Group Blog
 
All blogs
 

+++ ยินดีต้องรับมิ้วน้อยสามตัว +++

     เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากเราเสียเจ้าปิกัสโซ่ลูกรักไป  อยู่ๆตอนเช้า


พ่อก็เจอกล่องอยู่ในนึงวางอยู่หลังร้าน


พอเปิดออกมา ก็เจอ ลูกแมวขี้เรื้อนสามตัว โหหหห น่ารักอะ แต่เรื้อนมาก จับไปนี่ มีแต่สะเก็ดขี้เรื้อน ร่วงกราวๆ


เห็นเลาๆ ว่าสีดำๆ สองตัว สีขาวๆใส่ถุงเท้าดำๆ อีกตัวนึง พ่อจัดแจง ยกลังกลับบ้าน  


พอบายตื่นเช้ามา ก็พบว่า เจ้าโมเน่ต์ เห่ากรงตัวเองใหญ่เชียว เดินไปดูใกล้ๆ เจอแล้ววๆ 


นุ้งแมวน้อยสามตัว  ตาแป๋วมากๆ 


    จากนั้น เราก็พยายามรักษาขี้เรื้อน อาบน้ำให้แมว ก็ว่ากันไป จนกระทั่ง เริ่มเห็นแววว่า เจ้าเหมียวเป็นแมวโคราชนะนั่น


สีเทาเชียว ลองเสนอพี่หน่อยตัวเล็กดูดีก่า ในที่สุดเลยอุ้มไปปล่อยหน้าบ้านพี่หน่อย 1 ตัว ซึ่งตอนนี้ไม่รู้เลยว่า เป็น ญ/ช แป่ว


ถ้าตอนนี้พี่หน่อยมาอ่าน ก็บอกมั่งน้า ว่าสีฝุ่นเป็นเพศไหน



ในขณะนี้ นุ้งแมวเหลืออยู่ที่เราสองตัวค่ะ  เห็นพี่หน่อยตั้งชื่อ สีฝุ่น เลยเลียนแบบ เป็นฝุ่นเปรอะ กับเลอะฝุ่น อิอิ



มาแนะนำตัวกันเลยดีกว่าหนูน้อยคนแรก  เจ้าฝุ่นเขรอะ




น่ารักมั๊ยคะ ตัวที่สอง เจ้าเลอะฝุ่น เจ้าตัวนี้ ขี้อ้อนได้ใจมากๆค่ะ  


รักเจ้าตัวนี้มากสุดเลย ถึงแม้หางจะหงิกงอ หงิกๆ ได้อีก และทำหน้าหงิกตลอดศก กวนๆดีอะค่ะ



และแล้ว ก็มาถึงตัวสุดท้าย  ตัวนี้เพิ่งได้มาจ้า  เมฆกับมิ้นท์ ช่วยกันเก็บมา จากกลางถนน วีรกรรมเยอะมากมาย


ซ่อนตัวอยู่ในรถอยู่สองคืน กว่าจะออกมาให้จับได้ ไม่ทานข้าวและน้ำเลย แกทำได้ไงฟร้า ตัวนี้เหมือนเป็นลูกครึ่งเปอเซียค่ะ


ขนยาวๆ ตัวดำปี๋  หน้ากลมๆ ทำหน้าแบ๊วตลอด ขนนิ่มมากมาย 


แต่แม่เริ่มบ่นว่า เยอะไปแล้ว  โซ่ไปสวรรค์ตัวนุง ทำไมแมวงอกมาสามตัว T__T พยายามตัดใจหาบ้านค่ะ


แต่ทำใจไม่ลงจริงๆ  ก็น่ารักทุกตัวเลยอ่าค่ะ กลุ้มๆ




อันนี้น้องชายจับไว้ให้ถ่ายรูปจ้า จริงๆ น้องฝุ่นเขลอะ กับเลอะฝุ่นก็มีคนสนใจน้า แต่เราไม่อยากจากเจ้าสองตัวไปเลย T_T




หมดแล้วจ้า นุ้งแมวของเรา ถ้าลงตัวกว่านี้ จะถ่ายรูปมาอวดใหม่นะคะ แบบว่าเป็นทาสแมวมือใหม่ ยังไม่ชินๆ



ปล. ขี้แมวเหม็นกว่าขี้หมาเยอะเลยอ่า -*-






Free TextEditor




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2552    
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 19:23:02 น.
Counter : 1271 Pageviews.  

+++ ไม่อยากเชื่อ!!! สถานการณ์ร้ายๆในบ้านเมืองตอนนี้ ก็มีนางฟ้า"ป้าจอยเอง" ผ่านมาให้เราได้รู้จัก +++

                        เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อันที่จริงก็เป็นวันปรกติธรรมดาทั่วไปเหมือนทุกๆวัน แต่ก็น่าแปลก ที่การเดินเล่นแถวบ้าน ทำให้เราได้รู้จักกับอีกหนึ่งชีวิต ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ สิ่งนั้นคือ เจ้าหมาตาบอดตัวหนึ่ง กำลังเดินเซไปเซมา หน้าตาน่ารักมากๆ เราจุ๊ปากทักทันที อื้ม วิ่งมาหาเราด้วย น่ารักจัง จากนั้นก็มีหมาตัวขาวๆ หลังอาน หน้าตาตลกมากเลย มอมแมมน่าดู ดูก็รู้ว่าหมาจร แต่น่ารักแฮะ วิ่งมาอีกตัว จะเล่นกันๆ แต่พอเจ้าขาวเดินมาใกล้ เจ้าหล่อก็กระโดดงับทันที เอ่างงเลยคับ ไปดีก่า ไปซื้อของที่ร้านค้าแถวนั้น เค้าเห็นเราเล่นน้องหมาเลยบอกเราว่า มันตาบอด น่าสงสาร มีคนเอามาปล่อย อืม เดินกลับไปดูอีกรอบ เอามือปัดๆหน้า อืมม มองไม่เห็นนิหน่า โถน่าสงสารจัง หล่อขนาดนี้ ดันตาบอดซะงั้น ในวันนั้น เราบังเอิญมีกล้องอยู่ที่ตัว บังเอิญมากจริงๆ เลยจัดการถ่ายไว้ เพราะมันน่ารักค่ะ แค่นั้นเอง แล้วก็ลืมๆเจ้าบอดไป



วันรุ่งขึ้น ต้องเดินไปที่ร้านนั้นอีกหน ก็เจอเจ้าหล่ออยู่ทีเดิมเลย นั่งยิ้มแผล่อยู่ ฝนเริ่มตก เจ้าหล่อวิ่งไปมา หาที่หลบฝน แต่ก็เหมือนหาไม่เจอ อ้าว รถๆ รถมาจากไหน วิ่งเร็วจัง ไม่กลัวชนหมากันบ้างหรือไง เฮ้ออ สงสารจัง กลับมาบ้าน บอกแม่ว่า ขอเลี้ยงหมาเพิ่มตัวนึงได้มั๊ย น่ารักมากเลย แม่ส่ายหัวแล้วบอกว่า โซ่กับเน่ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยบาย…..จบข่าว



ด้วยความรู้สึกค้างใจมากๆ จึงเริ่มตั้งกระทู้ในพันทิป เพราะเห็นว่า เป็นทางเดียวมั้งที่จะช่วยเจ้าหล่อได้ ลองดู จากนั้นเราก็ตามกระทู้อยู่ไม่นาน นางฟ้าใจดี ก็ปรากฎตัวขึ้น วันนั้นเรานั่งทำงานอยู่ ตามปรกติป้าจอยโทรมาหาค่ะ ประโยคเพียงสั้นๆว่า น้องโมบายรึเปล่าคะ นี่ป้าจอยเอง ป้าจอยอยากรับเจ้าหล่อมาเลี้ยง อึ้งแรกค่ะ อึ้งที่สอง เราบอกป้าจอยว่า เจ้าหล่อมีเพื่อนที่โดนทิ้งมาด้วยกัน คือเจ้าขาว อยู่ตัวนึง ไม่ได้น่ารักนะคะ หน้าตาตลกๆมอมแมม ยังเห็นหน้าไม่ชัดเลย ป้าจอยบอกเรากลับมาว่า เอามาทั้งสองตัวเลยค่ะ ไหนๆจะช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยเต็มที่ อึ้งไปเลย…… ตอนนั้นยังงงๆอยู่ค่ะ ว่าในโลกนี้ ยังเหลืออยู่ เหลือคนที่ใจดีขนาดนี้อยู่ด้วยคนนึง ^___^



หลังจากคุยกับพี่จอยก็ได้ความรู้เรื่องการช่วยเหลือหมาจรต่างๆ การรับหมามาอุปการะ การทำวัคซีน อืมๆ เราได้บอกน้าสาวที่เลี้ยงหมาจรได้รู้จักกับพี่จอยค่ะ คุณน้าดีใจมาก และยินดีช่วยจับและยืมรถขับไปส่งน้องหมา เย้ๆๆๆ ได้มีบ้านแล้ว


เมื่อวานนี้ เพิ่งทราบข่าวว่าอาตั่วเตี๋ยเค้าเสียอะ เราเลยต้องเดินทางไปงานเผา จึงต้องเลื่อนเวลานัดออกไป โทรหาพี่จอย พี่จอยว่าไม่เป็นไรเลยค่ะ ตามสะดวก เฮ้อ โล่งไปอีกเปราะ หลังจากรับน้องหมาแล้ว เราก็เดินทางสู่บ้านพี่จอยกันค่ะ รถโล่ง แต่ปิดถนนเป็นระยะ เราไม่อยากให้คนทะเลาะกันเลย คนไทยด้วยกันเนอะ น้องหมาดิ้นมาก น้าเราบอกว่า สงสัยกลัวจะโดนจับไปฆ่า โดยเฉพาะเจ้าหล่อ ดิ้นสุดแรง น้าเราแทบหมดแรงเลยค่ะ เราขึ้นทางด่วน เหยียบมิดซะงั้น แระแล้ว เจ้าหล่อก็จัดการ ฝากรักให้น้าเราโด้ย อาโหย ม๊อบก็ขวาง ตำรวจก็ขวางอีก โฮโฮ แกล้งกันหรอนี่เจ้าหล่อ (เหม็นอะ อิอิ) จากนั้นก็ถึงบ้านพี่จอยโดยสวัสดิภาพ


แว๊บแรกที่ได้พบ พี่จอยดูใจดีมากเลย เจ้าหล่อโดนกร้อนขนเกรียน ก็ได้รับการอุ้มโดยคุณแฟนพี่จอยค่ะ อิอิ แรงเยอะมากๆ อุ้มลอยเลย ขนาดเจ้าหล่อตัวใหญ่มากๆๆ พี่จอยเห็นคุณน้าเรามอมแมมก็ไปจัดหาเสื้อผ้ามาให้อาบน้ำเปลี่ยน โห ใจดีอีกแล้ว ไม่ว่าจะกับคนหรือกับหมาเลยค่ะ แล้วพี่จอยก็พาไปพบน้องหมาทั้งหลายที่พี่จอยเลี้ยงไว้ น่ารักทุกๆตัวเลยค่ะ โดยเฉพาะน้องไมเคิ้ล น่ารักได้ใจมากเลย เล่นกับหมาเสร็จเราก็ลากลับ ประสบการณ์ส่งเจ้าหล่อสู่มือคุณป้าจอยเองก็จบลงเช่นนี้จ้า เหนื่อยหน่อยแต่สุขใจมาก ดีใจมาก ที่อย่างน้อย ก็ยังเหลือคนดีๆอยู่อีกคนบนโลกใบนี้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณนางฟ้าป้าจอยเอง

Free TextEditor




 

Create Date : 13 เมษายน 2552    
Last Update : 13 เมษายน 2552 19:33:08 น.
Counter : 718 Pageviews.  

+++ วันที่ไมโลหายไป +++

                วันนี้อยากเล่าถึง สุนัขตัวหนึ่ง เค้าชื่อ "ไมโล" เจ้าไมโล เป็นพุดเดิ้ลสีดำ ที่โชคร้ายตั้งแต่เกิด เพราะตอนเค้าเกิดมาได้ไม่นาน เจ้าของก็ให้ไมโลกับญาติเรามา โดยคนที่ให้เข้าใจผิดว่า ญาติเราเป็นอาจารย์ เผื่อจะฝากลูกฝากหลานเข้าเรียนโรงเรียนดังๆได้ โดยไม่ต้องเสียแป๊ะเจี๊ยะ แต่ว่า เค้าเป้นอาจารย์ที่ไหนกันเล่า เหอๆๆ ไมโลเป็นสุนัขได้รับการเลี้ยงดูอย่างแกนๆ แทบจะไม่เคยได้อาบน้ำ ไม่ได้ไปหาหมอ เวลาไม่สบาย หรือแม้กระทั่งตกจากที่สูงขากระเผลกๆ ก็ไม่ยอมพาไปหาหมอ เราสงสารมากๆ อยากพาไปใจจะขาด เจ้าของเค้าก็ไม่ยอมก็ยังคงเลี้ยงมันไปอย่างนั้น คือให้กินข้าวทุกมื้อ มีบ้านให้อยู่ แค่นั้นจริงๆ.......



               ไมโลมีชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ คือตื่นมา กินข้าว เดินเล่น จับหนู นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมาทุกๆวัน กับอาการป่วยเล็กน้อย เช่น เป็นริดสีดวงทวาร ถ่ายไม่ค่อยออก และแล้วในที่สุด ก็เป็นมะเร็งปากมดลูก ไม่ยอมกินข้าว เมื่อนั้นแหละ พ่อเราถึงทนไม่ไหวแล้ว อุ้มไมโล กลับมาที่บ้านเรา ไมโลในวันนั้น มีเห็บหัวแม่ เบ้งๆอะนะ เต็มตัวไปหมด ขนพันกัน มองไม่เห็นตา อาจเป็นเพราะตัวดำอยู่แล้ว ถ้าคนมาได้เห็นไมโลวันนั้น คงไม่คิดว่าหมาตัวนี้มีเจ้าของแน่ๆ เราเริ่มต้นอาบน้ำให้ไมโล โดยราดน้ำลงไป ไมโลเป็นสุนัขที่กลัวน้ำมากๆ จนไม่น่าเชื่อว่า หมาจะกลัวน้ำได้ถึงเพียงนี้ เราอาบไปได้ 3 น้ำ มีแต่สีขี้โคลนออกมาจากตัว และเหม็นมาก เราไม่เคยอาบน้ำให้หมาสกปรกขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต แม้แต่หมาที่เคยเก็บๆมาเลี้ยง ก็ยังรู้สึกสะอาดกว่านี้ เราเริ่มจับไปโลไปหาหมอ ช่วยกันกับน้องๆ คุณหมอแถวบ้านใจดีมากๆ รักษาให้ไมโลโดยคิดค่ารักษาไม่แพงเลย บางครั้งมันดิ้นแรงๆ เข็มก็แทงโดนมือคุณหมอเลือดไหล แต่คุณหมอก็ไม่โกรธ ยังคงให้การรักษาต่อไป จนกระทั่งไมโลดีวันดีคืน พร้อมที่จะส่งคืนเจ้าของแล้ว


               ไมโลกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม อยู่ประมาณ 6-7 เดือน ก็พบว่า การที่ขาดการดูแล ไมโลมีการกำเริบอีก อาจเป็นเพราะเป็นหมาแก่ ในตอนนั้นไมโลน่าจะอายุได้ 12 ปีแล้ว ตอนที่พ่อไปรับกลับมาอีกรอบ ไมโลตาแทบบอด เรียกชื่อก็ไม่ แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง น่าสงสารมากๆ น้าเราจึงต้องรับอาศา พาไปหาหมอไกรศร ซึ่งเป็นหมอที่เก่งมากๆ หมอทำการผ่าตัดไมโล จนในที่สุด ก็หายเป็นปรกติมากๆ เราเลี้ยงอยู่ได้หลายเดือน ให้ยาจนหายขาด และในที่สุด เจ้าของเก่าก็ทวงหมาคืน .......


               ไมโลได้กลับไปอยูบ้านเดิมอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ พ่อโทรมาบอกว่า ไมโลหายไปจากบ้าน ด้วยอาการที่กล่าวคือ ยังต้องกินยาควบคุมมะเร็ง และยาบำรุงเพราะเป็นโรคตับ กับอายุถึง 13 ปี ตอนนั้นเราเครียดมากๆ เพราะไม่รู้จะไปหาไมโลได้จากไหน กลัวว่าจะตายไป โดยที่ไม่ได้มองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย แม้แต่รูปถ่าย เรายังมีอยู่แค่ 5-6 รูปเอง เอาจริงๆแล้ว เราก็ไม่ค่อยให้ความรักไมโลเท่าไหร่ เราคิดแค่ว่า ไมโลเป็นหมาน่าสงสาร เพราะตอนที่เอามารักษาแรกๆ ไมโลไล่กัดลูกๆของเราเวลาที่เราให้ข้าวลูกๆกิน ให้ขนมลูกๆ ซึ่งเราให้ทุกๆตัวเท่ากัน แต่ไมโลก็ต้องรีบเข้ามาแย่ง อาจเป็นเพราะไม่เคยได้กินขนมก็ได้ ...T__T เราเริ่มโพสข้อความทาง internet ตามหาไมโล รู้สึกผิดที่ยอมให้ไมโลกลับไปอยู่บ้านเดิม เราทำได้แค่นั่งรอความหวัง น้องๆเริ่มออกตามหาไมโลตามที่ต่างๆ เราเพิ่งได้รู้ว่า ที่บ้านของไมโล จริงๆแล้วเค้าก็รักมันอยู่เหมือนกัน ญาติๆนั่งร้องไห้คิดถึงไม่โล (แต่ซีนนี้ลึกๆแล้วเรารู้สึกสะใจ รู้สีกว่า ไมโลได้มีอิทธิพลทำให้คนเสียใจบ้างแล้ว ไมโลที่ขาดการดูแล ขาดการเหลียวแล)


               และตอนบ่ายวันนั้นเอง เราก็ทราบข่าวว่า ได้พบไมโลแล้ว มีคนแถวๆบ้านเก็บไว้ให้เพราะคิดว่าเป็นสุนัขหลงทาง เหอๆๆ และไมโล ก็ได้กลับไปอยู่บ้านดังเดิม เราหวังว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้เจ้านายของไมโล รักมันมากขึ้น ดูแลมันมากขึ้น เพราะเวลาของไมโล คงเหลืออีกไม่มากนัก อยากให้บั้นปลายของไมโล พบเจอแต่สิ่งดีๆ มีสิ่งที่น่าดีใจบ้าง ในชีวิตน้อยๆของ "เจ้าไมโล" ...... ^_____^



 









Free TextEditor




 

Create Date : 02 มกราคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2552 22:12:42 น.
Counter : 491 Pageviews.  

+++ ปิกัสโซ่ กะ โมเน่ ลูกชายสุดเลิฟ +++

ปิกัสโซ่ ............................จอมดี้อ  เอาแต่ใจ ขี้อิจฉาเป็นที่หนึ่ง แกล้งน้องทุกวัน แต่ฉันก็รักแกนะยะ



ในรูป เจ้าโซ่มันโดน  ไอ้ทองม้วนหลังบ้านกัดมา อาโด่ "ไอ้ลูกแมว" แค่บางแก้วเองเนอะ   โซ่สู้ตายอยู่แล้ว


ใช่มั๊ยคับ โฮ๊ะๆๆ 


แนะนำสมาชิกคนที่สองของบ้านเรากันดีกว่า  ต้องนี่เลย


โมเน่ ............  เจ้าโมเน่ หมาน้อยใจดี แสนจะใสซื่อ  (แต่จริงๆเจ้าเล่ห์มากๆ) หน้าตายิ้มแย้ม และไม่สนใจใครเลย ชอบนั่งรถมั๊กมาก เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม



เจ้าโมเน่ตะกละแค่ไหน ไปดูกันเลย  ยิ่งช่วงนี้กินได้เยอะมากๆ เนื่องจากโซ่บาดเจ็บหนะคับ



สมาชิกคนที่สาม  เจ้านี่ไม่อยู่บ้านเรา แต่มีคนเค้าฝากมาอวด


Disket...... สงสัยจัง  ทำไมเจ้าเก็ตชื่อเชยอย่างนี้ เด๋วนี้เค้าใช้ flash drive กันแระ เจ้านี่บอกได้คำเดียวว่า กินเก่งมากคับ




ถึงในขณะนี้ ก็ยังสงสัยอยู่ ว่าดิสเก็ตเป็นสุนัข หรือว่า ลูกวัว  ต้องเป็นวัวผสมหมูดำแน่ๆ วะฮะฮ่า ใหญ่มากๆเลยนะจ๊ะ รักแกนะ เจ้าเด็กโง่....


วันนี้แนะนำสามคนก่อนเด้อ ไว้เด๋วพาสมาชิกท่านอื่นมารายงานตัวกันต่อไปคับผม



Free TextEditor




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 23:27:07 น.
Counter : 666 Pageviews.  


นี่ก็คิดแล้วนะ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^__^
Friends' blogs
[Add นี่ก็คิดแล้วนะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.