เที่ยงวังน้ำเขียวในหนึ่งวัน
สวัสดีปีใหม่นะคะเนื่องจากตัวเองเป็นคนวังน้ำเขียว และทุกๆปีเพื่อนก็จะมาเยือนในช่วงสิ้นปีเพราะอากาศจะหนาวมาก แต่ปีนี้เกิดอะไรขึ้นร้อนเว่อร์เพราะคนทำร้ายธรรมชาติมากเกินไป ธรรมชาติก็เลยเอาคืนบ้าง เห็นได้ชัดมากๆค่ะจากอากาศที่แปรปรวนเช่นนี้
มาดูทริปเราดีกว่าค่ะ เพื่อนๆมาถึงบ้านก็เกือบเที่ยงละ เราเลยจัดตารางการท่องเที่ยวดังนี้ - ทานข้าวเที่ยงที่ Montana Farm Steak's house - เข้าที่พัก ณ ศพน. ความจริงไม่ไกลบ้านมากแต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ - ทำอาหารทานตอนเย็นปิ้งย่าง - ช่วงเช้า เช็คเอ้าท์เืกือบๆห้าโมงเช้า ไปวิลเลจฟาร์ม - ก๋วยจั๊บยกซด เขาแผงม้า - สวนกล้วยไม้ - ปาลิโอ้ วนรถกลับมาส่งเราที่บ้าน - ทานข้าวบ่ายที่ ร้านแด๊ดดี้ดา - ตลาดของฝากปากทางไทยสามัคคี - ผาเก็บตะวัน จบทริปค่ะ มาดูทริปแรกเลยค่ะ Montana Farm Steak's house ร้านนี้เปิดได้ยังไม่ถึงสองเดือนเลยค่ะ คนยังไม่รู้จักมาก สถานที่สวยมากค่ะ มีฟาร์มแกะสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีอาหารแกะจำหน่ายด้วยใครอยากให้อาหารแกะก็สามารถซื้อได้ค่ะ  บรรยากาศดีมากๆเลยค่ะ แต่รสชาติอาหารถือว่าไม่อร่อยถูกปากกลุ่มเราก็แล้วกัน แต่กาแฟรสชาติดีค่ะ ราคาไม่แพง ราคาอาหารก็เหมาะสมกับสถานที่ถ้าปรับปรุงรสชาติอาหารและพฤติกรรมบริการของเด็กเสริฟก็จะดีมากค่ะ  มาดูบรรยากาศรอบๆกันค่ะ   มาดูน้องแกะกัน เห็นขนแกะแล้วนึกถึงหมาที่บ้านเป็นสังกะตังเหมือนกันเลย  เรามาถึงช่วงเกือบเที่ยง แดดก็เลยร้อนหน่อยแต่นั่งใต้ต้นไม้ก็เย็นสบายดีค่ะ มาดูหน้าตาอาหารที่สั่งมานะคะ  แนะนำถ้ามาควรจะมาช่วงเย็นๆค่ะเพราะจะได้เดินชมสวนที่เค้าจัดไว้ได้ทั่วๆหน่อย  มาชมภาพบรรยากาศโดยรวมกันค่ะ มีให้คล้องกุญแจด้วยนะคะ เหมือนเกาหลีเลย มาชมที่พักกันค่ะ ราคาประหยัด ศพน. ห้องที่เราพักคืนละ หนึ่งพันบาท ห้องพัดลม มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ตอนเย็นเราจะปิ้งย่างกันค่ะ ทาง ศพน.เค้าก็มีบริการให้ยืมเตาย่างกับตะแกรงด้วยนะคะ  อุปกรณ์ก็เตรียมมาจากบ้านค่ะ ส่วนพวกอาหารทะเลให้เพื่อนซื้อมาจากในเมืองค่ะเพราะที่นี่แพงมากกก  เราเน้นมาพบปะสังสรรกัน แต่ก็รบกวนผู้ที่เข้าพักห้องข้างๆนะคะ สถานีต่อไป วิลเลจฟาร์มค่ะ เดินทางจากด้านหลัง ศพน.ได้เลยค่ะ แต่สภาพทางค่อนข้างแย่เลยทีเดียวเชียว เราคนวังน้ำเขียวแต่ก็พึ่งจะเคยเข้ามานี่แหละค่ะ วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายเลยชิวๆหน่อย วิลเลจฟาร์มก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรหน่อยๆ มีร้านอาหาร มีร้านขายของ มีไร่องุ่นแต่ห้ามเข้าไปถ่ายรูปคงจะกลัวองุ่นหัก ก็เลยเดินชมบรรยากาศรอบๆค่ะ   วางแผนมุ่งหน้าไปที่เขาแผงม้าค่ะ เพื่อนสาวอยากดูกระทิง เลยบอกว่าแดดเปรี้ยงขนาดนี้กระทิงที่ไหนจะออกมาให้เห็น แวะทานอาหารเที่ยง ณ ร้านก๋วยจั๊บยกซดค่ะ ขอบอกว่าอร่อยมาก พิกัดถ้ามาทางเส้น 304 จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ มีป้ายบอกแต่ต้องสังเกตุดีๆนะคะ  อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ แวะสวนกล้วยไม้เขาแผงม้าออร์คิด ผู้จัดการใจดีมากค่ะ อธิบายให้เราฟังตลอด จนเราเกรงใจเพราะไม่ได้อุดหนุน แต่เวลาไปโรงพยาบาลพี่เค้าก็จะเอากล้วยไม้ไปฝากค่ะ จำได้กล้วยไม้กลิ่นชอคโกแลต ห๊อมหอม  เราสังเกตุนะคะสวนกล้วยไม้ที่นี่ไม่ได้กลิ่นพวกยา หรือสารเคมีเลยค่ะ เคยไปบางที่ โหย กลิ่นยานี่โชยมาซะจนปวดหัวเลย  ผ่าน a cup of love คนเยอะมาก เลยไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงปาลิโอ้ คนก็เยอะมากเหมือนกัน เดินเล่น กินไอติม เคยมาวันธรรมดาคนน้อยมากก็จะได้อีกบรรยากาศนึง คนเยอะก็ดีค่ะคึกคักดี อยากไปโบนันซ่าต่อ แต่ฟ้ามืดครึ้มเชียว ฝนตกด้วย โอว เมืองไทยมีสามฤดูในหนึ่งวัน ก็เลยกลับดีกว่า  แวะถ่ายรูปนิดหน่อย ณ Toscana เมืองในฝันของเราแต่คงไม่มีปัญญาซื้อ  มาแวะทานข้าวกันที่ร้านแด๊ดดี้ ดาค่ะ อยู่ถนน 304 ถ้าเราจะขับรถเข้าเมืองร้านจะอยู่ด้านขวามือนะคะ ต้องไปกลับรถตรงครัวประดู่ อยู่ติดกับที่จัดงานเทสกาลดอกไม้ค่ะ เป็นร้านเล็กๆค่ะ แต่ขอบอกอร่อยกว่าร้านใหญ่ๆบางร้านอีก ราคาก็สบายกระเป๋า ผัดกระเพรากับพิซซ่าอร่อยมากกกกกกก  พาเพื่อนๆแวะซื้อของฝากหน้าปากทางไทยสามัคคี เดินดูให้ทั่วก่อนนะคะก่อนซื้อเพราะแต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน ปิดทริปด้วยผาเก็บตะวันยามเย็นค่ะ (หารูปไม่เจอแหง่ว)สวัสดีปีใหม่ นะคะทุกท่าน ตลาดอินโดจีน ณ มุกดาหาร
มุกดาหารเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ติดแม่น้ำโขงและติดประเทศลาว สินค้าขึ้นชื่อของมุกดาหารเราเดานะว่าคงเป็นหมูยอกับกระเทียมเพราะเห็นมีมากเหลือเกิน ^_^
มามุกดาหารทุกปี บางปีก็สอง สามครั้งแล้วแต่โอกาส อยากข้ามไปลาวใจจะขาดแต่ไม่มีคนไปด้วย แหง่ว Welcome to มุกดาหาร  และสถานที่ที่ไม่เคยพลาดเลยเมื่อมาเยือนมุกดาหารนั่นก็คือตลาดอินโดจีน ในส่วนของตลาดจะแบ่งออกเป็นตลาดด้านบนแล้วก็ตลาดด้านล่าง (เราตั้งเองแหละ) เรื่องราคาสินค้าก็ค่อนข้างจะแพงอยู่เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว (ราคาเมื่อเทียบกับตลาดพรเพ็ชร) ส่วนตัวเรารู้สึกว่าตลาดด้านล่างสินค้าจะถูกกว่าข้างบนนะ โซนตลาดด้านบน   โซนด้านล่างค่ะ  เวลาไปเมื่อไหร่เพื่อนๆมักจะเรียกร้องขอสาหร่ายทุกครั้ง และก็ช็อคโกแลต อิมพอร์ตจากประเทศจีน ค่อนข้างหน้ากลัวแหะ ข้าวจี่ที่นี่อร่อยจังค่ะ ไม่แข็งชุบไข่แซบหลาย  แล้วเราก็มาชมวิวที่สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่2 น้ำขุ่นเชียวค่ะ มองไปก็เห็นประเทศเพื่อนบ้านเรา  สถานที่ท่องเที่ยวของมุกดาหารยังมีอีกหลายที่มาก และที่่พลาดไม่ได้คือภูผาเทิบค่ะ ดอกดุสิตาสวยมากกกกก   แอ่ว เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เจ๊า
อันเนื่องมาจากไปส่งเพื่อนที่ไปรับราชการบนดอยกันไกลโพ้นทำให้สาวอีสานอย่างเราได้มีโอกาสได้ขึ้นเหนือไปส่งเพื่อนสาวกัน
เราเดินทางกันโดยรถตู้ ดูเครื่องเสียงติดรถซะก่อน ไฮโซมากๆ  ได้ยินกิตติศัพท์มามากแล้วพันโค้งเนี่ย เราเลยกินยาแก้เมารถไว้รอซะตั้งแต่วังน้ำเขียวซะเลย ขาไปเลยได้แต่นอนๆ  ขับมารวดเดียวขาไปยังไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน เลยไปชมวิวตอนเช้ากันที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง  อุณหภูมิเช้านี้ ไม่ต้องถงต้องถามเรื่องสุขภาพน้ำยังไม่ได้อาบกันเลย   มาถึงห้วยน้ำดังก็ประมาณตีสามจอดนอนรอพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ซะเลย แต่ก็ไม่เห็นเพราะหมอกหนามาก  จุดชมวิวค่ะ   เป้าหมายของเราอยู่ที่ปางมะผ้าค่ะ ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นพม่าค่ะดังนั้นเพื่อนสาวก็ต้องเรียนภาษาพม่าด้วย  ถึงแล้วค่ะ โรงพยาบาลปางมะผ้าแวดล้อมไปด้วยขุนเขา อากาศดีสุดๆแต่ไกลมากๆๆๆ   แวะอาบน้ำกันบนแฟลต นั่งเล่น เดินเล่น ได้พอหายคิดถึงก็ขอตัวเดินทางกลับเพราะกลับไปถึงก็ต้องไปทำงานต่อ T_T ขากลับเราก็เลยแวะกินข้าวกัน ณ ร้านสุดยอด อาหารเมือง อีสานอย่างเราไม่เคยกินเลยสั่งมาซะ แต่ ณ จุดนี้เมารถมากกกกเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาสักเท่าไหร่   อาหารอร่อย ราคาไม่แพงค่ะเจ้าของร้านเป็นกันเอง ร้านตั้งหน้าค่ายทหารแต่จำไม่ได้ว่าชื่อค่ายอะไร เสียดายจังจำพิกัดไม่ได้ อิ่มกันแล้วเริ่มสร่างเพราะส้มตำแซบมากกกก จุดหมายต่อไปของเราคือถ้ำลอดค่ะ  สำหรับค่าเข้าชมนะคะเราจะเสียค่าผู้นำทางพร้อมตะเกียง 150 บาท 4 คน ถ้าอยากล่องแพก็ 550 บาท/4 คน เราสามารถตัดสินใจได้ตอนไปถึงถ้ำว่าอยากล่องแพรึป่าว แล้วเราค่อยบอกคนนำทาง แต่เราไม่ล่องดีกว่า เหม็นขี้ค้างคาวมาก เลยเดินชมในถ้ำแค่ชั้นที่หนึ่งพอ  บรรยากาศรอบๆดีมากค่ะ ระหว่างเดินเ้าไปผู้นำทางก็จะอธิบายถึงหินแต่ละก้อนว่ามีลักษณะเหมือนอะไร ต้องใช้จินตนาการนะ   แวะดอยกิ่วลมแชะๆสักหน่อย  จุดหมายต่อไปคือปาย ทำไมช่วงไม่ใช่เทศกาลมันถึงได้เงียบเหงาเช่นนี้แต่เราชอบมากคนไม่เยอะดี coffee in love ที่เค้าฮิตเราก็ไม่ได้ไปถ่ายหรอกเพราะเริ่มเมาอีกแล้ว  ได้โปดสะก๊าดส่งไปหาเพื่อนและตนเอง  จากนั้นก็เดินทางสู่เชียงใหม่ค่ะ เราตั้งใจไปเดินถนนคนเดินและซื้อของฝากที่นั่น ถ่ายรูปมาเฉพาะตอนบนรถค่ะเนื่องจากค่ำแล้วไม่ได้ถ่ายรูปด้วยแต่ประทับใจค่ะแม้จะเป็นการเดินทางที่แสนจะเหนื่อยล้า แต่ก็คุ้มค่าและคิดว่าถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาเชียงใหม่อีกแน่แท้ เพราะเป็นเมืองที่น่าสนใจมากแม้จะมาสัมผัสแค่แป๊ปเดียว จบทริปนี้แล้วค่ะ  รีวิวเกาะช้าง ภาค 2
เว้นช่วงไปนานกว่าจะมาต่อภาค 2 สำหรับรีวิวนี้จะรีวิวเกี่ยวกับอาหารการกินค่ะ เผื่อจะเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเกาะช้าง
เท้าความนิดนึงเรามาขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยค่ะ หลังจากที่เพื่อนไปซื้อตั๋วข้ามฟากมาคนขายก็แนะนำว่ามีบริการจัดหาที่พักด้วย เราก็เลยลงมาหาที่พักค่ะเพราะไม่ได้จอง ตอนแรกกะว่าจะไปหาเอาดาบหน้า แต่ถ้ามีบริการขนาดนี้ก็จัดเลยค่ะ ราคาห้องพัก เราต้องการเท่าไหร่บอกเลยค่ะเค้าจะจัดให้ มีรูปห้องพักให้เลือกด้วย อยากพักหาดไหนมีหมด แล้วพี่คนขายก็แนะนำว่าถ้าอยากไปดำน้ำเค้ามีขายให้ คนละ 450 บาท จากการสืบราคาขั้นต่ำก็ 500 นะ เราเลยตกลงแต่ยังไม่จ่ายเงินนะคะพี่เค้าก็ให้เบอร์โทรเพื่อที่จะยืนยัน หลังจากเข้าที่พักแล้วก็ออกไปเดินเล่นที่ชายหาดหน้าที่พักซะหน่อย เราพักที่หาดไก่แบ้ ค่ะเพราะชอบความเงียบสงบ มาถึงก็เย็นแล้วค่ะ  ชื่นชมบรรยากาศยามเย็นริมทะเล เราก็บรรเจิดไอเดีย ไปซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่างกันเถอะ ก็เลยไปติดต่อกับทางรีสอร์ท เค้าบอกว่าวันนี้มีทัวร์มาลง เตาย่างมีอันเดียว แป่ว งั้นไปขับรถหาดูดีกว่าว่ามีร้านอะไรน่ากินมั่ง เค้าบอกว่าตลาดห่างจากที่พักเราประมาณ 10 กว่าโล อัยยะ มันไปทางไหนล่ะหว่า เราขับหาเลาะร้านแถวๆนั้น พลันสายตาก็ไปเจอกับร้านขายอาหารทะเลร้านหนึ่ง ร้านเจ๊แหม่มซีฟู๊ดค่ะ บริการรับทำอาหารทะเล เราก็เลยเข้าไปเลือกดูค่ะ  ตามจินตนาการของเราคือมันต้องมีอาหารทะเลสดๆ เหมือนระยองมั่งง่ะ แต่ป่าวเลย มัน บ่ แม่น สอบถามก็ได้ความว่า ที่เกาะนี้ไม่มีสะพานปลา อยากกินสดๆก็ไปกินบนฝั่นโน่น เหอๆ ก็ถือว่าสดอยู่ สดกว่าตลาดที่บ้านละกัน ไปดูตามร้านอาหารแล้วสู้ราคาไม่ไหวง่ะ กุ้ง 6 ตัวกลางๆ 450 ไม่รวมค่าปรุง เราเลยต้องมาพึ่งร้านนี้แหละ สโลแกน ท่านเลือกซื้อ เรารับปรุง  ทั้งร้านก็มีปูนี่แหละค่ะที่สด พวกปลา หมึก กุ้ง ก็แช่ถังน้ำแข็ง ตอนแรกว่าจะเอาปลาด้วยแต่ตาไม่ใสเลยขอผ่าน  ที่ดักแมลงวันค่ะ  รวมค่าอาหารเย็นในวันนี้นะคะ 680 บาท จำไม่ได้ว่าแต่ละอย่างราคาเท่าไหร่ ค่าอาหารทะเลนี่รวมค่าปรุงแล้วนะคะแถมน้ำจิ้มด้วย แซบมาก ถือว่าราคาไม่แพงค่ะ พอดีมีตลาดนัดอยู่ตรงข้ามร้าน เลยซื้อไปเสริมอีกค่ะ เบ็ดเสร็จ ทั้งสิ้น1245 บาทค่ะ ไม่รวมเครื่องดื่ม(พอดีจดค่าใช้จ่ายไว้ในสมุดบันทึกพอดีค่ะ) เย็นพอดี  ด้านหน้าที่พักมีศาลาน้อยให้นั่งด้วยค่ะ  จัดแจงอาหารซะ  อาหารเย็นวันนี้ค่ะ จานชามช้อนก็ซื้อมาจากตลาดนัดนะึคะ เราไม่ได้เอากุ้งมาเพราะว่าหัวหลุดหมดแล้ว  หอยสดๆค่ะตัวใหญ่มาก  ผู้ชายไม่เน้นกับเน้นแต่น้ำกัน สบาย 2 สาวเลย  เครื่องดื่มก็หอบเอาฟลูมูนไปจากวังน้ำเขียว อย่างอื่นก็ร้านค้าบนเกาะ ราคาไม่ต่างมากค่ะ  นี่คืออาหารมื้อเย็นมื้อแรกที่เกาะช้างประหยัดและอิ่มค่ะ อาหารเช้ากินฟรีที่รีสอร์ท และพร่งนี้วางแผนไว้แล้วว่ากินข้าวเช้าที่รีสอร์ท ตอนเที่ยงก็กินบนเรือที่ไปดำน้ำ พอดีกรุ๊ปทัวร์ที่มาเค้าจ้างโชว์มาด้วยเราเลยได้นั่งดูเพลินเลย 555  มาดูอาหารมื้อเช้านะคะ เป็นบุฟเฟ่ห์ค่ะ  ข้าวต้มทะเลปลาหมึก กุ้งแบบว่าตู้มมากๆ เลยเบิ้ลไปหลายถ้วยเลยค่ะเพราะเตรียมจะไปดำน้ำกันแล้ว แต่กินไปแล้วก็เหมือนไม่ได้กิน เพราะอะไรต้องติดตามต่อภาค 3 ค่ะ  ข้ามกลับมาจากดำน้ำนะคะหลังจากที่พักฟื้นกันเรียบร้อยแล้ว ก็เลยเดินตระเวณราตรีกันซะหน่อย หาดนี้ขอบอกว่าเงียบจริงๆนะคะ ร้านขายอาหารก็มีเยอะอยู่ ฟาสฟู๊ดก็มี   สำหรับมื้อเย็นเราก็เลือกเข้าร้านกุ้งกะทะแบบบุฟเฟ่ โอ้สวรรค์ เต็มที่เลยครับพี่น้องแต่เสียดายไม่ได้ถ่ายไว้ คิดเป็นคนนะคะคนละ 179 บาทไม่รวมเครื่องดื่ม น้ำจิ้มมีให้เลือก 3 แบบ แซบมากค่ะ จบรีวิวอาหารการกินบนเกาะช้าง ตอน 3 จะรีวิวทริปดำน้ำค่ะ ขอบอกว่า มันเป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ รีวิวเที่ยวเกาะช้าง
สถานที่ท่องเที่ยว : เกาะช้าง, ตราด Thailand
พิกัด GPS : 12° 16' 25.31" N 102° 31' 3.03" E
แต่อากาศดีมากๆเลยค่ะ ชอบเลยล่ะ
ช่วยด้วยปูหนีบ
ห้องไม่ได้อยู่ติดทะเลค่ะ เพราะว่าห้องที่อยู่ติดทะเลมันแคบเกินกว่าที่เราจะอัดกันได้ แล้วเราก็ค้นพบว่าห้องอยุ่ติดทะเลก็ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย ตรงนี้คือที่เราจะมากินข้าวเช้ากันค่ะ เป็นบุฟเฟ่ต์ มีข้าวต้มทะเล ปลาหมึก กุ้งเยอะมากก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มีข้าวผัด ไข่ดาว ไส้กรอก สลัด ตามพื้นฐานโดยทั่วไป เจ้าตัวนี้รับแขกดีมากเลยพาเดินเที่ยวด้วย
|
Miss Loso
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
All Blog Friends Blog
Link |
||||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
|||||
