dhamma- addict เสพย์ติดการทำความดี
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
Who are you : เพราะสนใจเพียงแต่ว่าใครอยู่ในห้อง จึงไม่ทันมองเห็นว่านอกห้องมีอะไร SPOIL

หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวจิตวิทยา หากใครที่ดูเผินๆจะมองไม่เห็นว่า หนังเรื่องนี้ได้สอดแทรกตัวละคร 3 คนที่มีพฤติกรรมผิดปกติของมนุษย์หรือมีอาการทางจิตไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการฮิคิโคโมริ ที่หลายๆคนมองว่าหนังเรื่องนี้แทบจะไม่ได้กล่าวถึง

ขอเริ่มด้วยการวิเคราะห์บทตัวละครหลัก

ต้น - เป็นเด็กที่มีบุคลิกเก็บกด อันเนื่องมาจากถูกกลั่นแกล้งทั้งที่โรงเรียน และที่บ้าน โดยมีพ่อที่ตามใจจนเคยตัวและแม่ที่เคร่งครัดระเบียบมากจนน่ารำคาญ เด็กส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แต่เด็กสมัยนี้อาจจะก่อนเข้าช่วงวัยรุ่นด้วยซ้ำที่มักจะต้องการ ความเป็นส่วนตัว อิสระ และการยอมรับจากผู้อื่น โดยไม่ได้คิดว่าสมควรหรือไม่สมควร ถูกหรือผิด เพียงมีความคิดแบบเด็กในวัยนั้นๆว่า หากต้องการก็ต้องได้ และ ถ้าไม่ได้ ก็จะเกิดอาการโกรธ อารมณ์เสีย หรือมากสุดคือ คลุ้มคลั่ง ทำลายข้าวของหรือแม้แต่ตัวเองและผู้อื่น สิ่งที่เราต้องการในตอนนั้นจะดูไร้สาระในสายตาของผู้ใหญ่ แต่ตัวเราในตอนนั้น กลับมองว่าสิ่งนั้นยิ่งใหญ่มาก หากต้องถูกจำกัดสิทธิที่เค้าพึงจะได้ ไม่ว่าจะเป็นความมีส่วนตัว (ห้องนอน) อิสระ ( เล่นเกมส์ โดยไม่สนใจเวลา) การยอมรับจากผู้อื่น (จากเพื่อนฝูงที่โรงเรียน) จะเกิดความไม่สบายใจและกระวนกระวายใจไปจนกว่าจะได้สิ่งนั้นเข้ามาในครอบครอง

ต้นเป็นเด็กที่เก็บกดจากการถูกกดดันในสภาพแวดล้อมทั้งทางบ้านและโรงเรียน ทำให้เค้าพยายามที่จะสร้างโลกที่เค้าอยากจะอยู่หรือโลกสมมุติ หรือ เราจะเรียกว่า โลกอวตาร ขึ้นมา เพื่อสนองความต้องการของเค้า สนองภาพในจินตนาการของเค้าทุกอย่าง โดยการ เล่นเกมส์ต่อสู้ เพื่อเป็นการระบายความเครียดที่ไม่สามารถแสดงออกตามที่ต้องการในสังคมได้ จึงระบายความอัดอั้นและความต้องการแก้แค้นสังคมผ่านการเตะต่อยตัวละครในเกมส์ ส่วนมากปัญหาของเด็กติดเกมส์เกิดจากความไม่พอใจในชีวิตของตัวเอง อยากจะหลงลืมตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง อยากเข้าไปอยู่ในโลกที่ไม่ใช่โลกที่อยู่ในความเป็นจริงซึ่งตัวเค้ารับไม่ได้ สังคมไทยในตอนนี้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคนนว่างงาน สังคมเคร่งเครียดกว่าสมัยก่อนมาก เนื่องจากทุกคนต้องแก่งแย่งกันทำมาหากิน มีการปล้นฆ่าเกิดขึ้นทั่วทั้งสังคมไทย เกิดความเสื่อมโทรมต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ดังนั้นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเด็กสมัยนี้จึงแตกต่างจากสมัยก่อน ต้องเคร่งเครียดจากการเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมเพื่อได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดังๆเพื่อเป็นใบเบิกทางให้ได้งานทำที่ดีในอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ต่างก็ต้องแก่งแย่งกันทั้งนั้น โดยรวมแล้วนั่นคือ เป็นการแก่งแย่งกันเพื่อความอยู่รอดเพื่อชีวิตของตัวเอง

จึงไม่แปลกอะไรที่หนังเรื่องนี้ถึงใส่ประเด็นเรื่องฮิคิโคโมริขึ้นมา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสังคมปัจจุบันที่บังคับเด็กให้ต้องมีพฤติกรรมแบบนี้ ปัจจุบันสังคมไทยยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน ต่างจากญี่ปุ่นที่เกิดปัญหานี้มาก่อน จึงสนใจและเร่งแก้ไขอาการฮิคิโคโมรินี้ เพราะนับวัน จำนวนเด็กที่จะมีอาการนี้ต่างก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ และ ยังไม่รู้วิธีบำบัดอย่างถูกต้อง ซึ่งตัวเราคิดว่า อาการนี้ ใช่ว่าเด็กในไทยจะไม่มีใครเป็น แต่ สังคมได้เพิกเฉยต่อเด็กที่มีอาการแบบนี้ และ ไม่ได้คิดว่าเป็นโรคร้ายถึงขนาดต้องรักษาโดยด่วนจึงไม่ให้ความสนใจและทิ้งไว้จนก่อให้เกิดปัญหาสังคม

ต้นเป็นตัวอย่างของเด็กฮิคิโคโมริ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอาการฮิคิโคโมริเลย แต่จริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ได้อธิบายอาการของเด็กที่เป็นโรคนี้อย่างเด่นชัดและ สาเหตุหรือต้นเหตุของอาการนี้ ฮิคิโคโมริไม่ใช่เป็นเพียงอาการที่เด็กเก็บตัวในห้องไม่ได้ออกไปไหน แต่ยังมีเรื่องของสภาพจิตใจ สาเหตุของปัญหา โดยรวมแล้ว ต้นมีอาการฮิคิโคโมริก็เพราะ ต้นพยายามออกห่างจากสังคม อยากมีโลกส่วนตัว เพราะ เกลียดแม่ เกลียดโรงเรียน และมีอาการทางจิตถึงกระทั่ง ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายถ้าแม่มาก้าวล้ำสิทธิส่วนบุคคล และ เกลียดสังคมจนกระทั่งฆ่าแมวและฆ่าเพื่อนตาย

สิ่งสุดท้าย ซึ่งจะทำให้ต้นกลายเป็นเด็กฮิคิโคโมริโดยสมบูรณ์แบบคือการเก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน แต่ต้นไม่ได้เป็นเด็กฮิคิโคโมริอย่างสมบูรณ์แบบเพราะต้นไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ เป็นเพียงจินตนาการภาพของสินจัยเท่านั้น ตัวจริงต้นตายไปนานแล้ว แต่ลองคิดดูหากต้น ณ เวลานั้นขาดพ่อที่เป็นที่พึ่งเดียวของเค้า โดยการไปอยู่กับแฟนใหม่ ปล่อยให้เค้าอยู่กับแม่เพียงลำพัง ต้นต้องกลายเป็นเด็กฮิคิโคโมริอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน เพราะฮิคิโคโมริที่เกิดกับเด็กญี่ปุ่น เกิดขึ้นจากการที่สังคมญี่ปุ่นมีความเคร่งเครียดที่ต้องแก่งแย่งกันในหน้าที่การงาน โดยต้องทำงานมากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆโดยไม่มีวันสิ้นสุดและแทบจะไม่มีวันหยุด ทุกคนทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง หากหยุดหรือละความพยายาม ชีวิตและความอยู่รอดของครอบครัวก็ต้องจบลงตามไปด้วย ดังนั้น ความเคร่งเครียดจึงได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งสังคมญี่ปุ่นไปตามนโยบายที่ต้องการขยายหรือความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะไปอย่างรวดเร็วจนมีบางคนที่ยอมรับสังคมแบบนี้ไม่ได้บ้างก็ฆ่าตัวตาย บ้างก็ขังตัวเองไว้ในห้อง เพื่อปฏิเสธการมีอยู่ของโลกที่แท้จริง

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

ป่าน-- เป็นตัวแทนของเด็กที่โดนกลั่นแกล้งรังแกแต่เด็กทำให้เป็นคนที่ไม่กล้าเข้าหาคนอื่นและไม่กล้าออกสู่สังคม อาจจะเพราะว่าเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย จากเหตุการณ์ที่มีเพื่อนที่โรงเรียนเอาแปรงลบกระดานมาแกล้งเธอทำให้อาการแพ้ฝุ่นของเธอกำเริบอย่างรุนแรงและไม่สามารถออกจากบ้านและไปโรงเรียนได้อีกต่อไป เมื่อเธอไม่ได้ไปโรงเรียน เธอจึงไม่มีสังคม ไม่รู้ว่าสังคมภายนอกเป็นอย่างไร วิถีชีวิตของคนปกติเป็นอย่างไร เธอจึงทำได้แค่เพียงเลียนแบบจากต้นแบบที่เธอรักและชอบเท่านั้น เช่น การแต่งตัวคอสเพลย์ตามตัวการ์ตูนที่เธอชื่นชอบจากในทีวีหรือคอมพิวเตอร์ แต่งหน้าแม้จะอยู่แค่เพียงในบ้าน มองทุกสิ่งทุกอย่างผ่านกระจก ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนออกมาจากการ์ตูนเพราะเธอนั้นไม่รู้ว่าต้นแบบที่คนปกติทำกันคืออะไร จึงได้แต่ทำตามสิ่งที่ชอบเท่านั้นเอง เหมือนพวกที่บ้าดาราและคลั่งอย่างหนัก จะทำตัวเลียนแบบดารา เพ้อฝันอยากจะเป็นดาราคนนั้น จนทำพฤติกรรมการแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผมให้เหมือนกับดาราที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุด คนเหล่านี้จะเพ้อฝันอยู่ในโลกที่ไม่มีความเป็นจริง ไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง อยากถูกจับจ้องโด่งดัง และ มีชีวิตที่มีความสุขเหมือนในละคร อาจจะเพราะคิดว่าชีวิตตัวเองไม่ได้ดั่งที่ใจตัวเองต้องการก็เป็นได้ จึงอยากมีชีวิตที่สดใสเหมือนอย่างในโลกของอนิเมะหรือโลกในละคร ซึ่งไม่ได้คิดว่านั่นมันไม่ใช่,ดกแห่งความเป็นจริง เป็นโลกที่เพ้อฝันตามจินตนาการของผู้ประพันธ์เท่านั้นเอง

ปมของป่านนั้นมีมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ป่านเป็นโรคภูมิแพ้ทำให้ไปโรงเรียนไม่ได้ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครปรับความเข้าใจเหมือนเราที่เวลามีอะไรไม่สบายใจก็คุยกับเพื่อนปรึกษาเพื่อน แต่ป่านไม่มีใครมีแต่เพื่อนในMSN ที่ไม่เคยหน้ากันจริงๆ ไว้คอยระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจบางอย่างเท่านั้น หรือเรียกว่า ไม่ใช่เพื่อนที่แท้จริงก็ได้ เธอเหลือแต่แม่ แต่แม่ของเธอนั้นกลับไม่ค่อยได้อยู่กับเธอ โกหกเธอว่าออกไปทำงาน แต่แท้จริงแล้วออกไปหาผู้ชาย ซึ่งป่านไม่สามารถยอมรับได้ เพราะ เธอยังยอมรับกับการที่จะมีพ่อใหม่ เหมือนเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันที่ยังคงคิดถึงพ่อจริงๆของตัวเองบ้าง ไม่อยากให้ใครมาแย่งความสนใจของแม่ไปจากตัวเองบ้าง แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน ดังนั้นเธอเลยเก็บกดโดยสังเกตุได้จากการที่เธอชอบกัดเล็บ การกัดเล็บที่เธอทำเป็นนิสัยในเรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่เธอเก็บกดอะไรบางอย่างในจิตใจ แล้วกลายมาเป็นพฤติกรรมกัดเล็บหรือบางคนอาจจะดึงผมโดยไม่รู้ตัว นั่นคือ จิตใต้สำนึกนั้นมีอะไรที่คั่งค้างในใจ จึงทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมนั้นๆมา โดยไม่รู้ตัว และเธอคิดว่าตัวเองเป็นภาระที่หนักอึ้งให้กับแม่ของเธอที่ต้องเลี้ยงดูเธอ ถึงแม้จะโดนให้ออกจากงานไปแล้ว เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอไร้ตัวตนในสังคมไม่มีคุณค่าอะไรในโลกใบนี้ เธอจึงไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป และต้องการที่จะฆ่าตัวตาย

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก


พ่อของต้น(บี๋) จากในตัวเรื่องแม้จะมีฉากของพ่อของต้นเพียงไม่มาก แต่ก็ทำให้เรารับรู้ได้ว่า พ่อของต้นนั้น รักความรุนแรง ทั้งจากการที่ชอบสตาฟสัตว์ไว้ ชอบล่าสัตว์ในป่าเอามาดอง และเอามาตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม ทำให้ไม่มากก็น้อยที่ต้นต้องไปรับอิทธิพลเกี่ยวกับความรุนแรงจากการที่ต้องเห็นพ่อเป็นคนที่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิต ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อความสวยงามและเก็บสะสม อีกทั้งยังซ้อมนิดาอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อรู้ว่าแอบคบชู้ สังคมรอบข้างนั้นมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเด็กเป็นอย่างมาก ซึ่งอยู่ในวัยที่เลียนแบบ หากเป็นผู้ชายจะเลียนแบบพ่อ ผู้หญิงจะเลียนแบบแม่ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ต้นกล้าขู่กรีดข้อมือตัวเอง และ กล้าด่าแม่ด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคายเพียงนั้นกับแม่ ก็เพราะ ต้นได้รับอิทธิพลหรือต้นแบบมาจากพ่อทีรักของเค้านั่นเอง

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

นิดา (สินจัย) แม่ของต้นที่เก็บกดจากการที่ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งกับการเป็นแม่บ้านที่ต้องดูแลทั้งลูกและสามี โดยสามีชอบหนีหายไปจากบ้านหลายวัน เป็นนักสัตววิทยาที่ชอบสะสมและสตาฟสัตว์ป่าในบ้านเต็มไปหมด ซึ่งเธอไม่ค่อยชอบและไม่พอใจ ส่วนลูกชายที่วันๆเอาแต่เล่นเกมส์ไม่ยอมกินข้าว ติดเกมส์จนไม่ยอมอ่านหนังสือไม่ตั้งใจเรียน เกรดต่ำ ทำให้เธอต้องเครียดกับทั้งสามีและลูกที่ไม่ได้ดั่งใจเธอ ประกอบทั้งเธอได้มารู้ว่า สามีของเธอแอบมีเมียน้อย (น่าจะเพราะนิดาเองเป็นผู้หญิงที่ขี้บ่น ไม่เอาใจสามี และยังชอบบังคับคนอื่นให้เป็นในแบบตัวเองต้องการ ) ดังนั้น เธอจึงทนไม่ได้อีกต่อไป ที่เธอต้องมารับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัวคนเดียว แล้วยังต้องถูกนอกใจอีก จึงได้มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับสามีของเธอ และ เรื่องราวทุกอย่างที่เป็นข้อสงสัยว่า ใครอยู่ในห้อง จึงเริ่มต้นขึ้น

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

การทะเลาะครั้งใหญ่ของนิดาและสามีเรื่องสามีมีเมียน้อยเป็นเหตุให้ต้นต้องตาย ทำให้เธอซึ่งรักลูกชายเป็นอย่างมาก ยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีส่วนทำให้ลูกตาย เธอจึงได้เข้าลัทธิหนึ่ง “จีรัง ยั่งยืน” เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ และทำให้ยอมรับความเป็นไปของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบนโลกได้ จากที่เธอได้ไปบำบัดจิต สถานที่แห่งนี้ได้สอนให้เธอรู้ถึงพลังในตัวเอง ว่าคนเราทุกคนสามารถรวบรวมพลังในทั้งจักรวาลมาและนำไปใช้ตามที่ตัวเองนึกคิดได้ เช่น สามารถเอากระดาษตัดดินสอได้ โดยคิดว่า เป็น มีดและแอปเปิ้ล และ หากมีความทุกข์ให้อย่าไปคิดถึง ให้สร้างภาพขึ้นมาใหม่มาว่าเรามีความสุข เราไม่ทุกข์ มีแต่สิ่งที่ดีดีเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่ทุกข์ให้ลืมไปให้หมด อย่าไปคิดถึง แล้วจิตใจจะสบาย ตัวนิดาเองอยากมีความสุขและอยากลบความทุกข์ทิ้งไป ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะ จินตนาการว่า ลูกเธอยังไม่ตาย แต่สามีเธอได้ตายไปแล้ว เพราะสิ่งที่เธอทุกข์คือ ลูกเธอตายแล้ว และ สามีหนีไปอยู่กับเมียน้อย นี่คือการปิดกั้นทางความคิดที่ปิดกั้นความทุกข์เอาไว้และสร้างภาพที่มีความสุขตามที่ตนเองต้องการขึ้นมาแทนที่ ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างจากในสังคมไทยของเราที่มีความเชื่อ เรื่องการสะกดจิต ให้หลงลืมสิ่งที่ไม่อยากจำ และ เรื่องพลังจักรวาล หรือโยเร ที่ต้องการรักษาคนไข้ใกล้ตายด้วยพลังของมนุษย์ ซึ่งบางสิ่งบางอย่างเรามองไม่เห็น มันอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่ ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคลที่จะเลือกเชื่อหรือไม่ และ เราก็คิดว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจาก การเชื่อว่าบุญและบาปมีจริงของศาสนาพุทธ การเชื่อว่า การล้างบาปสามารถทำให้บาปหายไปได้ของศาสนาคริสต์ ฯลฯ เพราะบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ไม่สามารถที่จะอธิบายได้จามหลักวิทยาศาสตร์ได้ทุกเรื่อง ดังนั้น บนโลกใบนี้จึงยังหลงเหลือ ความเชื่อ ความงมงายที่เป็นไสยศาสตร์ทิ่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

ดังนั้นเมื่อนิดาไม่ต้องการให้ลูกเธอตาย เธอจึงเลือกปิดประตูห้องของต้นไปตลอดกาลเพื่อเป็นการปิดกั้นความทุกข์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตของเธอ และได้สร้างความสุขโดยสร้างต้นด้วยพลังจิตของตัวเอง สร้างเรื่องหลอกตัวเองว่าต้นยังมีชีวิตอยู่และอยู่ในห้องตลอดเวลา ส่งกระดาษให้กับเธอแทนการพูดคุย ซึ่งทั้งหมดในทัศนคติของเรานั้นคือ นิดา ใช้พลังจิตสร้างขึ้นมาทั้งหมด ในสิ่งที่นิดาอยากให้เป็น ดังนั้น ต้นคือสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่นิดาสร้างขึ้นมา ทั้ง กายเนื้อ และพฤติกรรม ทุกอย่าง เพราะในร่างนั้นไม่ใช่ต้นแต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตหรือเรียกว่าสัตว์ประหลาดก็ได้ที่นิดาอุปโลกว่าเป็นลูกของเธอและอยู่ในร่างของศพที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น แต่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามจิตที่นิดาสั่ง


ดังนั้นเมื่อใครมาถามถึงสามีและต้น นิดาจึงบอกไปว่า ต้นอยู่ในห้องและสามีได้ตายไปแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์และคำพูดของคนรอบข้างทำให้นิดาเริ่มสั่นคลอนกับความเชื่อของตนเองที่ว่า ลูกเธออยู่ในห้องจริงหรือ จึงทำให้เธอเริ่มถูกอดีตที่ปิดกั้นเอาไว้ในจิตใจตามมาหลอกหลอนทีละนิดๆ ( เรื่องฝันถึงอดีตและภาพสามีที่คอยตามมาหลอกหลอนในมโนความคิดของเธอ) แต่เมื่อเธอเริ่มรู้ตัวเธอก็เริ่มมุ่งมั่นที่จะฝึกจิตของเธอให้กล้าแกร่งต่อไป จนเธอสามารถที่จะสะกดจิตคนอื่นได้ โดยเธอได้สะกดจิตให้ตำรวจไม่สงสัยบ้านของเธอและสะกดจิตป่าน เพื่อให้เธอลืมอาการโรคภูมิแพ้ของตัวเอง


และแม้แต่ใครก็ตามที่จะเข้ามาทำลายความเชื่อมั่นในความเชื่อของเธอนั้นก็จะถูกปิดปากโดยการฆ่าทิ้ง เช่นเดียวกับ โดม เนื่องจากโดมเข้ามาสอดรู้สอดเห็นเรื่องในบ้านของเธอมากเกินไป และ สามีของเธอที่กลับมาเพื่อบอกความจริงกับเธอว่า ต้นตายไปนานแล้ว จึงถูกฆ่าตายด้วยพลังจิตที่เธอทำใส่กระดาษให้เป็นมีดปาดคอตาย

ส่วนป่านที่แอบเข้ามาในบ้านของสินจัยและได้ยินเรื่องราวทุกอย่างทำให้นิดาต้องใช้พลังจิตควบคุมต้นในร่างศพ ให้ตามฆ่าป่านจนป่านตายโดยฝ้าเพดานถล่มลงมาและเศษของตึกได้ตกลงมาเสียบที่ท้องของนิดาทำให้นิดาเกิดอาการช๊อคและคิดว่าตัวเองจะตาย พลังจิตของเธอได้อ่อนแรงลง ร่างที่เกิดขึ้นและทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นด้วยพลังจิตจึงสลายลงไปพร้อมกับเปลือกตาที่ค่อยๆปิดลงของเธอ


images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

ตอนจบของเรื่องนั้นชี้ให้เห็นว่า พลังของนิดานั้นยังไม่จบและเธอก็ยังคงต้องการเพ้อฝันในโลกจินตนาการต่อไป แม้เธอเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าแล้วเธอก็ยังใช้พลังจิตของเธอนั้นสร้างเรื่องหลอกตัวเองต่อไปว่าต้นยังไม่ตาย โดยการส่งกระดาษที่เขียนข้อความที่เธอต้องการมากที่สุดคือ “ต้นรักแม่” เช่นเดียวกับ แม่ของป่านที่เสียใจกับการจากไปของป่านจนไปเข้าลัทธิจีรัง ยั่งยืน ตามคำชวนของนิดา และได้เดินตามรอยของนิดาโดยการใช้พลังจิตแสกป่านขึ้นมาว่าอยู่ในห้องและส่งเศษกระดาษที่มีข้อความว่า “ป่านรักแม่” ทั้ง นิดาและแม่ของป่านเลือกที่จะอยู่อย่างมีความสุขกับสิ่งที่เธอจินตนาการและสร้างขึ้นมาในตอนท้ายมากกว่าความเป็นจริงที่เจ็บปวดและยอมรับไม่ได้

หนังเรื่องนี้บอกเล่าสังคมในปัจจุบันที่มีความเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก หลายต่อหลายครอบครัวในสังคมไทย มีครอบครัวที่เป็นแบบนี้จำนวนไม่น้อย คือครอบครัวแตกแยก ครอบครัวที่แต่ละคนมีความคิดความต้องการแตกต่างกัน ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกัน เกิดเป็นภาวะความเครียดและกดดันขึ้นในบ้าน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการระบายออกแตกต่างกันไป บางคนเลือกทิ้งปัญหา มองข้ามไม่สนใจปัญหา บางคนเลือกที่จะไม่นึกถึงเก็บปัญหาไว้ในจิตใต้สำนึก บางคนแสดงออกด้วยความก้าวร้าวรุนแรง อาจจะลงกับสิ่งของ ร่างกายตัวเอง หรือ ชีวิตของผู้อื่น ตามหน้าหนังสือพิมพ์มีมากมายที่มีปัญหาเกี่ยวกับเด็ก วัยรุ่นและ ผู้ใหญ่ ปัญหาเหล่านี้มาจากการที่สังคมมีความเคร่งเครียดในหน้าที่การงาน คนรอบกายหรือ เงิน ทำให้เกิดอาการเครียดและระบายออกมา หากระบายอย่างถูกวิธีก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่หากระบายไม่ถูกวิธีก็จะทำให้เกิดเป็นปัญหาสังคมเยี่ยงปัจจุบัน หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาครอบครัวกับวิธีการจัดการปัญหาที่ไม่เหมาะสม การ ชอบความรุนแรงของเด็กที่ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์แนวต่อสู้ ในปัจจุบัน ลองสังเกตว่าเด็กอยู่ที่ร้านเกมส์หรือหน้าจอคอมมากกว่าอยู่ในโรงเรียน ดังนั้น สิ่งที่เด็กคิดว่าคือที่อยู่ของเค้าจริงๆก็คือโลกในเกมส์ ได้สนุกสะใจกับการต่อยตีหรือฆ่าคู่ต่อสู้ในเกมส์ให้ตาย หากเด็กคนไหนที่สามารถแยกแยะโลกในเกมส์และโลกความเป็นจริงได้ ก็คงไม่มีปัญหาสังคมมากมายขนาดนี้ แต่เด็กส่วนใหญ่นั้น เนื่องจากวุฒิภาวะยังไม่เพียงพอ ทำให้ แยกระหว่างโลกในเกมส์และโลกความเป็นจริงไม่ได้ จึงลุกขึ้นมาทำร้ายหรือเข่นฆ่าคนในสังคม โดยให้ความรู้สึกว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับคนร้ายหรือศัตรูในเกมส์อยู่ แสดงว่า ตัวเค้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง แต่ในความคิดหรือจิตของเค้าอยู่ในโลกของเกมส์

ฉะนั้นเรื่องนี้นำเสนอปัญหาของคนที่มีปัญหาจากการที่ไม่ยอมรับตัวตนของตัวเองที่อยู่บนโลกใบนี้ ทำให้มักจะจินตนาการ หรือ ฝันตามสิ่งที่ตนเองต้องการอยากจะเป็น และกระทำตามใจตัวเองหรือใช้สิทธิโดยไม่คำนึงถึงว่า จะเกิดผลกระทบต่อตนเองหรือคนรอบข้างในสังคมอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำอย่างที่สุดในการอยู่ร่วมกันในสังคมก็คือ ยอมรับในทุกสิ่งในสังคมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะรับในสิ่งที่ดีและจัดการกับปัญหาเมื่อเกิดในสิ่งที่แย่ตามมา หากเราหนีปัญหาเหมือนนิดาในเรื่องแล้ว ปัญหามันไม่มีวันหายไป แค่เราห่างไกลจากปัญหา ณ เวลานั้นเท่านั้น ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง หากเรายังไม่จัดการกับปัญหานั้นให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ สักวันปัญหานั้นก็จะตามมาถึงเรา และทำให้เราต้องเผชิญปัญญานั้นโดยไม่มีวันจบสิ้น ก็เหมือนกับนิดาที่ไม่มีวันหนีพ้นความจริงที่ว่า ลูกตายไปแล้ว จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่เธอจำต้องฆ่าทุกคนเพื่อให้ยอมรับถึงการมีอยู่ของลูกชายและ เพื่อให้เธอได้อยู่บนโลกใบนี้ที่มีลูกชายอยู่ด้วยต่อไป

images by uppicweb.com
Thanks: ฝากรูปฟรี รับทำเว็บไซต์ราคาถูก

หากทุกคนในสังคมยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นป่าน แม่ของป่าน นิดา หรือ ต้น หากพวกเขากล้าที่จะเผชิญกับปัญหา และ กล้าที่จะต่อสู้กับปัญหาโดยไม่มองข้ามหรือหลีกหนีปัญหาเหล่านั้น เปิดอกคุยกันในสังคม ปรับความเข้าใจกัน ปรับตัวเข้าหากัน พยายามเป็ฯต้นแบบที่ดีให้กับลูก พึงระลึกเสมอว่าลูกเป็นเด็กและจะซึมซับทุกอย่างของพ่อและแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่ไหนก็ตาม การละเลยและเพิกเฉยต่อการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของตนเองนั้น มีผลต่อลูกอย่างเด่นชัด เพราะเด็กไม่สามารถคัดหรือแยกระหว่างสิง่ที่ดีและไม่ดีออก ดังนั้นเด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่และบุคคลใกล้ตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจากคนธรรมดาไม่มีพันธะอะไรใดๆ ต้องกลายเป็นพ่อหรือแม่คน จำต้องเรียนรู้และใส่ใจผลกระทบพฤติกรรมของตนเองมากกว่านี้ และที่สำคัญ เรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองและสังคม ส่วนลูกก็ต้องเรียนรู้หน้าที่ของตัวเองคือการตั้งใจเรียนและเคารพพ่อแม่ ไม่หาเรื่องหนักใจให้ท่าน อ่อนน้อมต่อพ่อแม่ หากทุกคนในสังคมปฏิบัติได้อย่างนี้ เรื่องอย่างในหนังคงจะไม่เกิดขึ้น สังคมในปัจจุบันก็คงไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งถึงการไม่เข้าใจกันเหมือนอย่างทุกวันนี้ และอาการฮิคิโคโมริคงไม่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน

จากหัวข้อเรื่องที่ได้เขียนไว้ว่า หากเรามัวแต่สนใจอะไรที่อยู่ในห้อง ก็เหมือนการยึดติดและสนใจเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือสนใจแต่ตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนใจว่านอกห้องหรือคนรอบข้างในสังคมนั้นเป็นอย่างไร โลกเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ก็จะทำให้เราไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับคนในสังคมปกติได้ และไม่สามารถที่จะเป็น “มนุษย์” ที่นิยามกล่าวไว้ว่าคือ สัตว์สังคม ได้อย่างแท้จริง หากเราสนใจแต่ตัวเอง ไม่ยอมรับสังคมรอบข้างแวดล้อมตัวเราแล้วนั้น เราก็คงไม่ต่างอะไรจากตัวประหลาดในเรื่องนี้ที่เก็บตัวเองอยู่แต่เพียงในห้อง และนิดาที่ไม่ยอมรับความจริงว่าลูกเธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ไม่ยอมรับความเห็นหรือความเปลี่ยนไปบนโลก เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ มีแต่คนที่ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจกัน ไม่เคารพสิทธิของคนอื่น อยากจะทำอะไรก็ทำตามใจฉัน คงไม่ต่างอะไรกับ คนที่อาศัยบนพื้นที่แผ่นดินเดียวกันเท่านั้น แต่ไม่ใช่เพื่อนร่วมโลกตามที่ใครๆเข้าใจอีกต่อไป

และแท้จริงแล้วคนที่ถูกกักขังอยู่ในห้องนั้นก็ไม่ใช่ต้นหรือคนอื่นใด จริงแล้วคือตัวนิดาเอง ที่ปิดการรับรู้ความจริงจากโลกภายนอกมาตลอดตั้งแต่ลูกตายจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นไม่ว่าตัวนิดาจะอยู่ทีไหน จะเดินออกไปนอกบ้านหรืออยู่นอกห้อง แต่จิตใจของเธอนั้นยังคงจดจ่อหรือยึดติดแต่สิ่งที่อยู่ในห้องอยู่ตลอด ฉะนั้น คำถามจากหน้าหนังที่ว่า ใครในห้อง -- คนที่อยู่ในห้องมาตลอด 5 ปีนั้น คือ ตัวนิดานั่นเอง


และจากเรื่องนี้หากใครที่สนใจแต่อะไรที่อยู่ในห้อง ในห้องมีใคร ตามชื่อหนังว่า who are you ก็คงจะไม่ได้สาระอะไรใดๆจากหนังเรื่องนี้ เพียงมองแค่ว่า ในห้องมีตัวประหลาดอะไรดูไม่สมเหตุสมผลและหลงลืมมองข้ามสิ่งที่แทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง หรือ นอกห้องที่ผกก.ต้องการจะสื่อ หนังเรื่องนี้ก็คงไม่แตกต่างอะไรจาก หนังเพ้อฝันจินตนาการทั่วไป แต่หากมองและสนใจสิ่งที่อยู่นอกห้องมากกว่าในห้อง คุณจะพบว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนปัญหาสังคมอะไรมากมายที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คุณคิด

แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้ก็ยังผูกปมไม่ราบรื่นเท่าไหร่ มีตกหล่นบ้าง ตัวละครบางตัวขาดหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุบ้าง แต่เรื่องนี้สำหรับเราถือว่าเป็นความกล้าที่แปลกใหม่ ยกประเด็นเรื่องนี้มาสะท้อนสังคมได้อย่างดีพอควร แม้จะไม่ดีถึงที่สุด แต่ก็ยังให้ข้อคิดมากกว่าหนังไทยส่วนมากที่เน้นความตลกและหาสาระใดๆแทบจะไม่ได้

ให้คะแนน 8/10



Create Date : 02 มีนาคม 2553
Last Update : 3 มีนาคม 2553 14:50:27 น. 40 comments
Counter : 2960 Pageviews.

 
วิเคราะห์ได้ดีค่ะ แตกต่างจากที่อื่นๆที่มองเพียงผิวเผิน แล้วมองว่ามันดูตลกไร้สาระ


โดย: Special :"P (Sailovenok) IP: 112.142.86.93 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:17:45:57 น.  

 
เขียนได้ดีมากเลยครับ


โดย: chiori IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:17:55:33 น.  

 
วิเคราะห์ได้น่าสนใจ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:17:57:49 น.  

 
มุมมองต่างจากหลายคนค่ะ เขียนได้ดีมากๆ เราเองก็ไปดูมาเหมือกนกัน


โดย: sakana's world วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:18:10:45 น.  

 
ชื่นชอบ และตามอ่านผลงานมาตลอดครับ

จะรอบทความต่อไป
นะครับ

ขอบคุณครับ


โดย: ning(vitara) IP: 118.172.99.1 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:1:19:03 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะที่ตั้งใจทำมาให้อ่าน
ยังไม่มีโอกาสได้ดู แต่อยากรู้มากว่าเรื่องราวเป็นมายังไง
หลังจากตามอ่านมาจากหลายๆที่แล้วยังคลุมเครือ พอมาอ่านที่นี่แล้ว แจ่มมากค่ะ ยกนิ้วให้ จริงๆ
จะรออ่านผลงานต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ เสมอค่ะ


โดย: Sunshine IP: 75.56.205.242 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:13:33:09 น.  

 
เอ่อ.. พี่เจ้าของบล็อกคะ
คือว่าพี่เอาชื่อมหาลัยออกจากโปรไฟล์ได้ไหมคะ?
แบบว่าอายแทนมหาลัยน่ะค่ะ

คือพี่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากอ่ะค่ะ
ไม่อยากให้คนที่เรียนที่อื่นเค้าเหมารวมว่าเด็กมหาลัยท็อปๆนี้ อีโก้สูง หยิ่ง ติ่ง ไร้สมอง บ้าสถาบันอ่ะค่ะ

ขอความกรุณาด้วยนะคะ


โดย: ทนเห็นไม่ได้ IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:18:53:35 น.  

 
ถึงอิโง่ที่ใช้ชื่อว่า ทนเห็นไม่ได้




มึงอะควายมาก ถ้าบอกว่าแม้แต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ไม่เคยได้รับการศึกษามา





ดิฉันก็เชื่อนะคะ ไม่เคยได้ดูเลยใช่ไหมว่า ถ้ามึงโพสคอมเม้นท์แบบ non-member


มันจะโชว์ IPเต็มๆ อิควาย


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=inlover&group=4



ชมตัวเองอยู่ได้ ไม่รุจะด่าว่าอะไร รู้ตัวแล้วรีบไปไกลๆเหอะ



มายืนยิ้มร่า เคี้ยวหญ้าโชว์เขาคู่ อยู่ได้ สังเวช


ปล.ถ้าหยาบไป เจ้าของบลอค กรุณาลบได้เลยเลยนะคะ คือ ทนเห็นคนแบบนี้ไม่ได้จริงๆ


โดย: หนูกำไล วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:9:31:06 น.  

 
^
^

ไม่ทราบบอกตรงไหนว่าบ้าสถาบัน น้องมากกว่าที่เข้าไม่ได้แล้วมาพาลใส่พี่ พี่ไม่ได้อวดอ้างสถาบันอะไรเลย ก็มันคือโปรไฟล์จะลงมันก็เป็นสิทธิของพี่ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้อวดอะไรเสียหน่อย ไม่ได้เขียนมันในทุกหัวข้อสักหน่อยวาเพราะฉันจบจากที่นี่ทำให้ฉันมีปัญญาแบบนี้ มันก็แค่โปรไฟล์จะใส่ใจอะไรมากคะ น้อง สถาบันไม่ได่สอนให้คนเป็นแบบไหนหรอก ไม่ต้องมาอายแทนสถาบัน ที่น้องอายเพราะยึดติดกับสถาบันและมองว่ามันสูงส่งเองต่างหาก ส่วนตัวพี่ไม่ได้อะไรกับสถาบันอยู่แล้วเวลาว่าใครก็ว่าที่คนๆนั้นไม่ได้ดูว่าจบอะไรมาจากไหน

พี่ว่าน้องกลับบ้านไปทบทวนตำราเรียนดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องมาน้องเป็นติ่งหูไง เปลี่ยนตัวเองเพื่อไม่ให้มีใครมาว่าได้ไม่ดีกว่าเหรอ อีกอย่างไม่รู้ตามมาจากไหนนะ เดาว่าเรื่องนิวมูน เฮ้อ ปกป้อง นิยายเพ้อฝันยิ่งกว่าพ่อแม่ ใครกันแน่ไม่รู้จักคิด

อันว่าบล๊อคเราไม่ได้ทำเป็นบล๊อคคุณภาพอยู่แล้ว เราก็คนธรรมดาไม่ได้สมัครเป็นสส.จึงไม่จำเป็นต้องส้รางภาพ ฉะนั้นใครจะว่าอะไรอย่างไรว่าบล๊อคไม่คุณภาพก็ตามแต่ใจเถิด เพราะ จขบ.นั้นทำเพื่อสนองนี๊ดตัวเองและเพื่อคนที่ชอบดูหนังประเภทเดียวกันเท่านั้น


โดย: dfh IP: 58.136.51.123 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:10:25:22 น.  

 
หนูกำไลจ๋า..

หนูกลับบ้านไปเคี้ยวหญ้าเถอะลูก
ไอ้บล็อกที่หนูว่ามานะ ไม่ใช่ของฉันนะจ๊ะ

และเน็ตของฉันมันจะแรนดอมไอพีใหม่ทุกครั้งที่ต่อด้วย

ฮิฮิฮิ

ขำคนโชว์โง่ว่ะค่ะ


โดย: ทนเห็นไม่ได้ IP: 58.11.75.247 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:08:52 น.  

 
เอ่อ แล้วดิฉันก็ไม่ได้ชมตัวเองเลยซักคำนะคะ มีแต่เจ้าของบล็อกนะแหล่ะ อิอิ


โดย: ทนเห็นไม่ได้ IP: 58.11.75.247 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:19:42 น.  

 
ถึงพี่เจ้าของบล็อกนะคะ
ดิฉันไม่เคยอ่านไอ้แสงอัสดงซาก้านั่นหรอกค่ะ หนังก็ไม่เคยดู เคยแต่อ่านบทวิจารณ์ของต่างประเทศ แล้วมาอ่านเจอบทวิจารณ์ของคุณ อืมม แบบว่า..


โดย: ทนเห็นไม่ได้ IP: 58.11.75.247 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:21:35 น.  

 
หนูชอบมุมมองการมองหนังของพี่น่ะค่ะ
คนอื่นจะว่ายังไง
ก้อเป็นเรื่องของเค้า คิดเหมือนกันหมดก้อน่าเบื่อสิค่ะ

อ่านคุณ ทนเห็นไม่ได้แล้วขำ ดีค่ะ กิกิ
คุณดูน่าสงสารมากเลยค่ะ


โดย: siren IP: 202.12.74.254 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:14:14:20 น.  

 
ออ จบจากนิติ มหาลัยเดียวกัน ก้ไม่แปลก มหาลัยที่ไหนก็มีคนหลากหลานประเภท ไม่จำเป็นต้องเป็นประเภทเดียวกันเสมอไป อีกอย่าง อายสถาบัน กลัวสถาบันโดนดูหมิ่น แสดงว่า เป็นพวกอวยสถาบันตัวเองนั่นเอง ไม่มีใครเค้ามาด่าว่าสถาบันเพราะว่าการทำตัวของนักศึกษาบางคนหรอกนะ คิดได้ อย่าเอาตรรกะแปลกๆมาใช้หน่อยเลย อีกอย่าง อย่าเหมารวม การที่เราสอบเข้าธรรมศาสตร์เอกจิตไม่ได้หมายความว่า เอนท์ไม่ติด จุฬาหวะ เพราะว่าอยากเข้า และเลือกเอง เพราะชอบธรรมศาสตร์ อีกทั้งชอบคณะนี้ที่ธรรมศาสตร์ ส่วนคุณจะมาอวดว่าเข้านิติตรงได้อย่างนั้นเหรอ อยากอวดว่าเข้าได้ก็อวดไปไม่ว่ากระไร แต่อนาถแทนจริงๆ สงสัยคิดว่าตัวเองเก่งมาก หละสิ ขอโทษเถอะนะ อยากเล่นเวปดราม่าอะไรก็เล่นไป อยากชอบอะไรแบบนันก็ชอบไป แต่อย่าพยายามมาก่อเองดีกว่า ไร้สาระ จบตั้งนิติ เสียดายความรู้หมด ทำมาเป็นอายสถาบันๆ คนอื่นเค้าไม่โยงตรรกะโง่ๆแบบนี้เหมือนคุณหรอกขอบอก มีคุณคนเดียวแหละที่คิด และอาจจะเคยทำ ฉะนั้นเลยกลัวคนอื่นเค้าทำ ตลกสิ้นดี

ขอโทษนะ อย่าได้คิดว่า เราจะยอมรับตรรกะบ้าๆอะไรแบบนี้ ไม่เอาออก ไม่ได้เอาไว้เพราะจะอวดอะไร แต่มันคือโปรไฟล์และเป็นเรื่องจริง และไม่ได้เห็นว่าสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับความเห็นสักเท่าไหร่ ฉะนั้น ไม่เอาออก ใครจะทำไมเหรอ


โดย: dfh วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:14:58:08 น.  

 
คือผมดูหนังจบก็งงเต็ก เลยไปอ่านวิจารณ์ของคนอื่นมาเยอะเหมือนกัน ผมว่าของคุณนี้แหล่ะสมเหตุผลสุดล่ะ เรียนคณะไหน สถาบันไหนหรอ วิเคราะห์ได้เก่งจัง
เคยอ่านของอีกคนมุมมองแปลกดีเค้าบอกว่า นิดาอยู่รพ.บ้าตั้งแต่ลูกตายแล้ว และเรื่องทั้งหมดคือจินตนาการของป่าน และป่านเป็นเด็กผู้ ช

แต่ผมว่าของคุณดูสมเหตุผลกว่า ติดที่ผู้กำกับทำไมให้นิดารอดชีวิตเฉยเลยทั้งที่โดนเสียบซะขนาดนั้น และไม่น่าให้จินตนาการเช่นต้น เดินได้เลย มันไม่ค่อยสมจิงอ่ะ แล้วขอถามอีกอย่างทำไมตาลต้องเป็นผู้ ช ด้วยอ่ะ งง

ขอบคุณที่เขียนกระทู้ดีๆน่ะคับ


โดย: ddd IP: 125.24.153.85 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:4:37:33 น.  

 
เคยคิดเหมือนกันว่าทั้งเรื่องอาจจะเป็นนิดาคิดทั้งหมด แต่ถ้ายิ่งคิดแบบนั้นจุดที่ไม่สมเหตุสมผลจะเยอะมากกว่านี้อีกค่ะ อีกอย่างเรื่องนี้เราว่าเป็นตามนี้แหละ

ส่วนที่บอกว่าตาลเป็นผช. ไม่ใช่นะคะ ตาลเป็นผญ ค่ะ อีกอย่างตาลก็ตายตั้งแต่โดนฝ้าทับลงมาในบ้านของนิดาแล้ว คือ นิดาควบคุมร่างต้นให้ฆ่านิดา

ตอนท้ายที่มีคนปิดตาทรงผมเดียวกับนิดาคือหนังตั้งใจหลอกคนดูว่าตาลยังไม่ตาย แต่พอเปิดผ้าปิดตาออกจึงรู้ว่าไม่ใช่ โดยที่บอกอีกว่า แม่ของตาลก็ได้เข้าลัทธินั้นๆ เหมือนกัน และ ได้ทำกับตาลเหมือนที่นิดาทำกับต้น และ ก็จะกลายเป้นวัฏจักรวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีคนไปเข้าลัทธินี้และนำความเชื่อหรือหลักคำสอนที่มุ่งหวังให้คนมีความสุขบนโลกในจินตนาการของตัวไปใช้แบบผิดๆ ก้จะเกิดเหตุการณ์แบบนิดาขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันจบสิ้น

และที่เค้าไม่ทำให้นิดาตายก้เพราะว่า เค้าจะสื่อว่า เรื่องราวยังไม่จบ หนังเรื่องนี้ยังคงมีภาคต่อ หากนิดายังไม่แก้ปัญหาด้วยการยอมรับความจริง เหตุการณ์เลวร้ายย่อมเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน แต่จะเกิดเมื่อไหร่เท่านั้นไม่มีใครรู้

จริงๆเรื่องคาวามเชื่อแบบนี้มีอยู่จริงในสังคมไทยนะคะ แต่ถึงกับใช้พลังจิตส้รางตัวประหลาดขึ้นมาก็โม้เกินไป แค่เพียงรักษาโรคได้ หรือ ทำให้ของเคลื่อนไหวได้เท่านั้น อย่างโยเร ก็สอนพวกพลังจักรวาล ซึ่งถ้าคนใช้นำไปใช้ในทางที่ถูกใช้โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับชีวิตคนอื่น ก้ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าใครก้าวล้ำสิ่งที่เกินสิทธิของคนพึงจะมี ก็จะทำให้เกิดเป็นโศกนาฏกรรมอย่างเช่น นิดาในเรื่องได้

หนังเรื่องนี้นอกจากสะท้อนเรื่องสังคม การแก้ปัญหาโดยหันไปพึ่งพาในลัทธิต่างๆ การนำหลักความเชื่อไปใช้ในทางที่ผิด

จริงๆเรื่องนี้มีอะไรอีกเยอะมาก แต่ไม่สามารถนำมาเขียนได้หมด ชอบหนังแบบนี้ค่ะ สามารถต่อยอดความคิดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ถามมาอีกได้นะคะ จริงๆเมื่อวานไปดูหนังรอบสื่อเรื่องนาคปรก เจอคนที่แสดงเป็น เจ้านายของสตาร์บัค ที่เป็นกระเทยหนะค่ะ จริงๆเค้าเป็น 1 ในผกก. เรื่องตายโหงด้วย


โดย: dfh วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:11:01:31 น.  

 
ตอบได้เยี่ยมครับ ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังมั่วๆ แต่หลังจากอ่านของคุณแล้ว ถือว่าเป็นหนังเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่งเลยคับ

thank you


โดย: ddd IP: 125.24.153.85 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:19:43:50 น.  

 
ชอบสุดๆค่ะ


โดย: AnnK IP: 203.144.144.164 วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:19:47:48 น.  

 
แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับว่าแม่ของป่านจะรักลูกได้ขนาดที่สามารถจิตภาพเพ่งพลังจิต สร้างป่านเทียมขึ้นมาได้ เพราะจากเนื้อเรื้องแล้ว แม่ของป่านไม่เคยสนใจลูกเลยแม้แต่น้อย กระทั้งปล่อยลูกให้อยู่บ้านคนเดียว กินคนเดียว แต่ตัวเองกลับไปมีความสุขกับสามีใหม่จนลูกอยากจะคิดฆ่าตัวตาย มีอยู่ฉากเดียวมั้งที่ดูฝืนๆๆ พาป่านไปหาหมอที่มีคนแนะนำมา ส่วนนิดาภาพพลังจิตที่นิดาสร้างขึ้นจะต้องอยู่ได้อีกสองชั่วโมงหลังจากการตายหรือหมดสติอะไรก็แล้วแต่(จากเนื้อเรื่องเล่าที่ผู้ชายแปลงเพศแล้วมีลูกได้)ส่วนเรื่องที่จะหลอกคนดูว่่าป่านยังไม่ตาย ผมว่าใช้ผู้หญิงจริงก็ได้นะครับ ไม่เห็นต้องเป็นกระเทยหรือไรเลยคนดูจะได้ไม่งงด้วย แล้วตอนจบที่นิดาอยู่โรงพยาบาลบ้า ผมว่ามันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่คนมีภาวะจิตเภทจะสามารถบังคับพลังจิตให้แนวแน่และมีพลังมากขนาดเกิดเป็นจินตภาพได้ขนาดนั้น


โดย: หางอึ่ง IP: 203.144.144.164 วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:22:11:40 น.  

 
พี่เจ้าของบล๊อกวิจารณ์ได้เยี่ยมสุดๆเรยคัฟ ว่าแต่อิห่า ทนเห็นไม่ได้ นี่น่าเอาตีนยัดปากมันนะคัฟ


โดย: LIBERATE IP: 74.86.222.81 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:13:07:00 น.  

 
วิเคราะห์ได้ถึงแก่นจริงๆค่ะ ไม่เคยได้อ่านบทวิเคราะห์อีกแง่แบบนี้จากเวปอื่นเท่าไหร่

จริงๆพออ่านแล้วก็เริ่มเห็นว่าหนังอาจจะพยายามสื่อตรงส่วนที่คุณวิเคราะห์นั้นออกมา แต่น่าเสียดายที่ถ่ายทอดและสื่อออกมาไม่ดีพอและไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้คนดูรู้สึกได้ เราดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่แนบเนียนแล้วเหตุผลในเรื่องก็เชื่อได้ยาก มันพิสดารเกินไปนิด พอจบแล้วกลับรู้สึกเหมือนไม่ได้อะไรเลยทำให้ถูกมองว่าเป็นหนังไม่ดีอย่างช่วยไม่ได้



โดย: blue IP: 118.173.224.226 วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:15:50:21 น.  

 
ประเด็นเรื่องฮิคิโคโมริ นี่ในหนังแทบไม่พูดถึงเลยนะครับ
ซึ่งผิดกับ ตย.หนังมากๆ ดูแล้วเซ็งอย่างแรง โชคดีที่ดูในเนต
ไม่ต้องไปเสียค่าโง่ดูหว่ะ 55+


โดย: สลน. IP: 125.24.123.107 วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:16:05:20 น.  

 
วิเคราะห์จิตใจตัวละครเก่งมาเลยครับ เรียนทางด้านนี้หรือเปล่าครับ


โดย: Ghoeby IP: 112.142.10.45 วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:17:55:07 น.  

 
เจ้าป้า dfh สุดยอดค่ะ

วิเคราะห์ได้ถึงแก่น ชอบคนแบบนี้อ่ะ

ป้าเป็นคนตรงดีนู๋ชอบ ^^

สู้ต่อไปนะเจ้าป้า 0.0 อิอิ

ว่าแต่ อิทนเหนไม่ได้ มานแค้นไรเจ้าป้าอ่ะ -.-

บ้าป่าว...


โดย: นิ้ง IP: 118.174.3.163 วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:19:44:25 น.  

 
เจ้าป้า dfh สุดยอดค่ะ

วิเคราะห์ได้ถึงแก่น ชอบคนแบบนี้อ่ะ

ป้าเป็นคนตรงดีนู๋ชอบ ^^

สู้ต่อไปนะเจ้าป้า 0.0 อิอิ

ว่าแต่ อิทนเหนไม่ได้ มานแค้นไรเจ้าป้าอ่ะ -.-

บ้าป่าว...


โดย: bimon IP: 118.174.3.163 วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:19:44:32 น.  

 
หนังห่วยก็คือหนังห่วย
ถ้าจะเสนอประเด็นไรถ้าจะส่งสารไรแล้วคนดูไม่เข้าใจ ก็คือห่วย จบ....


โดย: jackkyg IP: 124.157.173.67 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:2:11:15 น.  

 
เขียนได้ดีมากๆค่ะ....

ได้ไปดูมาแล้ว แต่ไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่ (แต่ก็ดูฮะฮะ) ดูแล้วหดหู่เล็กๆ
บางจุดดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจมาก พอมาอ่านวิเคราะห์ของคุณเลยเข้าใจมุมมองมากขึ้นค่ะ

บางคนอาจเข้าใจว่าเป็นหนังผี เลยยึดติดกับอะไรก็ตามที่อยู่ในห้องอย่างที่เจ้าของบล๊อคว่า ... เหมือนเพื่อนเราอ่ะ ไปดูด้วยกันออกมานั่งบ่นใหญ่

ขอบคุณที่เขียน blog ดีๆ แล้วจะเข้ามาอ่านอีกค่ะ


โดย: MJ_CHIC วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:10:05:08 น.  

 
งงกะบางความเห็น เขียนวิจารณ์หนังดันตามมาจวกเพราะไม่ชอบขี้หน้าส่วนตัว เจริญละ -..-


โดย: แอบชอบนะครับ IP: 210.213.58.194 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:8:12:29 น.  

 
เพิ่งดูมาเมื่อกี้ค่ะ ยังงงๆอยู่เลย แต่จำได้ว่าคุณ จขบ ได้วิจารณ์เรื่องนี้ไว้เลยเข้ามาอ่านอีกรอบนึง

ขอบคุณนะค่ะ

แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของหนังเค้าคิดเหมือนจขบรึป่าว แต่ จขบ เขียนวิจารณ์ได้ดีมากๆ

ขอบคุณอีกครั้งนึงนะค่ะ

^^


โดย: IBeNes IP: 124.121.11.69 วันที่: 28 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:17:38 น.  

 
ในความรุ้สึกผมว่าหนักไม่ดีนะ เพราะหนังคือการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ปัญหาคือ สื่อแล้วคนดูส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องจะทำมาเพื่อ? เหตผลมันขัดแย้งในตัวเองสูงเกินไป
ถ้าต้องการหนักแหวกแนวสุดๆ งง กันแหลก ก็ต้องยอมรับว่าคนดูย่อม ก่นด่าตามหลังามาแน่นอน
ในความรู้สึกผม หนังที่ดีควรดูแล้วจบในตัว
คนดูสามารถคิดได้เองด้วยตรรกะ ที่เรียบง่ายแต่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงได้
คนดูหนังดูแล้วพอออกจากโรงคงอยากได้อะไรติดไปบ้าง
ไม่ใช่ดูแล้ว งง หรือ ดูแล้วต้องมาถามว่าตัวเองมานั่งทำไรอยู่ตั้งสอง ชั่วโมง


โดย: โอ๊ต IP: 125.27.88.197 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:21:51 น.  

 
ฮิคิโคโมริ ใช่ไหม ถึงได้ใช้ภาษาได้เข้าใจ และบ่งบอกตัวตนของคนที่เป็นฮิคิโคโมริ ได้ชัดเจน


โดย: คุณก็คือ.. IP: 58.64.80.95 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:51:43 น.  

 
เจ้าของเค้าก้อพูดดีดีแล้ว

ไม่ชอบแล้วมาอ่านทำไม ..


โดย: อะไรกันว่ะ IP: 118.172.50.160 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:04:22 น.  

 
พี่เจ้าของค๊ะ

ไม่ต้องไปแคร์


โดย: อะไรกันว่ะ IP: 118.172.50.160 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:05:53 น.  

 
ใครบอกใช้ผู้ชายแทน ป่าน ดูไม่ออกเหรอ ว่าเป็นผู้หญิง อ่ะ

น่ารักด้วย


โดย: masi IP: 58.137.36.195 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:19:37:55 น.  

 
ตอนนี้เข้าใจระดับนึงแล้วครับ ว่าเหตุผลของเรื่องมหัศจรรย์ ต่างๆ เป็นไปตามเรื่องของหนังจริงๆ
แต่ สงสัย 2 เรื่อง ที่มันขัดแย้ง ครับ

1. สินใจ ฆ่าลูกตาย ทำไมไม่ไปอยู่ในคุก
2. ทำไมอยู่ดีๆ พ่อ มา วันนั้น โดยที่ไม่ได้มาตั้ง 5 ปีแล้ว คือมาเหมือนถูกนัดให้มา

ใครตอบได้ ช่วยหน่อยครับ


โดย: masi IP: 115.31.163.165, 117.121.208.2 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:19:38:42 น.  

 
^
^
ตอบข้างบนค่ะ

1. สินใจต้องไปอยู่ในรพ.บำบัดรักษาโรคทางจิตให้หายก่อนค่ะ เหมือนเวลาคนที่เป็นโรคจิตโรคประสาท จะต้องเข้ารับการรักษษตัวที่รพ.ศรีธัญญาก่อนแล้วค่อยดำเนินคดีต่อไป

2.สำหรับเรา มองได้ 2 แง่ 1).ไม่มีเหตุผล แค่ต้องการให้เปิดเผยความจริงเท่านั้น 2).คือ ถ้าหากพ่อไม่มาในวันนี้ก็คงไม่ได้เปิดห้องปริศนานั้นว่าใครอยู่ในห้อง ถ้าเดาแบบมีเหตุผลและหลักการ ขอเดาว่า ตอนที่เห็นท่าทางของพ่อที่รีบเดินตามสินจัยเข้ามานั้น น่าจะรู้อะไรบางอย่าง ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนไม่ได้มาเยี่ยม แต่มาเพราะรู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในบ้านจากคำบอกเล่าของคนอื่นมากกว่า อาจจะมีเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อันนี้ก็จินตนาการกันไปล้วนๆ เพราะ ในหนังไม่ได้บอกเอาไว้


โดย: dfh วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:9:52:50 น.  

 
วิเคราะห์ได้ดีจริงๆเลยค่ะ


โดย: B IP: 114.128.137.151 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:22:59:19 น.  

 
วิเคราะได้ดีมากครับ ขอบคุณครับ
(ดูเมื่อกิ..)


โดย: dik IP: 110.77.143.218 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:3:17:25 น.  

 
วิเคราะห์ดีมากเลย อ่านแล้วเข้าใจง่ายดี ได้แง่มุมที่ไม่เคยมอง


โดย: moonoy IP: 180.180.124.137 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:58:49 น.  

 
ชอบการวิเคราะห์ของจขบ.มากค่ะ


โดย: นีโม่น้อย IP: 124.120.53.25 วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:2:50:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

dfh
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สามารถคุยกับเราได้ผ่าน skype และ MSN โดยกดรูปข้างล่างนี้เลยค่ะ My status
เพื่อนที่กำลังชมบล็อก
New Comments
Friends' blogs
[Add dfh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.