรติดต่อหาผู้นำทางที่เชี่ยวชาญโดยอาจติดต่อผ่านทางบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี หรือในเขตอ.สังขละบุรี ทั้งนี้เนื่องจากสภาพป่ามีลักษณะเป็นป่าดงดิบ อาจทำให้เกิดพลัดหลงได้ และควรสวมเสื้อผ้าในชุดเดินป่าที่รัดกุม เนื่องจากมีทากชุกชุมตลอดเส้นทางทุกฤดูกาล

-----------------------------------------------------------------

ถ้ำแก้วสวรรค์บันดาล
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสังขละบุรี ห่างจากด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับพม่า ประมาณ 1 กม. อาณาเขตของถ้ำแก้วสวรรค์บันดาลกินบริเวณกว้าง เนื่องจากเป็นถ้ำที่อยู่ในภูเขทั้งลูก
ภายในยังแบ่งเรียกเป็นถ้ำต่างๆ อีก 4 ถ้ำ คือ ถ้ำวังบาดาล ถ้ำมรกต ถ้ำแก้ว และถ้ำสวรรค์บันดาล แต่ละถ้ำมีความสลับซับซ้อน
สามารถเดินเชื่อมทะลุถึงกันได้หมดทุกถ้ำ ภายในมีหินย้อยรูปทรงต่างๆ งดงามมาก เมื่อกระทบกับแสงไฟจะสะท้อนแสงแวววาวคล้ายถูกโรยไว้ด้วยกากเพชร
การเข้าไปเที่ยวชมนักท่องเที่ยวควรแต่งกายด้วยชุดที่รัดกุม เลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสมและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะบางถ้ำมีโขดหินที่สูงชัน บางถ้ำต้องใช้ วิธีการคลานและมุดไปตามซอกของช่องหิน และบางถ้ำที่มีระดับน้ำสูงประมาณหัวเข่า หากต้องการจะเที่ยวชมให้ครบหมดทุกถ้ำ จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป

การเดินทาง ใช้เส้นทางอำเภอสังขละบุรี-ด่านเจดีย์สามองค์ โดยเลี้ยวขวาบริเวณศาลาพักร้อนริมทาง ที่อยู่ก่อนด่านเจดีย์สามองค์ประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นขับรถไปตามถนนดินอีกประมาณ 700 เมตร เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางอีก 200 เมตร
จะถึงบริเวณสำนักสงฆ์ที่เป็นที่ตั้งของถ้ำแก้วสวรรค์บันดาล นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดของการเข้าไปเที่ยวภายในถ้ำได้จากพระสงฆ์ ที่จำวัดอยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์แห่งนั้น

-----------------------------------------------------------------

น้ำตกคลีตี้
เป็นภาษากระเหรี่ยงแปลว่า “เสือโทน” มีต้นน้ำอยู่บนยอดเขาดีกะ ใกล้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร การเดินทางไปน้ำตกคลีตี้บนต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2 วัน จากบ้านกระเหรี่ยงคลีตี้ และจะต้องมีลูกหาบและคนนำทาง ส่วนน้ำตกคลีตี้ล่าง อยู่เหนือทะเลสาบแควใหญ่บริเวณลำเขางู ใช้เวลาเดินทางเรือจากท่าเรือกระดานหรือท่าหม่องกระแทะ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

-----------------------------------------------------------------

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
มีพื้นที่อยู่ในเขตอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ยอดเขาสูงสุดคือ เขาใหญ่ อยู่บริเวณตอนกลางของพื้นที่ เป็นต้นน้ำของลำธารหลายสาย มีป่าไม้หลายชนิดประกอบด้วยทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดงดิบ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
การเดินทาง ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ยังไม่สะดวกนัก เนื่องจากสภาพถนนบางช่วงไม่ดี จากเส้นทางทองผาภูมิ-สังขละบุรี บริเวณแยกห้วยเสือ ไปยังบ้านคลีตี้ ระยะทาง 42 กิโลเมตร ต่อจากนั้นมีทางแยกไปที่ทำการเขตฯ ที่ห้วยซ่งไท้ อีก 40 กิโลเมตร ผู้ที่จะไปยังทุ่งใหญ่นเรศวรต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า 15 วัน ไปที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 579-4847

แม่น้ำต่างๆ เช่น แม่น้ำรันตี แม่น้ำบิคลี้ แม่น้ำซองกาเลีย ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแก่งที่นี่ น้ำตกตะเคียนทอง น้ำตก

อาหารอร่อย ที่ร้านอาหารพันนที แบบดูดีหน่อย อยู่ริมน้ำ เลยตลาดประมาณ 1.5 กม. หรือร้านข้าวแกง 59 หม้อ อยู่ในตลาด หรือหาทานแถวตลาดก็ได้

ที่พักสังขละบุรี รีสอร์ทส่วนใหญ่จะอยู่เรียงรายริมน้ำอยู่แล้วในตัวเมืองสังขละบุรี

การเดินทางสู่ อ.สังขละบุรี
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับมาประมาณ 9 กม.จะพบสะพาน ลอยข้ามไปทาง จ.กาญจนบุรี ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ขับมาประมาณ 7 กม.ท่านจะพบสี่แยกให้ท่าน เลี้ยว ขวา(แยกซ้ายไปบ้านโป่ง ตรงไปคือถ้ำค้างคาว) เพื่อไปยัง อ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นมุ่งหน้าสู่สี่แยกแก่ง เสี้ยนให้ขับไปทาง อ.ทองผาภูมิ ซึ่งจะผ่านทั้งไทรโยคน้อย และไทรโยคใหญ่ ( หลักกิโลเมตรที่ 125 ทางหลวง หมายเลข 323 ) ท่านจะพบสามแยก ( ตรงไปไปอำเภอทองผาภูมิ +เขื่อนเขาแหลม ถ้าเลี้ยวขวาไป อำเภอสังขละบุรี)ให้ท่าน เลี้ยวขวามือไป สังขละบุรี ซึ่งท่านจะผ่าน น้ำตกเกริงกะเวีย+น้ำตกไดช่องถ่อง ผ่านอช. เขื่อน เขาแหลม เมื่อไปถึงแยก ด่านเจดีย์สามองค์ ท่านไม่ต้องเลี้ยวขวา ให้ขับตรงไป ประมาณ 7 กม. จะพบแยก ซ้ายมือไปสะพานอุตตมานุสรณ์ ขับเข้ามาอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะพบสะพานอุตตมานุสรณ์ หากต้องการไป เที่ยววัดวิเววังการามจากแยกด่านเจดี่ย์สามองค์ไม่ต้องเลี้ยวขวาให้ขับตรงไป ประมาณ 7.4 กม.จะเห็นแยกขวา วัดวังก์วิเวการาม และแยกซ้ายไป เจดีย์พุทธคยา จำลอง ให้ท่านเลี้ยวซ้ายไปทางเจดีย์พุทธคยา จำลอง
2. โดยรถสาธารณะ

จากสถานีขนส่งสายใต้นั่งรถ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยสามารถนั่งรถปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี แล้วไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นนั่งรถสายกาญจนบุรี - ทองผาภูมิ - สังขละบุรี(รถไม่มีแอร์ )แล้วไปลงที่ท่ารถสังขละบุรี ใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองถึงสังขละบุรีประมาณ 4ช.ม. จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ค่ามอเตอร์ไซต์รับจ้าง 10 บาท ไปที่ ซองกาเลีย รีสอร์ท จากนั้นสามารถ ใช้บริการรถ ของบริษัท เอเซียไทรโยคเดินรถ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตัวเมือง
- อัตราค่าโดยสาร รถตู้ปรับอากาศ118 บาท, รถปรับอากาศใหญ่ 151 บาท
- เวลารถ 7.30-16.30 น ทุก 1 ชั่วโมง
- ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
- จากท่ารถสังขละบุรี นั่งรถมอเตอร์ไซต์ 10 บาท ไปยัง ซองกาเลีย รีสอร์ท

หมายเหตุ รถปรับอากาศชั้น 1 สายกรุงเทพ - กาญจนบุรี ค่าโดยสาร 79 บาท รถปรับอากาศชั้น 2 สายกรุงเทพ - กาญจนบุรี ค่าโดยสาร 62 บาท

ที่มา :
https://www.thai-tour.com/thai-tour/central/kan/data/place/sangkla.htm
https://www.thai-tour.com/thai-tour/central/kan/data/place/sangkha/index.htm
https://www.paiduaykan.com/76_province/central/kanjanaburi/sangkla.html

แผ่นที่






 

Create Date : 15 กันยายน 2554
26 comments
Last Update : 15 ธันวาคม 2560 13:26:07 น.
Counter : 7887 Pageviews.

 

สวัสดียามค่ำคืนค่ะ

ขอตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกัน



คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ

 

โดย: iamorange 15 กันยายน 2554 22:14:32 น.  

 

ขับรถเก่งจังครับ ไปสังขละ ตอนดึกๆ

 

โดย: -*-Superbaker 16 กันยายน 2554 0:49:06 น.  

 

ขอบคุณครับที่แวะไปทักทาย
ตามมาเที่ยวด้วยครับ

 

โดย: เศษเสี้ยว 16 กันยายน 2554 1:07:14 น.  

 

 

โดย: Kavanich96 16 กันยายน 2554 7:38:12 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

ตามมาเที่ยว สังขละ ด้วยคนค่ะ ..

ยังไม่เคยไปเลย..อยากไปมั่งจัง..

ชอบรูปแนวๆ แบบนี้จังเลยค่ะ .. ดู อาร์ตๆดี..

 

โดย: Nongpurch 16 กันยายน 2554 8:56:11 น.  

 

สวัสดีเช่นกันค่ะ..^^

น่าไปเที่ยวจังค่ะ รูปสวยดี ข้อมูลแน่นปึ๊กเลย..

 

โดย: Lika ka 16 กันยายน 2554 9:05:46 น.  

 

ยินดีค่า เมนูนี้ส่วนผสมไม่เยอะทำไม่ยากแต่อร่อยนะคะ อิอิ

และจะบอกด้วยว่าคุณจขบ.นี้บรรยายการเดินทางได้ละเอียดมากมายค่าาาา ทำเอาอยากไปเที่ยวด้วยคนเลยเนี่ย 5555

 

โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว 16 กันยายน 2554 9:25:45 น.  

 

สวัสดียามสายๆค่ะ

เอา เกาเหลา ร้อนๆมาฝากค่ะ




emoขอให้มีความสุขนะคะemo

 

โดย: iamorange 16 กันยายน 2554 9:29:05 น.  

 

เห็นแล้วอยากไปเดินถ่ายรุปจังเลยครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 16 กันยายน 2554 11:51:03 น.  

 

ว้าววว อยากไปล่องเรือชมบรรยากาศสวยๆเลยค่ะ

ขอบคุณที่ไปทักทายกันนะคะ

 

โดย: Sweety-around-the-world 16 กันยายน 2554 14:16:53 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายๆ ครับ .....

ทริปนี้ทรหดพอสมควรนะครับ เพราะต้องขับรถทางไกลแถมมืดและฝนตกอีกต่างหาก ผมเองก็เพิ่งไปสังขละบุรีมาก่อน จขบ. นี้ไปอาทิตย์นึง ไปถึงตอนสองทุ่มครึ่งข้างทางยังมืดตื๋อเลย .....

คุณ จขบ. ไปเที่ยวน้อยวันไปหน่อยเน๊อะ อุตส่าห์ขับรถไปตั้งไกล ได้อยู่ไม่ถึงวันก็ต้องกลับซะแล้ว โชคดีไม่เจอฝนตอนกลางวันนะครับ .....

 

โดย: NET-MANIA 16 กันยายน 2554 14:19:40 น.  

 


ยังไม่เคยไปเลยค่ะ


ฟ้าสวยนะคะ


ขอบคุณที่แวะทักทายกันค่ะ วัดบวรฯ ตอนกลางคืนยังไม่เคยเห็นเหมือนกันค่ะ





 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 16 กันยายน 2554 15:13:48 น.  

 

...เฮ้อ....ไม่เคยอ่านบล็อกของใครแล้วต้อง เหนื่อย และต้องลุ้นขนาดนี้ ตั้งแต่ขับรถผิดไปปิล็อก ต้องกลับมาตั้งต้นที่ทองผาภูมิ เดินทางไปสังขะบุรีทั้งที่มืดๆ 4-5ทุ่ม แถม ไม่มีที่พักอีกต่างหาก นับถือหัวใจจริงๆครับ.....
ยังหวังว่าวันหลังอย่าเสี่นงอย่างนี้อีกเลย เป็นห่วงจริงๆครับ 555

 

โดย: พายุสุริยะ 16 กันยายน 2554 21:49:04 น.  

 

ภาพสวยดีจังเลยค่ะ
มิลไปเมืองกาญเหมือนกัน
แต่ยังไม่ถึงสังขะ สักที
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: มิลเม 17 กันยายน 2554 10:06:29 น.  

 

สวัสดีค่ะ...ใกล้เที่ยงและ ไปกินข้าวกัน..^^

 

โดย: Lika ka 17 กันยายน 2554 11:55:44 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยคน รูปสวยนะคะ ได้ฟีลมากๆ
ถ้าใหญ่กว่านี้สักนิดคงจะดีไม่น้อย
ปล.ป้าแก่แล้วววว เพ่งตาจะทะลุแว้ววว

 

โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ 17 กันยายน 2554 15:46:38 น.  

 

 

 

...สวัสดียามเช้าค่ะ...ช่วงนี้ฝนตกระวังเรื่องสุขภาพหน่อยนะค่ะ..^^

 

โดย: Lika ka 20 กันยายน 2554 8:24:03 น.  

 

ไปสังขละมืด ๆ เก่งมาก ๆ ค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 22 กันยายน 2554 17:05:41 น.  

 

 

สวัสดีกันช่วงเย็น ๆ เลยนะค่ะวันนี้..อิอิ

 

โดย: Lika ka 24 กันยายน 2554 16:45:16 น.  

 

สวัสดีสาย ๆ ค่ะ..^^

วันจันทร์..ตื่นมาทำงานด้วยความขี้เกียจ...ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันหรือเปล่า???

 

โดย: Lika ka 26 กันยายน 2554 9:22:55 น.  

 

สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ...
สุขสดใสกับวันทำงานวันแรกของสัปดาห์นะค่ะ..

สถานการณ์น้ำเป็นอย่างไรบ้างค่ะ..

 

โดย: Lika ka 10 ตุลาคม 2554 8:17:47 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะ....

 

โดย: Lika ka 11 ตุลาคม 2554 9:08:36 น.  

 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ปลาซิวน้อยในนาข้าวหอมมะลิ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยิ้มวันละนิดชีวิตยืนยาวค่ะ




Friends' blogs
[Add ปลาซิวน้อยในนาข้าวหอมมะลิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.